6 พรรคร่วมฯ แถลงข่าวหนุน"สมชาย" เป็นนายกฯ ในการโหวตวันนี้ หลังเคลียร์ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ราบคาบ ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีบรรลุเป้า ขณะที่"สมชาย"ยันพร้อมเจรจาพันธมิตรฯ ยุติความขัดแย้ง ส่วนคดี"แม้ว"ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม ด้านปชป.เตือนรัฐบาลใหม่อย่าท้าทายประชาชน ลั่นเดินหน้าตรวจสอบเต็มที่ "ชลิต" หนุนประชาภิวัฒน์ ห่วงปัญหาสายสัมพันธ์ "สมชาย-แม้ว" ด้านพันธมิตรฯไม่สน"สมชาย"นั่งนายกฯ ชี้เป็นนอมินีชัดเจนกว่า"สมัคร" เพราะเป็นน้องเขยของผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน ยันชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนอมินีต่อไป "จำลอง" ย้ำ 9 แกนนำพันธมิตรฯพร้อมให้จับกุมแต่ตำรวจต้องมาจับในทำเนียบฯ
หลังจาก 73 ส.ส.พรรคพลังประชาชน ในนาม"กลุ่มเพื่อนเนวิน" ได้ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านมติกรรมการบริหารพรรค ที่เสนอชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในการโหวตของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ จนทำให้พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต้องออกมาขู่ว่า หากไม่สามารถตกลงกันได้ก็อาจจะต้องยุบสภา ทำให้กลุ่มเพื่อนเนวิน ต้องประชุมหารือกันตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (16 ก.ย.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกลุ่มเพื่อนเนวินนั้น นายสมชาย ได้เข้าไปร่วมประชุมด้วย เพื่อชี้แจงข้อข้องใจต่างๆ ของสมาชิก ซึ่งในที่สุดก็สามารถตกลงกันได้ โดยสมาชิกของกลุ่มยอมทำตามมติกรรมการบริหารพรรค ในการเสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี
ต่อมาในช่วงบ่าย จึงได้มีการประชุมพรรคพลังประชาชน โดยมีวาระพิเศษ เพื่อยืนยันเป็นมติพรรค ในการเสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยรท.กุเทพ ใสกระจ่างโฆษกพรรคพลังประชาชน และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองโฆษกพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าว ผลการประชุมเมื่อเวลา 15.00น. โดย รท.กุเทพ กล่าวว่า จากการที่พรรคได้เปิดโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนเนวิน ประกอบกันคณะกรรมการบริหาร ได้ชี้แจงเหตุผลในการเสนอชื่อ นายสมชาย ก็ทำให้เกิดความเข้าใจตรงกันแล้ว จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกฯ คนที่ 26 ตามมติเดิมของกรรมการบริหารพรรค
ขณะที่นายศุภชัย กล่าวว่า ในการลงมติวันนี้ ทางกลุ่มเพื่อนเนวิน ยืนยันว่า จะปฎิบัติตามมติพรรคอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมกลุ่มเพื่อนเนวิน จึงเปลี่ยนใจง่ายดายนัก ทั้งๆที่ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมายังยืนกรานว่า ไม่เอานายสมชายอยู่เลย ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคได้มีการ ชี้แจงเหตุผล ทำความเข้าใจกัน ตามกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนที่มีข่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีจาก 4 ตำแหน่งเป็น 6 ตำแหน่ง นั้น ไม่มีแน่นอน ยืนยันว่าทางกลุ่มไม่เคยยื่นเงื่อนไขต่อรองตำแหน่งใดๆ เรายึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
ขอใช้ผลงานพิสูจน์ข้อครหาต่างๆ
ต่อมาในช่วงเย็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้นัดรับประทานอาหารร่วมกับแกนนำ 5 พรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรม เจดับบลิว แมริออต และจะมีการแถลงข่าวร่วมกัน
ทั้งนี้ นายสมชาย ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการร่วมรับประทานอาหาร ถึงเรื่องที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรค และพรรคร่วมรัฐบาลให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันนี้ถ้าสภาโหวต และขั้นตอนต่างๆ ผ่านไป ตนก็คงต้องรับภาระเพิ่มมากขึ้น แต่จะไม่ท้อถอย และต้องทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและเพื่อบ้านเมืองให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งชาติ ต้องคำนึงถึงว่า จะช่วยกันพัฒนาทำให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้สูงขึ้นอย่างไร ทุกคนจะต้องเป็นหุ้นส่วนของประเทศไทย ต้องช่วยกันดำเนินการ
"ถ้าผมขึ้นมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องเป็นผู้ซึ่งเป็นผู้นำ ที่กลาคิด กล้าผลักดันสิ่งเหล่านี้ อันนี้คือความรู้สึกของผม เบื้องต้นผมยังงงๆ อยู่" นายสมชายกล่าว
เมื่อถามว่า ภาวะวิกฤตอย่างนี้ จะสร้างความเชื่อมั่น และสร้างความมั่นคงให้กับประเทศกลับมาได้อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้เราก็รู้ว่า บ้านเมืองของเรามีปัญหา มีความคิดที่แตกแยก มีการต่อสู้กันทางความคิด ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ปรองดอง และสมัครสมานสามัคคี ทำให้คนไทยมีแนวความคิดที่มุ่งไปในทางเดียวกันให้ได้ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง ซึ่งตรงนั้นเป็นรายละเอียด ที่ต้องฃช่วยคิดกันต่อไป
เมื่อถามว่า เป้าหมายเอาทำเนียบฯ กลับคืนมา มีหรือยัง นายสมชาย กล่าวว่า อย่าคิดว่ามีจุดมุ่งหมายเอาทำเนียบฯ คืน เพราะทำเนียบฯเป็นของหลวง มาจากภาษีของประชาชนทุกคน ไม่อยากให้ใครเข้าไปใช้ในทางที่ไม่ถูก และเสียหาย คนที่อยู่ควรจะคืน การชุมนุนคงไม่เป็นไร ถ้าไปอยู่ในที่ถูกทิศถูกทาง
"ผมเป็นห่วงคนทุกคนที่อยู่ในนั้น ผิดถูกก็ไม่ว่ากัน ในฐานะคนไทย อาจเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เป็นห่วง ก็ขอให้ดูแลสุขภาพ ก็ขอให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับคนอื่นด้วย" นายสมชาย กล่าว
ส่วนเรื่องสถานภาพที่มีความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น นายสมชาย กล่าวว่า การที่เรารู้จักกับใคร เป็นญาติใคร เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ มันอยู่ที่เราจะวางตัวอย่างไร วางตัวให้คนว่าขึ้นมาเอื้อประโยนชน์ให้พรรคพวก ให้ญาติเราหรือเปล่า อันนี้เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะฉะนั้น คิดว่า ควรที่จะให้จับตามองมากกว่า
"ผมอยู่ในที่ยืนอย่างนี้ คงหลบการตรวจสอบ การเฝ้ามองไม่ได้ คิดว่าถ้าเรามีใจทำงานร่วมกัน ในการทำงานเสียสละให้บ้านเมืองจริงๆแล้ว มันก็คงจะเป็นคนละภาพกับภาพนั้น ผมคิดว่า ผมมาที่พ้นจุดนั้นไปแล้ว"
เมื่อถามว่า จะประสานความร่วมมือกับพลเรือน ทหาร ตำรวจ อย่างไรบ้าง เพื่อให้เขาทำหน้าที่ให้เข็มแข็ง นายสมชาย กล่าวว่า ในฐานะที่มาเป็นผู้บริหารบ้านเมือง ต้องประสานแน่นอน เพราะทุกคนถือเป็นองคาพยพ เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องไม้เครื่องมือที่ต้องใช้ การจะใช้ต้องดูว่า สิ่งใดบ้างที่เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย เพราะสิ่งที่เกิดในบ้านเมืองยามนี้ ทำไม่ถูกกฎหมายก็เยอะ และมีปัญหาอยู่ เวลาแก้ไข ใช้หลักกฎหมายอย่างเดียวเป็นการปกครองที่ลำบากอยู่ ต้องใช้รัฐศาสตร์ด้วย ใช้การประสานงาน การมีน้ำใจ ความเสียสละซึ่งกันและกัน ต้องใช้หลายอย่าง
เมื่อถามว่า เมื่อเป็นนายกฯ แล้วภาระกิจแรกจะทำอะไร นายสมชาย กล่าวว่า ก็ทุกเรื่องที่รออยู่
จะร่วมกันแก้ปัญหาความแตกแยก
ต่อมาเวลา 20.30 น. ภายหลังการหารือ 6 พรรคร่วมรัฐบาล นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค กล่วาว่า วันนี้หัวหน้าพรรค 6 พรรคได้มาประชุมกัน หลังจากที่ 2 วันก่อนหน้าได้พบปะ 5 พรรค เพื่อขอความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งหัวหน้าพรรค เห็นชอบจัดตั้งรัฐบาลโดยจะเสนอชื่อนายสมชาย ต่อหัวหน้าพรรค ทุกท่านเห็นชอบ และร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กล่าวว่า ทั้ง 6 พรรคเคยร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลมาแล้ว ประสบความสำเร็จมาเป็นที่น่าพอใจ แต่มีความจำเป็นเมื่อ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ขณะนี้มีรัฐบาลรักษาการรอรัฐบาลชุดใหม่
อย่างไรก็ตาม พรรคพลังประชาชนเป็นเสียงข้างมาก และได้รับเกียรติจาก 5 พรรค ในการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ คนใหม่
"ต้องขอบคุณ ส.ส.ทุกคนที่เห็นชอบสนับสนุนผม ขอบคุณ นพ.สุรพงษ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ที่ร่วมเป็นตัวแทนเชิญ 5 พรรคร่วมเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล และคิดว่าการดำเนินการต่อไปของพรรคพลังประชาชน จะสำเร็จด้วยดี และจะร่วมแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลชุดเก่า รวมทั้งนโยบาบต่างๆ อะไรที่ขาดตกบกพร้องในรัฐบาลชุดก่อน คงจะได้มีการปรับปรุงแก้ไข ทั้งระเบียบราชการต่างๆ
"ผมโชคดีที่มีหัวหน้าพรรคร่วมฯ ที่มีความอาวุโสทางการเมือง ที่จะช่วยแนะนำในการบริหารราชการแผ่นดิน ผมมั่นใจว่าจากการที่เรามีบุคคลากรที่ทรงคุณค่า คงให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการบริหารบ้านมือง ยืนยันแน่นอนว่าทั้ง 6 พรรค จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล และเห็นชอบกับผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี" นายสมชาย กล่าว และยืนยันว่าจะร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ
นายสมชาย ยังกล่าวถึงการจัดรายการ "ความจริงวันนี้" ทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ยังคงออกอากาศอยู่ ว่า ไม่มีใครต้องการให้เกิดความยั่วยุ เป็นเพียงความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งนี้สื่อก็เหมือนกัน แม้สื่อที่ต้องเอาความเห็นของตน ไปบอกกับประชาชน และเอาความเห็นของประชาชนมาสู่ตน ถ้าไม่มีสื่อ ก็ไม่สามารถตอบประชาชนได้ ขอย้ำว่า สื่อ การเมือง รัฐบาล เป็นของคู่กัน และคิดว่าจะต้องอยู่ร่วมกันด้วยความเรียบร้อยราบรื่น (อ่านรายละเอียดบทสัมภาษณ์ หน้า 2)
แฉอนุพงษ์ห่วงปลุกกระแสรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมกลุ่มเพื่อนเนวิน ในช่วงเช้า ถึงท่าทีของกลุ่ม ในการสนับสนุนนายสมชาย เป็นนายกฯหรือไม่นั้น หลังการประชุม นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา และนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกฯ พร้อมด้วย ส .ส. ภาคอีสานประมาณ 20 คน ได้ร่วมแถลงข่าว ยอมสนับสนุนนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ที่ผ่านมาทางกลุ่มไม่ได้มีเจตนาเพื่อต่อรองตำแหน่งทางการเมือง แต่ต้องการให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ แถลงต่อที่ประชุมสภาฯ ถึงแนวทางที่จะลดการเผชิญหน้าในสังคม สร้างความสมานฉันท์ รักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อคืนความเป็นนิติรัฐให้แก่ประเทศ ซึ่งนายสมชาย ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาในสิ่งที่กลุ่มของตนห่วงใยได้ และจะเข้ามาเป็นนายกฯ โดยรักษากติกาประชาธิปไตย สร้างความสมานฉันท์เกิดขึ้นให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลใดที่ทางกลุ่มมั่นใจว่า นายสมชาย จะคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมืองได้ นายศุภชัย ใจสมุทร คว้าไมค์โครโฟน มาชี้แจงแทนว่า ข้อเท็จจริงคือ นายสมชาย แจ้งให้ที่ประชุม และส.ส.ทั้ง 73 คนทราบว่า ได้พบกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ระบุว่าหลังจากนายสมชาย เป็นนายกฯ จะทำให้กระแสความรุนแรงเกิดขึ้น แปลว่าข้อห่วงใยของทางกลุ่มเป็นเรื่องจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากแถลงข่าวของ ส.ส.กลุ่มนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกระแสข่าว ออกมาปั่นราคา เพื่อขอเพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรี จากเดิมที่มี 4 ตำแหน่ง เป็น 6 ตำแหน่ง ปรากฎว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่มีใครตอบ แต่ลุกออกจากโต๊ะแถลงข่าวไปทันที
ปชป.เตรียมถามที่ประชุมก่อนโหวต
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ส.ส.พรรคว่า ที่ประชุมได้พิจาณาถึงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันนี้ ว่า พรรคเห็นว่าหากการเลือกนายกรัฐมนตรี ยังมีการเสนอเงื่อนไขที่ทำให้เกิดวิฤติการเมืองปัจจุบัน จนเป็นสภาวการณ์ต่อเนื่อง คือ
1.การเมืองแบบแบ่งฝ่าย จากเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการจับขั้วของรัฐบาล ถือเป็นการบีบคั้นไม่ให้ ส.ส.ใช้เอกสิทธิ์ ตามมโนสำนึกได้ อาจเป็นเหตุให้ไม่สามารถสลายความขัดแย้งในสังคม และอาจนำไปสู่ความแตกแยกได้
2.ผลประโยชน์ร่วม รัฐบาลใหม่ต้องตอบคำถามประชาชน ถึงเงื่อนไขการต่อรองผลประโยชน์ร่วมกันทั้งโครงการเมกะโปรเจกต์ เช่น รถเมล์หรือ ข้อกล่าวหาที่ครอบครัวของหนึ่งในว่าที่นายกฯ ถูกกล่าวาว่า แทรกแซงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล รวมไปถึงการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม และ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อหนีคดียุบพรรค และเพื่อสร้างความชอบธรรมในการลี้ภัย ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เงื่อนไขทั้งหมดนี้ อาจนำไปสู่แรงกดดันจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลใหม่ต้องให้คำตอบได้ว่า เงื่อนไขต่างๆจะไม่ทำให้การเมืองถึงทางตัน เพราะจะนำไปสู่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประเทศ มิเช่นนั้น ความแตกแยกจะยังคงอยู่ ต่อไป และรัฐบาลต้องให้คำตอบได้ว่า ประเทศชาติและสังคมจะดีขึ้นกว่าเดิมจากการดำเนินงานของรัฐบาลเก่าอย่างไร ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องตอบคำถามต่อสังคมว่าจะปลดเงื่อนไขเหล่านี้อย่างไร เพื่อเป็นทางออกของวิกฤติ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมได้ให้ส.ส.ทุกคนเตรียมความพร้อมในการลงพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่แน่นอน อาจจะมีการประกาศยุบสภาภายหลังจากที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 52 ผ่าน และดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้าง ตามที่รัฐบาลไปทำข้อตกลงกับบริษัทต่างๆเรียบร้อยแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า การเลือกนายกฯ ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ พรรคจะมีการหารือก่อนการ ประชุมสภาที่จะมีการโหวต โดยพรรคยืนยันว่าจะทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 หลังมีการรับรองญัตติการเสนอชื่อผู้ที่สมัครเป็นนายกฯ ที่ได้เสนอไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งพรรคจะถามในที่ประชุมสภาว่า จะต้องมีการเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯใหม่ หรือไม่ เพราะการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา มีผู้รับรองครบแล้ว
เตือน"สมชาย"อย่าท้าทายประชาชน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มติพรรคพลังประชาชนเสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ตนคิดว่าเรื่องการต่อรองภายในพรรคน่าจะจบแล้ว ทุกฝ่ายอาจจะได้ข้อตกลงตามที่ต้องการ กลุ่มที่ปัญหาก่อนหน้านี้ก็ได้รัฐมนตรีว่าการไป 4 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยอีก 4 ตำแหน่ง สำหรับ 70 กว่าคน ถือว่าใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการเลือกนายกฯ ในวันนี้ (17 ก.ย.) น่าจะเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้นายสมชาย เป็นนายกฯ ปัญหาต่างๆจะคลี่คลายลงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า หากนายกฯ คนใหม่ไม่ทำอะไรที่เป็นการท้าทายความรู้สึกของประชาชน ก็อาจจะทำให้เหตุการณ์คลี่คลายลงได้ แต่หากยังคิดจะแก้รัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ก็อาจจะเป็นการเพิ่มปัญหามากขึ้นไปอีก
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯที่ยังคงยังต่อต้านอยู่ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่กลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนทั่วไปจะไม่สบายใจ เพราะภาพของนายสมชาย เป็นน้องเขยของพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเขาต่อต้านระบอบทักษิณ ก็ต้องระแวงกลัวว่าระบอบทักษิณจะกลับมาอีก
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลพยายามสงบศึกชั่วคราว แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งนายกฯ ผลักดันให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ผ่าน แล้วจึงค่อยยุบสภาในภายหลัง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคพลังประชาชนได้ว่าคิดอะไรกันอยู่ เรื่องการยุบสภาต้องดูกันไปก่อน ยังไม่อยากพูดอะไรในตอนนี้ หรือไปทำนายล่วงหน้า
ส่วนรัฐบาลจะอยู่ได้นานเท่าไร ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการกระทำของรัฐบาล หากรัฐบาลทำดี ประชาชนก็พร้อมจะให้โอกาส แต่ถ้าทำไม่ดีก็คงอยู่ไม่นาน
เมื่อถามว่า หากมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมา หวังหรือไม่ว่าจะมีการไปเจรจากับพันธมิตรฯ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่า นายสมชาย ควรจะเริ่มกระบวนการเจรจา หากดูตามนิสัยใจคอและลักษณะ ส่วนพันธมิตรฯ จะยอมเจรจาด้วยหรือไม่ ก็ต้องลองดู ซึ่งนายสมชายก็เป็นคนนุ่มนวล เรียบร้อย หากไม่มีความคิดแข็งกร้าวก็คงคุยกันได้ ตนก็ขอเอาใจช่วย
"หากนายสมชายเป็นนายกฯ ก็ระวังตัวให้ดี ผมก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบให้เข้มข้นขึ้น และไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะเรามีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งจะทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่"นายสุเทพ กล่าว
แฉพฤติกรรมไซฟ่อนเงิน
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ให้ทบทวนการสนับสนุน นายสมชาย เป็นนายกฯ เนื่องจากจะเป็นระเบิดเวลาที่จะส่งผลกระทบต่อการเมืองไทย และ เสถียรภาพของประเทศไทย 2 ประการ คือ
1. นายสมชาย ไม่ได้เป็นเพียงนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นผู้แทนถาวร เนื่องจากแต่งงานกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ
2. ป.ป.ช. ได้ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบความร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยืนบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ของครอบครัวของนายสมชาย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาและบุตร 3 คน ซึ่งในทางแพ่งถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เพราะตลอดชีวิตนายสมชาย รับราชการมาโดยตลอด ขณะที่ภรรยา เป็นพยาบาล แต่เมื่อปี 43-44 ได้ทำการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ กระทั่งปี 47 บุตร 3 คน ทั้งที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะ และไม่บรรลุนิติภาวะ กลับใช้เงินกว่าพันล้านบาท ในการเข้าเทกโอเวอร์ 4 บริษัท
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่านายสมชาย เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ประกอบกับในช่วงที่ พ.ต.ท. ทักษิณ มีอำนาจชื่อของ"เจ๊แดง" ก็ปรากฎาขึ้นในวงการรับเหมาก่อสร้างในสนามบินสุวรรณภูมิ นับแสนล้านบาท ทั้งยังมีข้อหาน่าเชื่อได้ว่า มีการประมูลโดยไม่มีการแข่งขัน ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการไซฟ่อนเงิน จากบริษัทหนึ่งไปยังอีกบริษัทหนึ่งกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทสิงคโปร์ ถือหุ้นโดยคนไทย โดยมีการจดทะเบียนที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น จากนั้นจึงกลับเข้าเทกโอเวอร์ บริษัทเอกชนรายหนึ่ง แล้วมารับงานประมูลต่อโดยทำสัญญากับบริษัทการท่าอากาศยานไทย
"จึงอยากให้พรรคร่วมรัฐบาล คำนึงถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นผู้นำรัฐบาลว่าต้องมีความโปร่งใส ไม่มัวหมอง และสร้างสมานฉันท์ได้ ไม่ใช่เป็นชนวนปัญหา หรือเป็นระเบิดเวลาที่จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้และเป็นที่น่าสังเกตว่าในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายสมชายได้เป็นบอร์ดในหลายองค์กร ซึ่งมีปัญหาเรื่องการประมูลรับเหมา จึงหลีกหนีความรับผิดชอบไม่ได้ และเราไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้วหรือในการเลือกนายกรัฐมนตรี" นายอลงกรณ์กล่าว และว่า อยากให้ป.ป.ช.ได้เสนอข้อมูลการตรวจสอบของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ต่อสาธารณชนโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจของไทย
"ชลิต"ห่วงสายสัมพันธ์"สมชาย-แม้ว"
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษ และแนวคิดรูปแบบการเมืองใหม่ประชาภิวัฒน์ ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอว่า ทุกคนก็มีสิทธิที่จะเสนอแนวความคิดได้ อยู่ที่ประชาชนทั้งชาติหากเห็นพ้องต้องกันการกระทำสิ่งใดก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ แนวทางการปฏิบัติคงจะต้องใช้เวลา ขณะที่ทางด้านพรรคพลังประชาชนในฐานะที่เป็นพรรคที่มีเสียงข้างมาก ก็ต้องพยายามเสนอสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
ผบ.ทอ. ยังกล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ว่า เจ้าหน้าที่จะดูแลการชุมนุมให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย พร้อมทั้งเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือการนำประชาชนให้เกิดการปะทะกันจนมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามในส่วนของกองทัพได้มีการหารือกันอยู่ตลอดเวลา และติดตามสถานการณ์ในภาพรวมอยู่เสมอ
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวถึง การสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วยว่าในส่วนของกองทัพ ไม่ได้สนับสนุนใครเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องพูดคุยหารือกัน
ส่วนกรณีของนายสมชาย ที่เป็นเครือญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นเครือญาติแต่ถ้ามีความตั้งใจทำงาน ลดความขัดแย้ง สร้างความเชื่อถือให้แก่ประเทศ ก็อยากให้มองผลที่จะเกิดขึ้นมากกว่า
ทุ่ม 8 ล้านทำดอนเมืองเป็นทำเนียบฯ
ที่ประชุม ครม. เมื่อวานนี้ ได้อนุมัติงบประมาณในการใช้พื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติราชการของทำเนียบรัฐบาลเป็นการชั่วคราว จำนวน 8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ 3 แสนบาท ค่าเช่าครุภัณฑ์ และอุปกรณ์สำนักงาน 4.55 ล้านบาท ค่าสาธารณูปโภค และระบบสื่อสาร 1.8 ล้านบาท ค่าบริหารจัดการยานพาหนะ 1.2 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 1.5 แสนบาท โดยจะใช้อาคารรับรอง วีไอพี เป็นสถานที่ปฏิบัติราชการขอ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สำหรับอาคารส่วนกลาง ชั้น 4 สำนักงานท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำ ส่วนห้องประชุม ชั้น 4 อาคารการท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นห้องประชุมครม. อาคารพักรอหน้าอาคารรับรองวี ไอ พี เป็นสถานที่แถลงข่าว พร้อมกับห้องสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือว่าจะมีการจัดรถรับส่งบริการแก่ข้าราชการที่ต้องเดินทางไกล เพราะในเรื่องนี้ต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติ และเมื่อผู้ปฏิบัติงานได้รับผลกระทบผู้บังคับบัญชาจะหาทางที่จะอำนวยความสะดวก ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาต้องเป็นผู้พิจารณา
ลั่นชุมนุมยืดเยื้อไล่นอมินีคนใหม่
วานนี้ (16 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 19.10 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันนี้ (17 ก.ย.) ว่า คงมีความชัดเจนแล้วว่า นายกฯ คนใหม่คงจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ว่ากลุ่มของเพื่อนนายเนวินคงจะสมประโยชน์ในการจัดสรรโควตาทางการเมือง รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ที่ได้ร่วมกันฉีกสัตยาบัน 5 ข้อ ที่เคยให้ไว้กับสังคมในการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการตบหน้าประชาชนอย่างแรง
แม้พันธมิตรฯ จะพยามยามชี้ทางออกให้แก่พรรคร่วม ไม่ว่าจะเป็นการเสนอรัฐบาลแห่งชาติ การเมืองใหม่ รัฐบาลประชาภิวัฒน์ แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธและไม่เห็นความสำคัญ เชื่อว่าในวันนี้แม้จะมีนายกฯ คนใหม่ สภาก็ไม่สามารถหาทางออกให้แก่บ้านเมืองได้อย่างแท้จริง แต่จะยิ่งตอกย้ำความเป็นนอมินี ให้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับนายสมัคร สุนทรเวช เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านายสมชาย มีความใกล้ชิดขนาดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการได้ ฉะนั้น ความตึงเครียดทางการเมืองก็ยังอยู่ต่อไปอีกนานพอสมควร ซึ่งเป็นเหตุผลที่พันธมิตรฯ จะยืนยันที่จะชุมนุมยึดเยื้อระยะยาว เพราะจุดยืนของเราคือ การต่อต้านรัฐบาลนอมินี
"เราไม่สนใจว่าคุณสมชาย จะมีนโยบายอะไร แต่ผมอยากจะถามนายสมชาย ว่าที่นายกฯคนใหม่ว่าถ้าหากเป็นนายกฯแล้วจะมีแนวทางนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างไร เพราะคุณทักษิณเป็นพี่เขยว่าที่นายกฯ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็เตรียมอ่านคำพิพากษาวันเดียวกับน้องเขยของผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน ได้รับเลือกเป็นนายกฯคงเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ประชาคมโลกสนใจ แนวทางของนายกฯผู้เป็นน้องเขย ในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน ที่เป็นคำถามสำคัญที่คุณสมชาย จะต้องอธิบายให้ได้ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรมว่ามีการแทรกแซงจากอำนาจข้างนอก ซึ่งนายกฯคนใหม่ต้องอธิบาย ซึ่งพันธมิตรฯก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับสภาในวันนี้ เพราะเกมการเมืองยังอยู่ในมือทักษิณ ความไม่ลงตัวในพรรคร่วมก็เป็นเพียงละครน้ำเน่า สุดท้ายก็จบลงที่ผลประโยชน์ ข้อเสนอดีๆ ของสังคมก็ไม่มีราคาสำหรับนักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน"นายสุริยะใส กล่าว
ด้าน นายแสงธรรม ชุนชฎาธาร ประธานกลุ่มสาธิตมัฆวานฯ กล่าวว่า กลุ่มสาธิตมัฆวานฯ กลุ่มแนวร่วมนิสิต นักศึกษา เพื่อประชาธิปไตย และกลุ่ม Young PAD ได้ร่วมการจัดงาน Democracy In Town ถนนคนรักชาติ ดนตรี กวี ศิลปะ และการเมือง ในวันเสาร์ที่ 20 -21ก.ย. นี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความคิดเห็นทางประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ โดยจะมีการจัดกิจกรรมด้านต่างๆมากมาย
"จำลอง"ท้า ตร.จับ 9 แกนนำ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้แถลงข่าวโดย พล.ต.จำลอง ได้ย้ำว่า ตนเองและแกนนำพันธมิตรฯทั้ง 9 คนที่ถูกออกหมายจับ พร้อมให้ตำรวจเข้ามาจับกุมในทำเนียบรัฐบาล โดยไม่หนีไปไหน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.จำลอง ได้เตือนว่า การเข้ามาจับกุมและเกิดการสลายการชุมนุม และเมื่อเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น หรือเกิดการลุกฮือของพี่น้องประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตำรวจต้องรับผิดชอบ
"ผมอยากเตือนว่า ตอนเข้าจับกุมแกนนำฯและสลายการชุมนุมมันไม่ยาก เพราะเรายอมให้จับกุม แต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ตำรวจต้องรับผิดชอบ เพราะเคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งเหตุการณ์เดือนพฤษภาคมปี 2535 ที่มีการจับกุมตัวผมและกนนำไปอยู่ในที่ควบคุมแล้ว แต่หลังจากนั้นเกิดความวุ่นวายจนควบคุมไม่ได้"
พล.ต.จำลอง ได้เตือน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.และตำรวจทุกคนว่าจะต้องรับผิดชอบ และว่าถ้ามีการยกเลิกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วแลกให้พวกเราไปมอบตัว ทำไมต้องแลกกันอย่างนี้ เพราะพวกเรากำลังอยู่ในขั้นตอนโต้แย้งทางกฎหมาย
"ผมอยากเตือน พล.ต.อ.พัชรวาท ว่าอย่าเอาตำแหน่งมารังแกประชาชน อย่ามาขู่เสียให้ยาก เพราะพวกเราไม่กลัว ยิ่งขู่เหมือนยิ่งยุ และทำให้เกิดการชุมนุมกันมากขึ้น" พล.ต.จำลอง กล่าว
"ยังแพด"เรียกร้องจิตสำนึกนักการเมือง
วานนี้ นายเหมวัส ชาญชัยวานิช และนายวสันต์ วานิช ได้นำกลุ่มเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ (YOUNG PAD) ได้เดินทางมาที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคพลังประชน เพื่อยื่นจดหมายเรียกร้องจิตสำนึกทางการเมืองฉบับที่ 4/2551 โดยต้องการให้นักการเมืองยุติบทบาททางการเมืองชั่วคราว เพื่อมาร่วมวางกรอบแนวทางความคิดใหม่ ทั้งเรื่องของรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลเฉพาะกาล รัฐบาลพิเศษ และรัฐบาลประชาภิวัฒน์ ที่จะเป็นแนวทางสร้างจิตสำนึกทางการเมืองอย่างแท้จริง ในการได้นักการเมืองเข้ามาบริหารและแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจการเมือง และสังคมของประเทศ ด้วยการให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและมีส่วนร่วมได้อย่างทั่วถึง
"เสธ.แดง"ซุ่มสังเกต "ASTV-ผู้จัดการ"
ขณะที่ในเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากประชาชนผู้หวังดีว่า พบเห็น พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางโดยรถตู้ส่วนตัวมาจอดด้านหน้าร้านโรตีมะตะบะ ซึ่งอยู่ถนนพระอาทิตย์เยื้องกับป้อมพระสุเมรุ จากนั้นได้ทำทีว่าเข้าไปนั่งกินโรตีภายในร้านและอีกสักพักหนึ่งได้เดินออกมาสังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ ASTV และสังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยการมาสังเกตการณ์ของ เสธ.แดงครั้งนี้ประชาชนผู้พบเห็นสังเกตว่ามีท่าทางลักษณะมีพิรุธจากนั้น เสธ.แดง ได้ขับรถผ่านหน้าบ้านเจ้าพระยาและบ้านพระอาทิตย์อย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับไป
สำหรับ เสธ.แดง นั้นได้ประกาศตนโดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ในนาม นปช. และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.เกิดเหตุระเบิดป้อมตำรวจ บริเวณเชิงสะพานวิศสุกรรมนฤมาน ริมคลองผดุงกรุงเกษม เสธ.แดง ได้เดินทางมาตรวจดูที่เกิดเหตุระเบิด พร้อมกับนายพิชาวิจิตรศิลป์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้นวันที่ 2 ก.ย. เสธ.แดงได้ร่วมกับกลุ่ม นปช. นำม็อบมาปะทะกับพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานฯ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตสุดท้ายก็นำไปสู่การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อหวังสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่ไม่สำเร็จ จากนั้นก็ได้เงียบหายไป จนกระทั่งมีคนพบเห็นเสธ.แดงปรากฏตัว ซึ่งการปรากฏตัวในครั้งนี้อาจจะก่อเหตุที่ไม่คาดคิดก็ได้
หลังจาก 73 ส.ส.พรรคพลังประชาชน ในนาม"กลุ่มเพื่อนเนวิน" ได้ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านมติกรรมการบริหารพรรค ที่เสนอชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในการโหวตของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ จนทำให้พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต้องออกมาขู่ว่า หากไม่สามารถตกลงกันได้ก็อาจจะต้องยุบสภา ทำให้กลุ่มเพื่อนเนวิน ต้องประชุมหารือกันตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (16 ก.ย.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกลุ่มเพื่อนเนวินนั้น นายสมชาย ได้เข้าไปร่วมประชุมด้วย เพื่อชี้แจงข้อข้องใจต่างๆ ของสมาชิก ซึ่งในที่สุดก็สามารถตกลงกันได้ โดยสมาชิกของกลุ่มยอมทำตามมติกรรมการบริหารพรรค ในการเสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี
ต่อมาในช่วงบ่าย จึงได้มีการประชุมพรรคพลังประชาชน โดยมีวาระพิเศษ เพื่อยืนยันเป็นมติพรรค ในการเสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยรท.กุเทพ ใสกระจ่างโฆษกพรรคพลังประชาชน และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองโฆษกพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าว ผลการประชุมเมื่อเวลา 15.00น. โดย รท.กุเทพ กล่าวว่า จากการที่พรรคได้เปิดโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนเนวิน ประกอบกันคณะกรรมการบริหาร ได้ชี้แจงเหตุผลในการเสนอชื่อ นายสมชาย ก็ทำให้เกิดความเข้าใจตรงกันแล้ว จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกฯ คนที่ 26 ตามมติเดิมของกรรมการบริหารพรรค
ขณะที่นายศุภชัย กล่าวว่า ในการลงมติวันนี้ ทางกลุ่มเพื่อนเนวิน ยืนยันว่า จะปฎิบัติตามมติพรรคอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมกลุ่มเพื่อนเนวิน จึงเปลี่ยนใจง่ายดายนัก ทั้งๆที่ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมายังยืนกรานว่า ไม่เอานายสมชายอยู่เลย ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคได้มีการ ชี้แจงเหตุผล ทำความเข้าใจกัน ตามกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนที่มีข่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีจาก 4 ตำแหน่งเป็น 6 ตำแหน่ง นั้น ไม่มีแน่นอน ยืนยันว่าทางกลุ่มไม่เคยยื่นเงื่อนไขต่อรองตำแหน่งใดๆ เรายึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
ขอใช้ผลงานพิสูจน์ข้อครหาต่างๆ
ต่อมาในช่วงเย็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้นัดรับประทานอาหารร่วมกับแกนนำ 5 พรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรม เจดับบลิว แมริออต และจะมีการแถลงข่าวร่วมกัน
ทั้งนี้ นายสมชาย ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการร่วมรับประทานอาหาร ถึงเรื่องที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรค และพรรคร่วมรัฐบาลให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันนี้ถ้าสภาโหวต และขั้นตอนต่างๆ ผ่านไป ตนก็คงต้องรับภาระเพิ่มมากขึ้น แต่จะไม่ท้อถอย และต้องทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและเพื่อบ้านเมืองให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งชาติ ต้องคำนึงถึงว่า จะช่วยกันพัฒนาทำให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้สูงขึ้นอย่างไร ทุกคนจะต้องเป็นหุ้นส่วนของประเทศไทย ต้องช่วยกันดำเนินการ
"ถ้าผมขึ้นมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องเป็นผู้ซึ่งเป็นผู้นำ ที่กลาคิด กล้าผลักดันสิ่งเหล่านี้ อันนี้คือความรู้สึกของผม เบื้องต้นผมยังงงๆ อยู่" นายสมชายกล่าว
เมื่อถามว่า ภาวะวิกฤตอย่างนี้ จะสร้างความเชื่อมั่น และสร้างความมั่นคงให้กับประเทศกลับมาได้อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้เราก็รู้ว่า บ้านเมืองของเรามีปัญหา มีความคิดที่แตกแยก มีการต่อสู้กันทางความคิด ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ปรองดอง และสมัครสมานสามัคคี ทำให้คนไทยมีแนวความคิดที่มุ่งไปในทางเดียวกันให้ได้ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง ซึ่งตรงนั้นเป็นรายละเอียด ที่ต้องฃช่วยคิดกันต่อไป
เมื่อถามว่า เป้าหมายเอาทำเนียบฯ กลับคืนมา มีหรือยัง นายสมชาย กล่าวว่า อย่าคิดว่ามีจุดมุ่งหมายเอาทำเนียบฯ คืน เพราะทำเนียบฯเป็นของหลวง มาจากภาษีของประชาชนทุกคน ไม่อยากให้ใครเข้าไปใช้ในทางที่ไม่ถูก และเสียหาย คนที่อยู่ควรจะคืน การชุมนุนคงไม่เป็นไร ถ้าไปอยู่ในที่ถูกทิศถูกทาง
"ผมเป็นห่วงคนทุกคนที่อยู่ในนั้น ผิดถูกก็ไม่ว่ากัน ในฐานะคนไทย อาจเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เป็นห่วง ก็ขอให้ดูแลสุขภาพ ก็ขอให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับคนอื่นด้วย" นายสมชาย กล่าว
ส่วนเรื่องสถานภาพที่มีความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น นายสมชาย กล่าวว่า การที่เรารู้จักกับใคร เป็นญาติใคร เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ มันอยู่ที่เราจะวางตัวอย่างไร วางตัวให้คนว่าขึ้นมาเอื้อประโยนชน์ให้พรรคพวก ให้ญาติเราหรือเปล่า อันนี้เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะฉะนั้น คิดว่า ควรที่จะให้จับตามองมากกว่า
"ผมอยู่ในที่ยืนอย่างนี้ คงหลบการตรวจสอบ การเฝ้ามองไม่ได้ คิดว่าถ้าเรามีใจทำงานร่วมกัน ในการทำงานเสียสละให้บ้านเมืองจริงๆแล้ว มันก็คงจะเป็นคนละภาพกับภาพนั้น ผมคิดว่า ผมมาที่พ้นจุดนั้นไปแล้ว"
เมื่อถามว่า จะประสานความร่วมมือกับพลเรือน ทหาร ตำรวจ อย่างไรบ้าง เพื่อให้เขาทำหน้าที่ให้เข็มแข็ง นายสมชาย กล่าวว่า ในฐานะที่มาเป็นผู้บริหารบ้านเมือง ต้องประสานแน่นอน เพราะทุกคนถือเป็นองคาพยพ เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องไม้เครื่องมือที่ต้องใช้ การจะใช้ต้องดูว่า สิ่งใดบ้างที่เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย เพราะสิ่งที่เกิดในบ้านเมืองยามนี้ ทำไม่ถูกกฎหมายก็เยอะ และมีปัญหาอยู่ เวลาแก้ไข ใช้หลักกฎหมายอย่างเดียวเป็นการปกครองที่ลำบากอยู่ ต้องใช้รัฐศาสตร์ด้วย ใช้การประสานงาน การมีน้ำใจ ความเสียสละซึ่งกันและกัน ต้องใช้หลายอย่าง
เมื่อถามว่า เมื่อเป็นนายกฯ แล้วภาระกิจแรกจะทำอะไร นายสมชาย กล่าวว่า ก็ทุกเรื่องที่รออยู่
จะร่วมกันแก้ปัญหาความแตกแยก
ต่อมาเวลา 20.30 น. ภายหลังการหารือ 6 พรรคร่วมรัฐบาล นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค กล่วาว่า วันนี้หัวหน้าพรรค 6 พรรคได้มาประชุมกัน หลังจากที่ 2 วันก่อนหน้าได้พบปะ 5 พรรค เพื่อขอความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งหัวหน้าพรรค เห็นชอบจัดตั้งรัฐบาลโดยจะเสนอชื่อนายสมชาย ต่อหัวหน้าพรรค ทุกท่านเห็นชอบ และร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กล่าวว่า ทั้ง 6 พรรคเคยร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลมาแล้ว ประสบความสำเร็จมาเป็นที่น่าพอใจ แต่มีความจำเป็นเมื่อ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ขณะนี้มีรัฐบาลรักษาการรอรัฐบาลชุดใหม่
อย่างไรก็ตาม พรรคพลังประชาชนเป็นเสียงข้างมาก และได้รับเกียรติจาก 5 พรรค ในการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ คนใหม่
"ต้องขอบคุณ ส.ส.ทุกคนที่เห็นชอบสนับสนุนผม ขอบคุณ นพ.สุรพงษ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ที่ร่วมเป็นตัวแทนเชิญ 5 พรรคร่วมเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล และคิดว่าการดำเนินการต่อไปของพรรคพลังประชาชน จะสำเร็จด้วยดี และจะร่วมแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลชุดเก่า รวมทั้งนโยบาบต่างๆ อะไรที่ขาดตกบกพร้องในรัฐบาลชุดก่อน คงจะได้มีการปรับปรุงแก้ไข ทั้งระเบียบราชการต่างๆ
"ผมโชคดีที่มีหัวหน้าพรรคร่วมฯ ที่มีความอาวุโสทางการเมือง ที่จะช่วยแนะนำในการบริหารราชการแผ่นดิน ผมมั่นใจว่าจากการที่เรามีบุคคลากรที่ทรงคุณค่า คงให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการบริหารบ้านมือง ยืนยันแน่นอนว่าทั้ง 6 พรรค จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล และเห็นชอบกับผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี" นายสมชาย กล่าว และยืนยันว่าจะร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ
นายสมชาย ยังกล่าวถึงการจัดรายการ "ความจริงวันนี้" ทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ยังคงออกอากาศอยู่ ว่า ไม่มีใครต้องการให้เกิดความยั่วยุ เป็นเพียงความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งนี้สื่อก็เหมือนกัน แม้สื่อที่ต้องเอาความเห็นของตน ไปบอกกับประชาชน และเอาความเห็นของประชาชนมาสู่ตน ถ้าไม่มีสื่อ ก็ไม่สามารถตอบประชาชนได้ ขอย้ำว่า สื่อ การเมือง รัฐบาล เป็นของคู่กัน และคิดว่าจะต้องอยู่ร่วมกันด้วยความเรียบร้อยราบรื่น (อ่านรายละเอียดบทสัมภาษณ์ หน้า 2)
แฉอนุพงษ์ห่วงปลุกกระแสรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมกลุ่มเพื่อนเนวิน ในช่วงเช้า ถึงท่าทีของกลุ่ม ในการสนับสนุนนายสมชาย เป็นนายกฯหรือไม่นั้น หลังการประชุม นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา และนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกฯ พร้อมด้วย ส .ส. ภาคอีสานประมาณ 20 คน ได้ร่วมแถลงข่าว ยอมสนับสนุนนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ที่ผ่านมาทางกลุ่มไม่ได้มีเจตนาเพื่อต่อรองตำแหน่งทางการเมือง แต่ต้องการให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ แถลงต่อที่ประชุมสภาฯ ถึงแนวทางที่จะลดการเผชิญหน้าในสังคม สร้างความสมานฉันท์ รักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อคืนความเป็นนิติรัฐให้แก่ประเทศ ซึ่งนายสมชาย ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาในสิ่งที่กลุ่มของตนห่วงใยได้ และจะเข้ามาเป็นนายกฯ โดยรักษากติกาประชาธิปไตย สร้างความสมานฉันท์เกิดขึ้นให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลใดที่ทางกลุ่มมั่นใจว่า นายสมชาย จะคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมืองได้ นายศุภชัย ใจสมุทร คว้าไมค์โครโฟน มาชี้แจงแทนว่า ข้อเท็จจริงคือ นายสมชาย แจ้งให้ที่ประชุม และส.ส.ทั้ง 73 คนทราบว่า ได้พบกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ระบุว่าหลังจากนายสมชาย เป็นนายกฯ จะทำให้กระแสความรุนแรงเกิดขึ้น แปลว่าข้อห่วงใยของทางกลุ่มเป็นเรื่องจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากแถลงข่าวของ ส.ส.กลุ่มนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกระแสข่าว ออกมาปั่นราคา เพื่อขอเพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรี จากเดิมที่มี 4 ตำแหน่ง เป็น 6 ตำแหน่ง ปรากฎว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่มีใครตอบ แต่ลุกออกจากโต๊ะแถลงข่าวไปทันที
ปชป.เตรียมถามที่ประชุมก่อนโหวต
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ส.ส.พรรคว่า ที่ประชุมได้พิจาณาถึงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันนี้ ว่า พรรคเห็นว่าหากการเลือกนายกรัฐมนตรี ยังมีการเสนอเงื่อนไขที่ทำให้เกิดวิฤติการเมืองปัจจุบัน จนเป็นสภาวการณ์ต่อเนื่อง คือ
1.การเมืองแบบแบ่งฝ่าย จากเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการจับขั้วของรัฐบาล ถือเป็นการบีบคั้นไม่ให้ ส.ส.ใช้เอกสิทธิ์ ตามมโนสำนึกได้ อาจเป็นเหตุให้ไม่สามารถสลายความขัดแย้งในสังคม และอาจนำไปสู่ความแตกแยกได้
2.ผลประโยชน์ร่วม รัฐบาลใหม่ต้องตอบคำถามประชาชน ถึงเงื่อนไขการต่อรองผลประโยชน์ร่วมกันทั้งโครงการเมกะโปรเจกต์ เช่น รถเมล์หรือ ข้อกล่าวหาที่ครอบครัวของหนึ่งในว่าที่นายกฯ ถูกกล่าวาว่า แทรกแซงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล รวมไปถึงการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม และ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อหนีคดียุบพรรค และเพื่อสร้างความชอบธรรมในการลี้ภัย ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เงื่อนไขทั้งหมดนี้ อาจนำไปสู่แรงกดดันจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลใหม่ต้องให้คำตอบได้ว่า เงื่อนไขต่างๆจะไม่ทำให้การเมืองถึงทางตัน เพราะจะนำไปสู่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประเทศ มิเช่นนั้น ความแตกแยกจะยังคงอยู่ ต่อไป และรัฐบาลต้องให้คำตอบได้ว่า ประเทศชาติและสังคมจะดีขึ้นกว่าเดิมจากการดำเนินงานของรัฐบาลเก่าอย่างไร ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องตอบคำถามต่อสังคมว่าจะปลดเงื่อนไขเหล่านี้อย่างไร เพื่อเป็นทางออกของวิกฤติ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมได้ให้ส.ส.ทุกคนเตรียมความพร้อมในการลงพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่แน่นอน อาจจะมีการประกาศยุบสภาภายหลังจากที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 52 ผ่าน และดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้าง ตามที่รัฐบาลไปทำข้อตกลงกับบริษัทต่างๆเรียบร้อยแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า การเลือกนายกฯ ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ พรรคจะมีการหารือก่อนการ ประชุมสภาที่จะมีการโหวต โดยพรรคยืนยันว่าจะทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 หลังมีการรับรองญัตติการเสนอชื่อผู้ที่สมัครเป็นนายกฯ ที่ได้เสนอไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งพรรคจะถามในที่ประชุมสภาว่า จะต้องมีการเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯใหม่ หรือไม่ เพราะการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา มีผู้รับรองครบแล้ว
เตือน"สมชาย"อย่าท้าทายประชาชน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มติพรรคพลังประชาชนเสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ตนคิดว่าเรื่องการต่อรองภายในพรรคน่าจะจบแล้ว ทุกฝ่ายอาจจะได้ข้อตกลงตามที่ต้องการ กลุ่มที่ปัญหาก่อนหน้านี้ก็ได้รัฐมนตรีว่าการไป 4 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยอีก 4 ตำแหน่ง สำหรับ 70 กว่าคน ถือว่าใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการเลือกนายกฯ ในวันนี้ (17 ก.ย.) น่าจะเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้นายสมชาย เป็นนายกฯ ปัญหาต่างๆจะคลี่คลายลงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า หากนายกฯ คนใหม่ไม่ทำอะไรที่เป็นการท้าทายความรู้สึกของประชาชน ก็อาจจะทำให้เหตุการณ์คลี่คลายลงได้ แต่หากยังคิดจะแก้รัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ก็อาจจะเป็นการเพิ่มปัญหามากขึ้นไปอีก
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯที่ยังคงยังต่อต้านอยู่ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่กลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนทั่วไปจะไม่สบายใจ เพราะภาพของนายสมชาย เป็นน้องเขยของพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเขาต่อต้านระบอบทักษิณ ก็ต้องระแวงกลัวว่าระบอบทักษิณจะกลับมาอีก
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลพยายามสงบศึกชั่วคราว แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งนายกฯ ผลักดันให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ผ่าน แล้วจึงค่อยยุบสภาในภายหลัง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคพลังประชาชนได้ว่าคิดอะไรกันอยู่ เรื่องการยุบสภาต้องดูกันไปก่อน ยังไม่อยากพูดอะไรในตอนนี้ หรือไปทำนายล่วงหน้า
ส่วนรัฐบาลจะอยู่ได้นานเท่าไร ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการกระทำของรัฐบาล หากรัฐบาลทำดี ประชาชนก็พร้อมจะให้โอกาส แต่ถ้าทำไม่ดีก็คงอยู่ไม่นาน
เมื่อถามว่า หากมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมา หวังหรือไม่ว่าจะมีการไปเจรจากับพันธมิตรฯ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่า นายสมชาย ควรจะเริ่มกระบวนการเจรจา หากดูตามนิสัยใจคอและลักษณะ ส่วนพันธมิตรฯ จะยอมเจรจาด้วยหรือไม่ ก็ต้องลองดู ซึ่งนายสมชายก็เป็นคนนุ่มนวล เรียบร้อย หากไม่มีความคิดแข็งกร้าวก็คงคุยกันได้ ตนก็ขอเอาใจช่วย
"หากนายสมชายเป็นนายกฯ ก็ระวังตัวให้ดี ผมก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบให้เข้มข้นขึ้น และไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะเรามีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งจะทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่"นายสุเทพ กล่าว
แฉพฤติกรรมไซฟ่อนเงิน
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ให้ทบทวนการสนับสนุน นายสมชาย เป็นนายกฯ เนื่องจากจะเป็นระเบิดเวลาที่จะส่งผลกระทบต่อการเมืองไทย และ เสถียรภาพของประเทศไทย 2 ประการ คือ
1. นายสมชาย ไม่ได้เป็นเพียงนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นผู้แทนถาวร เนื่องจากแต่งงานกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ
2. ป.ป.ช. ได้ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบความร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยืนบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ของครอบครัวของนายสมชาย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาและบุตร 3 คน ซึ่งในทางแพ่งถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เพราะตลอดชีวิตนายสมชาย รับราชการมาโดยตลอด ขณะที่ภรรยา เป็นพยาบาล แต่เมื่อปี 43-44 ได้ทำการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ กระทั่งปี 47 บุตร 3 คน ทั้งที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะ และไม่บรรลุนิติภาวะ กลับใช้เงินกว่าพันล้านบาท ในการเข้าเทกโอเวอร์ 4 บริษัท
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่านายสมชาย เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ประกอบกับในช่วงที่ พ.ต.ท. ทักษิณ มีอำนาจชื่อของ"เจ๊แดง" ก็ปรากฎาขึ้นในวงการรับเหมาก่อสร้างในสนามบินสุวรรณภูมิ นับแสนล้านบาท ทั้งยังมีข้อหาน่าเชื่อได้ว่า มีการประมูลโดยไม่มีการแข่งขัน ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการไซฟ่อนเงิน จากบริษัทหนึ่งไปยังอีกบริษัทหนึ่งกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทสิงคโปร์ ถือหุ้นโดยคนไทย โดยมีการจดทะเบียนที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น จากนั้นจึงกลับเข้าเทกโอเวอร์ บริษัทเอกชนรายหนึ่ง แล้วมารับงานประมูลต่อโดยทำสัญญากับบริษัทการท่าอากาศยานไทย
"จึงอยากให้พรรคร่วมรัฐบาล คำนึงถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นผู้นำรัฐบาลว่าต้องมีความโปร่งใส ไม่มัวหมอง และสร้างสมานฉันท์ได้ ไม่ใช่เป็นชนวนปัญหา หรือเป็นระเบิดเวลาที่จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้และเป็นที่น่าสังเกตว่าในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายสมชายได้เป็นบอร์ดในหลายองค์กร ซึ่งมีปัญหาเรื่องการประมูลรับเหมา จึงหลีกหนีความรับผิดชอบไม่ได้ และเราไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้วหรือในการเลือกนายกรัฐมนตรี" นายอลงกรณ์กล่าว และว่า อยากให้ป.ป.ช.ได้เสนอข้อมูลการตรวจสอบของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ต่อสาธารณชนโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจของไทย
"ชลิต"ห่วงสายสัมพันธ์"สมชาย-แม้ว"
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษ และแนวคิดรูปแบบการเมืองใหม่ประชาภิวัฒน์ ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอว่า ทุกคนก็มีสิทธิที่จะเสนอแนวความคิดได้ อยู่ที่ประชาชนทั้งชาติหากเห็นพ้องต้องกันการกระทำสิ่งใดก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ แนวทางการปฏิบัติคงจะต้องใช้เวลา ขณะที่ทางด้านพรรคพลังประชาชนในฐานะที่เป็นพรรคที่มีเสียงข้างมาก ก็ต้องพยายามเสนอสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
ผบ.ทอ. ยังกล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ว่า เจ้าหน้าที่จะดูแลการชุมนุมให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย พร้อมทั้งเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือการนำประชาชนให้เกิดการปะทะกันจนมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามในส่วนของกองทัพได้มีการหารือกันอยู่ตลอดเวลา และติดตามสถานการณ์ในภาพรวมอยู่เสมอ
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวถึง การสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วยว่าในส่วนของกองทัพ ไม่ได้สนับสนุนใครเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องพูดคุยหารือกัน
ส่วนกรณีของนายสมชาย ที่เป็นเครือญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นเครือญาติแต่ถ้ามีความตั้งใจทำงาน ลดความขัดแย้ง สร้างความเชื่อถือให้แก่ประเทศ ก็อยากให้มองผลที่จะเกิดขึ้นมากกว่า
ทุ่ม 8 ล้านทำดอนเมืองเป็นทำเนียบฯ
ที่ประชุม ครม. เมื่อวานนี้ ได้อนุมัติงบประมาณในการใช้พื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติราชการของทำเนียบรัฐบาลเป็นการชั่วคราว จำนวน 8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ 3 แสนบาท ค่าเช่าครุภัณฑ์ และอุปกรณ์สำนักงาน 4.55 ล้านบาท ค่าสาธารณูปโภค และระบบสื่อสาร 1.8 ล้านบาท ค่าบริหารจัดการยานพาหนะ 1.2 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 1.5 แสนบาท โดยจะใช้อาคารรับรอง วีไอพี เป็นสถานที่ปฏิบัติราชการขอ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สำหรับอาคารส่วนกลาง ชั้น 4 สำนักงานท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำ ส่วนห้องประชุม ชั้น 4 อาคารการท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นห้องประชุมครม. อาคารพักรอหน้าอาคารรับรองวี ไอ พี เป็นสถานที่แถลงข่าว พร้อมกับห้องสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือว่าจะมีการจัดรถรับส่งบริการแก่ข้าราชการที่ต้องเดินทางไกล เพราะในเรื่องนี้ต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติ และเมื่อผู้ปฏิบัติงานได้รับผลกระทบผู้บังคับบัญชาจะหาทางที่จะอำนวยความสะดวก ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาต้องเป็นผู้พิจารณา
ลั่นชุมนุมยืดเยื้อไล่นอมินีคนใหม่
วานนี้ (16 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 19.10 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันนี้ (17 ก.ย.) ว่า คงมีความชัดเจนแล้วว่า นายกฯ คนใหม่คงจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ว่ากลุ่มของเพื่อนนายเนวินคงจะสมประโยชน์ในการจัดสรรโควตาทางการเมือง รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ที่ได้ร่วมกันฉีกสัตยาบัน 5 ข้อ ที่เคยให้ไว้กับสังคมในการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการตบหน้าประชาชนอย่างแรง
แม้พันธมิตรฯ จะพยามยามชี้ทางออกให้แก่พรรคร่วม ไม่ว่าจะเป็นการเสนอรัฐบาลแห่งชาติ การเมืองใหม่ รัฐบาลประชาภิวัฒน์ แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธและไม่เห็นความสำคัญ เชื่อว่าในวันนี้แม้จะมีนายกฯ คนใหม่ สภาก็ไม่สามารถหาทางออกให้แก่บ้านเมืองได้อย่างแท้จริง แต่จะยิ่งตอกย้ำความเป็นนอมินี ให้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับนายสมัคร สุนทรเวช เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านายสมชาย มีความใกล้ชิดขนาดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการได้ ฉะนั้น ความตึงเครียดทางการเมืองก็ยังอยู่ต่อไปอีกนานพอสมควร ซึ่งเป็นเหตุผลที่พันธมิตรฯ จะยืนยันที่จะชุมนุมยึดเยื้อระยะยาว เพราะจุดยืนของเราคือ การต่อต้านรัฐบาลนอมินี
"เราไม่สนใจว่าคุณสมชาย จะมีนโยบายอะไร แต่ผมอยากจะถามนายสมชาย ว่าที่นายกฯคนใหม่ว่าถ้าหากเป็นนายกฯแล้วจะมีแนวทางนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างไร เพราะคุณทักษิณเป็นพี่เขยว่าที่นายกฯ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็เตรียมอ่านคำพิพากษาวันเดียวกับน้องเขยของผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน ได้รับเลือกเป็นนายกฯคงเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ประชาคมโลกสนใจ แนวทางของนายกฯผู้เป็นน้องเขย ในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน ที่เป็นคำถามสำคัญที่คุณสมชาย จะต้องอธิบายให้ได้ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรมว่ามีการแทรกแซงจากอำนาจข้างนอก ซึ่งนายกฯคนใหม่ต้องอธิบาย ซึ่งพันธมิตรฯก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับสภาในวันนี้ เพราะเกมการเมืองยังอยู่ในมือทักษิณ ความไม่ลงตัวในพรรคร่วมก็เป็นเพียงละครน้ำเน่า สุดท้ายก็จบลงที่ผลประโยชน์ ข้อเสนอดีๆ ของสังคมก็ไม่มีราคาสำหรับนักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน"นายสุริยะใส กล่าว
ด้าน นายแสงธรรม ชุนชฎาธาร ประธานกลุ่มสาธิตมัฆวานฯ กล่าวว่า กลุ่มสาธิตมัฆวานฯ กลุ่มแนวร่วมนิสิต นักศึกษา เพื่อประชาธิปไตย และกลุ่ม Young PAD ได้ร่วมการจัดงาน Democracy In Town ถนนคนรักชาติ ดนตรี กวี ศิลปะ และการเมือง ในวันเสาร์ที่ 20 -21ก.ย. นี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความคิดเห็นทางประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ โดยจะมีการจัดกิจกรรมด้านต่างๆมากมาย
"จำลอง"ท้า ตร.จับ 9 แกนนำ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้แถลงข่าวโดย พล.ต.จำลอง ได้ย้ำว่า ตนเองและแกนนำพันธมิตรฯทั้ง 9 คนที่ถูกออกหมายจับ พร้อมให้ตำรวจเข้ามาจับกุมในทำเนียบรัฐบาล โดยไม่หนีไปไหน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.จำลอง ได้เตือนว่า การเข้ามาจับกุมและเกิดการสลายการชุมนุม และเมื่อเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น หรือเกิดการลุกฮือของพี่น้องประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตำรวจต้องรับผิดชอบ
"ผมอยากเตือนว่า ตอนเข้าจับกุมแกนนำฯและสลายการชุมนุมมันไม่ยาก เพราะเรายอมให้จับกุม แต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ตำรวจต้องรับผิดชอบ เพราะเคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งเหตุการณ์เดือนพฤษภาคมปี 2535 ที่มีการจับกุมตัวผมและกนนำไปอยู่ในที่ควบคุมแล้ว แต่หลังจากนั้นเกิดความวุ่นวายจนควบคุมไม่ได้"
พล.ต.จำลอง ได้เตือน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.และตำรวจทุกคนว่าจะต้องรับผิดชอบ และว่าถ้ามีการยกเลิกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วแลกให้พวกเราไปมอบตัว ทำไมต้องแลกกันอย่างนี้ เพราะพวกเรากำลังอยู่ในขั้นตอนโต้แย้งทางกฎหมาย
"ผมอยากเตือน พล.ต.อ.พัชรวาท ว่าอย่าเอาตำแหน่งมารังแกประชาชน อย่ามาขู่เสียให้ยาก เพราะพวกเราไม่กลัว ยิ่งขู่เหมือนยิ่งยุ และทำให้เกิดการชุมนุมกันมากขึ้น" พล.ต.จำลอง กล่าว
"ยังแพด"เรียกร้องจิตสำนึกนักการเมือง
วานนี้ นายเหมวัส ชาญชัยวานิช และนายวสันต์ วานิช ได้นำกลุ่มเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ (YOUNG PAD) ได้เดินทางมาที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคพลังประชน เพื่อยื่นจดหมายเรียกร้องจิตสำนึกทางการเมืองฉบับที่ 4/2551 โดยต้องการให้นักการเมืองยุติบทบาททางการเมืองชั่วคราว เพื่อมาร่วมวางกรอบแนวทางความคิดใหม่ ทั้งเรื่องของรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลเฉพาะกาล รัฐบาลพิเศษ และรัฐบาลประชาภิวัฒน์ ที่จะเป็นแนวทางสร้างจิตสำนึกทางการเมืองอย่างแท้จริง ในการได้นักการเมืองเข้ามาบริหารและแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจการเมือง และสังคมของประเทศ ด้วยการให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและมีส่วนร่วมได้อย่างทั่วถึง
"เสธ.แดง"ซุ่มสังเกต "ASTV-ผู้จัดการ"
ขณะที่ในเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากประชาชนผู้หวังดีว่า พบเห็น พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางโดยรถตู้ส่วนตัวมาจอดด้านหน้าร้านโรตีมะตะบะ ซึ่งอยู่ถนนพระอาทิตย์เยื้องกับป้อมพระสุเมรุ จากนั้นได้ทำทีว่าเข้าไปนั่งกินโรตีภายในร้านและอีกสักพักหนึ่งได้เดินออกมาสังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ ASTV และสังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยการมาสังเกตการณ์ของ เสธ.แดงครั้งนี้ประชาชนผู้พบเห็นสังเกตว่ามีท่าทางลักษณะมีพิรุธจากนั้น เสธ.แดง ได้ขับรถผ่านหน้าบ้านเจ้าพระยาและบ้านพระอาทิตย์อย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับไป
สำหรับ เสธ.แดง นั้นได้ประกาศตนโดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ในนาม นปช. และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.เกิดเหตุระเบิดป้อมตำรวจ บริเวณเชิงสะพานวิศสุกรรมนฤมาน ริมคลองผดุงกรุงเกษม เสธ.แดง ได้เดินทางมาตรวจดูที่เกิดเหตุระเบิด พร้อมกับนายพิชาวิจิตรศิลป์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้นวันที่ 2 ก.ย. เสธ.แดงได้ร่วมกับกลุ่ม นปช. นำม็อบมาปะทะกับพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานฯ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตสุดท้ายก็นำไปสู่การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อหวังสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่ไม่สำเร็จ จากนั้นก็ได้เงียบหายไป จนกระทั่งมีคนพบเห็นเสธ.แดงปรากฏตัว ซึ่งการปรากฏตัวในครั้งนี้อาจจะก่อเหตุที่ไม่คาดคิดก็ได้