“สมเกียรติ” ผ่า “การศึกษาไทย” สุดแย่! แนะ “การเมืองใหม่” ช่วยแก้ทั้งระบบ

“สมเกียรติ” ชำแหละระบบ “การศึกษาไทย” แนะเร่งยกเครื่องช่วยหนุน “การเมืองใหม่” ให้สัมฤทธิ์ผล แฉอันดับการศึกษาไทยในโลก ด้อยกว่า “ประเทศเพื่อนบ้าน” กว่า 80 อันดับ ชี้เหตุเพราะ “แหล่งอบายมุข” ล้อมรอบโรงเรียน แถม “เด็กไทย” เดินตามวัฒนธรรมต่างชาติ จนลืมประเพณีดั้งเดิมของตัวเอง

วานนี้ (14 พ.ย.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีที่ไปปราศรัยที่ จ.สระบุรี ว่าไม่น่าเชื่อว่าการปราศรัยในครั้งนี้จะดำเนินไปถึง 02.00 น. เพราะมีวงซูซู และนายศรัณญู วงศ์กระจ่าง หรือตั้ว ขึ้นร้องเพลง

“ครอบครัวผมเป็นครูทั้งครอบครัว ทั้งบิดา และน้องสาว แต่มีอยู่คนเดียวในครอบครัวที่เป็นตำรวจ และเรื่องที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือ การศึกษาของชาติ เพราะปัจจุบันจีดีพีมวลรวมภายในประเทศนั้นประมาณ 10-12 ล้านล้านบาท โดยเอารายได้ของทุกอาชีพมาเทกองรวมกัน ซึ่งได้ประมาณ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่มาก เพราะประเทศเราใหญ่กว่าประเทศอังกฤษ แต่ประเทศอังกฤษมีผลผลิตมวลรวมภายในประเทศมากกว่าเราเป็นสิบๆ เท่า แสดงว่าเราแสดงศักยภาพออกมาไม่เต็มที่ เพราะพื้นที่การเพาะปลูกของคนจนนั้นมีน้อยมาก” นายสมเกียรติ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า สมัยก่อนสมัชชาคนจนไปล้อมทำเนียบฯ เพียง 99 วัน ก็ได้รับคำตอบ แต่สมัชชาเกษตรกร ซึ่งตนเคยไปปราศรัยใหญ่หลายครั้ง แล้วรู้หรือไม่ว่า ธกส.นั้น ชาวนาส่วนใหญ่ของภาคอีสานเรียกว่า ธรณีกรรแสง เพราะ ธกส.จะเอาวีดีโอเรื่องมะม่วงหิมพาน ไปฉายให้พวกชาวนาแถบอีสานเหนือซึ่งฝนตกดีกว่า อีสานตอนใต้ พอชาวอีสานดูวีดีโอเสร็จ ก็มีความหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น แต่พอเอาไปปลูกปั๊บ มะม่วงหิมพานไม่ออกผล นอกจากนี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ได้ส่งเสริมให้ชาวนาเลี้ยงวัวในโครงการอีสานเขียว แต่พอเลี้ยงปุ๊บวัวกลับผอมโซ ไม่ออกลูก นั่นคือโครงการวัวล้ม ส่งผลให้เกิดทุกข์ระทมไปทั่วภาคอีสาน

“ส่วนยางพาราเขาก็โกงกันเป็นล้านๆ ต้น ซึ่งพอเกษตรกรเอาไปปลูกปั๊บ มีแต่ใบ ไม่มียางให้กรีด ทำให้ความยากจนมาเยือนภูมิภาคอีสาน ซึ่งเป็นเหมือนเมืองที่ถูกสาบ ส่งผลให้คนอยากไปลงเลือกตั้งที่นั่น เพราะสมัยก่อนหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์ซึ่งมีเงินหลายล้านบาท ไปแจกเงินที่ภาคอีสาน จนทำให้ได้เป็น ส.ส. นั่นเป็นเพราะการศึกษา และอาชีพของชาวบ้านไม่ดีขึ้น แล้วรู้หรือไม่ว่า จีดีพีของประเทศใน 100 บาทนั้น 4 บาทเขาเอาไปใช้จ่ายในการศึกษา ซึ่งประเทศไทยนั้น เอาเงินไปใช้จ่ายในด้านการศึกษามากกว่าประเทศมาเลเซีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ แต่คุณภาพการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น อยู่ในลำดับที่ 1-5 ของโลก ส่วนประเทศมาเลเซีย อยู่ลำดับต่ำกว่าอัน 5 เพียงเล็กน้อย ส่วนการศึกษาของไทยกลับอยู่ในลำดับที่ 80 กว่าๆ ของโลก” นายสมเกียรติ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ถามว่าทำไมการศึกษาของประเทศไทยถึงอยู่ต่ำกว่าประเทศเพื่อบ้าน คำตอบคือ ประเทศไทยเอาเงินไปจัดการศึกษาเพียง 1 ใน 5 ของงบประมาณ แต่ที่เราเห็นได้ชัดคือ โรงเรียนที่มีอยู่ทั่วประเทศ จะมีแหล่งอบายมุขอยู่ล้อมรอบ ทำให้เด็กนักเรียนไทยสามารถไปบริโภคสิ่งผิดกฎหมายได้ตลอดเวลา จะเห็นได้จากเวลาว่างในวันเสาร์ หรืออาทิตย์ เด็กไทยจะไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์กลางค้าต่างๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีเด็กไทยไปวัดในวันหยุด อีกทั้งจำนวนแหล่งบริการทางเพศ มีมากกว่าวัด ฉะนั้นสังคมไทยคือ สังคมคุณธรรมตามหลัง ดังนั้นการเมืองใหม่ จะต้องใช้คุณธรรมนำการเมือง และนำการศึกษา

“รู้หรือไม่ว่า เด็กไทยวันนี้เรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ต่างประเทศ สังคมศึกษาประวัติศาสตร์ กลุ่มการงานพื้นฐานอาชีพ และศีลธรรมหน้าที่พลเมือง แต่ผลการศึกษาของไทยที่เกิดขึ้น ครู 7 แสนคน นักเรียนทั้งสิ้น 14 ล้านคน โรงเรียน 3.2 หมื่นโรงเรียน ซึ่งการวัดผลการศึกษาแบบเอ็นทีเนชั่นแนลเทส ไม่มีวิชาใดที่เด็กไทยได้คะแนนเฉลี่ยถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่รายวิชาเดียว ประเทศไทยจึงได้พลเมืองที่คุณภาพไม่ค่อยดี เหมือนเตี้ยอุ้มค่อม จนกลายเป็นปัญหาสังคมในปัจจุบันนี้ ซึ่งเมื่อไปเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีเลยสักวิชาเดียวที่ประเทศไทยจะชนะประเทศเพื่อนบ้าน” นายสมเกียรติ ระบุ

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สมัยนี้มหาวิทยาลัยตั้งขึ้นเยอะมาก โดยคนที่จบการศึกษายังมึนงงสงสัยว่า จบมาได้อย่างไรทั้งปริญญาโท ปริญญาเอก แต่พอไปถามนักศึกษาไทยที่เพิ่งรับปริญญาไปเมื่อวานก่อน ว่า รู้จักคำว่า จีเอทีพี แปลว่าอะไร เขาตอบว่าไม่รู้ ซึ่งความจริง จีเอทีพีนั้น หมายถึงกติกาการค้าของประเทศต่างๆ ที่มาทำสัญญากันในนามองค์กรการค้าโลก เพื่อจะได้เอาไว้ประท้วงเวลารับส่งสินค้า และแลกเปลี่ยนสินค้าโดยไม่เสียภาษี ซึ่งมาสู่การเซ็นสัญญาของเอฟทีเอ หรือการเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศ จึงขอยืนยันว่า คนที่จบจากมหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อย มึนงงว่าจบมาได้อย่างไร ที่สำคัญคนเหล่านั้นจะทำงานไม่เป็น และชอบไปเที่ยวผับกลางคืน

“เด็กไทยดัดจริตเพื่อที่จะให้เข้าถึงวัฒนธรรมของชาติตะวันตก โดยไม่คำนึงถึงรากเหง้าของไทย โดยเด็กบางคนนิยมสินค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะเด็กเหล่านนั้นนิยมกินพิซซ่า และน้ำอัดลม แต่ของเหล่านั้นมันไม่อยู่ท้อง สุดท้ายก็กลับมากินข้าวเหนียวกับปลาร้า ตามสัญชาติของตัวเอง เพราะเด็กเหล่านั้นจมูกหัก คงไม่ต้องบอกว่ามาจากภาคไหน ที่น่าสังเกตคือ เด็กนักศึกษาปี 1 พอเขาไปจมูกหัก แต่พอขึ้นปี 2 จมูกโด่ง ซึ่งเขาดำลังจะหนีชาติพันธุ์ของตัวเอง และนั่นคือวัฒนธรรมที่ขัดแย้งกับประเพณีเดิมของตัวเองกับการศึกษาของไทย” นายสมเกียรติ ระบุ