“สมเกียรติ” ชำแหละการศึกษาไทย ครูเงินเดือนขึ้นแต่คุณภาพเด็กต่ำลง แถมคนว่างงานหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยถึง 1.5 แสนคน ส่วนเกษตรกรเป็นหนี้มากขึ้น จากนโยบาย “ทักษิโณมิกส์” เมินเศรษฐกิจพอเพียง ระบุการหย่าของ “ทักษิณ-พจมาน” เป็นการแบ่งงานกันทำ เดินเกมป่วนทั้งในและนอกประเทศ ชี้ 4 จุดตาย “สมชาย” เป็นนายกฯ คนที่สามเดินเข้าคุกตามรอย “หมัก-แม้ว”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
เวลาประมาณ 22.25 น.วันที่ 17 พ.ย. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาล กล่าวถึงปัญหาการศึกษาไทยว่า วันนี้ ประเทศไทยมีครูประมาณ 7 แสนคน และมีมหาวิทยาลัยประมาณ 158 แห่ง แต่ปราฏกว่านักศึกษาไทยไม่สามารถสอบได้ถึง 50 คะแนนในวิชาเดียวได้แม้แต่คนเดียว ซึ่งทุกวันนี้ครูมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นคนละ 3 พันถึง 1 หมื่นบาท จากการปรับวิทยฐานะ โดยใช้งบประมาณปีละ 3 หมื่นล้านบาท แต่การศึกษาไทยแย่ลง ตอนนี้ครู 98% เรียนปริญญาเอก ปริญญาโท เงินเดือนสูงขึ้น แต่คุณภาพเด็กต่ำลง ซึ่งในมหาลัยมีเด็กว่างงานหลังจากจบมาจบมาปีละ 2 แสนคน ซึ่งว่างงานตั้งแต่วันแรก 1.5 แสนคน ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ชอบการใช้แรงงาน ส่วนใหญ่ไปอยู่ตามศูนย์การค้า ก่อพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนออกไป นอกจากนี้ โรงเรียนพานิชย์ โรงเรียนอาชีวะที่มีกว่า 600 แห่งไม่มีคนเรียน เพราะอยากได้แต่ปริญญา ดังนั้น การศึกษาไทยจึงเป็นการศึกษาที่สิ้นหวัง
สำหรับเรื่องที่ดินทำกิน ประชากร 2.3 ล้านคนไม่มีที่ดิน และที่ดินส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือนายทุน หนี้สินของเกษตรกรเอง สามารถชำระหนี้ได้ 13% ในชาตินี้ อีกกว่า 80% ชำระชาตินี้ก็ยังไม่หมด เมื่อปัจจัยประเทศไทยตกต่ำบั่นทอนเช่นนี้ พระมหากษัตริย์ทรงเสนอแนวทางไปสู่เศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ก่อนปี 2520 แต่เมื่อรัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมาเป็นนายกฯ ไม่สนใจเศรษฐกิจพอเพียง ถูกเรียกว่า ทักษิโณมิกส์ คือ โปรยเงินให้รากหญ้ากู้ ผ่านกองทุนหมู่บ้าน ถึงเวลาชำระก็ไปเช่าเงินนอกระบบมาชำระ แล้วก็กู้กองทุนเพิ่มเพื่อไปคืนเงินนอกระบบนั้น ซึ่งกองทุนหมู่บ้าน 8 หมื่นล้าน โครงการ SML ธนาคารหมู่บ้าน ทำให้คนไทยเป็นหนี้มากขึ้น ซึ่งเงินเหล่านี้ มันไหลเข้าไปบริษัทขายจักรยานยนต์ รถยนต์ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและไหลเข้าไปในบริษัทมือถือของทักษิณ ชินวัตร
“พระเจ้าอยู่หัว เสนอเศรษฐกิจพอเพียง ให้ใช้เงินพอประมาณ ไม่เกินฐานะ ซึ่งทฤษฎีของพระองค์ถูกนำมาไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 9-10 และตราไว้ในรัฐธรรมนูญมาตร 83 เราจึงถือว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ นี้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีฉบับนี้ฉบับเดียว” นายสมเกียรติกล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รายได้ของคนไทยเงิน 100 บาท เป็นรายได้จากการส่งออก 70.50 บาท ส่วนอีก 30 บาท เป็นรายได้จากในประเทศ เช่น กรีดยาง ปลูกข้าวโพด นอกจากนี้ จีดีพีของประเทศมูลค่ากว่า 12 ล้านล้านบาทของไทย ล้วนแล้วแต่เกิดจากภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ซึ่งใน 100 บาทที่เราได้จากการส่งสินค้าออก เป็นสินค้าเกษตรเพียง 10 บาท เท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเกษตรกร 36 ล้านคนจึงยากจน เพราะสร้างรายได้ปีละ 9 แสนล้านบาทเท่านั้น ในขณะที่อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวสูงกว่าเป็น 10 เท่า ดังนั้น คนในอุตสาหกรรมจึงร่ำรวยกว่าเกษตร ที่เดินขบวนทุกปีเพราะมีส่วนแบ่งรายได้น้อยกว่า ดังนั้น เกษตรกรจึงเป็นกลุ่มคนที่น่าสงสาร
ดังนั้น การเมืองใหม่ต้องมีการประกันขั้นพื้นฐานภาคเกษตร ไม่ว่าการศึกษา สุขภาพ ประกันความเสี่ยงราคาพืชผลและหนี้สินด้วย ซึ่งเกษตรกรเป็นบ่วงหนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น การเมืองใหม่ต้องมีการออกแบบประกันสังคมเช่นเดียวกับคนงานในแรงงาน เพราะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน นอกจากนี้ ต้องอยู่ด้วยกันแบบ “สังคมภราดรภาพ”
นายสมเกียรติ กล่าวถึงการหย่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ว่า เมื่อวิเคราะห์การหย่าครั้งนี้ เป็นการแบ่งงานกันทำ โดยที่เงินยังเท่าเดิม ซึ่งจากการเปิดเผยของนายเสนาะ เทียนทองว่า เงินที่โกงชาติ 10% ของโครงการเมกะโปรเจกต์ทั้งหมด จะเอาไปให้คุณหญิงคนหนึ่ง เช่นเดียวกับโครงการโครงการรถไฟฟ้าสายบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร ที่กำหนดงบประมาณสูงถึง 7.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งงบประมาณสูงราวกับว่ารางทำด้วยทองคำ โดยอ้างว่า ราคาเหล็กแพงและราคาน้ำมันสูงขึ้นถึง 40 บาท แต่จากการคำนวนงบประมาณของอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้วพบว่า งบประมาณเพียง 2.13 หมื่นล้านบาท ก็ได้ความมั่นคงแล้ว จึงได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาไป ล่าสุดยังไม่มีการปรับลดงบประมาณแต่อย่างใด ซึ่งหากหลังจากนี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร พันธมิตรก็จะบุกไปดาวกระจายที่กระทรวงคมนาคมทันที
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า การหย่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตรนั้น เป็นการแบ่งงานกันทำ โดย พ.ต.ท.ทักษิณจะเป็นตัวป่วนในต่างประเทศ ส่วนภรรยาเข้ามาป่วนในประเทศ ซึ่งอาจจะมาเป็นหัวหน้าพรรค โดยเรื่องของคดีนั้น ตัวใครตัวมัน แต่เงินเหมือนเดิม ทำงานร่วมกันเพื่อถล่มประเทศไทยให้ย่อยยับ
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้จุดตายของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน มากกว่านายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจุดตายจุดแรก คือ มีหุ้นในบริษัทที่มีสัมปทานโทรคมนาคมกับรัฐ นั่นคือ บริษัท ซีเอส ลอกซ์อินโฟ ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ช. ดองเรื่องเอาไว้ตั้งแต่ 30 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว และหากส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเมื่อไหร่ เดือนธันวาคมก็จะเป็นจุดสิ้นสุดทรราชยุคใหม่อย่างแท้จริง
จุดตายที่ 2 คือ นายสมชาย ได้รับการกล่าวขานทั่วโลกว่า เป็นฆาตรกร 7 ตุลาคม ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชาติชี้ความผิดออกมาแล้ว จุดตายที่ 3 คือ เป็นหนึ่งใน 28 รัฐมนตรี ที่ยกเขาพระวิหารให้เขมร ซึ่ง ป.ป.ช.ตั้งข้อหาขายชาติ ปฏิบัตหน้าที่โดยมิชอบ แต่ให้เวลาชี้แจงก่อนวันที่ 27 พ.ย. นอกจากนี้ นายสมชายยังมีจุดจายที่ 4 คือ คดีทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิอีกกว่า 10 คดี ดังนั้น นายสมชายน่าจะเป็นนายกคนที่ 3 ที่ถูกตัดสินจำคุก หลังจากมีคำพิพากษาติดคุกไปแล้ว 2 คน ซึ่งล้วนแล้วอยู่ต่างประเทศทั้งนั้น