“พิภพ ธงไชย” ชี้สังคมไทยถึงเวลาปรับเปลี่ยนระบบการศึกษา สร้างจิตสำนึกทางการเมืองที่ดีและถูกต้องให้กับเยาวชน เพื่อให้อนาคตของชาติไม่ต้องมีคนอย่าง “ทักษิณ” และระบอบทักษิณผุดขึ้นมาอีก พร้อมเรียกร้องเด็กรู้จักแสดงสิทธิส่วนบุคคลของตัวเองต่อสังคมและโรงเรียน แต่ต้องเป็นสิทธิที่ไม่กระทบสิทธิใหญ่ที่เป็นผลประโยชน์ของชาติโดยรวม
วันนี้ (28 มิ.ย.) เมื่อเวลา 21.21 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า เราอยู่กันมา 35วันแล้ว ซึ่งเป็นการพิสูจน์พลังของภาคประชาชนในการต่อสู้กับรัฐบาลที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อสิทธิขายเสียงมากที่สุดครั้งหนี่ง ฉะนั้นการต่อสู้กับรัฐบาลประชาธิไตยที่ไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการทหาร จะมีลักษณะการต่อสู้ที่ยื่ดเยื้อ โดยเฉพาะรัฐบาลประชาธิปไตยแบบไทยที่มีต่อมจริยธรรมต่ำ เมื่อมีความผิดที่ปรากฏเด่นชัดจนศาลตัดสินก็ไม่ลาออก ผิดกับนานาประเทศเขา เราเจอรัฐบาลแบบนี้ จริยธรรมทางการเมืองแบบนี้ ทำให้เราต้องใช้พลังมากและยาวนานเป็นพิเศษซึ่งก็ทำให้เราประสบความสำเร็จเป็นระยะ และเราจำเป็นต้องใช้กระบวนการทั้งสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเป็นหลักในการต่อสู้
นายพิภพ กล่าวต่อว่า มีคนถามว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสให้ใช้ตุลาการเป็นหลักในการแก้ปัญหาประเทศ แล้วทำไมเราต้องชุมนุมยาวนานขนาดนี้ จึงได้ถามกลับไปว่าถ้าไม่มีกาชุมนุมใดๆ รัฐบาลจะเหิมเกริมมากไปกว่านี้หรือไม่ เราชุมนุมขนาดนี้ยังยอมเขมรเรื่องเขาพระวิหาร จนต้องถูกกดดันนักวิชาการออกมาคัดค้าน แล้วในที่สุดศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นี่ก็คือพลังจากการชุมนุมของพวกเรา ศาลก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่อยู่บนสังคมที่มีอิทธิพลและฉ้อฉลมากมาย ผู้พิพากษาดีๆอาจจะต้องการกำลังใจและประชาชนอยู่เบื้องหลังสนับสนุน จึงจะกล้าตัดสินถูกผิดออกมาได เพราะอำนาจนักการเมืองล้นฟ้า
“ทำให้เห็นว่าพลังของประชาชนที่มาชุมนุมเป็นพลังพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยที่กำหนดความถูกผิดของรัฐบาลและนักการเมือง ถ้าเราอยู่ในประเทศที่ประชาธิปไตยพัฒฬนาแล้ว การชุมนุมทียาวนานขนาดนี้รัฐบาลต้องลาออกแล้ว แต่ที่ไม่ออกเพราะรัฐบาลมีผลประโยชน์กับกลุ่มทุนมากมาย” นายพิภพ กล่าว และว่า อยากชี้ให้เห็นว่าความอดทนของพวกเราประชาชนที่มาชุมนุมกันเป็นเวลานาน เป็นพลังทางศีลธรรม จริยธรรม ที่กดดันรัฐบาลที่ไร้จริยธรรมให้ออกไปในที่สุด
นอกจากนั้น นายพิภพยังกล่าวถึงกรณีที่เด็กนักเรียนขึ้นเวทีพันธมิตร โดยเฉพาะเด็กราชวินิตว่า ถ้าระบบการศึกษาไทยสร้างจิตสำนึกทางการเมืองให้เหมือนกับเด็กเหล่านั้น จนถึง 70-80% เชื่อว่าการเมืองไทยเปลี่ยนแน่ๆ เพราะระบบการศึกษาไทยไม่เคยสร้างจิตสำนึกทางการเมืองให้เด็กเลย เรามาอยู่ตรงนี้แท้ๆ ครูควรจะสนับสนุนให้เด็กและนักศึกษามารวมชุมนุมกับเรา เพราะไม่มีการเรียนรู้ทางเมืองใดๆดีที่สุดเท่ากับการมาลงมือปฏิบัติการในพื้นที่ของการชุมนุม มารับข้อมูลข่าวสารโดยตรง อย่างกรณีที่ประเทศเยอรมัน มีการศึกษาออกมาว่าถ้าไม่อยากให้สังคมเยอรมันเกิดระบบการเลือกตั้งให้ได้คนอย่างฮิตเลอร์กลับมาอีก ต้องเริ่มที่การศึกษา ในเมืองไทยก็เช่นกัน ถ้าไม่อยากได้คนแบบทักษิณและระบอบทักษิณกลับมาอีกต้องเปลี่ยนที่ระบบการศึกษา
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ตนจะได้อ่านคำร้องแล้วก็ได้เข้าไปทำตามมติของ 5แกนนำที่ให้ไปคุยแลกเปลี่ยนว่ามีปัญหาอะไร เรื่องเสียงเราก็แก้จนจบ ฉะนั้นการฟ้องแพ่งเรื่องเสียงตกไปแล้ว เด็กจะไม่มีผลกระทบจากเรื่องเสียง แม้แต่ราชมงคลก็ไม่กระทบ ปัญหาเรื่องความสะอาดก็จัดการแล้ว วันนี้จะให้การ์ดไปคุยกับพ่อค้าแม่ค้าริมประตูราชวินิต ว่าให้ขยับออกมา เพื่อไม่ให้ถูกอ้างว่าทำสกปรก ส่วนเรื่องรถเมล์ได้คุยกับขสมก.แล้วว่ารถเมล์ที่เคยวิ่งผ่านด้านนี้ให้มาส่งลงที่ใกล้ที่สุดที่เด็กจะเดินมาถึงได้ ฉะนั้นข้อกล่าวหาทั้งสามประการเราจะนำไปชี้แจงต่อศาล พี่น้องสบายใจได้
นอกจากนั้น นายพิภพยังเรียกร้องให้เด็กเยาวชนไทยรู้จักแสดงสิทธิของตัวเองออกมา ทั้งต่อสังคมและโรงเรียน โดยระบุว่าเด็กทุกคนสามารถที่จะอ้างสิ่งที่ตนเองถูกกระทบได้ แต่ก็ควรจะต้องฟังว่าสิ่งที่ถูกกระทบนั้น สิ่งที่มากระทบนั้นกำลังทำเรื่องอะไร กำลังทำเรื่องประโยชน์ต่อบ้านเมือง ซึ่งอาจจะสงวนสิทธิในบางประการที่ยอมให้กระทบ
“อยากให้เด็กเยาวชนของเรารู้จักอ้างสิทธิว่าสิทธิของเขามีอะไรบ้าง ทำนองเดียวกันเขาก็ควรจะอ้างสิทธิกับครูบาอาจารย์เขาว่าไม่มีสิทธิจะมาปิดกั้นข้อมูลข่าวสารกับเขา และเขาก็มีสิทธิที่จะมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯและร่วมชุมนุม การอ้างสิทธิซึ่งกันและกันเป็นของดี แต่จะต้องดูว่าการอ้างสิทธินั้นไปกระทบสิทธิใหญ่หรือเปล่า ถ้ากระทบสิทธิใหญ่ สิทธิเล็กๆต้องยอม ฉะนั้นเรื่องเสิทธิทางการเมืองสิทธิสว่นบุคคลต้องประนีประนอมกันในระดับหนึ่ง ต้องเอาสิทธิทางการเมืองในเรื่องการชุมนุมเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นใหญ่” นายพิภพ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม เราเองก็เคารพกับสิทธิของเด็กๆ ด้วย ซึ่งก็ได้จัดการแก้ปัญหาให้แล้ว
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า วันนี้เรามาอยู่กันด้วยสิทธิของสังคมประชาธิปไตย โดยเอาประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่ เมื่อเราอธิบายเรื่องนี้ แล้วอาจารย์ในราชวินิตและสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ได้เปิดโอกาสให้เด็กมาเรียนรู้ทางการเมือง เชื่อว่าอนาคตของประเทศชาติจะมองเห็นว่าประชาธิปไตยจะเคลื่อนไป