ผู้จัดการรายวัน - ประธาน กมธ.การศึกษา วุฒิสภา เผย 9 ปี ที่ปฏิรูปการศึกษาเป็นการแก้ปัญหาผิดจุดหวังแต่ปรับโครงสร้าง ไม่ได้พัฒนาการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนอย่างแท้จริง ทำให้เด็กเบื่อจนคุณภาพการศึกษาไทยต่ำกว่าสิงคโปร์ ขณะที่ครูมุ่งแต่เลื่อนวิทยฐานะ-สนใจแต่ปัญหาของตัวเอง แนะทุกฝ่ายควรมีส่วนร่วมเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ประธานกรรมาธิการ(กมธ.)การศึกษาวุฒิสภา กล่าวภายหลังการประชุมหารือเรื่อง “คุณภาพการศึกษา และโอกาสทางการศึกษาของเด็กไทย” ร่วมกับ กมธ.การศึกษาวุฒิสภา และคณะที่ปรึกษา อาทิ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา, รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ, ดร.บรรจง พงศ์สาร ฯลฯ เพื่อหาข้อสรุปปัญหา และกิจกรรมที่กมธ.การศึกษาวุฒิสภาต้องดำเนินการต่อไปว่า ปัญหาที่ทำให้คุณภาพการศึกษาของเด็กมีปัญหา เกิดจากที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 9 ปีการปฏิรูปการศึกษาให้ความสำคัญผิดจุด คือ 1. มุ่งปรับเปลี่ยนเพียงเรื่องโครงสร้างหรือระบบการบริหารการศึกษา 2.ไม่ได้มุ่งพัฒนาระบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนอย่างแท้จริง
3.ระบบการเรียนการสอนยังเน้นการสอนวิชาการในห้องเรียนแล้ววัดผลที่การสอบปรนัยเป็นหลัก และกิจกรรมนอกห้องเรียนที่ส่งเสริมให้เด็กรู้จักมองปัญหา รู้จักคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หรือได้พัฒนาจิตใจของเด็กกลับไม่ได้มีการจัดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ส่งผลให้เด็กเบื่อการเรียนแบบเดิม ไม่มีสมาธิที่จะศึกษาเรียนรู้ ซึ่งแตกต่างจากการเรียนการสอนของประเทศสิงคโปร์ ที่เรียนในห้องเรียนเพียงครึ่งวัน นอกนั้นเป็นกิจกรรมนอกห้องเรียน ทำให้คุณภาพการศึกษาของสิงคโปร์ดีกว่าไทย
4. ครูจำนวนมากไม่อยู่ในฐานะที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะสร้างการเรียนรู้และคุณภาพของเด็กไทย เพราะครูไปให้ความสำคัญกับเรื่องการเลื่อนวิทยฐานะของตัวเองและครูก็มีปัญหาอื่นอีกมาก และ 5.ปัจจัยทางสังคม เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต หรือเทคโนโลยีเกือบทุกชนิด ดึงเด็กไทยให้จมไปกับการเสพสิ่งที่ไม่ประเทืองปัญญาหรือพัฒนาจิตใจ
นายสิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากครู กิจกรรม รูปแบบการเรียนการสอนต้องมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือคนในครอบครัวทุกคน ก็ต้องช่วยรับมือกับปัญหานี้ด้วย ไม่ใช่มองว่าเป็นหน้าที่ของโรงเรียนเพียงอย่างเดียว รวมทั้งควรมีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ในสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง และทำกิจกรรมปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะให้แก่เด็ก ไม่ใช่ให้เด็กดูละคร อีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เด็กไทยไม่รักการอ่าน
“เรื่องคุณภาพการศึกษา ซึ่งมีความหมายรวมถึงคุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะของผู้เรียนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ดังนั้น การแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษา นอกจากเป็นหน้าที่ กมธ.การศึกษาวุฒิสภาแล้ว ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ครู อาจารย์ และพ่อแม่ ปลายเดือนกันยายนนี้ ทาง กมธ.การศึกษา วุฒิสภา จึงจัดให้มีการระดมความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องครั้งใหญ่ เป็นการจัดสัมมนาระดับชาติขึ้น เพื่อจะได้นำข้อสรุป และมอบให้รัฐบาลนำไปดำเนินการให้เกิดผลในการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาต่อไป” นายสิริวัฒน์ กล่าว
นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ประธานกรรมาธิการ(กมธ.)การศึกษาวุฒิสภา กล่าวภายหลังการประชุมหารือเรื่อง “คุณภาพการศึกษา และโอกาสทางการศึกษาของเด็กไทย” ร่วมกับ กมธ.การศึกษาวุฒิสภา และคณะที่ปรึกษา อาทิ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา, รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ, ดร.บรรจง พงศ์สาร ฯลฯ เพื่อหาข้อสรุปปัญหา และกิจกรรมที่กมธ.การศึกษาวุฒิสภาต้องดำเนินการต่อไปว่า ปัญหาที่ทำให้คุณภาพการศึกษาของเด็กมีปัญหา เกิดจากที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 9 ปีการปฏิรูปการศึกษาให้ความสำคัญผิดจุด คือ 1. มุ่งปรับเปลี่ยนเพียงเรื่องโครงสร้างหรือระบบการบริหารการศึกษา 2.ไม่ได้มุ่งพัฒนาระบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนอย่างแท้จริง
3.ระบบการเรียนการสอนยังเน้นการสอนวิชาการในห้องเรียนแล้ววัดผลที่การสอบปรนัยเป็นหลัก และกิจกรรมนอกห้องเรียนที่ส่งเสริมให้เด็กรู้จักมองปัญหา รู้จักคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หรือได้พัฒนาจิตใจของเด็กกลับไม่ได้มีการจัดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ส่งผลให้เด็กเบื่อการเรียนแบบเดิม ไม่มีสมาธิที่จะศึกษาเรียนรู้ ซึ่งแตกต่างจากการเรียนการสอนของประเทศสิงคโปร์ ที่เรียนในห้องเรียนเพียงครึ่งวัน นอกนั้นเป็นกิจกรรมนอกห้องเรียน ทำให้คุณภาพการศึกษาของสิงคโปร์ดีกว่าไทย
4. ครูจำนวนมากไม่อยู่ในฐานะที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะสร้างการเรียนรู้และคุณภาพของเด็กไทย เพราะครูไปให้ความสำคัญกับเรื่องการเลื่อนวิทยฐานะของตัวเองและครูก็มีปัญหาอื่นอีกมาก และ 5.ปัจจัยทางสังคม เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต หรือเทคโนโลยีเกือบทุกชนิด ดึงเด็กไทยให้จมไปกับการเสพสิ่งที่ไม่ประเทืองปัญญาหรือพัฒนาจิตใจ
นายสิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากครู กิจกรรม รูปแบบการเรียนการสอนต้องมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือคนในครอบครัวทุกคน ก็ต้องช่วยรับมือกับปัญหานี้ด้วย ไม่ใช่มองว่าเป็นหน้าที่ของโรงเรียนเพียงอย่างเดียว รวมทั้งควรมีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ในสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง และทำกิจกรรมปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะให้แก่เด็ก ไม่ใช่ให้เด็กดูละคร อีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เด็กไทยไม่รักการอ่าน
“เรื่องคุณภาพการศึกษา ซึ่งมีความหมายรวมถึงคุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะของผู้เรียนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ดังนั้น การแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษา นอกจากเป็นหน้าที่ กมธ.การศึกษาวุฒิสภาแล้ว ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ครู อาจารย์ และพ่อแม่ ปลายเดือนกันยายนนี้ ทาง กมธ.การศึกษา วุฒิสภา จึงจัดให้มีการระดมความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องครั้งใหญ่ เป็นการจัดสัมมนาระดับชาติขึ้น เพื่อจะได้นำข้อสรุป และมอบให้รัฐบาลนำไปดำเนินการให้เกิดผลในการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาต่อไป” นายสิริวัฒน์ กล่าว