โฆษก ปชป.ประณาม “สมชาย” ร่วมขบวนการทำลายบ้านเมืองสนองตัณหาพี่เมีย แฉเว็บไซต์-ใบปลิวโจมตีเบื้องสูงเกลื่อนหลัง “แม้ว” เจอคดีติดคุก เตือนนายกฯ-รมว.ต่างประเทศอย่าเพิกเฉย เข้าข่าย “ละเว้น”
วันนี้ (27 ต.ค.) นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การเมืองหลังคำตัดสินศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำคุก 2 ปีว่า มีเงื่อนไขทางการเมืองเพิ่มขึ้นที่จะทำให้สังคมไปสู่ความขัดแย้งตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.เป็นต้นไป จึงอยากให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และป้องกันไม่ให้มีการก่อความรุนแรงเกิดขึ้น โดยเห็นได้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะยังไม่ใช้สิทธิ์ขอลี้ภัยทางการเมือง เนื่องจากเงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ต้องไม่ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณยังดำเนินการอยู่ จึงยังไม่สามารถลี้ภัยทางการเมืองได้
ทั้งนี้ยังมีสถานะของการลี้ภัยที่มีประเด็นปัญหาหลายอย่าง คือ เป็นครั้งแรกที่ผู้ขอลี้ภัยมีสถานภาพเป็นญาติกับนายกรัฐมนตรีในประเทศนั้น ดังนั้น กรณี พ.ต.ท.ทักษิณถือเป็นการลี้ภัยหนีคดีที่มีการพิพากษาแล้ว ซึ่งรัฐบาลไม่มีทางอื่นโดยต้องพิจารณา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนต้องคำพิพากษาจำคุกที่กำลังโจมตีกระบวนการยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลไม่ได้ปกป้องสถาบันตุลาการเลย
“พรรคขอประณามนายสมชายที่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการกระทำใดๆ ที่จะปกป้องคุ้มครอง สถาบันตุลาการว่าได้ดำเนินการอย่างเป็นอิสระ แต่กลับปล่อยให้มีการจัดหลายเวทีที่จะเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรง ใช้สื่อของรัฐโจมตีการทำงานสถาบันตุลาการและองค์กรอิสระ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามเบี่ยงเบนว่าเป็นความขัดแย้งของผู้มีอภิสิทธ์เหนือประชาชนกับสามัญชน เป็นแนวคิดเดียวกับนายจักรภพ เพ็ญแข จนเป็นที่มาของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เรื่องนี้จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายกฯ และรมว.ต่างประเทศที่ต้องดูแล จะปัดความรับผิดชอบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือต้องรอเวลาไม่ได้ จึงขอเรียกร้องไปยังบุคคลทั้งสอง ที่ปล่อยให้มีเว็บไซต์เกิดใหม่หลังคดีที่ดินรัชดาฯ มีใบปลิว มีขบวนการใต้ดินพูดถึงความขัดแย้งระหว่างชนชั้น และโจมตีตุลาการ เรื่องนี้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ร้ายแรงที่สุดของสมชาย ซึ่งพรรคเตรียมสรุปประเด็นต่างๆ หารือที่ประชุมพรรควันพรุ่งนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายแพทย์บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า การปล่อยปละละเลยในขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง ทำให้กองทัพบกต้องออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล และเข้ามารับผิดชอบด้วยตัวเอง ก็เพราะนายกฯ ไม่ยอมดำเนินการ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน คือ การร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่กระทำความผิด และขอเรียกร้องประชาชนที่พบเบาะแสให้นำข้อมูลมาให้พรรคเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
“ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำได้ทันที คือ การให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยุติการสร้างกระแสสนับสนุนแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างว่าเป็นการทำงานส่วนตัวของนายณัฐวุฒิไม่ได้ เพราะเป็นโฆษกรัฐบาล โดยทุกเวทีที่นายณัฐวุฒิไปร่วม รัฐบาลและนายกฯ ต้องรับผิดชอบ พรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงว่าเวทีเหล่านี้จะเพิ่มความขัดแย้งในสังคม เป็นขบวนการจงใจให้ประเทศชาติถึงทางตัน เช่น การปลุกระดมทั่วประเทศว่าจะมีการปฏิวัติ เพื่อให้คนไทยเคลื่อนขบวนมาต่อต้านการปฏิวัติ ทั้งที่ผู้นำเหล่าทัพยืนยันไม่ปฏิวัติ ถือเป็นการสร้างเงื่อนไขสู่การชุมนุมครั้งใหญ่ ซึ่งอาจถึงขั้นทำให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จนเกิดความรุนแรงทำให้เหล่าทัพต้องเข้ามาคุมสถานการณ์ ถือเป็นความพยายามที่จะนำประเทศเข้าสู่ความเสี่ยงด้วยความจงใจ” นายแพทย์บุรณัชย์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีการปล่อยให้กลุ่มนอกกฎหมายหลายกลุ่ม พูดถึงการจัดเตรียมกำลัง มีทั้งคนไม่ปรากฏที่มา เช่น การดำเนินการของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาคที่พยายามอ้างสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อเพิ่มกระแสสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งในวงกว้างเป็นอย่างยิ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นปัญหาของวิกฤตบ้านเมืองอย่างจงใจ เพื่อมารองรับการแก้รัฐธรรมนูญ 291 ซึ่งจะเป็นสาเหตุของความขัดแย้งใหม่อยู่แล้ว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันมาโดยตลอดว่า ส.ส.ร.ไม่ใช่ทางออกแก้วิกฤตแต่เป็นการแก้ รธน. เพื่อตัวเองตามจุดยืนของพลังประชาชนที่ดำเนินการมาต่อเนื่อง จนทำให้เกิดการชุมนุมและการสูญเสียตามมา ซึ่งทุกครั้งที่มีความรุนแรงความสูญเสียเพิ่มขึ้นทุกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นอีก
“ผมขอเรียกร้องให้ขบวนการทำร้ายบ้านเมืองเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ยุติลงและให้นายสมชายเริ่มต้นรับผิดชอบเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม และรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยต้องยุติพฤติกรรมยักคิ้วหลิ่วตาปล่อยให้เกิดปัญหากับบ้านเมือง แล้วอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ปัญหาการเมืองขณะนี้ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการยุติธรรม แต่เป็นการไม่ยอมรับคำตัดสินของผู้ต้องหา คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นความขัดแย้งระหว่าง พรรคพลังประชาชนกับ รัฐธรรมนูญปี 50 ที่ส่งผลต่อสถานะของกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนจนอาจนำไปสู่การยุบพรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงว่า การชุมนุมใหญ่วันที่ 1 พ.ย.จะนำไปสู่ความรุนแรงอีกครั้ง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว