xs
xsm
sm
md
lg

กก.สิทธิฯชี้สมชายฆาตกร รัฐบาลเมินกองทัพยันไม่ยุบสภา-ไม่ลาออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (17 ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจาก

บ้านพักเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ถ.แจ้งวัฒนะ ไปยังศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อ.บางไทร จ.พระ

นครศรีอยุธยา เพื่อตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานต่างๆของเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการบรรยายสรุปของเจ้าหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ได้พูดโทรศัพท์

มือถือตลอดเวลา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ซึ่งมีทั้งสายเรียกเข้าและโทรออกไปด้วยตัวเอง นอกจากนี้พอ

วางโทรศัพท์นายกฯ ยังเรียก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เลขานุการส่วนตัว มาคุยด้วย จนไม่ได้ฟัง

เนื้อหาการบรรยาย และ ก่อนที่นายสมชาย จะเดินทางกลับ ก็ได้ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามของผู้สื่อ

ข่าว โดยบอกว่า อยากถามเรื่องอะไรให้ไปถามทีเดียว ที่ดอนเมือง

**เรียกประชุมแกนนำพรรคร่วม
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายสมชาย ได้เรียกประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ดอนเมือง โดยมี

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ ปริศนานันท

กุล รมว.เกษตรฯ และรองหัวหน้าพรรคชาติไทย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรม และ

ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร

หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค

รวมใจไทยชาติพัฒนา นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา เลขานุการ รมว.ทรัพยากรธรรมาชาติและสิ่งแวดล้อม

และร.อ.รชฏ พิสิฐบรรณกร เลขานุการ รมช.พาณิชย์ ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคมัชฌิมาธิปไตย นางอุไร

วรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน ตัวแทนพรรคประชาราช
หลังการประชุม นายสมชาย พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ได้ร่วมกันแถลงข่าว

แสดงจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาล โดยนายสมชาย ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือก

ของประชาชนทั่วประเทศ การทำงานของรัฐบาลมีจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่เฉพาะการเมือง แต่คำนึงถึงการ

ดูแลทุกข์สุข ของคนทั้งประเทศ
นายสมชาย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดการถกเถียงกันวันนี้คือวันที่มีการแถลงนโยบายรัฐบาล

วันที่ 7 ต.ค. เป็นวันที่ประธานสภาฯนัดหมายไว้ แต่คืนวันที่ 6 ต.ค.ได้ทราบข่าวว่า มีกลุ่มคนไปปิด

ล้อมรัฐสภาไม่ให้เข้าออกได้ จึงเชิญ ครม.มาประชุมเร่งด่วนฉุกเฉิน เพื่อหารือต่อสถานการณ์ดังกล่าว

ซึ่งหลายคนเสนอให้ย้ายสถานที่ประชุม ซึ่งตนเห็นว่าดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปรบรากัน แต่ก็มีอีกส่วน

หนึ่งบอกว่า ควรที่จะไปตามที่ประธานสภาฯนัด ซึ่งในที่สุดได้ข้อสรุปว่า จะไปตามที่ประธานสภาฯ

นัดหมาย และมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯในขณะนั้น เป็นผู้ดูแลในส่วนที่มีการ

ปิดล้อมรัฐสภา และพอวันรุ่งขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังที่ทุกคนเห็นกันทั่วประเทศแล้ว รัฐบาลจึงให้ตั้ง

คณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยรัฐบาลไม่ยุ่งเกี่ยวกับการตั้งตัวคณะกรรมการ

ปล่อยให้เป็นอิสระดำเนินการกันไป แต่เราต้องการให้ผลปรากฏออกมาโดยเร็ว ซึ่งทราบว่าภายในอีก

15 วันน่าจะเสร็จ
ทั้งนี้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร รัฐบาลพร้อมยอมรับ ใครผิดอย่างไร ใครต้องรับผิดชอบก็

ว่าไปตามนั้น นี่คือเจตนาของรัฐบาล ไม่ได้ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงอะไร

**อ้างมี 3 งานสำคัญที่ต้องทำ
นายสมชาย กล่าวว่า การทำงานตามหน้าที่ของรัฐบาลนั้น ไม่สามารถละทิ้งได้ เรามีงาน

ใหญ่ข้างหน้าอีก 3 งานคือ งานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา

กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ งานเฉลิมพระชมน์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการเป็น

เจ้าภาพประชุมสุดยอดผู้นำเอาเซียน บวก 6 ประเทศคู่เจรจา ซึ่งงานดังกล่าว ถือเป็นหน้าตาของประเทศ

ผู้นำทุกประเทศจะเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการรอพระกรุณาโปรด

เกล้าฯให้เข้าเฝ้า ฉะนั้นอยากให้ทุกฝ่ายหยุดการวิวาทบาดหมาง ขอให้มาร่วมมือกัน
นายสมชาย ยังกล่าวถึง เรื่องการปฏิรูปการเมืองว่า รัฐบาลมีแนวทางชัดเจนที่จะสนับสนุน

ให้มี ส.ส.ร. เพราะมองว่าเป็นทางออกที่ทุกฝ่าย ทุกพรรคการเมืองเห็นตรงกัน ซึ่งถ้าปรับปรุงแก้ไขกัน

ไปเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลก็พร้อมที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชน ยอมรับว่ารัฐบาลรู้สึกไม่สบายใจใน

บางครั้งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่รัฐบาลก็มาจากประชาธิปไตย มีกำหนดกฎเกณฑ์ของการมา และ

การไป แต่การจะไป หรือจะมา จะต้องยึดประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง อันนี้

เป็นสิ่งสำคัญที่ 6 พรรค จะร่วมกันดำเนินงานต่อไป

**ทหารแค่แสดงความเห็นไม่ได้บีบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กองทัพ ออกมากดดันให้รัฐบาลรับผิดชอบด้วยการลาออก จะมีการ

ปิดประตูคุยกันหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า จะปิดหรือจะเปิด เป็นเรื่องที่ตนกับข้าราชการจะคุยกัน

ยังไงตนก็ยังต้องร่วมทำงานกับข้าราชการ แต่ว่าเรารับฟังความเห็นข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายอยู่แล้ว

แต่จะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน แต่งานรัฐบาลต้องทำ

ต่อไป ข้าราชการเองก็มีระบบระเบียบในการทำงานอยู่
เมื่อถามว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะอยู่อย่างไรเมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ

นายสมชาย กล่าวว่า ยังไม่มีใครบอกว่าไม่สนับสนุน เมื่อถามถึงกรณีที่ ผบ.ทบ. เปรียบเทียบว่า ถ้าตน

เองเป็นนายกฯ แล้วเกิดเหตุการณ์อย่างวันที่ 7 ต.ค. คงลาออกไปแล้ว นายสมชาย กล่าวเพียงว่า ตนได้

เรียนไปแล้วว่า เป็นเพียงความเห็น เมื่อถามว่ารัฐบาลกับกองทัพ เดินเป็นเส้นขนานกันหรือ

เปล่า นายสมชาย ตอบว่าไม่ขนาน เมื่อถามว่า จะมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า

ไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอก เรื่องที่ตนชี้แจงเป็นเรื่องการทำงาน ไม่มีใครไปเปลี่ยนใครทั้งนั้น เมื่อถามถึง

กรณีที่ ผบ.เหล่าทัพ ออกทีวีไล่รัฐบาล นายสมชาย ชี้นิ้วพร้อมกับกล่าวว่า คุณพูดเองนะ ไม่มีใครไล่

รัฐบาลนะ เมื่อถามว่า การออกทีวี ของผบ.เหล่าทัพเหมือนเป็นการปฏิวัติหน้าจอ นายสมชาย กล่าวว่า

ไม่เข้าใจคำว่าปฏิวัติหน้าจอ แต่ได้ตอบไปชัดเจนแล้วว่า ใครมีความเห็นอย่างไรรัฐบาลพร้อมรับฟัง

และนำมาวิเคราะห์พิจารณา
เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้นายกฯ ยืนยันจะไม่ยุบสภา หรือลาออกใช่หรือไม่ นายสมชาย

กล่าวว่า ก็ให้ฟังตามที่ตนได้แถลงไปแล้ว เมื่อถามว่าจะคุยกับ ผบ.เหล่าทัพเมื่อไร นายสมชาย

กล่าวว่า เรื่องคุยกับ ผบ.เหล่าทัพนั้น จะคุยในสาระการทำงาน เมื่อมีงานที่เหมาะสมจะต้องคุยกัน เมื่อ

ไรก็จะคุย เพราะอย่างไรเสียตนก็ต้องมีงานที่จะต้องทำร่วมกันกับทุกท่านนั้นอยู่แล้ว เพราะตนเป็น รม

ว.กลาโหม

**ไม่ยอมบอกใครสั่งสลายการชุมนุม
เมื่อถามว่า วันที่ 6 ต.ค. การประชุม ครม.ฉุกเฉิน ใครเป็นคนสั่งการสลายการชุมนุม นาย

สมชาย ตอบเลี่ยงว่า เมื่อสักครู่ได้แถลงชัดเจนแล้ว เมื่อถามย้ำว่า ท่านเป็นผู้สั่งเอง หรือ พล.อ.ชวลิต

เป็นคนสั่งการ นายสมชาย กล่าวว่า คุณอย่าถามอย่างนั้น มันไม่มีใครไปสั่ง เมื่อกี่ก็บอกแล้วที่แถลงไป

ทั้งหมดไปจดแล้วไปอ่านทบทวนอีกครั้ง นะครับ เมื่อถามว่า หลัง 15 วัน หลังการสอบสวนคณะ

กรรมการ จะมีคำตอบจากปากนายกฯใช่หรือไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร นายสมชาย กล่าวย้ำว่า ต้องดู

ผลว่าใครผิด ใครถูก ก็ว่ากันไป

**ลั่นกองทัพบังคับรัฐบาลไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามแกนนำพรรคชาติไทยว่า พร้อมที่จะร่วมงานกับรัฐบาลต่อไปเหมือนเดิมหรือ

ไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่านายกฯได้แถลงแล้วว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนแล้ว ฉะนั้นขอให้

รอฟังผลของคณะกรรมการ รอฟังเหตุผลของกรรมการตัดสิน ว่ามีใครถูก ใครผิดอย่างไร ท่านก็เรียน

ให้ทราบแล้วว่า จะรับผิดชอบ ในคำสั่งที่ตัดสิน คาดว่า 15 วันจะรู้ผล ยืนยันว่ามติ ครม.ในคืนวันที่ 6

ต.ค.ไม่เคยให้ใช้ความรุนแรง เพียงแต่บอกว่า เราจะไปประชุมตอนเช้าให้ได้เท่านั้นเอง
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงกรณีที่ ผบ.เหล่าทัพ ออกมากดดันรัฐบาลให้รับผิดชอบเหตุการณ์

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า กองทัพก็เป็นข้าราชการ สามารถแสดงความเห็นได้ แต่กองทัพจะมาบังคับรัฐบาล

ไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็สามารถแนะนำรัฐบาลได้ ที่ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พูดก็มีน้ำหนักเพราะ

เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ก็มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
"สำหรับท่าทีของเรา ก็จะรอการสอบสวนของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง

กรณีดังกล่าวก่อน ซึ่งจะทราบผลภายใน 15 วัน รัฐบาลจะอยู่หรือไป ก็อยู่ที่ผลของการสอบสวนของ

คณะกรรมการชุดนี้" พล.ต.สนั่น กล่าว

**ความเห็นผบ.ไม่ใช่เรื่องใหญ่
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่ผบ.เหล่า

ทัพจะแสดงความเห็นในฐานะที่ทหาร ก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง รัฐบาลเองต้องรับฟัง แต่ก็คุยกันว่า ถ้าให้

รัฐบาลยุบสภาหรือลาออก แล้วทิ้งงานไป คงทำไม่ได้ เพราะยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.พลังประชาชน ระบุว่า ทราบข้อมูลว่ามีกระบวนการกดดันนายกฯ

ให้ลาออก เพื่อหาตัวนายกฯคนนอก โดยใช้วิธีการงดเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตรา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า

คงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย เพราะถ้าจะมี ก็คงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องดังกล่าวไม่มีในข้อบังคับ

เมื่อถามว่ามีหลายคนมองว่าท่าทีของ ผบ.เหล่าทัพ กดดันรัฐบาลอย่างชัดเจน นายสมศักดิ์

กล่าวว่า เท่าที่ประเมิน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่แรงอะไร เพราะเป็นเพียงความคิดเห็นของทหารในฐานะ

ประชาชนคนไทย เชื่อว่าทหารคงไม่ปฏิวัติ เพราะได้พูดผ่านรายการว่า จะไม่ปฏิวัติ คิดว่าไม่ใช่การ

ข่มขู่ เพราะทหารไม่ใช่อันธพาล คงเป็นเพียงการแสดงความเห็น
เมื่อถามว่าจุดยืนของพรรคชาติไทยจะถอนตัวทันทีหรือไม่ หากรัฐบาลผิด นายสมศักดิ์

กล่าวว่า พรรคชาติไทยพร้อมรับฟังผลการพิจารณา หากรัฐบาลผิดจะถอนตัวทันที เมื่อถามว่ามีคน

มองว่า รัฐบาลเหลืออายุแค่ 15 วัน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากนับอายุตามรัฐธรรมนูญรัฐบาลจะเหลืออายุ

3 ปี แต่ถ้านับตามความรู้สึกของใครบางคน ถือว่ารัฐบาลได้หมดอายุไปนานแล้ว แต่วันนี้ยังมีลม

หายใจอยู่

**ยัน 5 พรรคร่วมหนุนรัฐบาลต่อ
ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึง

กรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เสนอว่านายกรัฐมนตรีควรลาออกว่า เป็นความ

เห็นส่วนตัวของท่าน และนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้สอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุม ทั้งนี้ 4 รัฐมนตรีของ

พรรค ก็ไม่ได้หารือในเรื่องนี้เช่นกัน
ส่วนบรรยากาศการประชุมก็ไม่ได้เคร่งเครียด มีเพียงการหารือว่า จะเอากันอย่างไร นายก

รัฐมนตรี จะแถลงอย่างไร ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีให้

ทำงานต่อไป
**กก.สิทธิยันรัฐบาล-สตช.ต้องรับผิด
นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วย นายสุรสีห์

โกศลนาวิน ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ชุดที่ 1 แถลงถึงผลสรุปเบื้องต้นของการตรวจ

สอบข้อเท็จจริง กรณีการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา

โดยนายสุรสีห์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.เวลา 06.00 น.

ระหว่างที่ประชาชนได้ร่วมชุมนุมบริเวณรอบๆ รัฐสภา ประชาชนส่วนหนึ่งกำลังรับฟังการปราศรัยบน

เวที บางส่วนนอนหลับพักผ่อนบริเวณการชุมนุม และเวลาประมาณ 06.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณ

ถนนราชวิถี จากแยกการเรือน เริ่มยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชนที่ร่วมชุมนุมอยู่บริเวณสามแยกพิชัย

ตัดกับถนนราชวิถี ตรงข้ามประตูทางออกของรัฐสภา พร้อมเดินประชิดเข้ามาบริเวณแนวยางกั้นบน

ถนนราชวิถีใกล้ประตูทางออกรัฐสภา ด้านสามแยกพิชัย พร้อมระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชน

จนได้รับบาดเจ็บ ขาขาด นอนแน่นิ่งหน้าประตูทางออกรัฐสภา ตำรวจสามารถผลักดันประชาชนให้

ถอยร่นไปบริเวณสามแยกอู่ทองได้เป็นผลสำเร็จ และเดินผ่านประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ให้

ความช่วยเหลือแต่ประการใด จนกระทั่งมีรถพยาบาลของ รพ.วชิระ เข้ามาช่วยลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ โดยเฉพาะสื่อมวลชน ทราบว่า ก่อนการยิงแก๊สน้ำตา

สลายฝูงชนตำรวจไม่ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบว่าจะมีการใช้แก๊สน้ำตาแต่ประการใด
ต่อมาเมื่อเวลา16.00 น. วันเดียว กันตำรวจได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชนที่ชุมนุม

อยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นเวลาต่อเนื่อง 30 นาที จนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ

สาหัส แขนขาขาด เป็นเหตุให้ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ เสียชีวิต ซึ่งก่อนการยิงแก๊สน้ำตาตำรวจ

ไม่ได้มีการแจ้งเตือน หรือใช่โล่ผลักดันฝูงชนก่อน และเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ประชาชนใช้

หนังสติ๊กยิงลูกแก้วถูกโล่ของตำรวจประมาณ 7-8 ครั้ง จากนั้นตำรวจก็ระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่

ประชาชนในทันที
ต่อมาเมื่อเวลา19.00 น. ตำรวจได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนที่บริเวณสี่แยกถนน

ศรีอยุธยา ตัดถนนราชดำเนินใกล้กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยระดมยิงอย่างต่อเนื่องเป็นชั่วโมง

ในครั้งนี้เป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บสาหัส แขนขาขาด เช่นเดียวกัน

**สร้างสถานการณ์ป้ายผิดพันธมิตรฯ
นายสุรสีห์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า สาเหตุที่เกิดการระดมยิง

ในจุดหลังเกิดจากตำรวจคนหนึ่ง ดึงวัตถุชนิดหนึ่งออกมาแล้วขว้างไปที่กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกัน

ที่อยู่ด้านหน้าของตำรวจคนดังกล่าว ประมาณ 5 เมตร มีเสียงระเบิดและกลุ่มควันจำนวนมาก หลัง

จากนั้นได้ยินเสียงตำรวจตะโกนว่า กลุ่มพันธมิตรฯ มีแก๊สน้ำตา ตำรวจจึงระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่

ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมจนเป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ
นายสุรสีห์ กล่าวว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่า ก่อนเกิดการ

ใช้กำลังและอาวุธแก๊สน้ำตาเข้าสลายฝูงชนที่บริเวณโดยรอบรัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า และ

บริเวณบช.น.นั้น ในคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เรียกประชุม

โดยมี พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกหลายนายเข้าร่วมประชุม
จากนั้นได้เดินทางไปประชุมต่อที่อาคารสนามบินดอนเมือง เนื่องจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการด่วน และมีการอ้างว่าจะมีการประชุมรัฐสภาใน

วันที่ 7 ต.ค. เพื่อแถลงนโยบายจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสื่อมวลชนส่วนใหญ่ทราบตั้งแต่คืน

วันที่ 6 ต.ค. 51 แล้วว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กำลังและแก๊สน้ำตาเข้าสลายฝูงชนในช่วงเช้าของวันที่ 7

ต.ค. เพื่อให้ส.ส.และส.ว.และครม.เข้าร่วมประชุมเพื่อแถลงนโยบาย จึงได้มีการใช้กำลังตำรวจยิง

แก๊สน้ำตาสลายฝูงชน เพื่อเปิดช่องให้ ส.ส. ส.ว. และ ครม.เข้าไปภายในรัฐสภา เพื่อร่วมประชุมแถลง

นโยบายได้
นอกจากนั้น ยังมีการใช้กำลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมอีกครั้ง เพื่อเปิดช่อง

ให้สมาชิกรัฐสภา และครม. ออกจากรัฐสภาได้ ผลของการใช้กำลังและแก๊สน้ำตา ทำให้ประชาชนได้

รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก รวมทั้งแขนขาขาด และเสียชีวิตด้วย

**ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ
จากกรณีดังกล่าว คณะกรรมการสิทธิฯ เห็นว่า การควบคุมฝูงชน หรือการสลายฝูงชนนั้น

ตามหลักการพื้นฐานในการใช้กำลังและอาวุธปืนนั้น เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายในระหว่างปฏิบัติ

หน้าที่จะต้องพยายามอย่างถึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในการวิธีการที่ไม่รุนแรงก่อนจะพึ่งการใช้กำลัง

และอาวุธปืน ถ้าจะต้องใช้กำลังหรืออาวุธปืน ตำรวจจะต้องใช้การยั้บยั้งในการใช้ และกระทำการ

โดยสมควรกับความหนักหนาของการกระทำผิดตามวัตถุประสงค์อันชอบธรรมที่ตั้งไว้ ต้องลดความ

เสียหาย และการบาดเจ็บให้น้อยที่สุด โดยเคารพและรักษาไว้ซึ่งชีวิตมนุษย์ อีกทั้งต้องให้ความช่วย

เหลือและพยาบาลทางการแพทย์แก่ผู้บาดเจ็บ หรือผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้

โดยต้องแจ้งให้ญาติ เพื่อนสนิทของผู้บาดเจ็บ ผู้ได้รับผลกระทบทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้

ด้วย รัฐบาล และหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่จะต้องตระหนักว่า อาจใช้กำลังและ

อาวุธปืนได้ก็ต่อเมื่อสอดคล้องกับหลักการการสลายการชุมนุม ที่มิชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่รุนแรง เจ้า

หน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง หรือหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้กำลังได้

เจ้าหน้าที่จะต้องจำกัดการใช้กำลังดังกล่าวให้อยู่ในระดับน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
นายสุรสีห์ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องเคารพ และคุ้มครองศักดิ์ศรีความ

เป็นมนุษย์ และดำรงไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนของทุกคน การเข้ายิงแก๊สน้ำตา โดยไม่มีการแจ้งเตือนจน

เป็นเหตุให้ประชาชน เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากจึงเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตาม

ปฏิบัติสากล เป็นการกระทำที่เกินความจำเป็น เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน และกฎหมาย

**ระบุ"สมชาย"นายกฯฆาตกร
ส่วนปัญหาว่าใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการสลายการชุมนุมในครั้งนี้ คณะกรรมการ

สิทธิฯ เห็นว่าการสลายการชุมนุมในครั้งนี้เกิดจากความต้องการของรัฐบาล ที่จะแถลงนโยบายต่อ

รัฐสภาให้ได้ในวันที่ 7 ต.ค. เท่านั้น หาได้เป็นการสลายการชุมนุมเพื่อตรวจค้น หรือจับกุมตาม

กระบวนการยุติธรรมแต่ประการใด จึงได้มีการประชุมในส่วนของ สตช. และคณะรัฐมนตรี เพื่อวาง

แผนเตรียมการ และสั่งการให้มีการสลายการชุมนุมตั้งแต่คืนที่ 6 ต.ค.51 และในตอนเช้าของวันที่ 7

ต.ค. ตำรวจ ก็ได้ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมตามแผนที่วางไว้ เชื่อว่าการกระทำของตำรวจในวันที่ 7

ต.ค. เกิดจากการสั่งการของรัฐบาล ที่อ้างว่าเพื่อให้เกิดการแถลงนโยบายสามารถดำเนินการได้ตาม

กฎหมาย
เพราะฉะนั้น เมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้น รัฐบาล ผู้สั่งการ และ สตช.ในฐานะผู้

ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และสำหรับการตรวจสอบข้อเท็จ

จริง เพื่อหาตัวผู้รับผิดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในครั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะได้

ตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวต่อไปโดยเร็ว
เมื่อถามว่าจะมีการหาผู้รับผิดชอบในส่วนอื่นๆ ด้วยหรือไม่ เพราะมีการนำประชาชนมาปิด

ล้อมรัฐสภา นายสุรสีห์ ตอบว่า ต้องหาผู้รับผิดชอบในส่วนอื่นด้วยแน่นอน และจะมีการแถลงให้ทราบ

เป็นระยะๆ
เมื่อถามว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่างไร นายสุรสีห์ ตอบว่าจะทำรายงานเสนอนายก

รัฐมนตรี ได้รับทราบเพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วย
ด้านนายเสน่ห์ กล่าวเสริมว่า ความรับผิดชอบมีสองระดับคือ ระดับสั่งการ การปฏิบัติการ

ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้บังคับบัญชา นอกจากนั้นความรับผิดชอบที่สำคัญคือ ความรับผิดชอบใน

ทางการเมือง จะเสนอข้อเท็จจริงต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นผู้ให้เกิดผลของความรับผิดชอบนั้นๆด้วย

**โฆษกทบ.รับสถานการณ์อึมครึม
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพไม่ได้จัดกำลังเพื่อ

เตรียมเคลื่อนไหวใดๆ หลังจากผบ.ส.ส. และ ผบ.เหล่าทัพ ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์

ความวุ่นวายของบ้านเมือง ผ่านรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 เมื่อวันที่ 16 ต.ค.

พร้อมยืนยันจะไม่มีปฏิวัติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนการออกมาแสดงความเห็นของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ระบุว่าหากบ้าน

เมืองถึงขั้นกลียุค มีการนองเลือดเกิดขึ้น ก็อาจจะต้องมีการหยุดการใช้อำนาจนั้น เป็นเพียงการอุปมา

อุปไมย ส่วนสถานการณ์จะรุนแรงหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ แต่บรรยากาศโดยทั่วไปของบ้าน

เมืองขณะนี้ ค่อนข้างอึมครึม ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ขณะที่ผู้บัญชาการ

ทหารบก ก็ยังไม่มีการสั่งการใดๆ ลงมา
โฆษกกองทัพบก กล่าวด้วยว่าระหว่างออกรายการโทรทัศน์อยู่นั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาสอบถามทีมงานว่า ใครเป็นคนประสานให้บรรดาผู้

บัญชาการเหล่าทัพ มาออกรายการ

**"อภิสิทธิ์"จี้นายกฯ ยุบสภา
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวงถึง กรณีผู้นำเหล่าทัพออกมาเรียกร้องให้นายสมชาย ลาออกจาก

ตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการใช้กำลังสลายการชุมนุมของประชาชน รวมถึงการที่พรรค

ร่วมรัฐบาล เตรียมจะถอนตัวออกจากรัฐบาล ถ้านายกฯ ถูกสอบสวนว่ามีความผิดจริงว่า เป็นการ

สะท้อนความเห็นของคนกลุ่มหนึ่งในสังคม ถึงความอึดอัดกับสภาพความไม่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง

นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า การแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ยังเป็นสิ่งจำเป็น การเรียกร้องของผู้นำ

เหล่าทัพนี้ จึงไม่ต่างจากเสียงเรียกร้องหลายๆ ฝ่าย แต่ตนเห็นว่าการยุบสภา เป็นการแสดงความรับผิด

ชอบทางการเมือง และน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่าสำหรับบ้านเมือง เพราะถ้านายกฯลาออก ก็มี

3 ทางคือ
1. รัฐบาลชุดเดิมต้องหาบุคคลมาเป็นนายกฯแทน ซึ่งถ้าเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงจาก

รัฐบาล นายสมัคร มาเป็นรัฐบาลของนายสมชาย ตนก็ไม่คิดว่า จะสามารถสร้างความมั่นใจใดๆ ให้

กับประชาชน เพราะยังมีบุคลากรจำนวนมากที่ร่วมทำผิดอยู่ในร่วมรัฐบาลต่อไป
2. ถ้ามีการเปลี่ยนขั้วที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคประชาธิปัตย์ในการเป็นรัฐบาล จะยังมีแรง

ต่อต้าน และความขัดแย้งในสังคมยังมีอยู่ เนื่องจากยังมีผู้สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลจำนวนไม่น้อย ที่มองว่า

การเปลี่ยนขั้วการเมืองเช่นนี้ เป็นการจำนนต่อแรงกดดันที่เกิดจากคนกลุ่มหนึ่ง
3.ไม่มีขั้ว ที่หมายถึงการมีรัฐบาลพิเศษ หรือรัฐบาลแห่งชาติ พรรคการเมืองต่างๆโดย

เฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่พร้อมและไม่ยอมรับความคิดนี้ เพราะจะกระทบต่อกับสัดส่วนตำแหน่ง

ต่างๆ ที่มีอยู่ในรัฐบาลของพรรคเหล่านั้น ส่วนการหาคนนอกมาเสริม รัฐบาลก็ยากที่จะหาคนที่ทุกฝ่าย

ยอมรับว่าเป็นกลางจริงๆ เพราะฉะนั้น การนำกลับไปให้ประชาชนตัดสินใจ น่าจะเป็นทางออกที่เป็น

จริงมากที่สุด และถ้าการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ไม่ว่าจะใครเป็นผู้ชนะก็ตาม สังคมจะยอมรับและ

ให้โอกาส ซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้ ต้องสำนึกตลอดเวลาว่า เข้ามาแก้ปัญหาให้

ประชาชน และบ้านเมือง ส่วนเรื่องที่ไม่ควรจะหยิบยกขึ้นมา ก็ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการ

ยุติธรรมไป
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะนำไปสู่การปลด ผบ.ทบ.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็น

เรื่องที่นายกฯ ต้องพิจารณา
"เราหวังว่าจะไม่มีการปฏิวัติ และเราไม่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหาร ผมเชื่อว่าที่ทาง

เหล่าทัพ เลือกที่พูดกับสื่อมวลชนในการให้ความเห็น ก็เป็นการบ่งบอกว่า เขาไม่อยากที่จะทำรัฐ

ประหาร ดังนั้น ผมจึงย้ำว่า คุณสมชาย มีความรับผิดชอบต่อประเทศ ต่อประชาชน และต่อระบอบ

ประชาธิปไตย ถึงเวลาที่คุณสมชาย ต้องตัดสินใจให้ประเทศเดินหน้าได้ ไม่ใช่คิดถึงแต่การอยู่ใน

อำนาจของตัวเองแล้วบ้านเมืองตกอยู่ในภาวะที่ไม่รู้จะพึ่งใคร ในการแก้ปัญหาของเขา และมีความ

เสี่ยงต่อความรุนแรง และการสูญเสียประชาธิปไตย เวลานี้อยู่ที่ คุญสมชาย ว่าจะตัดสินใจหรือไม่ ยิ่งช้า

ประเทศยิ่งหมดโอกาสที่จะเดินหน้า และสิ่งที่เป็นคำตอบ อาจไม่เป็นคำตอบอีกก็ได้ ความรุนแรงใน

เชิงอารมณ์ และความขัดแย้งจะมีมากขึ้น ปัญหาจะแก้ยากขึ้น แต่ถ้ายิ่งทำเร็วเท่าไร ความยอมรับที่จะ

ให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ก็จะมีสูง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

**ส.ส.ร.3 แค่แผนยื้อเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้านายสมชาย ลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากรัฐบาลแล้วจะมา

พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องมาประเมินกันว่า ความยอมรับและการทำให้

บ้านเมืองเดินหน้าได้จริงๆ เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลพูดว่า จะรอดูการ

ตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุม 15 วันก่อน ถ้าผล

ออกมาว่ารัฐบาลผิด ก็พร้อมที่จะลาออกนั้น ตนเห็นว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเป็นอิสระแต่ชื่อเท่านั้น

เพราะเมื่อไปอ่านอำนาจหน้าที่ดู ตนไม่รู้ว่าเขาจะพิจารณาไปถึงว่ามีการสั่งการโดยใครหรือไม่ อย่างไร

ซึ่งเมื่อครบ 15 วัน ผลก็อาจออกมาเพียงว่า การสลายการชุมนุมมีการใช้แก๊สน้ำตา ที่ไม่ได้มาตรฐาน

หรือ ใช้ผิดวิธี ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้ว ต้องถามว่า เขาเรียกนายกฯ และครม.ไปสอบหรือไม่ว่า ในวันที่ 6

ต.ค.ที่ผ่านมา ใครมีความเห็นอย่างไร สั่งการอะไร แล้วใครจะรับผิดชอบ ซึ่งถ้าเขาไม่ทำตรงนี้ ตนยัง

นึกไม่ออกว่า ผลสอบจะมีผลต่อรัฐบาลอย่างไร
เมื่อถามว่าการตั้ง ส.ส.ร. 3 ควรยุติไปใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามนำ

การตั้ง ส.ส.ร. มาเบี่ยงเบน เพื่อยืดอายุของรัฐบาลเท่านั้นไม่ได้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาวิกฤตของบ้าน

เมืองขณะนี้

**นิด้าจี้ถอด"สมชาย" จากบัญชีศิษย์เก่า
วานนี้ (17 ต.ค.) ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ศิษย์เก่าและประชาคมนิด้า

นำโดยนายจักรกริช ธรรมศิริ อดีตนายกสโมสรนักศึกษานิด้า ปี2539 ยื่นข้อเรียกร้องของศิษย์เก่า และ

ประชาคมนิด้า เรื่องขอให้ถอดถอนรายชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ออกจากบัญชีศิษย์เก่าของนิด้า ว่า

สืบเนื่องจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายสมชาย ได้สั่งการให้ตำรวจสลายการชุมนุมทางการเมือง

โดยชอบตามรัฐธรรมนูญ และการทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีของประชาชน ด้วยความรุนแรง เหี้ยมโหด

และไม่เป็นไปตามหลักสากล ตลอดของวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้พี่น้องประชาชนคนไทย

ต้องสูญเสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก ทั้งที่รัฐบาลสามารถเลือกใช้วิธีที่หลีกเลี่ยงการบาด

เจ็บล้มตายของประชาชนได้
การปล่อยให้ตำรวจกระทำการเข่นฆ่าทำร้ายประชาชน ตลอดวันที่ 7 ต.ค. ของนายสมชาย

ได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า นายสมชาย ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้นำประเทศ ขาดเมตตาธรรม

ต่อประชาชนผู้อยู่ใต้ปกครอง เป็นบุคคลที่มีจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต ไม่สมกับการที่ได้เติบโตเจริญ

ก้าวหน้าในอาชีพมาด้วยเงินภาษีอากรของประชาชนทั้งประเทศ เพราะเพียงแค่ประชาชนผู้เป็นเจ้า

ของประเทศ มีความเห็นที่แตกต่างออกไป ก็จะได้รับการตอบโต้จากรัฐบาล ด้วยการทำร้ายทำลายชีวิต
ศิษย์เก่าและประชาคมนิด้า มีความรู้สึกสลดหดหู่ และมีความเสียใจกับสถานการณ์ที่เกิด

ขึ้นเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งเมื่อพบว่านายสมชาย มีสถานะเป็นศิษย์เก่าร่วมสถาบัน เป็นหนึ่งในผลผลิต

ของนิด้า อันทรงเกียรติเช่นเดียวกับพวกเราทุกคน พวกเราก็ยิ่งมีความรู้สึกโศกเศร้า เสียใจเป็นทวีคูณ
ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงให้สังคม และประชาชนได้รับรู้ว่าสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้ ยัง

เป็นสถาบันของประชาชน สถาบันแห่งนี้ยังยืนหยัดเคียงข้างประชาชนอยู่เสมอ และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยง

อย่างกับศิษย์เก่าของสถาบันที่มีโอกาสเข้าไปมีอำนาจรัฐคนอื่นๆ ให้กระทำการเยี่ยงนายสมชาย สืบไป

จึงมีความเห็นร่วมกันในการเรียกร้องให้ สภาสถาบันฯ ดำเนินการพิจารณาถอดถอน นายสมชาย

นายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือด ออกจาทำเนียบศิษย์เก่านิด้าตลอดไป
จากนั้น นายจักรกริช ได้นำข้อเรียกร้องดังกล่าว พร้อมด้วยรายมือชื่อศิษย์เก่าและประชา

คมนิด้า ประมาณ 300 คน ยื่นต่อ ดร.วิชัย รูปขำดี อาจารย์ประจำสำนักวิจัยนิด้า เพื่อนำเสนอต่อ รศ.ดร.

จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา นายกสภาสถาบันนิด้า เพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้อง
นายจักรกริช ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การแสดงออกของศิษย์เก่าและประชาคม ถือเป็น

การแซงชั่นทางสังคม เพราะรับไม่ได้กับการที่นายสมชาย สั่งฆ่าประชาชน ซึ่งในหมู่ศิษย์เก่า ก็มีการ

พูดคุยกันว่า ไม่พอใจ ศิษย์เก่าบางคนที่อยู่ร่วมรัฐบาลชุดนี้ เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกรัฐบาล

เนื่องจากเห็นว่านายณัฐวุฒิ คงไม่มีปัญญาไปสั่งฆ่าใคร แต่การสั่งการ ต้องมาจากนายกรัฐมนตรี
ด้าน ดร.วิชัย รูปขำดี กล่าวว่า จะนำข้อเรียกร้องของศิษย์เก่า และประชาคมนิด้าเสนอต่อ

สภาสถาบันให้พิจารณา เพราะการถอดถอนเป็นสิทธิของสภาสถาบัน ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าดำเนิน

การถอดถอนได้หรือไม่ อย่างไร โดยกรณีนายสมชาย ถือเป็นครั้งแรกของสถาบัน ที่ถูกร้องขอให้

พิจารณาถอดถอนบัญชีรายชื่อศิษย์เก่า ทั้งนี้ การพิจารณาดังกล่าวจะนำเข้าประชุมในวาระถัดไปของ

การประชุม

**"สมชาย"ดูแข่งเรือยาวที่อุบลฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 18 ต.ค.นายสมชาย มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ จ.

อุบลราชธานี โดยจะไปชมการแข่งขันเรือยาวประจำปี ในเวลา 09.00 น. พร้อมจะเดินทางไปเยี่ยม

ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์

ประสงค์ ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย เพราะติดภารกิจเข้าเฝ้า

สมเด็จพระเทพฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น