ผู้จัดการออนไลน์ - เผย ผบ.เหล่าทัพ-ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์โดยพร้อมเพรียง เปรียบได้กับการ “ปฏิวัติเงียบ” ส่งสัญญาณให้นายกฯ ลาออก ชี้ถ้ายังดื้อดึงระวังโดนล็อกตัวดำเนินคดี-ไม่มีแผ่นดินอยู่ โยง 16 เหตุการณ์เขาพระวิหาร ชี้จุดยืนทหารไทยเป๋ หลังรัฐบาลนอมินีทักษิณกุมอำนาจ ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (16 ต.ค.) เวลาประมาณ 23.15 น.ณ เวทีทำเนียบรัฐบาล นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ขึ้นปราศรัย โดยกล่าวถึงกรณีที่วานนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงต่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามาก
ทั้งนี้ รายละเอีดยของเรื่องดังกล่าวมีดังนี้ คือ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงต่อ นายสมชายในสมัยที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายบัณฑิต รชตะนันท์ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 84 และมาตรา 85 ฐานไม่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของราชการ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง (อ่านข่าว : ถึงคิว “น้องเขย” ป.ป.ช.ชี้ผิดวินัยร้ายแรงไม่เก็บค่าธรรมเนียม 70 ล้าน) ส่วนกรณี นายยงยุทธ ป.ป.ช.ได้ชี้ว่า เมื่อครั้งนายยงยุทธดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง (อ่านข่าว : โดนเรียงตัว! ป.ป.ช.ชี้มูล “ยุทธ ตู้เย็น” แจ้งทรัพย์สินเท็จ-ฟันอาญาต่อ)
“ป.ป.ช.กำลังทำงานเพื่อชาติ วันนี้ออกสองเรื่องเลยและไม่ใช่เรื่องธรรมดา ป.ป.ช.มีบุญคุณต่อประเทศชาติมาก ออกเรื่องสมชายผิด และเรื่องยุทธ ตู้เย็น ผิด” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวชื่นชม ป.ป.ช.
ต่อมา นายสมเกียรติ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในช่วง 5 วันข้างหน้าก่อนที่จะถึงวันที่ 21 ตุลาคม 2551 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดีที่ดินรัชดา ที่เกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา โดยระบุว่า วานนี้การออกรายการของผู้นำเหล่าทัพและ ผบ.ตร. ทั้ง 5 คนในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ทาง สถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 มีนัยยะสำคัญมาก
ทั้งนี้ วานนี้กรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรมีการประชุมเพื่อให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ เข้าชี้แจงเหตุการณ์ฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่าใครเป็นผู้สั่งการ ทว่า ทั้ง 3 คนกลับไม่ให้ความร่วมมือ แต่ตกเย็น ผบ.ตร.กลับไปชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านสื่อและยืนยันว่านักการเมือง โดยเฉพาะนายสมชายว่าเป็นผู้สั่งการตำรวจให้ปฏิบัติการ
“พอพัชรวาทไม่ไปชี้แจงที่สภา ในช่วงเย็นทางช่อง 3 พัชรวาทก็แฉว่าทำตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี พอพัชรวาทแฉว่าสมชายเป็นคนสั่งก็กระโดดเข้าไปหาทหารเลยเป็นคนที่ 4 แล้วก็ไปออกช่อง 3 ไล่นายกฯ สมชาย” ส.ส.ประชาธิปัตย์ กล่าว พร้อมระบุว่านายสมชายถึงจุดจบแน่นอน เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้ว วานนี้ยังโดน ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดครั้งเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม และทางวุฒิสภาก็กำลังจะส่งเรื่องซุกหุ้นเข้ามาพิจารณาอีกด้วย
“พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ถ้าใครไม่มีธุระจำเป็นก็ให้เฝ้าดูสถานการณ์ เพราะวันนี้ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นั่งแถลงข่าวไล่รัฐบาล ก็คือการปฏิวัติเงียบ ให้รัฐบาลออกไปเสีย” นายสมเกียรติกล่าว
พร้อมระบุว่า นายชวน หลีกภัยเคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ตอนนี้ตนต้องเตือนนายสมชายว่าระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่เช่นกัน ถ้ายังดื้อดึงไม่ลาออกหรือยุบสภา เพราะอาจมีคนล็อกตัวนายสมชายเพื่อดำเนินคดีจากกรณีวันที่ 7 ต.ค.
ต่อมานายสมเกียรติได้กล่าวถึงกรณีที่วานนี้ นายสมชาย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้เป็นประธานการประชุม ก.ตร. และมีคำสั่งไม่ย้าย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ที่ออกมายอมรับว่าเป็นผู้รับผิดชอบกรณีปฏิบัติหน้าที่การสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า หากเป็นเช่นนี้ก็น่าจะย้าย พล.ต.ท.สุชาติ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. รวมถึงนายตำรวจคนอื่นที่เก่งแต่กับการทำร้ายประชาชนมือเปล่า ให้ไปสู้รบกับโจรใต้ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะดีกว่า
จากนั้น นายสมเกียรติได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องความขัดแย้งด้านชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยกล่าวโยง 16 เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดสถานการณ์การสู้รบระหว่าง 2 ชาติ ตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันว่า ปัญหาทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลนอมินีของเขาได้ทั้งหมด
“เหตุการณ์แรก 15 ม.ค.2551 กองบัญชาการกองทัพไทยจัดประชุมเพื่อเสนอให้รัฐบาลไทยคัดค้านการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว โดยประท้วงผ่านทางช่องทางการทูต ซึ่งตรงนี้ถือว่ากองทัพทำถูกต้องและต้องปรบมือให้” นายสมเกียรติ กล่าว
ส่วนในกรณีต่อๆ มา แกนนำพันธมิตรฯ ได้ชี้ให้เห็นว่าทางกองทัพได้เคลื่อนไหวคัดค้านประเด็นกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกมาตลอด ทว่าหลังจากที่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้จัดตั้งรัฐบาล และนายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรกันหมด ดังนั้น เหตุการณ์ทั้ง 16 เหตุการณ์จึงบ่งชี้ชัดว่ากรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นั้นมีเบื้องหลังทางการเมืองเกี่ยวโยงอยู่อย่างแน่นอน
ในตอนท้าย นายสมเกียรติ กล่าวว่า คืนวันนี้ตนขอขึ้นเวทีประมาณ 01.00 น. เนื่องจากต้องเดินทางไปปราศรัยที่ จ.เพชรบูรณ์ ถึง 3 จุด