xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะใส” ชี้ท่าที ผบ.ทบ.มีนัย-จี้ “เขยแม้ว” รีบไขก๊อก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ
“สุริยะใส” ชี้ ท่าที ผบ.ทบ.มีนัยสำคัญสูง “สมชาย” และลูกพรรคต้องคิดให้หนัก หยุดสร้างเงื่อนไขเผชิญหน้า ส่วนกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดสมัยเป็นปลัดกระทรวง ต้องรีบลาออก ก่อนถูกเปิดโปงไปมากกว่านี้ จวกตั้ง ส.ส.ร.3 ดันทุรังกลบปัญหา อาจเป็นแผนสอดไส้ร่าง รธน.ฉบับ “หมอเหวง” เข้าสภา เผยจับ นปช.ป่วนได้ 1 ราย คืน 14 ต.ค.สารภาพรับจ้าง 500 บาท

เมื่อเวลา 19.15 น.วันนี้ (16 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีที่ อัยการสูงสุดฝ่ายสอบสวนคดีพิเศษ มีคำสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และผู้บริหาร บริษัท เอสซี แอสเซท กรณีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น ว่า กรณีนี้สอดคล้องกับสมมุติฐานของพันธมิตรฯ ตั้งแต่ช่วงที่มีการโยกย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้วนำ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มาเป็นอธิบดีดีเอสไอ แทน เพราะถือเป็นการนับหนึ่งของการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ มีข้อสังเกต คือ แนวทางการสอบสวนของอัยการสูงสุด ละเลยเรื่องสำคัญ โดยไปสอบสวนรายละเอียดแวดล้อม รายละเอียดปลีกย่อยทั้งๆ ที่ในช่วงที่ นายสุนัย เป็นอธิบดีนั้น มีการสรุปสำนวนไว้อย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจากนี้อธิบดีดีเอสไอคนปัจจุบัน ที่มีความใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตร จะยืนยันสำนวนของชุด นายสุนัย เพื่อยื่นต่ออัยการสูงสุดหรือไม่ หากไม่ยื่น ก็อาจะข้าข่ายข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้

นายสุริยะใส กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ชุดที่ 3 นั้น เป็นความดันทุรังของพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.สายใกล้ชิดกับปีกรัฐบาล เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งๆ ที่วิกฤตขณะนี้ ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ แต่เกิดจากการใช้อำนาจ โดยมิชอบของรัฐบาล ดังนั้น นอกจากจะไม่คลี่คลายปัญหาแล้ว ยังจะยิ่งเป็นการตอกย้ำ ความแตกแยกรอบใหม่อีกด้วย ดังนั้น ทางออกเดียวคือนายกรัฐมนตรี ต้องลาออกเท่านั้น

สำหรับท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ โดยระบุว่า หากเป็นนายกรัฐมนตรีจะลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น หากดูถ้อยแถลงของ ผบ.ทบ.และผู้นำเหล่าทัพ ถือว่ามีนัยสำคัญ ทางการเมืองอย่างยิ่ง และคนที่ต้องไตร่ตรองให้มากที่สุด คือ คนชื่อ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพราะครั้งนี้ถือว่า ท่าทีของกองทัพ แทบจะไม่ต้องตีความกันอีก

ดังนั้น นายกฯที่ประกาศว่า ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง พร้อมจะเสียสละนั้น ก็จะต้องไม่ดันทุรังสร้างเงื่อนไข ให้เกิดการเผชิญหน้า เหมือนสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดันทุรังจนถึงวันที่ 19 ก.ย.2549 จนบ้านเมืองไม่มีทางออก ทำให้ทหารต้องออกมาปฏิวัติได้หรือไม่ ดังนั้น นายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะต้องไตร่ตรอง ต่อท่าทีของกองทัพ ในครั้งนี้ให้ดีด้วย

ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายสมชาย สมัยดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมนั้น ในแง่กฎหมาย ของ ป.ป.ช.มาตราที่ 55 เขียนไว้ชัดเจนว่า ข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำ หากถูกชี้มูลความผิด ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันทีอย่างไรก็ตาม ในทางกฎหมาย อาจมีการโต้แย้งกันอยู่ แต่ที่สุดแล้ว หากนายสมชายยังไม่ลาออก ก็อาจจะมีการยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ ซึ่งตรงนี้ เป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ว.ดังนั้น ตอนนี้คงถึงเวลาแล้ว ที่นายสมชาย ต้องปลดล็อกการเมือง ด้วยการประกาศลาออก เพราะขณะนี้ เรื่องในอดีตที่เคยปกปิดไว้ เริ่มทยอยออกมามากขึ้น หากยังดันทุรังอยู่ สุดท้ายแล้วทางออกก็จะไม่มี

สำหรับการรณรงค์ของพันธมิตรฯ ในวันที่ 17 ต.ค.ซึ่งจะรวมตัวกันที่สวนลุมพินีในเวลา 10.00 น.เพื่อเดินทางไปที่สีลม และใช้เวลาไม่เกิน 12.00 น. โดยมีการนำ ซีดีพร้อมหนังสือ “ตำรวจฆ่าประชาชน” ไปแจกให้กับประชาชน รวมทั้งจะมีการเปิดโปง การก่ออาชญากรรมโดยรัฐบาล เพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริง ในเหตุการณ์ 7 ต.ค.นอกจากนี้ ยังได้แจกจ่าย หนังสือ และซีดี ดังกล่าว ให้กับแกนนำพันธมิตรฯ ในทุกจังหวัดด้วย คาดว่า ในสัปดาห์หน้า ในหลายจังหวัด น่าจะมีกิจกรรมรณรงค์ไปพร้อมๆ กัน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 17 ต.ค.จะมีการดาวกระจายไปที่ สตช. ด้วยหรือไม นายสุริยะใส กล่าวว่า เราจะเน้นการรณรงค์ ดังนั้น เราคงจะไม่ได้ไป

นอกจากนี้ เดิมกำหนดไว้ว่า ในเวลา 14.00 น.ของวันที่ 17 ต.ค.จะนำคนเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต ไปกล่าวโทษนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และข้าราชการตำรวจระดับสูงด้วย แต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไป เป็นวันที่ 20 ต.ค.เนื่องจากหลักฐานยังไม่พร้อมเท่าที่ควร เพราะญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บบางคน ยังไม่พร้อมให้การกับตำรวจ

เมื่อถามว่า การที่ ผบ.ทบ.ระบุว่า หากย้อนกลับไปได้ จะไม่ให้ตำรวจสลายการชุมนุมในวันที่ 7 ต.ค.นั้น ถือว่าเป็นท่าทีที่ช้าไปหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า มันช้าไปแน่นอน แต่นัยสำคัญคือ ท่าทีที่แข็งกร้าว ของ ผบ.ทบ.ครั้งนี้ มีนัยสำคัญมากมาย ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะตีความอย่างไร แต่นับเป็นสัญญาณอันตราย ต่อรัฐบาลหุ่นเชิด ที่ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ

ส่วนกรณีที่มีการแจ้งความของกลุ่ม นปช.ที่ระบุว่า ถูกการ์ดรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ รุมซ้อมในวันที่ 14 ต.ค.นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนอยู่ในวันดังกล่าวด้วย ยืนยันว่า มีแค่การสอบสวนใน สน.พันธมิตรฯ ซึ่งในถุงที่ชายคนดังกล่าวถือมานั้น มีการตรวจพบหนังสติ๊ก และหัวน็อตด้วย รวมทั้งเอกสารซึ่งระบุว่าเป็นคนจังหวัดเชียงราย

นอกจากนี้ ชายคนดังกล่าวยังรับสารภาพด้วยว่า เป็นนักรบพระเจ้าตาก และรับเงินมา 500 บาท ซึ่งเท่าที่ตนแอบดูนั้น ยืนยันว่าไม่มีการซ้อม เมื่อสอบสวนเสร็จก็ปล่อยตัวไป แต่ถ้าหากเป็นกรณีที่หนักหนา เราก็จะแจ้งความ ให้ สน.นางเลิ้ง มารับตัวไป

สำหรับเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ที่ ภูมะเขือ ใกล้กับเขาพระวิหารนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เนื่องจากฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาล มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยมีการลงทุน ในธุรกิจพลังงาน กับประเทศกัมพูชา ดังนั้น เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้น จึงเห็นความอ่อนแอของรัฐบาลไทย ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพ ยืนยันว่า เหตุการณ์ การปะทะกันที่ผ่านมานั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ออกแบบ เพื่อเบี่ยงเบนสถานการณ์ และจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ เมื่อรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ

เมื่อถามอีกว่า หากรัฐบาลยังดันทุรัง จะตั้ง ส.ส.ร.3 จะดำเนินการอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า เราจะประท้วงว่า เป็น ส.ส.ร.เถื่อน และจะคอยดูว่าจะมีสถาบันการศึกษาไหน ไปร่วมด้วย เว้นแต่ นพ.เหวง โตจิราการ เป็นประธาน ส.ส.ร.ถ้าแบบนั้นคงสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม เราอาจจะจัดชุมนุมทุกครั้ง ที่มีการพิจารณาของ ส.ส.ร.3 ก็เป็นได้ เพราะถือว่ามีความไม่ชอบธรรม และหากสังคมไม่เอาด้วย สุดท้ายก็จะอยู่ไปต่อไม่ได้

เมื่อถามอีกว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่า ในวันที่ 22 ต.ค.หากไม่มีวาระเร่งด่วน ก็อาจจะมีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ของ น.พ.เหวงนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า สุดท้าย ส.ส.ร.3 อาจเป็นแค่เกมให้คนหลงทาง แล้วอาจจะบรรจุระเบียบวาระ พิจารณาร่างของ นพ.เหวง ก็เป็นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น