xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” ปลุก “คนกลาง” ออกมาสู้เพื่อชาติ จวก “เหวง-จรัล” ยื่น รธน.ช่วย “ทักษิณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พิภพ” ปลุกคนไทยสายกลาง เลือกข้าง-เข้าใจจุดยืนพันธมิตรฯ ในการต่อสู้กำจัดการเมืองเก่า ระบุนักการเมืองน้ำเน่ากำลังดิ้นเฮือกสุดท้าย ปกป้องผลประโยชน์ตน หลังกระแสการเมืองใหม่มาแรง ส่วนการจับ “ไชยวัฒน์” เป็นแค่การทดสอบกำลังเท่านั้น พร้อมชมจิตใจพันธมิตรฯ ร่วมต่อสู้จนได้รับความสำเร็จกว่า 41 เรื่อง ขณะเดียวกัน ซัด “เหวง-จรัล” อ้างประชาธิปไตย ยืนรัฐธรรมนูญให้ “ปู่ชัย” ช่วยทักษิณ มากกว่านึกถึงประเทศชาติ
 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันนี้ (4 ต.ค.) เวลาประมาณ 21.55 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีในทำเนียบรัฐบาลว่า การจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ 1 ใน 9 แกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกตั้งข้อหากบฏนั้น เท่ากับเป็นการทดสอบพลังของพันธมิตรฯ ซึ่งพวกเราชุมนุมกันมา 133 วัน และได้ชนะถึง 40 กว่าเรื่องแล้วนั้น ทำให้เขารู้ว่าจะปล่อยให้เราอยู่นานไม่ได้ จึงได้มีการทดสอบดูว่าเมื่อจับนายไชยวัฒน์แล้วจะมีคนมาสมทบหรือไม่ และวันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามากันเยอะจริงๆ

ทั้งนี้ กระแสสังคมเรื่องการเมืองใหม่ ทำให้นักการเมืองเก่าตื่นกลัว และไม่ต้องการให้สังคมสร้างเกณฑ์จริยธรรมในสังคมไทย โดยเขากำลังเบี่ยงเบนทางการเมือง โดยอาศัยกระแสสังคมเรื่องการเมืองใหม่ ด้วยการเสนอ ส.ส.ร. 3 มา แต่ก็ไม่มีใครรับรองได้ว่า ส.ส.ร.จะร่างรัฐธรรมนูญรองรับการเมืองใหม่จริงหรือไม่

นอกจากนี้ การจับนายไชยวัฒน์ และแกนนำนั้นตำรวจรู้เสมอว่าจะทำเมื่อไรก็ได้ แต่ที่ทำวันนี้เพราะพวกเขาต้องการทดสอบปฏิกิริยาของสังคม โดยเรื่องนี้นับเป็นเกมทางการเมือง ที่มาจากผู้ที่กลัวจะเสียผลประโยชน์จากการเมืองเก่าลุกขึ้นมาต่อสู้นั่นเอง

“ทุกวันนี้มีการต่อสู้กันระหว่างการเมืองเก่าและใหม่เกิดขึ้น และมีพันธมิตรฯ เป็นแนวหน้าในส่วนของการเมืองใหม่ และประชาชนก็ไม่เคยกลัวที่จะต่อสู้กับคนพวกนี้เลย ซึ่งการที่เขากลัวเนื่องจาก พวกเราชนะมาแล้วถึง 41 เรื่อง และเป็นเรื่องใหญ่ถึง 5 เรื่องทำให้นักการเมืองพรรคพลังประชาชนกลัวว่าจะไม่มีโอกาสมาเล่นการเมืองอีกตลอดชีวิต” นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า การเมืองใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะต้องมีการกำหนดการเกษียณอายุทางการเมือง โดยนักการเมืองที่มีความผิดต้องตัดสิทธิ์ทางการเมืองทั้งชีวิต นี่แหละที่เขายอมไม่ได้ที่จะให้การเมืองเก่าสลายไป ซึ่งเราเองก็ยอมไม่ได้เช่นกันให้การเมืองเก่าอยู่อย่างนี้ เนื่องจากประชาชนเบื่อหน่ายเต็มที่แล้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านเราสามารถสร้างชัยชนะได้อย่างมากมาย และชัยชนที่สำคัญหนแรก คือการทำให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ต่อไปได้ ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเราคงไม่เป็นแบบนี้ โดยประชาชนมีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในการต่อสู้ ซึ่งในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ก็จะมีการตัดสินอีกเรื่องจนทำให้ทักษิณจะต้องติดคุกอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนชัยชนะหนที่ 2 เป็นการต่อสู้ทางกฎหมาย ที่ทำให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ทางรัฐธรรมนูญได้ต่อไปถึง 3 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์ที่หนึ่งคือ เรื่องนายนพดล ปัทมะ ที่ศาลตัดสินว่าการเซ็นข้อตกลงกับเขมร แต่ถูกประชาชนคัดค้านจนเป็นโมฆะนั้น ก็เป็นแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะมีการตีพิมพ์แจกอีกครั้งหนึ่ง

โดยชัยชนะในหนที่ 3 นั้น เป็นการชนะด้วยการชุมนุมแบบอารยะขัดขืน และเป็นการขัดขืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จนทำให้เราได้รับชัยชนะมาถึง 41 เหตุการณ์นั่นเอง

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ตอนนี้นักประวัติศาสตร์ยอมรับแล้ว่า เหตุการณ์เดือนตุลา และพฤษภาทมิฬนั้นยิ่งใหญ่น้อยกว่าเหตุการณ์ในวันนี้ แต่ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เรายังต้องรำลึกถึงวีรชนในเหตุการณ์นั้นๆ ที่อุทิศชีวิตให้เรามายืนในวันนี้ด้วย โดยการเสียสละที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถแก้การเมืองเก่า ที่กดขี่ประชาชนได้ แต่วันนี้เราจะพลิกประวัติศาสตร์และกำจัดนักการเมืองที่ใช้อำนาจป่าเถื่อน ใช้ข้อกฎหมายมาเล่นงานพันธมิตรฯ ที่ทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ให้หมดสิ้นไป

สำหรับชัยชนะครั้งที่ 4 นั้นก็คือ การเปิดข้อมูลความจริงบนเวทีพันธมิตรฯ จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในหลายกรณี หลายองค์กร ถึง 12 เรื่อง 12 เหตุการณ์ เช่นกรณี ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศที่จำยอมร่วมกับนายนพดล ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการร่วมมือกับคนพวกนั้น แต่จำเป็นต้องร่วมมือเพราะระบบการเมืองเก่า ต่อไปหากการเมืองใหม่เกิดขึ้น เมื่อข้าราชเหล่านี้ใช้อารยะขัดขืนกับคำสั่งที่ไม่ถูกต้องเมื่อไร เราจะต้องให้การคุ้มครองกับคนพวกนี้

ส่วนชัยชนะครั้งที่ 5 นั้นก็คือ การชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมถึง 41 เหตุการณ์นั้นเอง โดยหลังจากนี้พวกเราจะยืนหยัดต่อไป และไม่ยอมให้พรรคพลังประชาชนฉวยชัยชนะของเราไปแน่นอน ฉะนั้น เล่ห์กลทางการเมือง การคุกคามแกนนำ และประชาชนนั้นพวกเราจะไม่มีวันกลัว ซึ่งที่อธิบายไปทั้งหมดนั้น อยากให้คนที่วางตัวเป็นกลางทราบว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ต้องเขาใจว่าธงของพันธมิตรคือการต่อสู้กับทุจริตนั้น พวกคุณจะเห็นด้วยอย่างไร

“ประชาชนที่ทำตัวเป็นกลางก็ไม่ชอบการทุจริตเหมือนกัน ส่วนประชาชนที่ไม่เข้าใจข้อมูล จนไปร่วมกับ นปก.นั้น หลายคนเคยต่อสู้เพื่อเสรีภาพ แต่คนพวกนี้กำลังติดกับทางการเมือง และไม่รู้ความผิดของทักษิณว่า สร้างปัญหาให้ชาติอย่างไร ในการทุจริต และล้มล้างสถาบันโดยการที่ นพ.เหวง โตจิราการ และคนที่ร่วมด้วย อ้างว่าต่อต้านเผด็จการ ไม่เห็นด้วยกับทหารนั้น ไม่เคยยอมรับเรื่องที่ทักษิณผิดและทำลายประชาธิปไตย เท่ากับมีจุดยืนที่อยู่ข้างทักษิณ และเหตุที่ไม่ต่อต้านทักษิณก็คงจะมีประโยชน์ทับซ้อนกับเรื่องนี้ด้วย โดยหากคุณต้องการต่อสู้เรื่องประชาธิปไตยนั้น คุณต้องไม่เอาคนพวกนี้ และต้องให้ทักษิณติดคุกด้วย” นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า กลุ่มคนพวกนี้ ทั้ง นพ.เหวง และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ไม่เคยต่อว่านักการเมืองเก่าเลย แสดงว่าคุณไม่มีจุดยืนในการรังเกียจนักการเมืองคอร์รัปชั่น ฉะนั้นการที่พวกคุณเสนอใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 นั้น ทุกคนทราบดีว่าคุณต้องการตัดกระแสในการทำให้เกิดการเมืองใหม่ ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้จะว่าคุณเป็นประชาธิปไตยอย่างก้าวหน้าได้อย่างไร

ซึ่งทั้งหมดนี้ อยากให้คนที่เป็นกลางรู้ถึงจุดยืนของเราว่าต้องการอะไร และการต่อสู้ที่ไม่ให้ระบอบทักษิณกลับมานั้น เพราะเขาทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งคนที่เป็นกลางควรจะเข้าใจและสงสัยไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นประเทศจะถูกส่งต่อเป็นทอดๆ ให้คนพวกนี้

นายพิภพ กล่าวอีกว่า เมื่อคุณมีความสงสัยกระบวนการยุติธรรมนั้น เมื่อมีการพิจารณาอย่างเปิดเผยพวกคุณก็ไม่ควรสงสัย นอกจากนี้การที่ประชาชนออกมาเป็นจำนวนมาก มาร่วมกับเรานั้นคนข้อสงสัยของคนที่เป็นกลางควรจะหมดไปได้แล้ว โดยถ้าเราไม่ยืนให้มั่นคงและกลัวการข่มขู่ เราจะสร้างการเมืองใหม่ไม่ได้ ซึ่งการต่อสู้ของเรานั้นต้องการเปลี่ยนสังคมให้เป็นการเมืองใหม่ เพื่อสังคมในอนาคต และเราจะยืนหยัดให้เกิดขึ้นในที่สุด เพื่อให้มีประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริงให้ได้




กำลังโหลดความคิดเห็น