xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” ย้ำแกนนำไม่เคยแตกคอ - ลั่นพร้อมเจรจาแต่ต้องไม่ใช่รัฐบาล พปช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ
“พิภพ” ย้ำชัด 5 แกนนำสุดกลมเกลียว ถึงตายก็ไม่มีวันแตกคอ ระบุมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การใช้ สันติ อหิงสาในการ เปิดโปงระบอบทักษิณและรัฐบาลนอมินี ลั่นพร้อมเจราจา “สมชาย” แต่พรรคพลังประชาชนจะต้องไม่เป็นรัฐบาล และต้องนำ “แม้ว-เมีย” มาดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น ระบุความสมานฉันท์จะต้องเริ่มจาก การดำเนินคดีกับคนผิด โดยให้ฟรีทีวีเสนอความจริงทั้งหมดในการทุจริตของพรรคไทยรักไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันนี้ (19 ก.ย.) นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีในทำเนียบรัฐบาลว่า คุณสนธิ ได้มาบอกก่อนหน้านี้แล้วว่ารัฐบาลได้มาติดต่อขอเจรจา ซึ่งเราก็ได้นำมาปรึกษากัน โดยเมื่อได้มีการรับโทรศัพท์แล้ว คุณสนธิ ก็ยังมาเล่าให้ฟังโดยละเอียดอีกว่ามีการสนทนาอะไรกันบ้าง และพวกเราแกนนำพันธมิตรฯ ที่ทำงานร่วมกันมากว่า 100 วันนั้นก็การประชุมปรึกษาหารือกันตลอด

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ความมหัศจรรย์ประการแรกของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็คือการที่ประชาชนมารวมตัวชุมนุมกันในปี 2549 ติดต่อกันเดือนกว่า และการชุมนุมในทำนียบรัฐบาลที่ขณะนี้ก็เกิน 100 วันไปแล้ว และตนเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ไทยอีกแน่นอน ส่วนความมหัศจรรย์อันดับ 2 คือความแตกต่างของพื้นฐาน 5 แกนนำอย่าง คุณสนธิ ที่เป็นนักธุรกิจ พล.ต.จำลอง ซึ่งเป็นนักต่อสู้ รวมถึงตน คุณสมศักดิ์ และอาจารย์สมเกียรติ แต่ความแตกต่างนี้ก็ไม่เคยทำให้แกนนำทั้งหมดทะเลาะกันเลยนี้คือความมหัศจรรย์อีกประการหนึ่ง

“มีคนตั้งข้อสงสัยกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่การที่เราประชุม และกำหนดแนวทางด้วยกันว่า การต่อสู้กับระบอบทักษิณ และการคอร์รัปชั่น ด้วยสันติ อหิงสา อย่างไม่เคยเปลี่ยนเลย โดยที่ 5 แกนนำไม่เคยมีใครเบี่ยงเบนออกไปเลย ซึ่งผมต้องบอกนักข่าวว่า ถ้าใครมีความคิดแตกต่างไปสู่ความรุนแรงแล้ว อยากถามว่าถ้าเป็นอย่างนั้นประชาชนจะมาร่วมกับเราได้อย่างไร เมื่อทิศทางชัดเจนในยุทธวิธี สันติวิธี และในเรื่องการขัดขืนแบอารยะ เราทำเรื่องนี้มาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งทำให้เราไม่เคยที่จะทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว” นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางและเป้าหมายของเราที่ไม่เคยเปลี่ยนแม้แต่นิดเดียวตั้งแต่ปี 2549 ในการเปิดโปงระบอทักษิณ ทั้งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และการทุจริต ทำให้มีนักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวมาร่วมกับพันธมิตรฯ ตลอดเวลา โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือการเปิดโปง พ.ต.ท.ทักษิณ และนักการเมืองพรรคไทยรักไทย

ทั้งนี้ เมื่อมีการตั้ง คตส.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระเขายังมีการนำข้อมูลของพันธมิตรฯ ไปใช้จนเป็นเหตุให้มีการดำเนินคดีเกิดขึ้นด้วย ส่วนหน้าที่ของเราเมื่อเราเปิดตัวในครั้งที่ 2 ก็เพื่อไม่ให้เกิดรัฐตำรวจมาควบคุมประเทศอีกครั้งหนึ่ง แต่นักวิชาการก็โต้แย้งว่าไม่เหมือนในสมัย พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ และจะเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ขณะนี้ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และมีการคุกคามเกิดขึ้นจริง

“เราได้มีการทดสอบการชุมนุมมาก่อนแล้วถึง 2 ครั้งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีคนมาร่วมกันอย่างล้นหลาม ทำให้เกิดการตัดสินใจชุมนุมยืดเยื้อจนเคลื่อนขบวนมาที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และเริ่มกดดันรัฐบาลไม่ให้ทำตัวเป็นนอมินีปกป้องทักษิณนั้น เราก็ทำด้วยสันติ อหิงสา มาตลอด และเราไม่เคยปะทะกับตำรวจเลย โดยเมื่อเผชิญหน้ากันเราก็จะนั่งลงทันที และที่เล่ามาทั้งหมดเพราะต้องการทบทวนว่า 5 แกนนำไม่เคยขัดแย้งกัน เพราะเรามียุทธ์วิธีที่ถูกต้องและงดงามคือ สันติวิธี” นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า หลังจากที่เราเริ่มชุมนและได้รับชัยชนะมาตลอดก็เพราะสันติวิธี และสันติวิธีนั้นยังเคยทำให้นายสมัครต้องหนี เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยชินกับเหตุการณ์ 6 ตุลา โดยขู่ว่าจะลุยกับประชาชน แต่เมื่อมีการประกาศออกไปแล้ว สังคมได้หันมากดดันเขาแทน เพราะเป็นที่รู้กันว่าการชุมนุมอย่างสันติจะมาใช้ความรุนแรงกับประชาชนไม่ได้

“อีกครั้งหนึ่งที่เราถูกทดสอบ ในครั้งที่ไปหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่ก็ถูกใช้ความรุนแรงด้วยแก๊สน้ำตา แต่เมื่อบอกให้ถอยอย่างสงบ ประชาชนก็ถอยออกมา สุดท้ายรัฐบาลก็ถูกกดดันไปเรื่อยๆ” นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ในการต่อสู้ที่ผ่านมาประชาชนชนะมาแล้วถึง 40 กว่าเรื่อง โดยถึงวันนี้เราจะชนะเพิ่มอีกเรื่อง เพราะกระทรวงต่างประเทศได้ประกาศยกเลิกสัญญาลงนามร่วมกับกัมพูชาในกรณีเขาพระวิหารไปแล้ว โดยคนที่ต้องได้รับคำชมมากที่สุดน่าจะเป็นพวกเรา เพราะถ้าไม่มีการชุมนุมกระทรวงต่างประเทศคงจะไม่ทำเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีหลายกระแสกดดันเรา เหมือนกับในตอนแรกที่เราชุมนุม และนักวิชาการมาเสอนว่าให้เราหยุดชุมนุม และค่อยมาชุมนุมใหม่วันหลังเพราะได้พวกเราชนะไปหลายอย่างแล้ว แต่แกนนำไม่ได้ เพราะเราจะต้องยืนหยัดอยู่ต่อไป โดยเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เขากลับเห็นด้วยว่าการชุมนุมยืดเยื้อนั้นเป็นผลดี และทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ และต้องทำตามที่เราเรียกร้อง

ทั้งนี้ ตามหลักปรัญชาแล้ว คนที่มีอุดมคติจะต้องดื้อ ขณะที่เราทำเรื่องดีงามสังคมอาจไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเราดื้อทำดีสังคมจึงเห็นด้วยกับเราว่าเราต้องการกำจัดการคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากประเทศ โดยถึงแม้คนที่มาร่วมชุมนุมอาจะต้องต่อสู่กับคนใกล้ชิดที่ยังไม่เข้าใจ แต่เราก็ยืนหยัดมาได้ถึงวันนี้ และจะยืนหยัดต่อไปจนกว่าจะเห็นพ.ต.ท.ทักษิณ ติดคุก โดยอุดมคติในการต่อสู้ของพันธมิตรจะเดินต่อไปได้ แต่จะต้องอยู่บนธรรมะและสันติวิธี จึงจะเดินไปได้อย่างสง่างาม และเราจะกลับบ้านอย่างสง่างามเมื่อมีชัยชนะอย่างแน่นอน

“ทั้งหมดนี้เป็นการพูดเพื่อตอกย้ำว่า 5 แกนนำไม่มีความลับต่อกัน ตอนนี้สื่อกำลังจับผิดว่าเราแตกคอกัน และขอยืนยันจนตายก็ไม่มีวันแตกคอกัน คุณสนธิเคยบอกว่าตอนแรกถึงแม้จะไม่เข้าใจกัน 100% แต่การที่ทำงานร่วมกันกว่า 100 วันจะทำให้เราเห็นเนื้อแท้ของเรากันเองและใกล้ชิดกันมากขึ้น” นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า การที่นายสมชายต้องการความสมานฉันท์ ต้องบอกว่ามันมีความหมายต่างกัน เพราะมันไม่ใช่การเกี้ยเซียะอย่างที่ทันต้องการต้องการ ด้วยการนำปัญหาไปซุกไว้ใต้พรม ซึ่งความสมานฉันท์จะต้องเกิดขึ้นต้องเริ่มจาก รัฐบาลจะต้องปล่อยให้ฟรีทีวี นำคนที่มีความรู้ในเรื่องการทุจริต ของพรรคไทยรักไทย ไปออกทั่วประเทศ เพื่อให้ความจริงประจักษ์ แล้วอะไรผิดหรือถูกต้องว่าไปตามนั้น และต้องนำผู้มีความผิดไปลงโทษ

แต่ไม่ทราบว่า นายสมชายจะทำอย่างไร เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ในต่างประเทศว่า เป็นการกลั่นแกล้งของพันธมิตรฯ และจะไม่มีวันมาขึ้นศาล แต่ในวันที่เขาชนะคดีซุกหุ้นภาคแรก เขากลับสรรรเสริญกระบวนการยุติธรรม แต่เขาก็ยังระแวงองค์กรอิสระ เป็นเหตุให้ที่ผ่านมาเขาพยายามที่และจะต้องควบคุมให้ได้ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญและกกต. เพราะกลัวว่าจะแว้งมากัดตนเอง นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าเขาจะใช้วิธีการทางการเมืองเพื่อเป็นการทำให้เขาพ้นผิดอีกด้วย

ซึ่งหากต้องการเจราจากับเราต้องบอกว่า พันธมิตรฯได้มีมติ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแล้วว่าเราต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสุ่กระบวนการยุติธรรม และไม่ให้กลับมาอีกไม่ว่าจะเป็นในนามของพรรคอะไร แต่ขณะคุณสมชายกลับใช้ท่าทีสุภาพมาหลอกล่อเรา ซึ่งการดำเนินการทางการเมืองนำที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวก็คือการ ตั้งพรรคพลังประชาชนเพื่อให้เข้ามาเป็นรัฐบาล และดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 เพื่อให้เขาพ้นผิด และมาตรา 237 เพื่อให้พรรคไทยรักไทยไม่ต้องถูกยุบ

ทั้งนี้ไม่ทราบว่า น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นภรรยาของนายสมชายได้สั่งให้ทำเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ แต่สิ่งแรกที่อยากแนะนำคือ คุณสมชาย จะต้องขอโทษประชาชนก่อน เนื่องจากคุณเคยมีความผิดและร่วมอยู่ในพรรคไทยรักไทยด้วย ส่วนจะมีการเจรจาหรือไม่ จุดยืนของแกนนำพันธมิตรฯ คือ จะต้องไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญ และจะต้อง พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี โดยที่พรรคพลังประชาชนจะต้องไม่เป็นรัฐบาลเท่านั้น นี้แหละเป็นสิ่งที่เราต้องการ และถ้าทำได้ค่อยมาคุยกันอีกในครั้งต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น