พันธมิตรฯ หลั่งไหลร่วมงานคอนเสิร์ต “สมุทรปราการ ร่วมสร้างการเมืองใหม่” คึกคัก เหล่าแกนนำคนสำคัญขึ้นทยอยขึ้นเวทีปราศรัยครบครัน “สนธิ” ลั่นพร้อมเข้าคุกเพื่อให้คำว่า “ในพระปรมาภิไธย” คงความศักดิ์สิทธิ์ ระบุ นี่คือ ความต่างระหว่างพันธมิตรฯ กับคนเสื้อแดง ที่กลัวตาย-กลัวคุก หนีหัวซุกหัวซุน วอนพี่น้องอย่าเสียน้ำตา หากศาลฎีกามีคำตัดสิน แนะแปลงเป็นพลังที่เข้มแข็งจะดีกว่า ด้าน “สำราญ รอดเพชร” ลาออกจาก ปชป.เข้าร่วมงาน ก.ม.ม.เต็มตัวแล้ว
วันที่ 13 ก.ย.ที่ศาลาเอื้อสุข สวางคนิวาส อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีการจัดงานคอนเสิร์ต “สมุทรปราการ ร่วมสร้างการเมืองใหม่” ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน เพราะมีเหล่าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมตบเท้ามาขึ้นเวทีปราศรัยกันพร้อมเพรียง อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสำราญ รอดเพชร พล.ร.อ.ประทีป ชื่นอารมณ์ และ นายประพันธ์ คูณมี นอกจากนี้ ยังมีเหล่าพิธีกรเอเอสทีวีชื่อดังอย่าง “พี่ปอง” น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก น.ส.กมลพร วรกุล มาทำหน้าที่ดำเนินรายการบนเวทีอีกด้วย
นายสนธิ ได้ขึ้นปราศรัยตั้งแต่ช่วงเริ่มงาน ว่า เราร่วมกันต่อสู้มาไม่ใช่แค่ 193 วัน แต่เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2548 ที่เราได้ปลุกหว่านเมล็ดแห่งปัญญาลงในสังคมไทยไว้แล้ว เพราะฉะนั้นพี่น้องอย่าทิ้งมัน อย่าท้อแท้ การต่อสู้นั้น เมื่อเป็นนักรบต้องบาดเจ็บ ข้อแตกต่างระหว่างแกนนำพันธมิตรฯ กับแกนนำเสื้อแดง ก็คือพวกนั้นกลัวตายและกลัวคุก ถ้าไม่กลัวคุกทำไมนายจักรภพ เพ็ญแข ต้องหนีหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ ที่เขาหนี เพราะเขาไม่ได้สู้ด้วยอุดมการณ์ แต่สู้เพราะเงิน กลัวว่าถ้าติดคุกหรือตาย จะไม่มีโอกาสได้ใช้เงิน แต่พันธมิตรฯ สู้ด้วยอุดมการณ์ ใช้ธรรมนำหน้า
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เหมือนที่ตนเคยพูดว่าตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง แต่ถ้าเราทำเพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ ถึงตาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ให้ตาย ถึงเจ๊ง แต่พี่น้องก็ไม่ให้เจ๊ง ถึงติดคุก ก็ขังใจเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นแกนนำพันธมิตรฯ ทุกคนไม่มีอะไรที่จะต้องหวั่นไหว มีการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมด้วยอหิงสาที่ใดบ้างที่ผู้นำจะไม่บาดเจ็บ เอาลาภยศมาล่อก็ไม่ขาย เอากระสุนเอาระเบิดมาขู่ก็ไม่กลัว เอาคุกมาบีบก็ไม่สนใจ การต่อสู้ของประชาชนแบบนี้ ซื้อไม่ขาย ฆ่าไม่กลัว คุกไม่กลัว แล้วเขาจะทำอะไรเราได้
นายสนธิ กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเปรียบตัวเองเป็น เนลสัน แมนเดลลา แต่ตนได้ประกาศไปนานแล้วว่า ถ้าศาลฎีกายังยืนให้ติดคุก ก็จะเดินเข้าคุกอย่างสง่าผ่าเผย ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ นายจักรภพ คนเสื้อแดง ทำลายหลักนิติรัฐ ทำลายกติกาสังคม ทำลายกฎหมายที่ไม่เข้าข้างตัวเอง
“ผมไม่เคยบ่นว่าผู้พิพากษาท่านไหนเป็นพวกทักษิณ คดีไหนที่จงใจกลั่นแกล้งผม ผมพูดแค่สั้นๆ ว่า ผมยอมรับคำพิพากษา แต่ขออนุญาตไม่เห็นด้วย ขณะที่คนที่ออกไปอยู่นอกประเทศ ด่าศาลเสียๆ หายๆ ทั้งที่ศาลทำงานในพระปรมาภิไธย
“เพื่อพระเจ้าอยู่หัว ผมยินดีติดคุก เพราะผมต้องการให้ในพระปรมาภิไธยนั้น มีความศักดิ์สิทธิ์ และต้องการให้ผู้พิพากษาที่เป็นพวกทักษิณได้รู้ว่าคนอย่างผมยินดีติดคุกเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิของศาล รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมที่ทำงานในนามพระปรมาภิไธย ให้เขาได้เปรียบเทียบว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เขาหลงใหลหรือแอบรับสินบาดสินบนนั้นมันต่างกันฟ้ากับดิน”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า หากศาลฎีกาตัดสินจำคุกตน พี่น้องไม่ต้องเสียน้ำตา ให้แปลงน้ำตาเป็นพลังที่เข้มแข็ง ตั้งแต่ ปี 2548-2549 เป็นต้นมา ตนสู้กับระบอบทักษิณที่มีอำนาจ ตำรวจ อัยการ และศาลบางส่วน สู้กับน้องเขยของเขาที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นอดีตผู้พิพากษา สู้กับเงินมหาศาล เหมือนเดินชนกำแพง แต่ตนต้องชน แม้ว่าคนที่ออกมาจุดเทียนเป็นคนแรกนั้นจะต้องบาดเจ็บ เมื่อมีพายุมาต้องเอาหลังป้องเทียน โดนกระเบื้อง โดนก้อนหินปลิวมาใส่หัวแตกก็ต้องทุน เพื่อให้พี่น้องเอาเทียนมาจุดต่อๆ กันไป เป็นเทียนพรรษา นี่คือบาดแผลที่เกิดขึ้นจากากรต่อสู้มาตั้งแต่ปี 2548 ถ้าไม่ยอมเจ็บ เราก็ไม่มีพันธมิตรฯ เราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่มีอนาคตให้ลูกให้หลาน คนรุ่นเราต้องสู้ ต้องยอมทุกอย่างเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนา และราชบัลลังก์ เราต้องาสู้ให้ดู เจ็บให้ดู บางครั้งถ้าต้องตายก็ต้องตายให้ดู
ทั้งนี้ นายสนธิ ได้แจ้งต่อผู้มาชุมนุม ว่า ปลายสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อปราศรัยใน 7 เมืองในสหรัฐอเมริกา ขอให้รู้ไว้ จะได้ไม่หวั่นไหว เดี๋ยวจะมีคนหาว่าตนหนีคุกอีก
สำหรับบรรยากาศภายในงาน นอกจากเต็มไปด้วยพี่น้องพันธมิตรฯ สมุทรปราการ ที่หลั่งไหลมารวมตัวชูมือตบอยู่หน้าเวทีแล้ว ยังมีพ่อยกแม่ยกจากจังหวัดต่างๆ เดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย โดยส่วนใหญ่พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง สัญลักษณ์ของความจงรักภักดีและพลังของประชาชน ซึ่งในช่วงที่แกนนำพันธมิตรฯ สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย เพื่อพูดคุยและบอกเล่าถึงสถานการณ์ต่างๆ ของบ้านเมือง เหล่าพี่น้องพันธมิตรฯ ได้ชูมือตบตอนที่แกนนำพันธมิตรฯ อย่าง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หรือจะเป็น นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัยถูกอกถูกใจ เรียกได้ว่าสร้างสีสันให้กับงานเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่นายสำราญ รอดเพชร ได้ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ขอเข้าร่วมงานพรรคการเมืองใหม่อย่างเต็มตัว
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดการประมูลพระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งศิลปินผู้วาด คือ “ตี๋ ชิงชัย” พันธมิตรฯผู้มีหัวใจแข็งกล้า ที่ได้สูญเสียอวัยวะสำคัญ แต่ก็ไม่ได้ย่อท้อต่อชีวิต ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ความรักชาติมิเสื่อมคลาย
ทั้งนี้ จากการที่พี่น้องพันธมิตรฯ ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเอเอสทีวีและกองทุนสู้คดีพันธมิตรฯ รวมยอดทั้งหมดได้ประมาณเกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งขอขอบคุณน้ำใจพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกท่าน ที่ร่วมลงขันเพื่อสื่อที่ยืนเคียงข้างประชาชน
สำหรับกำหนดการจัดคอนเสิร์ตการเมืองใหม่ครั้งต่อไป จะจัดขึ้น ณ จ.สระบุรี และ จ.เชียงใหม่ ก่อนการจัดงานใหญ่วันที่ 7 ตุลาฯ ขอเชิญพี่น้องพันธมิตรฯ จากทั่วสารทิศ มาร่วมสนุกและขับเคลื่อนการเมืองใหม่ไปพร้อมกัน