“สนธิ” แฉ “หมัก” แข็งข้อสร้าง “อาณาจักรส่วนตัว” ดึงคนของตัวเองเข้าไปนั่งที่ปรึกษา คานกลุ่ม “หมอเลี้ยบ” ขณะ “แม้ว” เริ่มอ่อนแรงท้อแท้ แนะพี่น้องพันธมิตรฯ จับตาการเปลี่ยนแปลงสัปดาห์หน้า เผยพร้อมรื้อเวที 12 สิงหาฯ ถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ ก่อนกลับมาตั้งใหม่ พร้อมเรียกร้อง ปชช.อุดหนุนศิลปินพันธมิตร สั่งสอนแกรมมี่-อาร์เอส ปฏิวัติวงการเพลงน้ำเน่า
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันที่ 3 ส.ค. เวลาประมาณ 21.45 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานฯ โดยกล่าวถึงกรณีที่วงดนตรีหลายวงที่ขึ้นมาเล่นบนเวทีพันธมิตรฯ แล้วถูกอำนาจเถื่อนปิดทางทำมาหากินว่า ไม่ได้ต่างจากสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีที่ออกอากาศแล้วไม่มีโฆษณา เพราะอำนาจมืดคอยมารังแกทุกๆ คนที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เช่น วง ซูซู ที่หากินในภาคอีสานตามสถานบันเทิงต่างๆ แต่ตอนนี้ถูกบังคับไม่ให้เขาเล่นดนตรี ดังนั้นจึงขอร้องให้พ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ ซึ่งมีพลังมหาศาล เวลาจะไปซื้อเทป ซีดี บอกเขาสักนิด ก่อนจะจบ จะพิมพ์รายชื่อศิลปินเหล่านี้แจกให้เก็บเอาไว้ คนเหล่านี้มาเล่นดนตรีที่เวทีพันธมิตรฯ ได้เงินแค่ค่ารถ เงินที่พี่น้องบริจาคมาก็เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการชุมนุม ให้เอเอสทีวีจ่ายค่าดาวเทียม และถ้าไม่มีพ่อแม่พี่น้อง การต่อสู้จะไม่มีเลย
“ทำไมเขาถึงดูถูกการต่อสู้ของเรา เพราะเขาบอกว่าเอเอสทีวีเราจะเจ๊งแล้ว โฆษณาปูนบางเจ้าเขาก็ตัดไป แต่เขาประมาทพลังบริสุทธิ์ของเรา และด้วยเหตุนี้เราจึงอยู่ได้ ดังนั้น เราจึงต้องหาวิธีที่เราจะอยู่ตลอดไปหลังจากเหตุการณ์นี้จบลง เพราะเอเอสทีวีขณะนี้เป็นของประชาชนทั้งประเทศ โดยในอนาคตข้างหน้า พี่น้องจะซื้อเทปอะไร ขอให้ถามว่าของวงคาราวาน มีหรือไม่ หรือของวงซูซู มีหรือไม่ เราซื้อกันด้วยใจ เพราะดนตรีที่รักชาติบ้านเมืองต้องได้รับผลกรรมดีที่ได้ทำเอาไว้ และอย่าไปเสียเงินให้กับแกรมมี่ หรืออาร์เอส แม้แต่บาทเดียว เพื่อให้เขารู้ว่าพลังของเราจะขนาดไหน” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ในอนาคตหลังจากหยุดชุมนุมจะจัดคอนเสิร์ตการเมืองพันธมิตรฯ แน่นอน โดยจะไปจัดตามจังหวัดต่างๆ ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ ซึ่งเราจะบอกตารางการจัดล่วงหน้าว่าจะไปที่จังหวัดไหน แต่ขอร้องว่าให้พ่อแม่พี่น้องเสียค่าเข้าชม เงินจำนวนดังกล่าวจะเอาไปจ่ายให้กับนักดนตรีในอัตราที่เขาควรจะได้ ไม่ใช่แค่ค่ารถครั้งละเพียง 5,000 บาท และไม่แน่จากนี้ต่อไปเอเอสทีวีอาจจะกลายเป็นค่ายเพลงก็ได้ เพราะประชาชน 14-16 ล้านคน สามารถเปลี่ยนแปลงไปสู่การเมืองใหม่ได้ เราก็เปลี่ยนแปลงวงการเพลงน้ำเน่าในเมืองไทยได้เหมือนกัน และมีแต่เรารักกันด้วยความบริสุทธิ์เท่านั้น ชาติบ้านเมืองของเราจึงจะไปได้
“ฉะนั้น จึงเป็นภารกิจของพวกเราที่จะต้องดูแลพวกเขา และเอเอสทีวีก็จะอยู่ต่อไปได้บนความถูกต้องโดยไม่ต้องไปพึ่งโฆษณา เพราะนายทุนจะมาบังคับเราว่า ถ้าลงโฆษณาแล้ว ห้ามออกร่ายการอย่างนั้นอย่างนี้ ขณะเดียวกันก็จะกลายเป็นบทเรียนให้นักดนตรีคนอื่นๆ ที่ขี้ขลาดตาขาว รวมทั้งจะเป็นบทเรียนให้กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ต่างๆ ฉะนั้นขอให้พี่น้องสัญญาว่าจะไม่ไปซื้อเพลงของแกรมมี่ และอาร์เอสฟังอย่างเด็ดขาด” นายสนธิ ระบุ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า วันนี้เรามาถึงจุดเปลี่ยนทางการเมืองอีกทางหนึ่งคือ หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยมีอำนาจแล้วออกไปอยู่ข้างนอก โดยวางตัวแทนซึ่งเป็นนอมินีเอาไว้ จากนั้นก็สั่งการผ่านนอมินี แต่วันนี้อำนาจดังกล่าวถูกตัดตอนไปเรียบร้อยแล้ว เพราะกองทัพของ พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มถอย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ กลายเป็นทหารรับจ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ และวันนี้เราเห็นแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่กลับมาอีกแล้ว เนื่องจากท้อแท้ และถอดใจ ทำให้นายสมัคร จึงหวังที่จะสร้างอาณาจักรส่วนตัวขึ้นมา
“คนวันนี้ที่น่ากลัวกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือ นายสมัคร เพราะจะเห็นได้จากการที่เอา ดร.โกร่ง นายวีรพงษ์ รามางกูร และณรงค์ชัย อัครเศรณี ขึ้นมานั่งเป็นรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้น่าจะกลายเป็นปุ๋ยไปตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะประวัติของนายวีระพงษ์ นั้น หลายคนได้วิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว แต่เท่าที่ผมรู้ คนๆ นี้ขี้ขลาดตาขาว ส่วนเหตุผลที่นายสมัคร เอาคนเหล่านี้ขึ้นมาเป็นประธานที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ เพราะต้องการตัดแขนขาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งก็คือกลุ่มของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และนายสมัคร เตรียมประกาศตัวเองเป็นอิสรภาพแล้ว เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เหลือเฉพาะสายที่ไว้ใจได้เพียงนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งผ่านทางนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ ส.ส.ทางภาคเหนือเท่านั้น” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า วันนี้พรรคพลังประชาชนแตกเป็นก๊กๆ ซึ่งต่างคนต่างซ่อนดาบในรอยยิ้มทุกคน เผลอเมื่อไหร่แทงกันตายหมด แต่ประเด็นที่จะเอามาพูดในวันนี้ คือ ขอให้พี่น้องรู้ทันการเมือง เพราะวันนี้นายสมัคร กำลังจะเล่นเกมคือ 1.เขาลง 2.ตั้งนอมินี 3.เลิกเล่นการเมือง และ 4.คนมีอำนาจบางส่วนคิดที่จะเปลี่ยนขั้วทางการเมืองไปเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต้องดึงกลุ่มของพรรคพลังประชาชนไป ซึ่งถ้าจะประสบความสำเร็จได้ดีที่สุด นั่นก็คือกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร แต่พันธมิตรฯ เรามีแต่มิตรแท้และศัตรูถาวร มิตรแท้คือ คนที่ซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมือง ส่วนกลุ่มทุนต่างๆ กำลังเริ่มเทไปทางนายสมัคร เพราะเขาไม่ต้องการให้มีการเมืองใหม่ เนื่องจากต้องการหากินบนความทุกข์ยากของประชาชน ดังนั้นวันนี้การเมืองไทยจึงเป็นแค่เพียงการเปลี่ยนหน้าผู้นำเท่านั้น
“ทำไม ปตท.ถึงไม่ขายน้ำมันให้ถูกกว่าเชลส์ หรือเอสโซ่ 7 บาท ถามว่าเชลส์กับเอสโซ่ จะลดราคาตามหรือไม่ แล้วทำไมรัฐบาลนี้ถึงไม่ทำ แล้วคิดว่าการเมืองเก่าที่เปลี่ยนขั้ว มันจะลดราคาหรือไม่ นั่นเพราะความเลวของคนพวกนั้นยังเหมือนเดิม
ชนนั้นกลางฝากเงินได้ดอกเบี้ย 2 เปอร์เซ็นต์ แต่กู้เงินต้องเสียดอกเบี้ยสูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ทไมส่วนต่างสูงถึง 7-8 เปอร์เซ็นต์ เพราะทุนธนาคารคุมอยู่ ถามว่าลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลงมา 1 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้หรืออย่างไร นั่นเป็นเพราะการเมืองเก่าที่ยกมือในสภาโดยมีทุนหนุนหลังอยู่ ฉะนั้นถ้าเรามัวแต่สับสน ไล่เหี้ยตัวเก่าไป เหี้ยตัวใหม่ก็จะคลานเข้ามาเป็นฝูง ดังนั้น การต่อสู้ของเรากำลังต่อสู้กับทุนสามานย์ ซึ่งในอดีตเกิดขึ้นจากกลุ่มไทยรักไทย แล้ววันนี้เจ๊งไปแล้ว ทุนจึงเปลี่ยนรูปร่าง เหมือนเหี้ยเปลี่ยนเสื้อผ้า” นายสนธิ ระบุ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พี่น้องเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชดำเนิน ต้องเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ว่าทำไมคนค้าขายเล็กๆ น้อยๆ จึงไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปสู่เงินกู้ราคาถูกได้ นั่นก็เพราะเราไม่เคยสนใจธุรกิจระดับเล็ก พึ่งจะมีกลุ่มพันธมิตรฯ เท่านั้นที่รวมตัวกัน โดยจะไม่ทนกับคนพวกนี้อีกแล้ว ไม่ว่าหน้าไหนที่มารังแกเรา ตนกล้าพูดด้วยความสัจจริง และไม่เคยทายอะไรผิด โดยในขณะนี้ผู้มีอำนาจ และนายทุน กำลังมองว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เสีย ก็เปลี่ยนคน ซึ่งในอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ กินไม่แบ่ง พวกทุนที่ไม่ได้ผลประโยชน์ก็มาเข้าข้างเราแล้วเพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ออกไป
“ดังนั้น เราจึงต้องรู้ทันว่าการเมืองเก่าจึงไม่มีวันแก้ปัญหาให้ประเทศได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตราบใดที่ยังมีการลงทุนทางการเมือง ซึ่งมีการลงทุนกันนับสิบๆ ล้านบาท เนื่องจากเงินสามารถซื้อนักการเมืองให้เข้าไปยกมือในสภาได้ ดังนั้นผมจึงยืนยัน และขอเอาชีวิตเป็นประกันว่า เมื่อไหร่ที่ฝ่ายซึ่งมีเสียงข้างมากผิด แล้วโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลก็จะรวมหัวกันยกมือสนับสนุนให้กลายเป็นถูก ฉะนั้น สงครามครั้งนี้จึงเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเราสู้ทั้งที ก็จะต้องสู้ให้เต็มที่ โดยวันนี้พวกเราถูกปลุกให้ตื่นแล้ว ส่วนนายทุนที่กลัวพวกเรานั้น เพราะกลัวเรารู้ทัน และรวมตัวกันได้ เพราะพลังของพวกเรามหาศาล โดยจะเห็นได้จากการต่อสู้เมื่อปี 2548 ที่เรารวมใจกันไม่ใช้เอไอเอส ทำให้เขาสูญเสียสมาชิกเป็นล้านๆ คน แต่ถ้าปัจจุบันเรามีประชาชนเกือบ 20 ล้านคน ถ้าเราบอยคอตสินค้าตัวไหน ไอ้นายทุนนั่นก็จะตายทันที” นายสนธิ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรายังไม่ได้ประเทศคืนมา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ผูกขาดทุน โดยจะเห็นได้จากส่วนต่างของเงินกู้กับเงินฝาก ซึ่งส่วนต่างที่แท้จริงไม่ควรเกิน 3 เปอร์เซ็นต์ พวกเขาจึงกินเราเป็นอาหารทุกวัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะทุนพวกนี้รองรับการเมืองอยู่ แต่ถ้าเราสร้างพลังของเราเองโดยเรียกร้องในหลายๆ เรื่องได้ และที่ ปตท.ลดราน้ำมันลงมาทุกวันนั้น เป็นเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ ไปด่า ปตท. ฉะนั้นการเมืองจากนี้ไป พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องจะต้องชดใช้กรรมเท่านั้น โดยเราจะไม่ให้เหลือบฝูงใหม่เข้ามาอีกแล้ว โดยจะเห็นชัดๆ ได้จากตัวแทนคือ นายสมัคร ซึ่งกำลังคิดการใหญ่ด้วยการเป็นเจ้าของอาณาจักรที่เขากำลังสร้างขึ้นในเร็ววันนี้ ดังนั้น เชื่อว่าตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ เรื่อง ฉะนั้นเราอย่าไปยึดติด
“ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระราชินี เราจะร่วมกันจุดเทียน และถ้าจะรื้อเวทีเพื่อทำให้เกิดความสวยงาม เราก็จะรื้อ แล้วเราก็จะกลับมาตั้งเวทีกันใหม่ และถ้าตำรวจมากั้นไม่ให้เราตั้งเวที ถามว่าเรากลัวไหม ขนาดทำเนียบเรายังยึดมาแล้ว โดยในวันที่ 12 สิงหาคมที่จะถึงนี้นั้น อย่างน้อยๆ เราจะถือเทียนคนละเล่ม เพื่อถวายความลงรักภักดีให้เต็มพื้นที่ และหลังจากนั้นเราก็จะเคลื่อนขบวนเข้ามายึดพื้นที่ใหม่อีกครั้ง ฉะนั้นเราอย่าไปยึดติด และขอให้พี่น้องมีจิตใจที่เชื่อมั่น เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยขอเวลาอีก 3-4 วัน แล้วแกนนำพันธมิตรฯ จะให้คำตอบ ดังนั้น ขอให้จับตาดูเหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพราะจะมีสิ่งที่ทำให้พวกเราคาดไม่ถึง” นายสนธิ กล่าวทิ้งท้าย