คนเลว-มักคิดถึงผลประโยชน์ตน ก่อนผลประโยชน์ชาติและประชาชนเสมอ
คนดี-มักคิดถึงผลประโยชน์ชาติและประชาชนก่อน แล้วจึงค่อยคิดถึงตนเองตามมา
คนเลว-ได้ครองอำนาจรัฐ คนดี-จะโดนกล่าวร้าย-ทำร้ายอย่างสามานย์ทุกวิถีทางตลอด
วันนี้-สังคมไทยอยู่ในห้วงพิสูจน์ว่า คนทำชั่วจะได้ชั่ว-คนทำดีจะได้ดี..จริงหรือ?
การเมืองหลัง “หญิงอ้อ” โดนศาลอาญาตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานโกงภาษีที่ต้องเสียให้กับรัฐในฐานะพลเมืองไทย แถมยังสร้างหลักฐานเอกสาร และคำให้การเท็จของตัวบุคคลอีกด้วย
คำตัดสินของศาลครั้งนี้ แฉโพยหญิงอ้อและสามีอดีตผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองไทย ชนิดไส้กี่ขดๆ ถูกลากออกมาให้เห็นกลางแจ้งว่า สองสามี-ภริยาที่มีเงินร่ำรวยมหาศาล แต่ยังเห็นแก่ตัวเที่ยวโกงรัฐอย่างสามานย์หน้าด้านๆ
เรียกว่า..ใครเป็นลูกหลานญาติพี่น้องตระกูล “ชินวัตร-ดามาพงศ์” จะต้องอายผู้คนไม่มากก็น้อย และไม่อาจมองคนในประเทศนี้ได้อย่างเต็มตาแน่นอน
ห้า-หกปีมาแล้ว คนคนเดียวที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายยับเยิน คนไทยต้องแตกแยกความสามัคคี จนชาติไทยต้องเดินอยู่บนวิกฤตเศรษฐกิจ-การเมือง ชนิดคาดไม่ถึงมาจนบัดนี้
ต้องถือว่า..คำตัดสินของศาลสถิตยุติธรรมครานี้ อาจทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงทาง
การเมืองได้ทุกวินาที ชนิดที่ต้องใช้คำว่า..ชะตากรรมชาติ กำลังตกอยู่ในกำมือของผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คนในประเทศนี้ครับ!
ใครบ้างมีอิทธิพลที่อาจทำให้ชาติไทยดีขึ้นหรือเลวร้ายลง..ผมเฉลยให้ฟังนะครับ
ทักษิณ ชินวัตร ชะตาชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว คดีความต่างๆ ของทักษิณอยู่ในกระบวนการยุติธรรมทุกระดับ จึงมีโอกาสที่ทักษิณและครอบครัวจะเดินสู่แดนตะราง หนทางแก้ของทักษิณมี 4 ทางเท่านั้น นั่นคือ
ใช้เงินซื้อผู้พิพากษา (แผนนี้ยากหน่อย-เพราะขนม 2 ล้านดันโผล่มาก่อนกาล)
แก้รัฐธรรมนูญในมาตราที่ยกความผิดของทักษิณออกไป (ทางนี้ช้าอาจไม่ทันการ)
ใช้ตำรวจ-ทหารพวกตนทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง (แผนนี้หนทางสำเร็จยากและเสี่ยงชีวิตเกินเหตุ)
สุดท้าย..วางแผนลี้ภัยทางการเมืองหรือหนีคดีความไปอยู่ในบางประเทศ
โอกาสฟื้นคืนกลับสู่อำนาจของ ทักษิณ ชินวัตร ริบหรี่ลงเรื่อยๆ
สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและนายกฯ รับจ้างของทักษิณ แต่เมื่อทักษิณและครอบครัวกำลังเดินสู่แดนตะราง แม้ทักษิณจะยังคงมีเงินมากมายล้นฟ้า แต่การใช้เงินแบบ “ขี่ช้างจับตั๊กแตน” จะต้องลดลงโดยปริยาย
การที่ชีวิตทักษิณแขวนอยู่บนคดีความ ซึ่งอาจโดนศาลสถิตยุติธรรมตัดสินว่าผิด ต้องติดคุกตะรางทันทีหรือรอลงอาญาก็ตาม ย่อมทำให้ทักษิณตกอยู่ในสภาวะขายไม่ได้ทางการเมือง เพราะหมดความเชื่อถือต่อสังคมในวงกว้าง นี่เป็นโอกาสของ “ทหารรับจ้าง” อย่างสมัคร จะคิดและทำการใหญ่ทางการเมืองร่วมกับ ส.ส.บางกลุ่มครับ
สมัครในฐานะนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มีอำนาจยุบสภาฯ และเซ็นส่งผู้จะลงสมัคร ส.ส.จึงเป็นไพ่ที่นักการเมืองกลัวเกรง ยิ่งมีพล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นปราการค้ำหลัง แถมด้วยกำลัง “ยี้ห้อย” ที่มี ส.ส.ในสังกัดนับร้อยคน รวมทั้งมีอภิมหานายทุนผู้ใกล้ชิดประเทศจีน ซึ่งวิ่งเต้นค้าขายโครงการใหญ่ๆ กับไทยหนุนหลังด้วย
สมัครจึงกลายเป็นหัวหน้ากองกำลังการเมืองที่สำคัญขุมใหญ่ ซึ่งใครจะมองข้ามดูแคลนไม่
ได้เด็ดขาด อีกทั้งตอนนี้สมัครก็เตรียมสลัดตัวออกจากการครอบงำของทักษิณด้วย จึงทำให้การเมืองไทยต้องกระเพื่อมไม่มากก็น้อย เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสมัครนั้น ให้ทั้งคุณและโทษที่เป็นทั้งเงินทองผลประโยชน์ และตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองและราชการได้นั่นเอง
อนาคตของ สมัคร สุนทรเวช พร้อมจะดับวูบลงด้วยความผิดในคดีความเช่นกันครับ
“ยี้ห้อย” เป็นอีกหนึ่งในนักการเมืองที่ต้องติดตาม เขาเคยเป็นมือทำงานที่สนิทสนมกับทักษิณ แต่เพราะทักษิณให้ความไว้วางใจ “เจ๊หน่อย” มากไป จนเกิดการเตะตัดขา “ยี้ห้อย” เสมอมา อีกทั้งเครือญาติบางคนของทักษิณกับ “เจ๊หน่อย” ยังร่วมกันผลักดันให้สมัครหลุดพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย
นั่นทำให้ “ยี้ห้อย” หันไปเป็นคู่ขาทางการเมืองกับสมัคร สมัคร-ยี้ห้อยจึงมีบทบาทในการจัด ครม.ครั้งล่าสุด ชนิดที่ทักษิณเองยังต้องยอมอ่อนข้อให้ เห็นชัดจากการเขี่ย “เหลิมดาวเทียม” ที่ทักษิณตั้งให้เป็นเสนาบดี ต้องกระเด็นหลุดออกจากวงโคจรรัฐบาลสมัครไปเลย
“ยี้ห้อย” จึงเป็นขุมกำลังหรือตัวแปรทางการเมืองในตอนนี้ครับ
“ผู้นำขุนทหาร” บางคนที่มิได้เป็นนักการเมือง แต่นักการเมืองเขี้ยวลากดินทุกคนยกนิ้วโป้งให้ เพราะถ่างขาเล่นกลเกมท่ามกลางวิกฤตการเมืองปัจจุบัน ได้อย่างน่าหวาดเสียวกับการเสียศักดิ์ศรีของกองทัพ และเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลยิ่งนัก
ขุนทหารกองทัพบางกองทัพผู้นี้ ถูกวางตัวเป็นผู้นำขุนทหารเพราะเชื่อว่า เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี พร้อมปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หากมีใครกระทำการจาบจ้วงต่อสถาบันหลัก
ทว่า..กกต.ตัดสินแล้วว่า พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคนอมินีของพรรคไทยรักไทยและทักษิณ จนโดนตุลาการรัฐธรรมนูญยุบพรรค เนื่องจากมีการกระทำเป็นอันตรายร้ายแรง ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นั่นเท่ากับรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมมาแต่ต้นแล้วครับ
นอกจากนั้นพรรคพลังประชาชนยังโกงการเลือกตั้ง จนรองหัวหน้าพรรคฯ ถูก กกต.แจกใบแดง ทำให้พรรคนี้มีโอกาสจะโดนยุบพรรคในเร็ววันนี้อีกด้วย
เท่านั้นไม่พอ..รัฐบาลสมัครยังตั้ง ครม.ขี้เหร่แห่งชาติ แถมกระทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ให้กับคนคนเดียว นั่นคือ ดันทุรังแต่จะล้มรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ให้กลับมาใช้ฉบับปี 2540 เพื่อจะได้ยกความผิดของทักษิณให้หลุดพ้นออกไปทั้งยวง โดยไม่แยแสต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนคนไทยกำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
รัฐบาลสมัครยังเต็มไปด้วยการคอร์รัปชันโครงการต่างๆ ถึงขนาดมีการซื้อรัฐมนตรีบางตำแหน่ง ยังมี ส.ส.พรรคพลังประชาชนเองออกมาปูดข่าวพวกเดียวกัน ว่ามีการเรียกเงินและจ่ายเช็ค10 ล้านบาทให้คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี รวมทั้งยังแฉโพยว่า..พบเรื่องไม่ชอบมาพากลอีก 90 เรื่อง ที่เกิดขึ้นในทำเนียบรัฐบาลยุคสมัครเป็นนายกฯ
นั่นยังไม่รวมข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก ที่นักธุรกิจประเทศญี่ปุ่นระบุว่า มีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับนักการเมืองไทย ที่มีชื่อย่อ “ส” สองคน “ธ” อีกหนึ่งคน จนในที่สุดนายสมัครต้องยอมรับว่า ส.หนึ่งนั้นคือตน ส.สองนั้นคือสหัส รองนายกฯ ส่วน “ธ” นั้น “ธีรพล” เลขาฯ นายกรัฐมนตรีนั่นเอง
แต่ที่สำคัญยิ่งคือ..รัฐบาลสมัคร มีทีท่าจงใจปล่อยให้ขบวนการทำร้ายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้เป็น “จอมทัพ” ของกองทัพอย่างเป็นระบบ อีกทั้งตั้งคนมีพฤติกรรมเป็นอันตราย ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จนถูกคัดค้านประท้วงอย่างกว้างขวาง แต่สมัครก็ออกมาปกป้องจนวินาทีสุดท้าย
ที่สำคัญกว่านั้น รัฐบาลสมัครยังบังอาจขายชาติ เพียงเพื่อแลกผลประโยชน์ให้กับทักษิณ ด้วยการรู้เห็นใจปล่อยให้ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แอบไปเซ็นแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ก่อนจะมีการประชุม ครม.และมิได้นำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกต่างหาก
การเซ็นยินยอมให้กัมพูชาเสนอปราสาทพระวิหาร เข้าเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ยังซ่อนปมเงื่อนมากมายที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ เสียทั้งอธิปไตยและดินแดนอีกหลายกรณี
น่าแปลก..การกระทำอันเลวร้ายของรัฐบาลสมัครเหล่านี้ กลับมิได้ทำให้ผู้นำขุนทหารบางคนเดือดร้อน ต่อการที่จอมทัพของเขาถูกเหยียดหยาม- ย่ำยี-ทำร้าย-ทำลาย ทั้งโดยทางตรง-ทางอ้อม-ทางลับ-ทางเปิดเผย จึงส่อให้เห็นว่า..ผู้นำขุนทหารบางคน ดูจะรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ น้อยอย่างเหลือเชื่อ
สิ่งที่ควรทำกลับไม่ทำ สิ่งไม่ควรทำกลับทำอย่างจริงจังเอาเป็นเอาตาย ผู้นำขุนทหารบางคน กลับกระทำทุกวิถีทาง ในการปกป้องคุ้มครองรัฐบาลสมัครทั้งลับและเปิดเผย เพียงเพราะหวังจะรักษาตำแหน่งของตน และรอโอกาสใช้กองทัพเป็นอาวุธก้าวขึ้นสู่อำนาจระดับสูงในอนาคต
ทั้งหมดที่ผู้นำขุนทหารบางคนกระทำอยู่ในปัจจุบัน ล้วนมิได้เป็นประโยชน์ต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หากแต่ทำเพียงเพื่อตนเองและพวกพ้องไม่กี่คนเท่านั้น
แต่สำหรับผู้นำขุนทหารบางคนนั้น ขอบอกว่า..ยังไม่สายที่จะกลับตัวกลับใจ หันกลับมายืนอยู่ข้างประชาชน เพื่อจะได้พิทักษ์ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยเร็วที่สุด
สนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้กำลังพาประชาชนขับเคลื่อนประเทศนี้อย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อสร้างการเมืองใหม่..อันเป็นสิ่งที่น่าติดตามยิ่งนัก
ทว่า..หน้ากระดาษหมดแล้ว ผมคงต้องขอยกไปเขียนต่อตอนสองนะครับ
คนดี-มักคิดถึงผลประโยชน์ชาติและประชาชนก่อน แล้วจึงค่อยคิดถึงตนเองตามมา
คนเลว-ได้ครองอำนาจรัฐ คนดี-จะโดนกล่าวร้าย-ทำร้ายอย่างสามานย์ทุกวิถีทางตลอด
วันนี้-สังคมไทยอยู่ในห้วงพิสูจน์ว่า คนทำชั่วจะได้ชั่ว-คนทำดีจะได้ดี..จริงหรือ?
การเมืองหลัง “หญิงอ้อ” โดนศาลอาญาตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานโกงภาษีที่ต้องเสียให้กับรัฐในฐานะพลเมืองไทย แถมยังสร้างหลักฐานเอกสาร และคำให้การเท็จของตัวบุคคลอีกด้วย
คำตัดสินของศาลครั้งนี้ แฉโพยหญิงอ้อและสามีอดีตผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองไทย ชนิดไส้กี่ขดๆ ถูกลากออกมาให้เห็นกลางแจ้งว่า สองสามี-ภริยาที่มีเงินร่ำรวยมหาศาล แต่ยังเห็นแก่ตัวเที่ยวโกงรัฐอย่างสามานย์หน้าด้านๆ
เรียกว่า..ใครเป็นลูกหลานญาติพี่น้องตระกูล “ชินวัตร-ดามาพงศ์” จะต้องอายผู้คนไม่มากก็น้อย และไม่อาจมองคนในประเทศนี้ได้อย่างเต็มตาแน่นอน
ห้า-หกปีมาแล้ว คนคนเดียวที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายยับเยิน คนไทยต้องแตกแยกความสามัคคี จนชาติไทยต้องเดินอยู่บนวิกฤตเศรษฐกิจ-การเมือง ชนิดคาดไม่ถึงมาจนบัดนี้
ต้องถือว่า..คำตัดสินของศาลสถิตยุติธรรมครานี้ อาจทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงทาง
การเมืองได้ทุกวินาที ชนิดที่ต้องใช้คำว่า..ชะตากรรมชาติ กำลังตกอยู่ในกำมือของผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คนในประเทศนี้ครับ!
ใครบ้างมีอิทธิพลที่อาจทำให้ชาติไทยดีขึ้นหรือเลวร้ายลง..ผมเฉลยให้ฟังนะครับ
ทักษิณ ชินวัตร ชะตาชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว คดีความต่างๆ ของทักษิณอยู่ในกระบวนการยุติธรรมทุกระดับ จึงมีโอกาสที่ทักษิณและครอบครัวจะเดินสู่แดนตะราง หนทางแก้ของทักษิณมี 4 ทางเท่านั้น นั่นคือ
ใช้เงินซื้อผู้พิพากษา (แผนนี้ยากหน่อย-เพราะขนม 2 ล้านดันโผล่มาก่อนกาล)
แก้รัฐธรรมนูญในมาตราที่ยกความผิดของทักษิณออกไป (ทางนี้ช้าอาจไม่ทันการ)
ใช้ตำรวจ-ทหารพวกตนทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง (แผนนี้หนทางสำเร็จยากและเสี่ยงชีวิตเกินเหตุ)
สุดท้าย..วางแผนลี้ภัยทางการเมืองหรือหนีคดีความไปอยู่ในบางประเทศ
โอกาสฟื้นคืนกลับสู่อำนาจของ ทักษิณ ชินวัตร ริบหรี่ลงเรื่อยๆ
สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและนายกฯ รับจ้างของทักษิณ แต่เมื่อทักษิณและครอบครัวกำลังเดินสู่แดนตะราง แม้ทักษิณจะยังคงมีเงินมากมายล้นฟ้า แต่การใช้เงินแบบ “ขี่ช้างจับตั๊กแตน” จะต้องลดลงโดยปริยาย
การที่ชีวิตทักษิณแขวนอยู่บนคดีความ ซึ่งอาจโดนศาลสถิตยุติธรรมตัดสินว่าผิด ต้องติดคุกตะรางทันทีหรือรอลงอาญาก็ตาม ย่อมทำให้ทักษิณตกอยู่ในสภาวะขายไม่ได้ทางการเมือง เพราะหมดความเชื่อถือต่อสังคมในวงกว้าง นี่เป็นโอกาสของ “ทหารรับจ้าง” อย่างสมัคร จะคิดและทำการใหญ่ทางการเมืองร่วมกับ ส.ส.บางกลุ่มครับ
สมัครในฐานะนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มีอำนาจยุบสภาฯ และเซ็นส่งผู้จะลงสมัคร ส.ส.จึงเป็นไพ่ที่นักการเมืองกลัวเกรง ยิ่งมีพล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นปราการค้ำหลัง แถมด้วยกำลัง “ยี้ห้อย” ที่มี ส.ส.ในสังกัดนับร้อยคน รวมทั้งมีอภิมหานายทุนผู้ใกล้ชิดประเทศจีน ซึ่งวิ่งเต้นค้าขายโครงการใหญ่ๆ กับไทยหนุนหลังด้วย
สมัครจึงกลายเป็นหัวหน้ากองกำลังการเมืองที่สำคัญขุมใหญ่ ซึ่งใครจะมองข้ามดูแคลนไม่
ได้เด็ดขาด อีกทั้งตอนนี้สมัครก็เตรียมสลัดตัวออกจากการครอบงำของทักษิณด้วย จึงทำให้การเมืองไทยต้องกระเพื่อมไม่มากก็น้อย เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสมัครนั้น ให้ทั้งคุณและโทษที่เป็นทั้งเงินทองผลประโยชน์ และตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองและราชการได้นั่นเอง
อนาคตของ สมัคร สุนทรเวช พร้อมจะดับวูบลงด้วยความผิดในคดีความเช่นกันครับ
“ยี้ห้อย” เป็นอีกหนึ่งในนักการเมืองที่ต้องติดตาม เขาเคยเป็นมือทำงานที่สนิทสนมกับทักษิณ แต่เพราะทักษิณให้ความไว้วางใจ “เจ๊หน่อย” มากไป จนเกิดการเตะตัดขา “ยี้ห้อย” เสมอมา อีกทั้งเครือญาติบางคนของทักษิณกับ “เจ๊หน่อย” ยังร่วมกันผลักดันให้สมัครหลุดพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย
นั่นทำให้ “ยี้ห้อย” หันไปเป็นคู่ขาทางการเมืองกับสมัคร สมัคร-ยี้ห้อยจึงมีบทบาทในการจัด ครม.ครั้งล่าสุด ชนิดที่ทักษิณเองยังต้องยอมอ่อนข้อให้ เห็นชัดจากการเขี่ย “เหลิมดาวเทียม” ที่ทักษิณตั้งให้เป็นเสนาบดี ต้องกระเด็นหลุดออกจากวงโคจรรัฐบาลสมัครไปเลย
“ยี้ห้อย” จึงเป็นขุมกำลังหรือตัวแปรทางการเมืองในตอนนี้ครับ
“ผู้นำขุนทหาร” บางคนที่มิได้เป็นนักการเมือง แต่นักการเมืองเขี้ยวลากดินทุกคนยกนิ้วโป้งให้ เพราะถ่างขาเล่นกลเกมท่ามกลางวิกฤตการเมืองปัจจุบัน ได้อย่างน่าหวาดเสียวกับการเสียศักดิ์ศรีของกองทัพ และเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลยิ่งนัก
ขุนทหารกองทัพบางกองทัพผู้นี้ ถูกวางตัวเป็นผู้นำขุนทหารเพราะเชื่อว่า เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี พร้อมปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หากมีใครกระทำการจาบจ้วงต่อสถาบันหลัก
ทว่า..กกต.ตัดสินแล้วว่า พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคนอมินีของพรรคไทยรักไทยและทักษิณ จนโดนตุลาการรัฐธรรมนูญยุบพรรค เนื่องจากมีการกระทำเป็นอันตรายร้ายแรง ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นั่นเท่ากับรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมมาแต่ต้นแล้วครับ
นอกจากนั้นพรรคพลังประชาชนยังโกงการเลือกตั้ง จนรองหัวหน้าพรรคฯ ถูก กกต.แจกใบแดง ทำให้พรรคนี้มีโอกาสจะโดนยุบพรรคในเร็ววันนี้อีกด้วย
เท่านั้นไม่พอ..รัฐบาลสมัครยังตั้ง ครม.ขี้เหร่แห่งชาติ แถมกระทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ให้กับคนคนเดียว นั่นคือ ดันทุรังแต่จะล้มรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ให้กลับมาใช้ฉบับปี 2540 เพื่อจะได้ยกความผิดของทักษิณให้หลุดพ้นออกไปทั้งยวง โดยไม่แยแสต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนคนไทยกำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
รัฐบาลสมัครยังเต็มไปด้วยการคอร์รัปชันโครงการต่างๆ ถึงขนาดมีการซื้อรัฐมนตรีบางตำแหน่ง ยังมี ส.ส.พรรคพลังประชาชนเองออกมาปูดข่าวพวกเดียวกัน ว่ามีการเรียกเงินและจ่ายเช็ค10 ล้านบาทให้คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี รวมทั้งยังแฉโพยว่า..พบเรื่องไม่ชอบมาพากลอีก 90 เรื่อง ที่เกิดขึ้นในทำเนียบรัฐบาลยุคสมัครเป็นนายกฯ
นั่นยังไม่รวมข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก ที่นักธุรกิจประเทศญี่ปุ่นระบุว่า มีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับนักการเมืองไทย ที่มีชื่อย่อ “ส” สองคน “ธ” อีกหนึ่งคน จนในที่สุดนายสมัครต้องยอมรับว่า ส.หนึ่งนั้นคือตน ส.สองนั้นคือสหัส รองนายกฯ ส่วน “ธ” นั้น “ธีรพล” เลขาฯ นายกรัฐมนตรีนั่นเอง
แต่ที่สำคัญยิ่งคือ..รัฐบาลสมัคร มีทีท่าจงใจปล่อยให้ขบวนการทำร้ายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้เป็น “จอมทัพ” ของกองทัพอย่างเป็นระบบ อีกทั้งตั้งคนมีพฤติกรรมเป็นอันตราย ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จนถูกคัดค้านประท้วงอย่างกว้างขวาง แต่สมัครก็ออกมาปกป้องจนวินาทีสุดท้าย
ที่สำคัญกว่านั้น รัฐบาลสมัครยังบังอาจขายชาติ เพียงเพื่อแลกผลประโยชน์ให้กับทักษิณ ด้วยการรู้เห็นใจปล่อยให้ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แอบไปเซ็นแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ก่อนจะมีการประชุม ครม.และมิได้นำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกต่างหาก
การเซ็นยินยอมให้กัมพูชาเสนอปราสาทพระวิหาร เข้าเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ยังซ่อนปมเงื่อนมากมายที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ เสียทั้งอธิปไตยและดินแดนอีกหลายกรณี
น่าแปลก..การกระทำอันเลวร้ายของรัฐบาลสมัครเหล่านี้ กลับมิได้ทำให้ผู้นำขุนทหารบางคนเดือดร้อน ต่อการที่จอมทัพของเขาถูกเหยียดหยาม- ย่ำยี-ทำร้าย-ทำลาย ทั้งโดยทางตรง-ทางอ้อม-ทางลับ-ทางเปิดเผย จึงส่อให้เห็นว่า..ผู้นำขุนทหารบางคน ดูจะรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ น้อยอย่างเหลือเชื่อ
สิ่งที่ควรทำกลับไม่ทำ สิ่งไม่ควรทำกลับทำอย่างจริงจังเอาเป็นเอาตาย ผู้นำขุนทหารบางคน กลับกระทำทุกวิถีทาง ในการปกป้องคุ้มครองรัฐบาลสมัครทั้งลับและเปิดเผย เพียงเพราะหวังจะรักษาตำแหน่งของตน และรอโอกาสใช้กองทัพเป็นอาวุธก้าวขึ้นสู่อำนาจระดับสูงในอนาคต
ทั้งหมดที่ผู้นำขุนทหารบางคนกระทำอยู่ในปัจจุบัน ล้วนมิได้เป็นประโยชน์ต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หากแต่ทำเพียงเพื่อตนเองและพวกพ้องไม่กี่คนเท่านั้น
แต่สำหรับผู้นำขุนทหารบางคนนั้น ขอบอกว่า..ยังไม่สายที่จะกลับตัวกลับใจ หันกลับมายืนอยู่ข้างประชาชน เพื่อจะได้พิทักษ์ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยเร็วที่สุด
สนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้กำลังพาประชาชนขับเคลื่อนประเทศนี้อย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อสร้างการเมืองใหม่..อันเป็นสิ่งที่น่าติดตามยิ่งนัก
ทว่า..หน้ากระดาษหมดแล้ว ผมคงต้องขอยกไปเขียนต่อตอนสองนะครับ