“สมัคร” ยังด้านไม่มีที่ติ โดนไล่ทั้งประเทศยังไม่รู้สึก อ้างลาออกไม่ได้ ต้องรักษาประชาธิปไตย โยนผิดพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบไร้เหตุผล อ้างไล่รัฐบาลเพราะเกลียดชังอดีตนายกฯ แจงเหตุประกาศภาวะฉุกเฉินเพราะบ้านเมืองไม่ปกติ มีม็อบตีกัน ยันให้ทหารใช้วิธีนุ่มนวล แต่ย้ำพันธมิตรฯ ต้องไปจากทำเนียบ 9 แกนนำต้องขึ้นศาล โบ้ย “เตช” ไขก๊อก เพราะภรรยาบีบ กล่อม ปชช.ให้ฉุกคิดก่อนร่วมพันธมิตรขับไล่รัฐบาล
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมัคร สุนทรเวช ชี้แจงสถานการณ์ทางวิทยุ
เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. ที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกรายการสดทางวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ โดยเนื้อหาหลักคือการกล่าวโจมตีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ โดยกล่าวหาว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ เริ่มต้นด้วยการเกลียดคนอื่น ยกประเด็นความจงรักภักดีขึ้นมาอ้างโดยแกนนำได้ใส่เสื้อเหลือง ทำราวกับว่าคนอื่นไม่จงรักภักดี หลังจากนั้นก็กล่าวหาว่า รัฐบาลไม่สุจริต แล้วยกเรื่องเสียดินแดนเขาพระวิหารมาโจมตีทั้งที่เราเสียดินแดนตั้งแต่ปี 2505 แล้ว
นายสมัคร กล่าวต่อว่า แล้วแกนนำ 5-6 คนเป็นใครมาจากไหน แต่ตนเป็นนายกมาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ก็ต้องทำงานและไม่ทำเฉพาะในประเทศ ต่างประเทศก็ทำ แล้วก็มีคนจะมาล้มระบบประชาธิปไตย ในสภาล้มไม่ได้เพราะมีแค่ 160 กว่าเสียง ก็มาชุมนุมยึดทำเนียบ ตนก็ทำนุ่มนวล ให้ศาลดำเนินการ ศาลก็มีคำสั่งให้ออก จะเอาคำสั่งไปติดก็เกิดปะทะกันขึ้นมีคนบาดเจ็บ ตำรวจก็เจ็บ 20 กว่าคน ก็เอาไปอ้างเหตุว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรง ทั้งที่รัฐบาลสั่งถอยด้วยซ้ำ เหตุที่ปะทะตรงนั้นก็กลายเป็นเหยื่อเอาไปปลุกระดมใหญ่โตมโหฬาร
นายสมัคร กล่าวต่อว่า เขาปลุกระดมไปกันใหญ่ออกข่าวต่างๆ ที่ตนเสียใจที่อยากจะพูดกับประชาชนวันนี้ ก็มีเหตุ คนไม่พอใจอีกลุ่มหนึ่งที่สนามหลวง ก็มาตีกัน มีภาพโทรทัศน์ถ่ายไว้ แต่คนที่ไม่ได้เห็นข่าว ก็หาว่ารัฐบาลวางแผน จุดชนวน จนต้องเอาทหารออกมา แยกคนสองฝ่ายออกจากกันได้ แล้วก็ขอประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเงื่อนไขมีมากมาย แต่เราเอาแค่ 5 ข้อ พออยู่กันได้ การท่องเที่ยวไม่กระทบ ขออย่างเดียวว่าตำรวจทหารต้องรักษาการอยู่ได้
นายสมัครอ้างว่า ตนนี่แหละที่บอกว่าต้องนุ่มนวล แต่คนเดือดร้อนคือใคร คือทหาร รัฐบาลเอาไม่อยู่ ไปขอศาล ออกหมายจับอะไรต่างๆ ศาลก็โดนด้วย เอาเข้าไปพูดในสภา เขาก็แนะนำให้ลาออก ให้ยุบสภา
“ผมก็บอกว่าผมเสียงข้างมากออกไปไม่ได้ มันเป็นระบอบประชาธิปไตย ผมต้องอยู่รักษา อ้าวสภาเอาไม่อยู่อีกแล้ว ก็เอาเป็นเหตุไปอ้างปลุกระดมให้ใครเข้ามากัน” นายสมัคร กล่าว
นายสมัครอ้างว่า การประกาศภาวะฉุกเฉิน ที่จริงมีสูตร 1-2-3 แต่ถ้าทำตามสูตรนั้นพังทุกราย เราก็ไม่ไปตามสูตร ฝ่ายทหารเสนอว่าต้องเอาแบบนุ่มนวล ตนก็เห็นด้วย เพื่อให้การใช้ชีวิตดำเนินไปตามปกติ แต่มีประกาศไว้เพื่อที่จะดำเนินการอะไรต่างๆ ได้ตามสมควร
นายสมัครบอกว่า เจตนาที่ตนจะบอกกับประชาขนในวันนี้ คือ อยากถามว่า คิดอย่างไรที่จะเข้ามาร่วมชุมนุม สื่อก็ประโคมข่าวใหญ่โต มีอัยการคนหนึ่งที่สุราษฎร์ธานี ประกาศอารยะขัดขืน แล้วมีอัยการกี่พันคนที่ยังทำงานให้รัฐบาลอยู่ แล้วที่จะตัดนำตัดไฟ สื่อก็เสนอข่าวจนกลายเป็นเรื่องตื่นเต้นไปหมด ทั้งบ้านทั้งเมือง ทั้งที่มันทำไม่ได้
นายสมัครแสดงความไม่พอใจที่มีปัญญาชน(นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง) ไปออกรายการตาสว่าง ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ที่ให้เหตุผลสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยกล่าวหาว่านายเจิมศักดิ์พูดตะแบง พูดเอาแต่ได้ แล้วผู้ดำเนินรายการก็ปล่อยให้พูด และว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ จะถูกต้องได้ยังไง ต้องมีกฎกติกา เรื่องรัฐธรรมนูญทำไมจะแก้ไม่ได้ บ้านเมืองเราเจริญก้าวหน้าไปมากแล้ว เคยเป็นแนวหน้าของอาเซียน ตอนนี้ก็ตกลงมาหน่อย แต่ปีนี้เราได้เป็นประธานอาเซียน บ้านเมืองต้องมีกฎหมาย ไม่งั้นจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
นายสมัคร อ้างว่าที่พูดมานี้ ก็อยากให้คนกำลังจะคิดว่าที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นรถไฟขบวนใหญ่ ถ้าไม่ขึ้นก็จะตกขบวนนั้น ให้ฉุกคิดให้ดี นักศึกษาธรรมศาสตร์ที่มาขึ้นเวที มากันกี่คนแล้วคนที่ไม่มามีเท่าไหร่ แล้วคิดหรือเปล่าว่าอนาคตข้างหน้าบ้านเมืองจะไปยังไง แล้วข้อเท็จริงเป็นยังไง ถ้าให้นายกลาออก แล้วแกนนำก็บอกไม่เจรจา เพราะเลือกตั้งใหม่คนกลุ่มเดิมก็เข้ามาอีก
นายสมัครได้พูดถึงกระแสข่าวที่ว่าเขาจะประกาศลาออกว่า คิดกันไปได้อย่างไรว่าตนจะลาออก เพราะคนทั้งโลกเขาเฝ้าดู เมื่อวานตนเพิ่งพูดกับเอบีซี และได้ไปสถานทูตต่างๆ เขายืนยันว่า หากมีปฏิวัติเขารับไมได้ ปฏิวัติโดยประชาชนที่เขาเรียกกันก็ไมได้ ไม่มีเหตุผล
นายสมัครยังอ้างอีกว่า ถ้าตนลาออก เขา(พันธมิตรฯ) จะใช้ระบบของเขา 70-30 แล้วจะใช้ลัทธิประหลาดแบบที่มีการชวนกันฆ่าตัวตายในต่างประเทศ แล้วประเทศไทยมันจะเป็นยังไง เขาเห็นอดีตนายกฯ กลับมาก็คอยจ้อง แล้วพอมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็โดดขวางทันทีเริ่มชุมนุมวันที่ 25 พ.ค. หวังจะให้เกิดเหตุรุนแรงจนมีปฏิวัติ ตนไม่ให้เกิดหรอก ก็เฝ้าอดทนมา วันที่ 90 กว่าก็มีการเป่านกหวีด เข้ายึดทำเนียบ แต่ไม่เป็นไร ตนก็ทำงานข้างนอกได้ แต่มันอายชาวโลกไหม
ส่วนกรณีการลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของนายเตช บุนนาค นายสมัคร กล่าวว่า ตนได้ไปทูลขอนายเตชมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเอง แต่เมื่อมาทำงานแล้ว ก็มีปัญหาถูกบีบ จากใครก็คิดเอาเอง นายเตชไม่ใช่นักการเมือง ภรรยาของท่านก็ทนไม่ได้ จึงขอให้ลาออก เพราะภรรยาท่านไม่อยากให้สามีต้องมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีคนเกลียดชังทั้งบ้านทั้งเมือง
ในช่วงท้ายรายการ นายสมัครกล่าวสรุปว่า ที่ต้องมาพูดในวันนี้เพราะสถานการณ์บ้านเมืองมันผิดปกติ จึงประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่ก็จะใช้วิธีนุ่มนวล ซึ่งเขาบอกถึงอย่างไรจะต้องเอาออกจากทำเนียบให้หมด 9 คนก็ต้องไปศาล ก็ต้องไปประกันตัวออกมาสู้คดี ทุกอย่างต้องจบแบบนี้
“ผมมาพูดวันนี้เพื่อให้คนที่จะไปร่วมได้ฉุกคิดว่า จุดหมายปลายทางของคนที่ปลุกระดมมันไม่มี ขอประกาศให้ฟังว่า ผมไม่ลาออก ผมไม่ยุบสภา ก็เพราะผมต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ เพื่อรักษาสถาบัน ปกป้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นคนที่จะไปร่วมขอให้ฉุกคิดหน่อย” นายสมัครกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากออกรายการวิทยุเสร็จนายสมัครได้เรียกประชุม ครม.เป็นการด่วนที่ตึกบัญชาการกองทัพไทย ในเวลา 10.30 น.
รายละเอียดคำแถลง “สมัคร” ผ่านเครือข่ายคลื่นวิทยุกรมประชาสัมพันธ์
“…แต่ว่าเรามีประกาศฉบับนี้เพื่อจะได้ดำเนินการทำโน้นทำนี้ ทำอะไรต่ออะไรได้ตามสมควรจะแก้ไข ที่ผมมานั่งขอสถานีเขาสนทนาวันนี้เจตนาอย่างเดียวครับ อยากจะบอกพี่น้องประชาชนว่า แล้วท่านคิดยังไงครับ บรรดาท่านทั้งหลายที่เข้ามากัน ที่เข้ามากันใหญ่ มาทำนู้นทำนี่ ความจริงที่เข้ามาก็จำนวนหนึ่ง ไม่เป็นปัญหา ถ้าท่านเชื่ออะไรต่ออะไรก็ไม่เป็นปัญหา แต่ว่าบรรดาอื่นๆที่ผมพูดถึงผู้สื่อข่าว บอกโอ๊ยอย่าพูดอย่าไปแตะต้องสื่อ แตะต้องสื่อไม่ได้ ผมก็ว่าสื่อประโคมข่าวกัน มีอัยการคนนึงที่ จ.สุราษฎร์ธานี ประกาศอารยะขัดขืน ไม่ทำหน้าที่ให้รัฐบาล แล้วถามอัยการมีกี่พันคนครับที่เขาทำงานให้รัฐบาลอยู่ ทำงานให้บ้านเมืองอยู่ แล้วจะมาตัดน้ำตัดไฟ ออกข่าวกันเอิกเกริก รายการทุกรายการครับ อู๊ยอย่าไปพูดถึงเขา ไม่พูดถึงเขาได้ยังไงครับ ถามนำถามนู้นถามนี่จะตัดเมื่อไหร่จะตัดยังไงนั่งดูเวลากัน มันกลายเป็นตื่นเต้นไปหมด เสร็จแล้วจริงๆ เป็นยังไง
จริงๆ เจ้าหน้าที่ที่เขามั่นคง เขาเห็นว่าไม่มีเหตุผล เขาก็ออกมาแถลง ไม่เป็นไปไม่ได้ไฟฟ้าตั้งแต่ตั้งมาไม่เคยมีใครทำอย่างนี้ได้ ทุกคนบอกยังไง สหภาพก็มีมีคนสหภาพมาเป็นสมาชิกมาเล่นด้วย มาออกข่าว สื่อประโคมข่าวกัน คนตื่นเต้นทั้งบ้านทั้งเมือง ถามว่านายกรัฐมนตรีตื่นเต้นไปด้วยได้ไหมครับ ไม่ได้หรอกครับ ผมมาวันนี้ก็อยากจะขอบคุณท่านทั้งหลายที่รับผิดชอบแต่ละส่วน ไปรษณีย์เขาบอกเขาไม่ ไฟฟ้า ประปาทุกคนยืนยันบอกเป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ แต่ข่าวออกไปแล้วครับ ถล่มกันแล้ว แล้วล่อกันมากมายก่ายกอง มันสงครามข่าวนะครับ ข่าวที่มันประโคม ผู้คนขนหัวลุกทุกวันนี้
ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่า สถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ผู้คนซึ่งไม่มีสถานะอะไรรองรับได้เลยเข้าไปยึดทำเนียบแล้วประกาศชัยชนะ ที่มันน่าเสียใจจนอยากร้องไห้ คือบรรดาคนที่มีการศึกษาทั้งหลายทั้งปวง เมื่อคืนก็รายนึงออกรายการตาสว่าง โอ๊ยฟังพูดแล้วบอก ไม่ได้หรอกผมก็จะต้องแสดง เขาไม่พอใจเขาต้องแสดงได้ ต้องยึด โอ๊ย... ผมอยากไปนั่งแทนหมอเลี้ยบเมื่อคืนนี้ นายแพทย์สุรพงษ์ เมื่อคืน พูดเอาแต่ได้ข้างเดียว ตะแบงไปอย่างนั้นเอง แล้วผู้คนที่นั่งอยู่ด้วยก็ปล่อยให้พูดตะแบง ต้องใช้คำนี้เลยเชียวครับ มันอะไรครับอยู่ไม่ได้ เขาบอกไม่ได้หรอกครับจะต้องยึด ต้องอะไร เขายืนยันว่าที่ทำที่ปลุกระดมนี่ถูกต้อง มันจะถูกต้องได้ยังไง แล้วกฎกติกาบ้านเมืองมันเป็นยังไงครับ บ้านเมืองจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มี รัฐธรรมนูญฉบับว่าไม่ดี เอาไม่ดีก็ยังใช้ไม่ดีอยู่นี่ แล้วทำไมใครแตะต้องไม่ได้แก้ไม่ได้ แล้วทำไมไม่รักษารัฐธรรมนูญ เรามีกฎหมายสูงสุดมีกฎหมายรองมีกฎหมายรับ บ้านเมืองของเรามันเป็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้านะครับ อยู่ใน 10 ประเทศอาเซียน แต่ก่อนก็อยู่แถวหน้าละครับ ระยะหลังก็ตกต่ำลงมา เดี๋ยวนี้นายกรัฐมนตรีประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน ผมก็ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าอะไรเป็นยังไง
ผมทำงานอยู่มา 7 เดือนก็ยืนยันแน่นอนผมไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับ จะมาอ้างอิงอะไรยังไงก็เป็นตัวบทกฎหมาย ต้องอ้างด้วยกฎหมายได้ บ้านเมืองที่ไม่มีกฎหมายอยู่กันไม่ได้หรอกครับ มันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
ที่มาพูดวันนี้ก็อยากจะบอกว่า ท่านทั้งหลายที่คิดเหมือนกับว่าไอ้รถไฟขบวนใหญ่มันอยู่ที่ทำเนียบ ถ้าไม่มาร่วมไม่มาตกไม่มานั่นมันจะตกขบวนรถไฟ แล้วนักศึกษาธรรมศาสตร์มีเท่าไหร่ครับ แล้วหนุ่มๆ สาวๆ ไม่กี่คนนั่นมา ก็สนุกกันใหญ่มาขึ้นเวที มาพูดทางเวที แล้วบรรดาหนูเหล่านั้นเขาคิดหรือเปล่าครับว่าแล้วจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหน บรรดาท่านที่แห่ฮ่อมล้อม เอาละครับเขาออกโทรทัศน์ เขาล่อกันเป็นปีครึ่งปี มันย่อมจะต้องคล้อยตาม แต่ข้อเท็จจริง จริงๆ แล้วมันเป็นยังไงครับ เรียกร้องให้นายกฯ ลาออก เขายืนยัน ผมฟังอยู่นี่ครับ 1 ใน 5 เขาออกมาบอก ไม่ได้ ไม่ฟัง ไม่เจรจา ออกก็ไม่มีความหมายอะไร ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ได้คณะรัฐบาลนี้กลับมาอีกก็ต้องกลับมาต่อต้านกันอีก แล้วบ้านเมืองเราเป็นยังไงครับนี่ ทั้งหมดที่พูดให้ฟัง ผมจะบอกให้ฟังนะครับ ทางสถานีเขาบอกว่า ถ้าประเด็นไม่จบต่อเวลาได้ ผมก็บอกไม่เป็นไร ถ้าเคารพธงชาติถ้าไม่จบ แต่จะต้องบอกซะตรงนี้ เขามีการถ่ายทอดเสียงผมเลยนะครับ เมื่อเช้าฟัง ทางทำเนียบเขาก็
ผมจะเล่าให้ฟังก่อนครับ วันก่อนผมไปเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เขาคิดกันเองว่าผมจะไปลาออก ไปตั้งป้อมตั้งอะไรรอ แล้วมาบอกว่าผมนัดแล้วผมหนี ผมไม่เคยนัดแล้วทำไมผมจะต้องหนี วันนี้ก็ออกข่าวกันมาอย่างนู้นอย่างนี้ ประเดี๋ยวถ้าหากจะฟังเรื่องคุณเตชลาออก เดี๋ยวหลังเคารพธงชาติผมจะอธิบายความให้ฟัง แต่ตรงนี้ผมต้องบอกซะก่อนนะครับ พูดกันตั้งแต่เช้าเลยครับออกข่าว ผมรู้จากไหนก็รู้จากสถานีโทรทัศน์ทั้งหลายละครับเขาถ่ายทอดความประสงค์ ความต้องการของคณะที่นั่น เขาบอกมาเลยว่านายสมัครจะออกสถานี วันนี้ที่มาจะมาประกาศลาออก คิดกันไปอย่างนั้นเองละครับ ผมจะไปลาออกได้ยังไงครับ ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เวลานี้ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น แต่บ้านเมืองมันต้องการกฎ ต้องการกติกา
เวลานี้ไม่ใช่แต่คนไทยเฝ้าดู คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูนะครับ ผมคุย เมื่อวานนี้คุยกับเอบีซี อเมริกามาขอสัมภาษณ์ พูด 10 นาที ไปๆ มาๆ เขาให้ครึ่งชั่วโมง อธิบายความ พูดจากันชัดเจน ทั้งโลกเขาเฝ้ารอดูเราอยู่ ผมไปงานสถานทูต ส่วนใหญ่ไปหมดเวลานี้ ไปเพื่อให้รู้ว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ที่ไหน ไปนั่งคุย ยืนคุย เขายืนยันทูตเขายืนยันนะครับไม่ได้หรอก ประเทศไทยมาถึงป่านนี้เขารับไม่ได้ ปฏิวัติเขาก็รับไม่ได้ แล้วเขาก็ยืนยันว่าปฏิวัติโดยประชาชนก็ไม่ได้ ไม่มีเหตุผล ที่เขาทำกันนี่เขาเรียกปฏิวัติโดยประชาชนนะครับ แต่พื้นฐาน ท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศท่านลองตรองดูซิครับว่าคนพวกนี้ ตกลงถ้าสมมุติผมลาออก แล้วตกลงประเทศชาติจะเป็นยังไงครับ จะเป็นยังไง เขาประกาศเลย เขาจะใช้ความคิดใหม่ของเขา จะใช้ระบบ 30:70 แล้วเริ่มต้นตรงไหน ไปเชื่อไปฟังไปอะไรเหมือนกับลัทธิประหลาด ลัทธิอะไรที่อู๊ยถ้าทุกคนถ้าไม่ไปต้องตาย ว่าฟ้าเปิดแล้ว ถ้าไม่ฆ่าตัวตายภายใน 5 นาที ฆ่ากันไป 300 คน ฟ้าจะปิด ที่เมืองวาโก้ ที่เทกซัสก็แบบเดียวกันนี่ละครับ นี่จะมาเกิดในประเทศไทย ทุกคนต้องวิ่งเข้ามาหา แล้วจุดจบของประเทศไทยจะเป็นยังไงครับ กฎเกณฑ์กติกา คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูเขาจะว่ายังไง มันเป็นอะไรครับ มันเป็นอะไรยังไง
คนพวกหนึ่งขึ้นมาไม่ชอบคนนี้ไม่ชอบรัฐบาลโน้นมาหาโยงใย มาชี้หน้าต้องออก ต้องไป ต้องออก ไม่มีเหตุผลไม่ฟังไม่เจรจา แล้วบ้านเมืองนี้มันอยู่ได้หรอครับ มันอยู่ได้หรอครับถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วท่านพี่น้องทั้งหลายก็เป็นคนไทยทั้งหมด ที่แล้วมามันมีอะไรเสียหายครับ บ้านเมืองมันเป็นยังไงกัน เขามีปฏิวัติเขายึดอำนาจเราก็อดทนกันมาปีครึ่งปีค่อนเสร็จแล้วก็มีกติกาออกมาแล้วเราก็เลือกตั้งก็ได้พรรคการเมืองเสียงข้างมากเป็นรัฐบาล เสียงข้างน้อยเป็นฝ่ายค้าน เดี๋ยวเขาก็ประชุมงบประมาณ บ้านเมืองมันไม่ได้มีอะไรผิดขั้นผิดตอน มันมีแต่คนที่เขาไม่พอใจ เขาอยากอีก เขาเห็นว่าอดีตนายกฯ กลับเข้ามาเร็วเกินไป จะมีความสุขอะไร เขาก็ออกมาคอยจ้อง พอถึงจังหวะปั๊บบอกว่าแก้รัฐธรรมนูญเขาโดดเข้าขวางทันที เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว 25 พฤษภาคม แล้วก็แสดงอะไรต่างๆ ก็ต้องการให้รัฐบาลปราบปรามทำให้เกิดทหารจะได้ออกมาอีก ผมก็ไม่ปราบผมก็ไม่ปรามยอมขมขื่น ผู้คนในบ้านเมือง เอาเถอะครับเขาอยากจะมันเกิด ผมจะไม่ให้มันเกิดเหตุ กลั้นใจมา 3 เดือน 90 91 92 เขาก็บอกเอาละครับเขาต้องเป่านกหวีดยาวแล้ว เขาจะมีเดือดร้อนยังไง ปัจจัยอุดหนุนหมดไม่ทราบได้ เขาก็ต้องเอา เสร็จแล้วไปๆ มาๆ ก็เกินเหตุ ผมอยู่ข้างนอกผมก็ทำงานได้ ผมก็บริหารได้ เพียงแต่ว่ามันขลุกขลักมันอะไรต่างๆ อายไหมครับ อายครับอายไปทั่วโลก แต่ว่าคนทั้งประเทศละครับ คน 60 กว่าล้านคน เอาเถอะครับไม่ต้องไปนับ 63 ล้านหรอก คน 60 กว่าล้านคนเขามีชีวิตตามปกติ คนกรุงเทพฯ ในทะเบียน 6 ล้าน นอกทะเบียนอีก 4 ล้าน ไปดูซิครับนอกเหนือจากทำเนียบรัฐบาล เขาเดินกัน เขาเดินทางเขาทำอะไรต่ออะไรต่างๆ
เขาบอกจะขอเทียบเวลา ผมต้องขอเวลา ต้องต่อเวลาหน่อย คงไม่ใช้เวลานานหรอกครับ แหมมีสารคดีดักหน้าผมก็เลยมานั่งรอหน่อย เทียบเวลาเท่าไหร่ 07.58 น. เขาให้ผมเตรียมตัวเขาจะเทียบเวลา คุณจะเปิดเพลงชาติคุณก็ให้สัญญาณมือผมแล้วกันผมจะคอยดูตรงนั้น
คือจะบอกให้ฟังว่า คุยเรื่องนี้ยาวคุยสลับเรื่องเคารพธงชาติหน่อย เคารพธงชาติผมมาวันก่อนมาสถานี วันอาทิตย์ มาคุยอะไรต่ออะไร โอ๊ยถ่ายผมลงจากรถ ถ่ายรูปธงชาติกำลังจะขึ้น หันมาถ่ายผมครับ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ฟังเหมือนกับพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ต้องเข้าไปใกล้ๆ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติถ่ายผมทำไมธงชาติกำลังจะขึ้น อย่างนี้ครับ แล้วมัน ดูคนเราซิครับ ข้างล่างเวลานี้ข้างใต้สถานี คนมากมายก่ายกอง นักข่าวมาเป็น อุแหม!! มันมากซะจนกระทั่งไม่รู้มาทำไม มาคอยจะทำข่าว นายสมัครจะมาประกาศลาออก ผมจะประกาศให้ฟังซะตรงนี้ก่อนจะเคารพธงชาติ ผมไม่ลาออกหรอกครับ ผมต้องอยู่รักษาประชาธิปไตยของบ้านเมืองนี้ ผู้คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูอยู่ ผมมาพูดกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า ท่านทั้งหลายต้องคิดนะครับ ใครก็ตามแต่ที่จะแห่เข้าไป มันลัทธิอะไรกันครับนี่ ลัทธิไม่พอใจแล้วเข้ายึดทำเนียบชี้หน้าต้องออก ต้องออกอย่างเดียว ไหวไหมครับ ไม่ไหวหรอกครับ เอาละครับต้องเคารพธงชาติแล้ว ผมจะอยู่ต่อหลังธงชาติ เดี๋ยวคุยต่อครับ
(เบรกเข้าช่วงเคารพธงชาติ)
ท่านผู้ชมครับ ผมเพิ่งได้รู้ตอนนี้นะว่าเพลงชาติของเราเนี่ยใช้เวลา 40 วินาที พอดีเป๊ะเลย เพราะว่าเขามีตัวเลขดิจิตอลให้ผมดู ที่ผมอึกอักๆ ตอนก่อนตอนแรกน่ะ เขามีจอ แล้วก็บอกขณะนี้เหลือเวลา 2 นาที ไอ้คนพิมพ์กว่าจะพิมพ์เสร็จ ไอ้ตัวนี้ก็เดินไป ผมเพิ่งมาเห็น เขามีตัวเลขดิจิตอลให้ดู เลยเมื่อกี้ได้ดูเลยครับ เพลงชาติของเรานะครับ ถ้าใครจะจำไว้นะ 40 วินาทีพอดีเป๊ะเลยครับ
เอาล่ะ ตานี้ผมจะว่าต่อให้จบนะครับ ก็คือว่า เมื่อผมพูดจาอธิบายความให้ฟังแล้ว ผมก็บอกว่าผมจำเป็นจะต้องรักษาสถานการณ์ของบ้านเมืองไว้ เพราะเราไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน บ้านเมืองเราเนี่ยมีประวัติศาสตร์ มีความเป็นมา มีชื่อเสียง มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ตกติดจนถึงปัจจุบัน ทบทวนให้ฟังก็ได้ครับ สมัยสุโขทัย เรา 200 ปี 9 รัชกาล สมัยอยุธยา 417 ปี 33 รัชกาล สมัยธนบุรี 15 ปี 1 รัชกาล แล้วจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ณ ขณะนี้ เราก็ 226 ปี ก็เดินหน้าจนถึงป่านนี้ครับ ดูประวัติศาสตร์ ดูอะไรต่ออะไร ดูวงการทูตนี่ แหม เขาเฝ้าดู เขานับถือเรานะครับประเทศเราเนี่ยนะ แล้วก็เวลาที่เราเกิดไปยึดอำนาจกัน เขาก็ไม่พอใจ เขาก็หันหลังหันข้างกันไป พอเขาหันหน้ากลับมา ผมก็บังเอิญได้มาเป็นตรงนี้พอดี 7 เดือนเนี่ย ได้สัมผัส ได้พบ ได้พูด เขายืนยันเลยเชียวครับ เขายืนยันเลยที่ว่า สิ่งที่ผมทำเนี่ยเขายินดีที่ยังมีคนคิดถึงการรักษาระบอบประชาธิปไตยของเรา ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เรื่องอย่างนี้เนี่ยนะครับ มันไม่ได้มีอะไรกันเสียหายเลย แต่มันเกิดมีความไม่พอใจ ความเกลียดชัง แล้วก็ก่อกันมา แล้วก็ดำเนินมา ถ้าท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ท่านย้อนไปดูเมื่อ 3 เดือนที่แล้วสิครับ ปฏิวัติน่ะ คนที่ทำให้เกิดปฏิวัติแล้วเขาก็หายไป แล้วเขามาคอยจ้องนั่งดู การปรากฏตัวของนายกฯ กลับมาใหม่ กลับมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ก็เอาล่ะ เขาก็ มีนาฯ เมษาฯ พอพฤษภาฯ ถึงจังหวะก็เอาแล้วครับ เขาคอยจะหาเหตุ พอบอกแก้รัฐธรรมนูญ เขาประกาศเลย ลงไป เขาต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ
ถัดไปก็เอามาเลย จัดการเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เสร็จเรียบร้อยบอก เอ้าไล่รัฐบาล เสร็จแล้วมาเขาพระวิหาร เสร็จแล้วทำอะไรต่ออะไรกันมากมายก่ายกอง ข้อหาที่กล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน แล้วอย่างนี้คนเชื่อมั้ย คนเชื่อกันนะครับ ไปฟังเขาบอกเสียดินแดน มันเสียเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อ 2505 ไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่อภิปรายไม่ไว้วางใจก็หยิบเอาเรื่องนี้เข้ามาฟาดฟันกัน กว่าจะประคับประคอง กว่าจะเอาย้อนกลับมาได้ เขาได้ตัวพระวิหารไป ตกลงเขาก็เอาตัวพระวิหารไปขึ้นทะเบียน มันก็เท่านั้นเอง มันก็หยุดยุติกันลงเท่านั้นเอง
เขาจะขอขึ้นบนพื้นที่ด้วย เราบอกไม่ได้ ไม่ได้ทั้งนั้นเลย เขาบอกเขาจะขึ้นเฉพาะวิหาร เอ้าขึ้นเฉพาะวิหารก็ไปตกลงบันทึกว่าขึ้นเฉพาะวิหาร มันเสียหายอะไรล่ะครับ ทำซะจนให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเข้าใจผิด คนเกิดไม่ทัน คนโตไม่ทัน บอกเนี่ยไอ้รัฐบาลชุดนี้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน จะไปหากิน ไปคบค้า โอ๊ย ผมฟังกลางคืน ผมเปิดฟังครับ คลื่นวิทยุ 108 FM. น่ะ พูดกันทั้งหมด ฟังหมดล่ะครับ เขาบันทึกไว้หมด ก็ต้องฟ้องร้องกันวันข้างหน้า กล่าวหากันอย่างโน้นอย่างนี้ อู๊ย ชื่อผมน่ะ ไอ้หยาบคายต่างๆ น่ะสุดที่จะพูด แต่นี่มันประหลาดตรงที่ว่าคน 5-6 คนพวกนี้ ตัวหลักๆ มี 5 ที่ปรึกษาอีก 1 แล้วก็ลูกน้อง มันทำกันเป็นปี เขาเรียกว่า Reality Show นั่นล่ะครับ ออก ASTV น่ะ
มีคนฟัง คนติดตาม คนเกลียดชัง ชิงชัง คือทำให้เกลียดได้ละกันครับ คือทำให้เกลียดรัฐบาลก่อน ยึดไปน่ะ คราวนี้ทำให้เกลียดรัฐบาลนี้ ผมขอยืนยันว่าไม่ได้หรอกครับ คุณทำให้คนมาเกลียดแล้วชี้หน้าว่านายสมัคร ไม่จงรักภักดี ไม่ได้เลยเชียวครับ เพราะว่าผมเกิดมา ผมโตมา คนบ้านเมืองนี้เขารู้ว่าผมเป็นยังไง แน่นอนครับ ผมไม่ได้ตั้งใจมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่ผมเป็นหัวหน้าพรรค พรรคเกิดชนะเลือกตั้ง ผมก็ต้องมาทำหน้าที่ เวลานี้ผมก็บอกเป็นคนต้นทุนถูกต้อง ผมไม่มีผลประโยชน์อะไรผูกพันกับบ้านเมืองนี้เลย ที่จะต้องรักษา จะต้องป้องกัน จะต้องอะไร ผมไมได้ลงทุนอะไรเลยสักบาทเดียว แต่ผมใช้ความสามารถของผม ผมเห็นว่าบ้านเมืองจะต้องมีระบบ เมื่อเขาเปิดให้เลือกตั้ง ก็มีเลือกตั้ง แล้วก็มาถูกต้องหมด แต่คนไม่พอใจ ทำนองเป็นทำนองว่าไอ้พรรคการเมืองที่ผมบริหารอยู่เวลานี้ จะเป็นพื้นฐานให้คนจะเข้ามาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีก มันได้ยังไงครับ คิดเอาเอง พูดเอาเอง บังเอิญถ้าคนอื่นเป็นหัวหน้าป่านนี้ก็โดนบรรลัยแล้ว แต่บังเอิญเป็นผมครับ มันขบไม่ลง มันฟัดไม่ได้ พูดกันอะไรต่างๆ พอเสร็จเรียบร้อยก็ทำข่าวกันเอง ข่าวนี่ล่ะครับที่นั่น ยกย่อง ข่าวตีกันนั่นกัน เป็นเรื่องใหญ่ เอ้าอ้างอิงให้ผู้คนมา
เสร็จแล้วท่านสังเกตไหมล่ะครับว่าเหตุการณ์มันเป็นยังไง ปิดสนามบิน ผมพูดในสภาวันนั้นก็เจียดไปหน่อย บอกโอ๊ยปิดทางใต้ทั้งนั้น แต่แล้วปิดหมดเลยครับ ปิดหมด ไปๆ มาๆ ผมต้องขอบคุณท่านอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่านส่งคนไปเจรจา ท่านบอกไม่ได้ ทำอย่างนี้บ้านเมืองเสียหาย อู๊ยอย่างนั้นคนก็ขอบพระคุณเลย แต่ท่านสังเกตไหมมันไม่มีในภาคอื่นเลยครับ ภาคอื่นสนามบินใหญ่ๆ ผู้คนมากมาย ไม่มีเลยครับ มีอยู่ทางนั้นล่ะ ผมก็ไม่อยากจะให้เรื่องภาคนิยม รักชอบอะไร ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ทว่า คิดถึงบ้านเมืองมั้ยครับ ทุบหม้อข้าวตัวเองมั้ยครับ คนที่อยากจะร้องไห้ คนทำธุรกิจโรงแรมภาคใต้เนี่ยนะครับ ภาคอื่นโดนหมดทั้งประเทศ คนทำกิจการท่องเที่ยวเป็นยังไงครับ มันไปหมดทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วอยู่ดีๆ มันเกิดอย่างนี้ได้อย่างไงกัน เอามาต่อรอง ต้องไป รัฐบาลมันเลว รัฐบาลทราม รัฐบาลขายชาติ รัฐบาลอะไรต่างๆ ก็ปลุกระดมกันไป แล้วคนก็ไปเชื่อ เสร็จแล้วเป็นไง แล้วปลุกระดมกันเรื่องตัดน้ำตัดไฟ ก็บรรดาสถานีทั้งหลาย นั่งคุยกันคู่ๆ 2 คน 3 คน 5 คนน่ะ ก็ถามข่าวปลุกเหมือนกับ ก็เป็นปากเป็นเสียงเป็นลำโพงให้เขานั่นไป แล้วผู้คนก็ตื่นเต้นทั้งบ้านทั้งเมือง
นั่นล่ะคือเป็นเหตุว่าทำไมผมต้องมาขอออกวิทยุวันนี้ ต้องมาขอออกวิทยุวันนี้ครับ บ่ายๆ ก็จะไปหาที่พูดอีก ผมต้องพูดให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่า ท่านต้องย้อนมาดู ท่านต้องฉุกคิด ขอยืมคำพระพยอมหน่อย ต้องฉุกคิดครับว่านี่มันอะไรกัน ถ้าไปตามนั้นจริงๆ เอาล่ะชัยชนะแล้ว ทำเนียบฯ ยึดได้ นายสมัครไปแล้ว นายสมัครลาออกไปแล้ว แล้วบ้านเมืองเป็นยังไงต่อไปครับ วิธีการเป็นไงครับ เขาประกาศเลยครับว่าเขาจะเอาไอ้ความคิดการเมืองใหม่ของเขามาใช้ แล้วถามนักวิชาการทั้งประเทศว่าท่านรับได้ไหมครับไอ้การเมืองใหม่เนี่ย มีประชาธิปไตยอยู่ดีๆ ดำเนินการอะไรมาต่างๆ เสร็จแล้วบอกว่าไม่ได้หรอก ไอ้คนเลือกตั้งมามันแย่ มันซื้อเสียงกันเข้ามา เพราะงั้นจะเลือกตั้งแค่ 30 แต่งตั้ง 70 แล้วคุณไม่คิดกันเลยเหรอครับเนี่ย บรรดาอาจารย์รัฐสภาทั้งหลายทั้งปวง ใครจะเซ็นชื่อ จะขับไล่ผมอะไรต่างๆ
โอ๊ย เมื่อคืนนี้ ผู้สนทนาเมื่อคืนบอก หูย ไม่ดู อ้างคนโน้นอ้างคนนี้ขับไล่ เอ๊ะ แล้วทำไมไม่ลองคิดล่ะครับคนที่ไปเซ็นชื่อ ที่ไปอ้าง ที่ขับไล่ ย้อนถามว่าท่านพวกนั้นคิดอะไรครับ คิดอะไรกับบ้านเมืองนี้ครับ ไม่มีหลัก ไม่มีเกณฑ์ ไม่มีอะไรเลย แล้วก็ไปประกาศสนับสนุน แล้วมันยังไง จุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหนครับ จุดหมายปลายทางของบ้านเมืองจะจบลงตรงไหน ถ้าคณะที่ไปยึดทำเนียบเขาประกาศลงไป ตกลงคนไหนเป็นนายกฯ ครับ คนไหนเป็นรองนายกฯ แล้วคนไหนเป็นรัฐมนตรีฯ มหาดไทย แล้วคนไหนจะไปคุมทหาร สั่งทหาร แล้วยังไงครับ มันมายังไง มันมีกฎเกณฑ์ยังไงครับ ว่า 5 คน + 1 ที่จะนั่นเข้ามาเนี่ย
เอาล่ะ ถ้าท่านไปเชื่อฟัง เอาล่ะเขาทำถูกต้อง แล้วถ้าผมเลวจริงผมมานั่งสู้อย่างนี้อยู่ได้เหรอครับเนี่ย แล้วบ้านเมืองเรากว่าจะมาถึงวันนี้เนี่ย เรียกว่าเขาหันหลังเขาหันข้างให้ กว่าจะกอบกู้มา 7 เดือน กำลังจะเข้าปกติ มันผิดปกติ 3 เดือนที่แล้วก็ผิดปกติ คาราคาซังอยู่นั่น เอ้า อย่างนั้นย้ายมาตรงนี้ ย้ายมาล้อมทำเนียบฯ ย้ายกันไปๆ มาๆ ก็มายึดอยู่สะพานมัฆวานฯ แล้วมันได้ยังไงมั้ยครับ รัฐบาลน่ะเสียหน้าครับ เพราะรัฐบาลไปแตะไม่ได้ เขาอยากให้แตะ เขาอยากให้ฟัด เขาอยากให้ฟาดให้ฟัน เพราะฉะนั้นไอ้ปะทะกันวันนั้นน่ะ วันที่ 29 พูดกันไม่รู้จักจบ นั่นล่ะเป็นข้อคำขู่เลย พวกที่ยึดสนามบินบอก ไม่ได้เลย ถ้าเอารุนแรงอีก นี่จะเปิดให้ว่าไง ถ้าเผื่อมีรุนแรงอีก เอาอีก
อ่อ แล้วตกลงยังไงกันครับ ตกลงบ้านเมืองของเราจะเป็นยังไงครับ จะเอา วันนั้นเขาพูดกัน อ่อ ท่านผู้บัญชาการทหารบก บอกจะจับหนู ฆ่าหนูตัวเดียวรื้อทั้งบ้านเลย อ่อ นั่นเป็นการเปรียบเทียบที่ท่านเห็นชัดนะครับ แล้วไอ้หนูตัวเดียวน่ะมันไปทำอะไรให้ มันเป็นยังไง หนูมันเป็นยังไง เชื้อโรคเหรอครับ สกปรกเหรอครับ เอ่อ ติดโรคกันทั้งบ้านเพราะไอ้หนูตัวเดียวนี่แหละ ไม่ได้มีอะไรยังไงเลย ผมก็ทำหน้าที่ของผม ใครจะทำหน้าที่ ก็ต้องดูทางฝ่ายทหารซิครับ ทำไมจนป่านนี้ละครับ เพราะเขาเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ต่างๆ เพราะบ้านเมืองมันไปยังงั้นไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็พยายามทำ คิดกันอย่างเดียวจะให้เกิดอย่างงี้ และเข้าใจผิดหมด
เอาละ ทีนี้ผมจะไม่ใช้เวลามากนัก ผมจะมาเล่าเรื่อง คุณเตชให้ฟัง คุณเตช เนี้ยะนะ ผมไปเฝ้า และผมก็พูดกับคุณเตช คุณเตชก็รับปาก คุณเตชก็มา ก็เป็นไปอย่างนั้นทั้งหมดเลย คุณเตชก็มาช่วยงานเรื่องเขาพระวิหาร พอได้มืออาชีพทุกคนก็ชื่นชมยินดี แต่ปรากฏอะไรครับ ไม่มีเหตุอะไรยังไงเลย การประชุม การนัดหมายยังมีการเตรียมการหมด แต่ว่าคุณเตชเขียนจดหมายมาบอกว่า ท่านถูกบีบบังคับจากมากมายหลายฝ่าย บีบบังคับท่านไม่เท่าไร แต่เจอภรรยาท่านด้วย ภรรยาท่านต้องใช้คำว่า ทนไม่ได้ เพราะสามีมาอยู่กับรัฐบาล ซึ่งคนเขาดูหมิ่นเหยียดหยามกันทั้งบ้านทั้งเมือง ใครต่อใคร
ข้อความในจดหมายผมไม่เอามาอ่านหรอกครับ ผมก็เห็นใจท่าน เพราะไง ท่านก็เป็นข้าราชการมาตลอดชีวิตท่าน ก็ท่านเป็นปลัดกระทรวง ท่านก็รู้จักคุ้นเคยกับผมดี คุณพ่อคุณแม่ท่านก็คุ้นเคย คุณพ่ออยู่ในกรมวังเก่า ก็คุ้นเคยคุณพ่อคุณแม่ท่าน และคุ้นเคยคุณเตช ได้เคยพบ ผมถึงไปออกปากเชิญ และรู้ว่าท่านมีความสามารถ แต่สังคมทำอะไรครับ สังคมไหนผมไม่ทราบได้ จะวงการคุณหญิงคุณนาย ใครที่ไหน ใครจะไปบีบบังคับคุณเตช ท่านไม่ได้มีความรู้เป็นนักการเมือง ท่านมาช่วยงาน ก็ขอบพระคุณครับ ไม่มีปัญหาอะไรอื่นเลย พาดหัวตัวเท่าๆ แกง ตัวใหญ่อีก 3 เท่า ผมก็ต้องไปหาคนมาแทนคุณเตช ไม่มีอะไรอื่นเลย เพราะท่านถูกบีบคั้น และรัฐมนตรีคนอื่นไปบีบอะไรได้ ไหมครับ ไปคั้นนะครับ นายกรัฐมนตรีถูกเหยียบหัวเหยียบหาง ก็ยังอยู่ครับ เพราะผมเป็นไร ผมเป็นนักการเมือง และผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ผมถึงได้บอกไงครับว่า ความกลัวทำให้เสื่อม ผมไม่กลัวหรอกครับ ผมมีหน้าที่ต้องดูแลบ้านเมืองนี้ ผมต้องรักษาบ้านเมืองนี้ เพราะฉะนั้น ใครที่จะนั่งตรง ละอูววว คิดคาดการณ์กะไอ้สมัครออก และจะทำไงต่อไป จะเป็นยังไง เขาบอกเสร็จเลยครับ บอกถ้าสมัครออกไปแล้วก็ต้องใช้การเมืองใหม่ ท่านทั้งหลาย นักวิชาการทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านตัดสินใจ ออกไปเชียร์ ต้องสนับสนุนและเหยียบย่ำรัฐบาล ท่านลองคิดซิครับ เอาละจะรับการเมืองใหม่ จะทำยังไง จะทำก็ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ แน่นอน อย่างอื่นไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ และได้ไหม คนพวกนั้นจะมาแก้รัฐธรรมนูญได้ไหม มีสถานะ มีอะไรไหม คนแก้รัฐธรรมนูญอยู่ในสภาครับ 480+อีก150 นั่นละครับ คนแก้รัฐธรรมนูญ และไปสั่งเขาได้ไหมครับ หรือสั่งบังคับการเมืองได้ หรือยังไงครับ สั่งพรรคการเมืองบางพรรคได้ แต่ว่าสั่ง 233 ไม่ได้นะครับ สั่งพรรคร่วมรัฐบาล ก็คงยังไม่ได้อีก
วุฒิสมาชิกเลือกตั้งมา แต่งตั้งมา 74 จะนับจนหมดก็ตามใจ แต่เลือกตั้ง เขาก็เป็นคนธรรมดาๆ เข้ามา ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ จะขีดยังไง จะพรรค การเมือง คราวที่แล้ว เอ้าหัวหน้าพรรคออกไป ว่าจะ เขาก็อยู่ต่อครับ เมื่อวานเอาอีก ทดลองอีก เขาก็ยังอยู่ต่ออีกครับ เพราะเขารู้นี่ครับว่ามันต้องมีหน้าที่ต้องช่วยกันรักษาบ้านเมือง คุณเตช ท่านทนไม่ได้ ผมก็กรอบขอบพระคุณ ขอบพระคุณ คุณเตช ที่ได้มาช่วยงาน ก็ลุล่วงไปได้เยอะ ไม่มีอะไรเลย ท่านบอกท่านทนไม่ได้ คือบีบคั้นมารอบด้าน ก็ใครละครับ ใครที่ไปบีบคั้นคุณเตช ลองคิดดูก็แล้วกัน
ท่านเป็นข้าราชการประจำ ท่านไม่ได้มาทนทานแบบผม เพราะฉะนั้นท่านจะถอนก็ไม่เป็นปัญหา ก็ขอบพระคุณ ประกาศขอบพระคุณตรงนี้เลย จะส่งดอกไม้ไปเยี่ยมภรรยาท่าน ถ้าเป็นยังงี้ ถ้านักการเมืองเป็นยังงี้หมด มันก็ไม่ใช่ นักการเมืองก็ต้องมา ต้องมาแบบนักการเมือง ผมได้โทษอะไรท่านเลยครับ แล้วไม่มีการกระทบกระทั่ง ไม่มีการอะไร ไม่มีอะไรเลยครับ ถ้าใช้ภาษาฝรั่ง คำสั้นๆ หมั่นไส้ เขาก็บอกมันมี คอนฟลิก ออฟ อินเทอเรส ฮ่าๆๆ ผลประโยชน์ขัดแย้งกันแล้วไง ไม่มีหรอกครับ ท่านก็บอกไมตรีของเรายังมีเหมือนเดิม ก็กราบขอบพระคุณท่าน
ท่านบอกให้ฟังเมื่อคืน ก็เป็นข่าวเอิกเกริก อู้ยยยย ท่านไปเฝ้า พล.อ.เปรม ไปเฝ้านายสมัคร ไปเฝ้าทำข่าวเอิกเกริก ผมเห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวเมื่อเช้า ผมก็นอนอยู่บ้านผม ผมนอนดูโทรทัศน์อยู่ พล.อ.เปรม ไปเฝ้าท่าน ก็ไปเฝ้า ท่านเป็นองคมนตรี ท่านก็เฝ้า จะหมายเฝ้าของผม ผมไปเฝ้าผมเป็นนายกฯ ผมก็ไปเฝ้า เมื่อวานนี้คุยกับเนวิน จะให้ผมเล่าว่า ไปเฝ้าว่ายังไง ผมบอกเอ๊ะ ผมพูดกับบีบีซี ผมบอกยูไม่รู้เหรอ ว่าธรรมเนียมยูเนี้ยะ นายกรัฐมนตรีก็ไปเฝ้าควีนและรายงาน และเขาออกมาแถลงว่ายังไง ไม่ ก็ต้องมี เขาเรียกว่าต้องมี มีระบบ ระเบียบ ไม่ละครับ ผมเฝ้าตั้ง 10 หนแหละ ผมไม่เคยเล่าซะที วันก่อนก็รู้ว่าผมเฝ้า เพราะผมต้องลาคนที่สนามกีฬาไป เพราะต้องไปขึ้นเครื่องบิน ไม่งั้นไปไม่ทัน เพราะแม้ กำหนดมา 5 โมงเย็น จะทันเวลาไหมละ 5 โมงเย็น ก็ไม่มีปัญหาอื่น ก็เข้าเฝ้า ผมจะมาแถลงได้ยังไง ผม.. มันไม่ใช่เหตุผล ท่านองคมนตรีมา ท่านก็ต้องไม่แถลง ไม่มีเหตุผล ทุกอย่างเป็นปกติ
ผมยืนยันกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า บ้านเมืองเวลานี้ยังเป็นปกติดีอยู่ นอกเหนือจากรอบทำเนียบรัฐบาล เข้าไปข้างในละมีปัญหา แต่ว่าข้างนอก ยังขับรถขับลา ยังเดิน คนกรุงเทพฯใช้ชีวิตธรรมดา ผมยังบอกว่า โรงเรียน โอววว ปิดกันกลัวกันจริง ไม่มีปัญหาหรอกครับ วันนี้เขาก็เปิดกันหมดแล้ว รอบๆ ปิดเห็นด้วย โรงเรียนวัดเบญจฯ ก็เอาละครับ โรงเรียนวัดโสม วัดมงกุฏฯ ให้มัน 1 2 3 4 ตรงนั้น พณิชยการเก่า นอกนั้นเรียกว่า ตะๆๆ ควรปิดเห็นด้วย ก็แค่นั้น แต่ที่อื่นต้องเป็นปกติ ไม่มีใครหรอกครับ ไม่มีใครจะออกมายึดอำนาจบ้านเมืองนี้ เขาบอกเขาสันติ อาวุธไม่มี แต่มีปืนนิดหน่อยไม่เป็นไร มีไม้ฟาดกันตาย ไม่เป็นไร กรรมการจะสอบสวน ตำรวจ ทหารก็ตกลงกันแล้วจะนุ่มนวลที่สุด มือเปล่าๆ มีโล่แค่นั้นเอง เห็นอยู่อย่างนี้ละครับ
2 อันที่ต้องเล่าให้ฟังคือ กรณีที่ปะทะกันนั้น เพราะตำรวจจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ เขาไม่ยอมก็ปะทะกัน 27 คน ตำรวจบาดเจ็บ ทางนู้นก็ สะๆๆๆ 30 กว่าคน ก็จบกันไปได้ ไม่มี เอ้าตีกันนะตาย และตาย พอมีคนตาย เรื่องใหญ่ เพราะอยากเอาอย่างนี้กันอยู่แล้ว แก๊สน้ำตาปังๆ กันเข้ามา กำลังสอบว่า ใครเป็นคนยิง โอยยยยย นั่นข่าวในสภาลอกกันเป็นทำนอง เหมือนกะไอ้สถานีวิทยุ เอ็นบีที จะต้องถูกตัดงบประมาณ 20% เพราะเหตุว่ารายงานข่าว คนรายงานข่าวบอกว่าทุกช่อง ก็บอกว่า รายงานว่าแก๊สน้ำตา ทางนี้รายงานข่าว สงสัยจะเป็นอะไร จะเป็นระเบิดควันอะไร ยังงี้หรือเปล่า รายงานไม่ตรง จึงถูกตัดงบประมาณ 20% เมื่อคืนฟังวิทยุ ฟังโทรทัศน์ ของอย่างนี้จะใช้เวลาของสถานีเขาไปไม่มากกว่านี้ และก็ไม่ได้มา เอ้านั่นๆๆ ผมจะไปหาสถานีอื่นอีก และวันนี้บ่าย 2 โมงจะไปคุย คุณวีระ ธีรภัทร คุณ จะให้คุณวีระ ซักถามเลย จะถามหรือจะตอบคุณวีระ เดี๋ยววันนี้จะไปให้คุณวีระคุยหน่อย ซักถามได้ว่าเป็นยังไง
ผมขอย้ำสุดท้าย ว่าสถานการณ์บ้านเมืองมันผิดปกติเพราะเราประกาศภาวะฉุกเฉิน ทหารนั้นฟาดฟันไม่ได้ ฟาดฟันเกิดเรื่อง ทหารก็ไม่ปฏิวัติไม่ยึดอำนาจ แล้วจะทำอย่างนุ่มนวลด้วย แล้วผู้คนเหล่านั้นต้องออกครับในเวลาไหนเวลาหนึ่ง แล้วเขาจะต้องออก เข้าไม่ได้ออกไม่ได้แล้วก็ต้องออกไปหมด ผู้คนทั้งหลายทั้งปวง เอายิ่งนุ่มนวลกว่านั้น ทั้ง 9 คนก็ไปซิครับไปศาลแล้วไปขอประกันตัวซะให้จบเรื่องแล้วไปสู้คดีความกัน ทุกอย่างมันต้องจบในลักษณะนี้ครับ มันจบอย่างอื่นไม่ได้เลยครับ ไม่มีอะไรอื่นเลยครับ แล้วที่จะขู่จะเข็นต่างๆ ไม่ละครับ บัดนี้ทุกอย่างคลาย ผมกราบขอบพระคุณนะครับทุกสถาบันที่เขาช่วยกัน ทั้งเรื่องน้ำ เรื่องไฟ เรื่องอะไรต่างๆ ผมมาพูดวันนี้เพื่อให้ได้คิด ให้ฉุกคิดว่าจุดหมายปลายสำหรับคนที่ปลุกระดมนั้นไม่มีครับ ทั้งหมดทั้งปวง แล้วในสภาของผมด้วย จะเปิดกันใหม่ก็คุยกันได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะจบจะสิ้นต่างๆ
ผมประกาศให้ฟังนะว่าผมไม่ลาออกครับ แล้วผมก็ยังไม่ยุบสภา ผมจะอยู่ดูหน้าที่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยของบ้านเมืองนี้ เอาละครับมันจะเป็นยังไงก็ตามแต่ คนที่จะทำดีจะรักษาระบอบประชาธิปไตย จะป้องกันสถาบันพระเจ้าอยู่หัว จะดูแลเรื่องใครจะมาลบหลู่ดูหมิ่น ผมจะต้องป้องกัน ถ้าผมมีหน้าที่จะทำอย่างนี้แล้วดูซิใครจะมาทำยังไง แล้วดูซิว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ท่านพอจะฉุกคิดได้ไหมว่าที่ไปยุ่งกับเขาไปนั่นกับเขามันจะได้อะไรขึ้นมา ผลจบมันจะเป็นยังไง เขาจะตอบแทนบุญคุณท่านยังไง บรรดาสหภาพทั้งหลายทั้งปวงที่จะทำอะไรต่างๆ แล้วเขาจดชื่อท่านไว้มั๊ยที่ท่านเคลื่อนไหวทั้งหลายทั้งปวง มีตัวบทกฎหมายอยู่มีคนเขาจะคอยป้องกัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีเหตุอย่างนั้น ชีวิตยังเป็นไปตามปกติ ผิดปกติคือได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ถ้าเสร็จอะไรแล้วจะจัดการยุติโดยเร็วเพราะว่ามันไม่ควรจะคาราคาซังไว้
แต่ว่าผมให้โอกาส ผู้บัญชาการทหารบกกับผมสนทนาธรรมกัน ตำรวจผมก็พูดจากัน เวลานี้มอบกรรมการดูแล กรรมการก็จะดูแล แต่กรรมการสำคัญคือคน 60 กว่าล้าน ท่านโปรดลองมองดูที่ทำเนียบรัฐบาล มีคน 5 คนบวก 1 ที่เขายึดทำเนียบอยู่ ไม่มีฐาน ไม่มีเหตุผล ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ถ้าผมเป็นคนเลว เป็นคนสกปรกนะครับผมอยู่ไม่ได้ป่านนี้หรอกครับ ผมต้องแน่ใจว่าผมไม่สกปรก แล้วผมต้องแน่ใจว่า ถ้าผมไปศาลผมต้องมือสะอาด ต้องแน่ใจว่าผมคุมบังเฮียนอยู่ ผมต้องรักษา ผมไม่โดดน้ำหนีหรอกครับ คนทั้งเรือนั้นผมรับผิดชอบ แต่ท่านทั้งหลายต้องกรุณา ต้องช่วยผมด้วย ต้องช่วยฉุกคิดหน่อยว่า เราไปร่วมกับเขาทำไม แล้วมันได้อะไรยังไง ท่านจะนั่งฟังวิทยุ ปลุกระดมโทรทัศน์ ปลุกระดมต่อไปก็ต้องมีวิจารณญาณ ทำไมคนที่เขาฟังแล้วเขาไม่เชื่อ ลองคุยกับเขาทำไมเขาไม่เชื่อ ทำไมเขาไม่ฟัง ทำไมคนทั่วไปในบ้านเมืองยังมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ แต่ข่าวคราวที่น่าตื่นเต้นนั้นมันมาจากฝ่ายไหนอย่างไร ผมไม่กล้าแตะต้องละครับ ไม่กล้าพูดว่าบรรดาพวกทั้งหลายทั้งปวงรายการเช้ารายการบ่ายรายการเย็นได้ช่วยกันต่อไอ้การปลุกระดมให้มันน่ากลัว
ผมเสียงเดียวไม่เป็นปัญหาหรอกครับ แต่ต่อมาจะหามาอีกหลายเสียง จะหาคนที่คิดอย่างเดียวมาพูดจากให้ฉุกคิด วันนี้ภาษาไทยวันละคำนะครับสำหรับพี่น้องประชาชนชาวไทย ขอให้ท่านฉุกคิดว่าที่ไปยุ่งกับเขา ไปร่วมกับเขา แล้วจุดหมายปลายทางคืออะไร สำหรับตัวท่านคืออะไร สำหรับประเทศชาติจะจบอย่างไรถ้าท่านไปร่วมมือกับเขา แล้วผมแน่ใจว่า ถ้าหากผมยังทำหน้าที่ถือหางเสือ บ้านเมืองนี้อยู่ เรื่องนี้ต้องจบได้ครับ ชาวโลกเขาเฝ้าดูเราอยู่ วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็เฝ้าดูผมอยู่ครับว่าพอสมควรหรือยัง ผมใช้เวลามา 21 นาทีครับ ก็ขอขอบพระคุณกรมประชาสัมพันธ์นะครับ เป็นวิทยุราชการ นายกรัฐมนตรีมาพูดแล้วกลายเป็นเรื่องมาบีบมาคั้นอะไรต่างๆ ก็ลองดูแล้วกันนะครับ ผมก็ใช้ในยามที่จำเป็น ผมจำเป็นจริงๆ แล้วต่อไปนี้จะใช้ทางกึ่งราชการบ้าง จะไปพูดไปคุย ให้เขาซักบ้าง เดี๋ยววันนี้บ่าย 2 โมง คุณวีระ ธีรภัทร จะซักผมเรื่องอะไรต่างๆ ไม่พูดคนเดียวหรอกครับ ลาก่อนนะครับ ถ้าอยากจะคุยต่อผมจะมาขออนุญาตเขาใหม่ วันนี้เป็นเรื่องกรณีพิเศษ ขอแสดงความผิดหวังต่อท่านทั้งหลายที่เตรียมการนะครับว่ามาประกาศลาออก มานู้นมานี่ ไม่ละครับ สวัสดีครับท่านพี่น้องทั้งประเทศ สวัสดีครับ