xs
xsm
sm
md
lg

“หมัก”ลุอำนาจ!ประกาศแตกหัก ส่ง ตร.-ทหารจัดการ“พันธมิตรฯ” วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
“หมัก” ลุแก่อำนาจ ชักแม่น้ำทั้ง 5 โจมตี “พันธมิตรฯ” ฝ่ายเดียว ก่อนประกาศยอมไม่ได้ต้องจัดการ “พันธมิตรฯ” วันนี้ เผยเตรียมกำลังตำรวจ-ทหารไว้พร้อมแล้ว ย่ามใจถามใครหน้าไหนจะมาปฏิวัติ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมัคร สุนทรเวช แถลง

วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ออกอากาศรายการพิเศษผ่านทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที โดยกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตนมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลบ้านเมืองนี้ แล้วมาบอกว่าตนเป็นรัฐบาลหุ่น ซึ่งตนคิดเป็น ไม่ต้องมาสอน และที่ต้องไปดูแลพรรคพลังประชาชนเพราะกฎมันเป็นอย่างนี้ เอาเหตุอะไรมากล่าวหาว่าตนจะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบบสาธารณรัฐ

“ผมมีหน้าที่มาบอกว่าจะต้องจัดการตามกฎหมาย เพราะคุณใช้สิทธิไม่ได้ ผมจะต้องเอาคุณออกจากตรงนี้ ผมไม่ยอมหรอกครับ ตำรวจ ทหารก็ไม่ยอม เพราะบ้านเมืองนี้ต้องการความสงบ การค้าการลงทุนเสียหาย ผมจึงต้องลบลอยแผลเป็นออก คุณมีสิทธิ์ แต่คุณต้องไปที่อื่น และขอย้ำว่าผมจะทำตามหน้าที่ของผม ที่ต้องพูดวันนี้เพราะวันนี้จะเอากันให้แตกหัก เพราะผม ตำรวจ และทหารต้องรับผิดชอบ ถามว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน แล้วใครจะมาปฏิวัติ คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้จักผม ผมจะต้องดำเนินการ เพราะคุณทำตรงนี้ไม่ได้ ผมไม่มีวันยอม เพราะบ้านเมืองนี้เป็นของผม”นายสมัคร กล่าว

อ่านรายละเอียดคำต่อคำ “สมัคร” ท้าชนพันธมิตรฯ ผ่านNBT

สวัสดีครับ ผมนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีของท่าน วันนี้ วันเสาร์ 9 โมงเช้า ผิดปกติหน่อย เป็นความจำเป็น ที่ต้องเรียกว่าผิดปกติ เพราะไม่อยากจะรอถึงวันอาทิตย์ ที่จะมาพูดเหมือนอย่างเคย วันนี้ ผมมีหน้าที่จะต้องมาพูดกับท่านพี่น้องประชาชน ทั้งประเทศ โทรทัศน์คงถ่ายทอดไป 2-3 ช่อง แต่ว่าวิทยุประเทศไทยจะถ่ายทอดถึงท่านพี่น้องทั่วประเทศ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่เชิงสะพานมัฆวานฯ นั้น เป็นความเสียหายอย่างยิ่งของบ้านเมืองของเรา ผมจึงต้องมีหน้าที่มาพูดและมาทำความเข้าใจซะวันนี้ก่อน เริ่มต้นก็อยากจะเรียนท่านพี่น้องที่เคารพว่า รัฐบาลที่ผมเป็นหัวหน้าอยู่ เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เลือกตั้งอย่างถูกต้อง มีการแข่งขันกันถูกต้องตามกติกา และเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็ได้พรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมาก ถึง 233 เสียง แล้วสามารถรวมพรรคอื่นๆ อีกรวมกันได้ทั้งหมด 6 พรรค 316 เสียง จาก 480 ถูกต้องตามกติกาที่รัฐธรรมนูญกำหนด เราก็ตั้งรัฐบาลแล้วก็เข้าไปถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วก็ดำเนินการบริหารบ้านเมืองมา ถ้าถึงวันที่ 6 มิถุนายน ก็จะบริหารมาได้ครบ 4 เดือน เป็นรัฐบาลที่เข้ามาในช่วงที่รัฐบาลเดิมนั้นก็ต้องเรียกว่า สะดุดอยู่ คือรัฐบาลที่มาอยู่ประมาณ 17 เดือนนั้น เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจชั่วคราว ก็รู้กันอยู่ ถึงคราวที่รัฐบาลใหม่มาจากการเลือกตั้ง ก็แปลว่ามาเริ่มต้นกันใหม่ ตามระบอบที่ได้กำหนดขึ้นไว้

ท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศคงทราบว่า ระหว่างที่เกิดเหตุนั้นประมาณ 16-17 เดือนนั้น ก็ต้องมีความสะดุด ประเทศทางยุโรปก็หันหลังให้ อเมริกาก็หันหลัง จีนหันข้าง ญี่ปุ่นหันข้าง พอมีรัฐบาลจากเลือกตั้ง เขาก็หันหน้ากลับมาเหมือนเดิม รัฐบาลที่เพิ่งโผล่เข้ามาตอนนี้ ในยามที่น้ำมันก็ขึ้นราคา แบบไม่ดูตาม้าตาเรือกันเลย ขึ้น พลวดๆๆๆๆ น้ำมันขึ้น ก็ราคาสินค้าขึ้น ขึ้นไปแม้กระทั่งราคาข้าวขึ้น แทนที่จะดี กลับเป็นผลร้าย ว่า รัฐบาลจะถูกตำหนิติเตียน

วันนี้ ไม่ได้มาอวดผลงานอะไรหรอกครับ ต้องการมาบอกพื้นฐานซะก่อนว่า ทำงานมา 4 เดือนเนี้ยะ ทุกคนทำงานนะครับ จะชั่วดีถี่ห่างยังไงก็ตามแต่ คุณสมบัติจะเป็นยังไงก็ตามแต่ แต่เป็นรัฐบาลครับ ผมใช้คำว่า ขี้เหร่หน่อย ก็เป็นการว่า ถ่อมตัว และดันเลือกนายกฯ ไม่ได้ตามใจชอบ เพราะมีระบบพรรคอยู่ ก็บอกกันตรงๆ แต่ผมก็ทำหน้าที่ของผม เพราะผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ชื่อ พรรคพลังประชาชน หัวหน้าชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช

ผมทำหน้าที่นี้ แล้วผมจะบอกให้ฟังว่า ใครลองไปตรวจสอบบรรดาข้าราชการทั้งหลายทั้งปวง ยกเว้นที่ผมไปทำให้เขาเดือดร้อนเสียหายเท่านั้นแหละครับที่เขาจะไม่ชอบ แต่ผมแน่ใจว่าผมนั่งทำงานมา 4 เดือนนั้น ได้สัมผัสข้าราชการทั้งหลายทั้งปวง ผมยืนยัน ผมแน่ใจว่าผมทำงานให้บ้านเมืองนี้ได้ ผมทำงานกับข้าราชการทุกหน่วยงานนั้นผมทำได้เรียบร้อย ไม่ว่าจะกระทรวงไหน อย่างไรที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ไปสัมผัส ผมทำงานได้ครับ แล้วผมทำงานเป็น แน่นอนครับไอ้การจะชี้หน้าว่าใครไม่เก่งเศรษฐกิจต่างๆ แต่ถ้าจะเอาเศรษฐกิจอย่างเดียวแล้วก็ทำไมรัฐบาลที่แล้วไม่มีใครไปชี้หน้าเลยครับ ท่านไม่ได้เก่งเศรษฐกิจอะไรเลยท่านก็บริหาร ก็เป็นรัฐบาลอยู่ได้ ไม่มีใครตำหนิติเตียน วันหนึ่งเราอาจจะได้คนเก่งเศรษฐกิจมาเป็นหัวหน้า วันหนึ่งจะได้คนที่รู้การบ้านการเมืองมาเป็นหัวหน้า

ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมรู้การบ้านการเมือง รู้ว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไรจะต้องทำอะไรอย่างไร แล้วสำคัญที่สุดคือว่า เรามีระบบของบ้านเมืองของเรา โอ๊ยนินทาว่ากล่าว ไปเที่ยวตระเวนต่างประเทศอยู่นั่น ก็เขากำหนดให้ เราตกลงกันว่า ในยุโรปเขามีกลุ่มประเทศ กลุ่มอียูของเขา อเมริกาเขาก็มีกลุ่มของเขา ทางเราก็มีกลุ่มของเราแล้วก็แข็งแรงด้วย 500 ล้านคน รวมกัน 10 ประเทศ ผูกพันกัน เมื่อก่อนนี้คุณถนัดท่านเริ่มไว้ 5 แล้วต่อมาเป็น 6 ต่อมาเพิ่มอีก 4 เป็น 10 มันแข็งแรงนะครับ แล้วเขาก็ถือว่า 10 ของเราจะมีงานอะไรต่างๆ นายกรัฐมนตรีเข้ามา คนจะมาพบ ทูตอาเซียน 9 ประเทศต้องมาก่อนครับ อาเซียนมาก่อน ยุโรปมาก่อน อเมริกามาก่อนใครทั้งหลายทั้งปวง แต่ด้วยอะไรก็ตามต้องอาเซียนก่อน

เพราะฉะนั้นเมื่อคนเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาก็ต้องไปแนะนำตัว ผมก็เพิ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไปแนะนำตัวให้เขารู้จักว่าเป็นใครอย่างไร ไอ้นี่แหละครับบทเรียนที่ผมจะต้องทำงานนั้น ก็คือว่า ผมไปทำตามที่เขาได้กำหนดไว้ ไม่ถึงกับเป็นบทหรอกครับ แต่เป็นหน้าที่ผมต้องไปทำ แล้วผมก็ทำ ตั้งแต่ สปป.ลาว, กัมพูชา ไปพม่า ไปสิงคโปร์ ไปอินโดนีเซีย ไปมาเลเซีย ไปฟิลิปปินส์ ผมไปมาแล้ว 8 ประเทศ ยังเหลือบรูไนอีกประเทศเดียว ผมไปทำหน้าที่ของผม เจ้าหน้าที่ที่ไปกับผมจะเป็นคนบอกได้ว่าผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทยนั้นเสียเกียรติ เสียเหลี่ยมประเทศไทยหรือไม่ หรือว่าทำให้ผู้คนเขาเข้าใจบ้านเมืองนี้ดีขึ้น ผมพูดจาได้ครับ ผมสนทนาได้ ผมรู้ขอบเขต กระทรวงต่างประเทศเป็นคนกำหนดกรอบว่าต้องอย่างไร ก่อนจะเดินทางเขาต้องอบรมผม 2 ชั่วโมง อบรมล่วงหน้า 2-3 วัน แล้วผมถึงจะไป

และผมก็ทำหน้าที่ ผมรู้ขอบเขตในการทำงาน ไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศเท่านั้น แต่กระทรวงอื่นนั้น ผมรู้ว่าตรงไหนต้องทำอะไรยังไง แต่ว่า ไอ้นั่งเขียนหนังสือด่าทอ ว่ากล่าวกันแบบชนิดไม่รู้ทั้งนั้น หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ผมอ่านนะครับ ไม่ใช่ไม่อ่าน ว่ากล่าวกันโดยไม่มีเหตุผล สักแต่ว่าพูดกัน รัฐบาลนี้ไม่เห็นทำอะไร 3 เดือนไม่เห็นทำอะไร แล้วรู้ไหมละครับ ท่านที่ว่า เคยด่า เคยไปนั่งดูใน ครม.ไหมละครับ เคยไปดูไหมว่า ตามกระทรวงเขาทำยังไง ไม่ใช่ผมคนเดียวทำงานนะครับ คนอีก 35 คนเขาทำงาน ผมเป็นคนรวบรวมดูแลองค์กรทั้งหมด งานที่ทำนั้น มีทั้งจะต้องริเริ่มใหม่และจะต้องดำเนินการ แต่ว่าแก้ปัญหาเก่าที่มีมา มันต้องทำนะครับ ต้องพูดจาเขา เดินทางก็ต้อง 8 ประเทศ ต้องพบบรรดาทูตทั้งหลาย คณะที่เขามา เขามาเพื่อเรานะครับ วุฒิสมาชิก สภาคองเกรซมา คนนู้นมา คนนี้มา คณะการค้ามา คณะผู้แทนมา เขามาครับ เขามาเพื่อจะต้อง มาดู มาฟัง มาคุย ว่าเป็นยังไง ได้สัมผัสแล้วเป็นไง พูดจากันได้ไหม พูดจากันเข้าใจไหม

ผมทำหน้าที่นี้นะครับ งานหนักนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยบ่น เพราะว่าผมทำหน้าที่นี้ให้บ้านเมืองผม และผมมีคติของผม ว่าผมทำให้ ผมไม่ได้ทำเอา คือบ้านเมืองก็ต้องหาคนมาทำหน้าที่นะครับ และมาด้วยถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไม่ใช่ผมก็เป็นคนอื่น ถ้าเขาได้คะแนนมากกว่า ผมก็เป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน แต่ผมได้คะแนน 233 บวกกันแล้วได้ 316 จาก 480 เขาก็ต้องให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี

ผมมีพื้นฐานการเมืองมาตลอดชีวิตผม ผมทำงานมาทุกระดับ ผมอยู่ใน ครม.มาแล้ว 8 หน หนนี้ เป็นหนที่ 9 ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมทำงานได้ครับ แล้วงานบ้านเมืองก็กำลังดำเนินการไปด้วยดี เพียงแต่ว่า ลักษณะที่ได้มีสิทธิเสรีภาพ แล้วดุด่าว่ากล่าวกันนี้ ผมก็ไม่เคยว่ายังไง ผมไม่ว่าหรอกครับ เขียนบทความตอบโต้ผม ผมยังไม่ทำ ทั้งที่ผมก็ทำได้ ผมก็ไม่ทำ แต่ผมมีรายการของผม คือรายการพรุ่งนี้ ก็ยังอยู่ พรุ่งนี้ก็ยังคุย ผมเลือกช่องทางเท่านั้นละครับ นอกนั้นก็ทำกัน แต่ว่าเมื่อทำงานอย่างนี้ ทุกอย่างกำลังดำเนินการนั้น ผมทำให้เรียบร้อย ผมทำให้ทุกฝ่าย ผมดูแลหมด ว่าอะไร เป็นยังไง

ผมจะบอกให้ฟังด้วยนะครับ ว่า ที่ผมรับอาสามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น เพราะรู้ว่า ปัญหาบ้านเมือง มันเกิดตรงไหน รู้ว่าเหตุที่มัน หยกที่แล้วมา วันที่ 19 กันยา ที่เขาทำยึดอำนาจกันนั้น มันมีเหตุมาอย่างไร

ผมเป็นชาวพุทธครับ ผมรู้ว่าพุทธเจ้าท่านตรัสรู้อะไร ท่านตรัสรู้อริยะสัจ 4 ท่านว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ ไอ้นี่ก็เป็นทุกข์ คนทำปฏิวัติ ยึดอำนาจบ้านเมืองก็เป็นทุกข์ครับ เพราะฉะนั้น เมื่อเวลาเป็นทุกข์ ท่านบอกว่า ให้ไปดูสมุไทย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เพราะถ้าไม่มีทุกข์ เราก็จะมีความสุขด้วยกัน และหนทางดับทุกข์คือยังไง หนทางที่ว่า มัค นั่นละครับ ผมเนี้ยะละครับเลือกหนทาง ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผมทำหน้าที่ได้นะครับ จะย้อนตั้งแต่เย็นวานนี้ก็ได้ครับ ผมต้องรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเทศฝรั่งเศส ผมจะต้องนั่งสนทนากับเขาเรื่องราวต่างๆ เขาจะมีพื้นที่ แบล็คกราวน์ต่างๆ มาให้ผม ผมจะสนทนาเสร็จ ต้องไปสนทนาที่โต๊ะกินข้าว เสร็จเรียบร้อยแล้วเขามีสาสน์จากท่านประธานาธิบดีฝรั่งเศสมา เขามีของมาถวาย ก็โปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้า นายกรัฐมนตรีก็ต้องพา แต่ผมเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ความจริง ตามหลักพาเฝ้าฯ ส่วนมาก รัฐมนตรีสำคัญมาก็นายกฯ ก็เป็นคนพาให้เข้าไป ผมก็พาเข้าเฝ้าฯ

เมื่อวานนี้ นายกฯ พม่ามาขอเฝ้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้เฝ้าผมก็พาเข้าเฝ้าฯ ผมทำหน้าที่ของผม รัฐมนตรีมาวันก่อน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินเดียมา ผมก็ต้องไปสนทนา วันอาทิตย์ วันหยุดนะ ตอนเย็น เขาผ่านมาเขาขอเยี่ยมคำนัม รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา ผมก็ต้องไปรับ ต้องไปเปิดทำเนียบกันตอนเย็น เพื่อเขาผ่านวันอาทิตย์ ผมทำงานเสาร์-อาทิตย์ไม่มีวันหยุดหรอกครับ แต่ผมไม่นิยมไปไหนต้องเอาผู้สื่อข่าวเป็นพรวนเพื่อจะได้เป็นข่าว ไม่หรอกครับ ผมทำงานเพื่องานผมไม่ต้องการมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ ความจริงวันนี้ผมจะต้องไปสุพรรณบุรี โดยผมไม่บอกใครเลย ผมต้องการจะไปสัมผัสที่เขากำลังเกี่ยวข้าว ผมจะไปคุยกับชาวนาว่า คุณเกี่ยวแล้วคุณเอาไปไหน คุณเป็นอย่างไร เรื่องความชื้น ผมจะไปดูด้วยตัวเอง ผมจะแวะไปคุยกับโรงสี ผมจะต้องแก้ไขปัญหา ที่บอกจะซื้อข้าวเท่าไหร่ๆ กระทรวงพาณิชย์บอกซื้อไม่ได้ ก็ไม่บอกเหตุผลเขา ก็กรมการค้าภายในที่ดำเนินหน้าที่นี้มีคณะกรรมการลาออกกันหมดเหลืออยู่ 3 คน ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ทำก็ต้องให้ธนาคารเขาทำกับโรงสีโดยตรง เงินจากธนาคารต้องไปโรงสีไม่ผ่านตรงนี้ไป ไปพูดจาปับๆ ก็เขาไม่พอใจ แสดงความไม่พอใจเพราะเราไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำอยู่ ผมบอกผมต้องยุ่งเกี่ยว ผมต้องดูแล ผมจะไม่ออกปัญหาตรงนี้ ข้าราชการที่ไม่ชอบใจเพราะเราลงไปจี้ เราต้องไปดูแล ว่าตรงนี้คือปัญหาผมก็ต้องไปแก้ปัญหา ไม่ชอบใจ แล้วก็ทำให้เกิดความปั่นป่วน ผมต้องตามแก้พวกพันธุ์อย่างนี้ด้วย เราอยู่กัน 5 พรรค 6 พรรค ด้วยกัน ดูซิครับเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไรถึงทำงานร่วมกับพรรคอื่นได้

เมื่อเวลาที่รัฐมนตรีพลังงานเสนอความคิดเห็น ผมต้องให้ความสนับสนุน ถ้าท่านทำไม่ถูกไม่ควรผมก็บอกอย่างนี้เป็นอย่างไรอย่างนั้นเป็นอย่างไร เมื่อวานเขาจัดการแก้ปัญหาให้ ทางฝ่ายโรงกลั่นไปคาดคั้นกันอย่างนั้น ทางฝ่ายค้านก็จะเอากันให้เป็นให้ตาย หมายความจะทลายโรงกลั่นกันเลย หาว่าเขากำไรมา แต่เราต้องไปดูเขาเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เขามีผู้คนที่ถือหุ้น ไปทำอย่างนั้นมันก็จะต้อง แต่เราก็เลือกคำสั่งอื่น สุดท้ายเขาใช้วิธี เขาไม่ลดค่าการกลั่น เขาจัดการขายราคาถูกให้เรา ลงไปที่กระทรวงคมนาคม พวกขนส่งมวลชนทั้งหลาย ลงไปที่กระทรวงเกษตร พวกเรือทั้งหลาย ก็ตกลง 6 เดือน เขาขายลดราคาต่ำลงไปอีก 3 บาท ก็ดำเนินการ เมื่อรัฐมนตรีเขาจะประชุม ผมบอกผมจะไปร่วมด้วย ผมไปสนทนาด้วย ผมต้องการถามเรื่องโรงกลั่น ด่ากันไป ด่ากันมา ไอ้โรงกลั่น โอ๊ยยย ทำไมต้องราคาโรงกลั่นสิงคโปร์ ผมบอกต้องเลิกใช้คำนี้ มันไม่ใช่อะไร มันเป็นราคาที่เราอิง บางแห่งอิงชิคาโก้ บางแห่งอิงนิวยอร์ก บางอันอิงสิงคโปร์ คือเรื่องน้ำมันนี่

มันค้าขายน้ำมันกันอยู่ 300 บริษัท เป็นราคาอ้างอิงตลาดค้าน้ำมันที่สิงคโปร์ แต่ชอบด้วยราคาหน้าโรงกลั่น ไปรู้ข่าวมาหน่อย โรงกลั่นราคาสูงขึ้นไป ทางนี้ โรงกลั่นนี้ได้กำไรมาก ก็จะเค้นคอให้เขาทำ มันต้องมีระบบซิครับ นั่งพูดอยู่ตรงนั้น สั่งสอนได้ครับไม่เป็นปัญหา ฟังดูก็เก๋ไก๋ รอบรู้แต่ไม่ได้บริหาร ไอ้คนบริหารโง่ ผมก็ต้องมาอธิบายให้ฟังว่า ผมไม่ได้โง่เง่าขนาดนั้นหรอกครับ แต่เราเป็นคนทำ ต้องรู้ ต้องทำยังไง ต้องรักษาองคาพยพยังไง โรงกลั่น 4 โรงเนี้ยะ ไปฟาดฟันเอาให้เขา มันตายคาตา ได้ไหมครับ ไม่ได้หรอกครับ แต่ต้องเจรจาความกัน ท่านรัฐมนตรี ท่านเจรจาจนท่านสำเร็จ ผมก็ไปขอบคุณเขา และไปหาข้อเท็จจริง ยังงั้นคืออะไร ยังงี้คืออะไร ต่างๆ เสร็จเรียบร้อยก็ขอบคุณกันไป กระทรวงอื่น กระทรวงไหน ผมก็ต้องแส่ไปละครับ แต่ต้องไปช่วยดู ไปช่วยกันฟัง ว่าอะไรเป็นอะไร ยังไง

ที่เล่าให้ฟัง เพื่อจะบอกว่า การเมืองเดินหน้ามาตามปกติ ธรรมดาครับ เดินหน้าไปอย่างขรุขระนิดหน่อย เพราะว่า เป็นหัวเลี้ยว หัวต่อ เป็นรัฐบาลหลังการปฏิวัติ ฉะนั้น ปฏิวัติถอยไป เราก็มาดำเนินการ ก็ทำความสัมพันธ์ให้มันกลับสู่สภาพเดิม กำลังทำอย่างนี้ละครับ มีคนไม่พอใจ อ้างเหตุไม่พอ ไม่พอใจยังไง ไม่พอใจบอก ไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญ อ้าว แล้วเป็นยังไงละครับ รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเห็นว่า ไม่ดี ฉีกทิ้งทั้งฉบับ และพวกนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหนละครับ ฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ อาจเป็นคนยุยงให้จัดการฉีกซะด้วยซ้ำไป และเสร็จแล้ว ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เขาแสดงหลักฐานให้ดู พวกคนล่างบอกเลย ไม่ดี ก็แก้ไขใหม่ ได้ จัดการได้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ง่าย มีระบบ

ก็พูดกันไว้อย่างนั้น เพราะฉะนั้น นักการเมือง เขาเห็นว่า มันมีข้อบกพร่อง ไอ้ที่ฉกรรจ์จริงๆ คือ อย่างวุฒิสมาชิก 200 เลือกตั้ง เอ้า ไปขยักเป็น เลือกแค่ 76 จังหวัดละคน จังหวัดละแสน ก็เลือกคน จังหวัดละ 6 ล้านคน ก็เลือกคน 76 คน และแต่งตั้งมา 74 มันเขย้อเขย่งอย่างนี้ อย่างนี้มันต้องแก้ไขครับ เขตเลือกตั้งไม่เคยเลือก พวงเบ้อเร่อละ 15 คน มากเกินไป เขาก็แก้เป็น 1 หรือ 2 หรือ 3 ใช้ไปพัก บอก ทันสมัยของโลก เขาใช้เขตละคน คนละเขต เรียกภาษาไทยกัน วันแมน วันโหวต เลยละครับ ถูกต้อง ทำเสร็จเรียบร้อย ใช้มา 2 หน ผู้คนคุ้นเคยกับระบบนี้ดีที่สุด เห็นไหม พอเปลี่ยนแปลงปั๊บ แก้เข้ามาใหม่ ย้อนเอากลับไปใช้ ต้องการให้มันยุ่งยากเท่านั้นเอง ยุ่งยากทุกพรรค พรรคการเมืองฝ่ายค้าน เขาก็รู้ว่า มันยุ่งยาก เขาก็ต้องอยากจะแก้ตรงนั้น มีหลายแห่ง หลายอันที่ต้องแก้ไข ก็ไปพ่วงไอ้ 2 ข้อนั่นเท่านั้น

ข้อนึง ให้มาตรายุบพรรค และคนอื่นไม่กลัวเหรอครับ วันข้างหน้า แต่ก่อนก็ยุบพรรคได้ครับ แต่มีท่อนเดียว เดี๋ยวนี้มาท่อนสอง ไม่ว่าอะไร คณะกรรมการ คนไหนไปทำอะไร ก็ยุบทั้งพรรคเลย มันต้องฟังเหตุผล ว่า มันส่วนตัวไหม และพิสูจน์กันยังไง ก็จะขอแก้ไขตรงนี้ มันเพื่อรายการนี้ ไม่ใช่ ไม่ทันหรอกครับ แก้เสร็จออกมา เขาบอกไม่ได้ ย้อนหลังไม่ได้ ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ไม่ได้ ไอ้มาตรา 309 ก็ยังไงก็ต้องไปอยู่ ติดต้องโอนอย่างอื่น ต้องไปขึ้นศาล หนีไปที่อื่นไม่ได้ แก้กะไอ้ 2 มาตรานี้แล้ว ก็ยังขึ้นศาลอยู่ดี ยังมาช่วยในเรื่องการยุบพรรคไม่ได้อยู่ดี และอย่างอื่นจะแก้ไหม ต้องแก้ครับ เพราะตอนหาเสียงเลือกตั้ง ทุกคนแก้ ทุกพรรคแก้ เข้ามาจะแก้ แล้วเป็นไงครับ คณะผู้คนประกอบด้วยคน 5 คน เป็นใคร จากไหน ยังไง ถึงจะชี้ ต้นตาย ปลายเป็น กับบ้านนี้ได้ บอกไม่ได้ แก้ไม่ได้ อ้าว แล้วรัฐธรรมนูญเขียนวิธีการแก้ไว้ทำไม แล้วผู้คนที่เขาอยู่แวดวงการเมือง เขายื่นจะขอแก้ เอามาเป็นเหตุ

ดูซิครับ เอามาเป็นเหตุ แล้วเป็นเหตุเสร็จแล้วยังไง ก็บอกว่า จะยื่นวันไหน จะเคลื่อนขบวนวันนั้น แล้วยึดถนนราชดำเนินไปครึ่งถนน ตั้งแต่โรงเรียนสตรีวิทย์ ไปจนถึงผ่านฟ้า ติดขัดไปหมด บอกว่า จะขอโดยสันติ จะพูดให้เรียบร้อย และเสร็จแล้ว ก็เคลื่อนขบวนมา แล้วตำรวจเขาทำยังไง เขาบอก เป้าหมาย ปลายทางว่า จะไปล้อมทำเนียบฯ จะยึดทำเนียบฯ แล้วทำนง ทำเนียบฯ มีถนนยังไงบ้าง มายืนตามฟุตปาธได้ไหมครับ ก็ต้องไปปิดถนนตรงนั้น เขาก็กันไว้ตั้งแต่ต้น ทำเนียบเราถูกล้อม มันขายหน้าเขาไปทั่วโลก ไอ้ตรงที่กั้นไว้ตรงถนนราชดำเนิน ตรงตีนสะพานมัฆวานฯ เพื่อจะจัดการตกลงว่า จะเอายังไงกัน แต่ก็เล่นรุนแรงขึ้นทุกวัน ไม่มีเหตุ หาเหตุจนกระทั่ง สุดท้ายหาอะไรไม่ได้ เพราะรู้ว่าทุกอย่าง ชนวนมันดับหมด ก็จะหาเหตุไล่ผม ไล่รัฐบาล หาว่าไม่มีความสามารถ ไล่ผม ไปๆ มาๆ บอก เป็นรัฐบาลหุ่น ไปด่าย้อนรัฐบาลทักษิณอีก ไปฟังซิครับ พูดจาหยาบคาย คือทุกคนต้องโดนคดีความในเรื่องหมิ่นประมาท ทั้งนั้นละครับ เรื่องคดีหมิ่นประมาทเท่านั้นละครับ อย่างอื่นไม่ต้องคิด เพราะในการบริหารบ้านเมือง ต้องบอกให้รู้

วันนี้ ที่ผมออกมาพูด ผมจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ทำไปนั้น มันผิดกฎหมาย ไปยึดถนนอยู่ตรงนั้น ต้องปิดถนนหัวท้าย ปิดถนนราชดำเนิน ปิดถนนกรุงเกษม และตั้งกองยังงั้น และตั้งกองกันขึ้น โอ๊ย ออกข่าว ทำไมผมจะไม่รู้ความเคลื่อนไหว จะเอาใคร ต่อใคร ยังไงมา จะเตรียมการยังไงมา ที่ท่าน รมต.เฉลิม ออกไปพูดนั้น เพราะเรามีข่าวกรองกันเข้ามา จะเล่นกันยังไง จะทำกันยังไง จะตูมๆๆๆ กัน 7 8 9 เหมือนตอนปีใหม่ ก็จะทำกัน จะเอาระเบิดโยนกลางวง ก็จะทำกัน เอาคนที่เป็นมือร้ายๆ เข้ามา เรารู้หมดครับ แต่บ้านเมืองเป็นยังไง ถึงต้องทำยังงี้ แล้วคนพวกนี้ คิดอะไร ยังไง คิดว่า วันนี้มันเป็นวันที่ 19 กันยา ปี 49 หรือครับ


ผมบอกแล้วนะครับ มันเป็นปัญหา เมื่อเรารู้ปัญหาอยู่ตรงนั้น เราก็ดับปัญหา ผมนี่ละครับคนดับปัญหา แต่ผมต้องแน่ใจว่า ผมดับปัญหานั้น ผมต้องมีวิธีการ ดำเนินการ และผมก็ทำด้วยความตั้งใจจริง ผมจะบอกให้คณะที่ยึดตรงนั้น คุณทำยังงี้ คุณหวังใครครับ หวังใครจะมาจัดการประกาศยึดอำนาจและปฏิวัติกันอีกหรือ ได้หรือครับ บ้านเมืองนี้ ไม่มีเหตุนะครับ แล้วผู้คนพวกนั้น เขาก็ไม่ได้มีเหตุ เหมือนมาทำเมื่อปี 19 ปี 2549 ปีนี้ มัน 2551 นะครับ นายกรัฐมนตรี ชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช

นอกจากเป็นนายกฯ แล้วเป็นรัฐมนตรีกลาโหมด้วย และผมก็ทำหน้าที่ ผม เป็นประธานสภากลาโหม เมื่อวันซืนผมก็เป็น ผมเป็นมาแล้ว 4 หน ผมทำงานกับแม่ทัพ นายกองทั้งหลาย และผมก็ทำให้บ้านเมืองนี้ มีความเข้าใจกันดี ระหว่างรัฐบาลกับทางฝ่ายที่เขาดูแลความมั่นคงของบ้านเมือง ผมไม่เคยเอามาอวด เอามาแสดง

แต่วันนี้ต้องบอกให้รู้นะครับ ว่า เขาเห็นว่า บ้านเมืองก็มีความสลักสำคัญ เรื่องที่แล้ว ก็แล้วกันไป จบกันไป แม้ตัวบุคคลทั้งหลาย ผมก็ทำความเข้าใจ ทุกคนก็เข้าใจกันดี ทุกคนก็รู้ว่า ต่อไปนี้มันเป็นโอกาส บ้านเมืองของเราต้องดำเนินการแก้ไข รัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีชื่อ สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะสู้กันยังไง ก็ไปสู้กันในสภา อยากยังไง ก็ผ่านไปทางฝ่ายค้าน เดี๋ยวนี้ใช้วิธียังไง

โอ๊ย ผมผิดสังเกตตั้งแต่แรกแล้วครับ การเมืองภาคประชาชน เดี๋ยวนี้การเมืองภาคประชาชนมันยิ่งใหญ่เหลือเกินนะครับ มันทำกันข้างถนนนะครับ ปลุกระดมเอาผู้คนมา ผมดูหน้าท่านทั้งหลายที่ไปกันแล้ว ไปชื่นชมโสมนัสอะไรกันก็ไม่ได้ ผมดูแล้วผมก็บอกว่า ท่านทั้งหลายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยครับ ผู้คน 5 คน ที่เขาเป็นหัวโจกจะทำ ถามซิเป้าหมายตรงกันอยู่ตรงไหน

เอาละเอาจนกระทั่ง สมมุติผมทนไม่ได้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป ต้องการให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเลือกตั้งกันใหม่ไหมครับ เลือกตั้งกันใหม่กระโดกกระเดกรัฐธรรมนูญแบบอย่างนี้ เป็นอย่างไรรู้ไหมครับ เพราะอย่างนี้เขาถึงต้องขอจัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน ไม่ต้องคำนึงถึง 2 มาตราที่วิพากษ์วิจารณ์ แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้ไขเพื่อวันข้างหน้าเลือกตั้งกันแล้วจะได้เข้าที่เข้าทางกันซะ เท่านั้นแหละครับ คนร่างที่แล้วบอกแก้ได้ แก้ง่าย คนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็คือคนที่อยู่ 480 คนที่มาจากเลือกตั้ง คนอีก 15 คนที่มาจากเลือกตั้งแต่งตั้ง คนทั้งหมดนี่แหละครับเขาเป็นคนวินิจฉัยมาตราไหนอะไรอย่างไร ขอเรียนให้ทราบนะครับว่า เมื่อมีการยื่นกันมาผมก็ต้องการดับชนวน ดับชนวนของผมก็ขอว่า อย่างนี้ลงประชามติ ลงซะก่อน จะเสียค่าใช้จ่ายก็เอาลงประชามติแก้หรือไม่แก้ ถ้าเสียงส่วนใหญ่บอกไม่แก้ เสียงข้างมากของประเทศไม่แก้ก็ไม่ต้องแก้ก็จบเรื่องกันไป ไม่ต้องเป็นเชื้อเป็นชนวนอะไรกันต่อไป ถ้าแก้ก็บอกว่าแก้ คนจะแก้ก็คือคน 480 คน กับคนอีก 150 คนพวกนี้วินิจฉัยครับ

เพราะฉะนั้นจะแก้อย่างไรอย่าห่วง ถ้าแก้ด้วยดีเขาร่วมมือแก้แน่ครับ แต่ว่าพรรคพลังประชาชนพรรคเดียวแก้ไม่ได้ครับ ตกลงจะแก้แล้ว เสนอข้อนี้ไปแก้ไม่ได้เพราะเรามี 233 ถ้าเสียงส่วนใหญ่เขาไม่แก้มันแก้ไม่ได้ครับ แต่ที่เราหวังก็คือ เสียงส่วนใหญ่ทั้งหมดบางครั้งทำคะแนนอาจจะเห็นชอบกันทั้งหมด ไม่มีใครค้านหรอกครับต้องแก้ อันนี้ต้องแก้ อันนี้ต้องแก้ เราหวังจะแก้สิ่งนั้นต่างหากครับ ถ้าพวกเรามีอำนาจจัดการแก้ไม่แก้เสียให้มันเรียบร้อยแล้วทิ้งไว้เดี๋ยวก็เลือกตั้ง เดี๋ยวก็เลือกตั้ง แล้วรัฐธรรมนูญอย่างนี้หรอครับ คนที่มายกย่องรัฐธรรมนูญปี 2550 หลับหูหลับตาไม่มีความคิด ไม่มีแวดวงการเมือง ไม่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรควรเว้น เพราะฉะนั้นเรื่องพันธุ์อย่างนี้มันไม่ได้ผิดตัวบทกฎหมายอะไรเลย รัฐธรรมนูญก็บอกให้แก้ได้ การจะแก้ หนึ่งให้พวกนี้มาแก้ได้ สองให้พวกนี้มาแก้ได้ สามพวกนี้เป็นคนแก้ สี่... เขามีหมดครับ เขาก็ใช้ตามมาตรการของเขา ถ้าการเมืองเขาทำความผิด เขารณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเขาบอกเขาจะแก้รัฐธรรมนูญ ทุกพรรคประกาศแก้ พรรคที่ยืนยันจะแก้แน่นอนก็ได้ 233 อีกพรรคหนึ่งที่ได้ 164 ก็จะแก้ครับ ทุกคนบอกจะแก้ทั้งนั้น พอการเมืองเข้ามาอย่างนี้เกิดไม่แก้ ไม่แก้ก็ไม่แก้ไม่เป็นไร แต่ว่าเสียงต้องวัด ต้องเอา 480 บวกอีก 150 แล้ววินิจฉัย คนอื่นไม่ครับ คนอื่นไม่วินิจฉัยคนในสภาเป็นคนวินิจฉัย ผมยืนยันเลยครับว่า 237 ไม่แก้ก็แก้ไม่ได้ แต่ผมทายได้ว่าเขาต้องเอามาตรา 2 37 ออก เพราะมันเป็นประโยชน์ทุกคนในวันข้างหน้า 309 ไม่ต้องแก้ แก้หรือไม่แก้ก็เอามาใช้ไม่ได้ เพราะว่ามันมีระบบ เขาเขียนไว้เสร็จแล้ว


เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มาหาเหตุอะไร พอเสร็จปั๊บ ยื่นปั๊บจัดการเคลื่อนขบวนแล้วมายึดไว้ เสียหายไหมครับบ้านเมือง มันเสียหายอย่างชนิดที่ วันที่ยึดกันไว้แล้วนั่นแหละครับ วันที่ 26 ตอนเช้าวันจันทร์ 9 โมงเช้า ผมไปเป็นประธาน ทูตไทย กงสุลไทย 96 ประเทศมา 96 ท่านมาร่วมประชุม ที่นั่งฟังทูตก็ส่ายหัว บอกไม่ไหวอย่างนี้ไม่ไหว ทำไมบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ จะให้ผมตอบเขาว่าอย่างไร อ๋อนายกรัฐมนตรีมันเลว นายกรัฐมนตรีมันเป็นคนไม่เกรงใจสื่อสารมวลชนมันเลยต้องเล่นกันอย่างนี้ มันใช่อย่างนั้นไหมครับ มันไม่ใช่นะครับ เรามาถูกต้องแบบที่ผมอธิบายความมาตั้งแต่ต้น แต่คน 96 คนที่เขาเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย จะไปต้องเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปในนามถวายพระราชสาสน์ ไปประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ถวายพระราชสาสน์ ไม่อย่างนั้นต้องยื่นสารตราตั้ง ระบบการทูตเป็นระบบที่ทั่วโลกโยงใยกันหมด แล้วทูตไทยกลับมาประชุมประจำปีมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ มาจาก 3 ประเทศที่นัดหมายจะเอานักธุรกิจมาลงทุน มาดูลาดเลาจะพาเขาเที่ยวจะพาชม แล้วเขาทำอย่างไรครับ ทูตเอาหน้าไว้ไหน มาเจออย่างนี้ ยึดกันอย่างนี้ ดูโทรทัศน์เมื่อคืนเห็นไหม ทำเหมือนจะสร้างเป็นกองทัพ จัดการมีโล่ มีอะไรต่างๆ คาดหัว ไปฟังพูดกันซิครับไม่มีเหตุผล ด่าทอว่ากล่าวหยาบคาย แล้วอย่างนี้คนเป็นนายกรัฐมนตรีนั่งเฉย นั่งรอ ผมไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ ผมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ผมจะบอกให้ฟังคนเดือดร้อนเท่าไหร่ ทูตขายหน้าไม่เป็นไร แต่ผู้คนที่เขาต้องเดินทาง ถนนหนทางทางสัญจร

ถนนพระราชดำเนินเป็นอย่างไร เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไม่ได้ต้องเสด็จฯ อ้อมไปทางนางเลิ้ง ไหนละครับคนจงรักภักดี ขวางทางเสด็จพระราชดำเนินให้เจ้านายต้องเสด็จไปทางอื่น ผู้คนตั้งอาทิตย์นึงมาแล้วที่ดูกันมา เด็กนักเรียนเป็นอย่างไรครับ โรงเรียนที่อยู่ข้างๆ เป็นอย่างไร ไปโรงเรียนสาย รอบๆ นักเรียน พ่อแม่ทำงานแถวนั้นต้องส่งลูกเขา คนขับรถผ่านไม่ได้ รถเมล์ผ่านไม่ได้ มันชุลมุนวุ่นวายกันหมดทั้งเมือง แต่คนพวกนั้น หัวโจก 5 คน คิดอย่างไรครับ เอาสิทธิเสรีภาพอะไรมา คุณมีสิทธิเสรีภาพไม่ชอบหน้ารัฐบาล ไม่ชอบหน้านายสมัคร ไม่ชอบหน้าใคร ทำได้ครับ ทำได้ แต่คุณต้องไปหาที่ที่มันไม่ไปรบกวนผู้คนเขาอย่างนี้ อย่างนี้ได้อย่างไรไปเอากลางสะพานมัฆวานฯ ยึดไว้แล้วตั้งกอง สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ ตกลงกันว่าขับไล่รัฐบาล หาเหตุ ผมไม่ได้ท้าทาย แต่ลองเอาส่วนไหนในร่างกายของพวกคุณทั้ง 5 คนคิดดูซิครับว่า เป้าหมายบ้านเมืองเขามาอย่างนี้แล้วคุณทำอย่างนี้ ผมไม่อยากจะย้อนถามว่าพวกคุณเป็นใคร ได้รับเลือกตั้งมาเมื่อไหร่ คณะผมได้รับเลือกตั้ง 23 ธันวาคม มีคณะกรรมการเลือกตั้งตรวจสอบ มาตามระบบระเบียบ เข้าตามตรอกออกตามประตู มีหน้าที่ แล้วพวกคุณละครับ การเมืองภาคประชาชน เห็นส่งเสริมกันนัก ไม่ชอบก็จัดการไป แหมครูบาอาจารย์เก่าแก่ท่านอายุ 90 ท่านเขียนจดหมายมาเอากับเขาด้วยเมื่อคืน มันอย่างไรครับ

เมื่อเช้านี้มีคุณหมอออกอากาศส่งเสริม อ๋อคุณหมอเขาอบรมนักการเมือง ผมไม่เครียดหรอกครับ ผมไม่ดุเดือดเลือดพล่าน ผมเป็นคนธรรมดา แล้วเป็นคนไทย แต่ผมมีเลือดเนื้อเชื้อไข คนอย่างผมนี่แหละครับที่ไอ้พวกด่ากันเมื่อคืนนี้ว่า จะทำบ้านเมืองนี้ให้เป็นสาธารณรัฐ นายสมัคร สุนทรเวช นี่หรอครับ ต้นตระกูลผมแต่ก่อนมา พระราชวงศ์จักรีชุบเลี้ยง จนกระทั่งมาบัดนี้ก็มาทำงานสนองพระเดชพระคุณ ผมไม่อยากจะกล่าวอ้างถึงเลย แต่มันชี้หน้าด่ากันเมื่อคืนว่า ผมจะโยงใยนายกฯ ทักษิณเป็นหุ่นเชิด แล้วจะเอาบ้านเมืองนี้เป็นสาธารณรัฐ จะเป็นประธานาธิบดี ผมเป็นคนหรือเปล่าถ้าผมเป็นอย่างนั้น ท่านทั้งหลายทั้งประเทศไทยท่านฟังดูไอ้คน 5 คนพวกนี้มันปลุกระดมคน ไหวไหมครับ พูดจาว่ากล่าวดูแคลน ไม่มีเหตุผล ทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างพอชนวนดับหมดเรียบร้อยก็ขับไล่รัฐบาล มันไม่ใช่นะครับ มันไม่ใช่ปี 49 มันปี 51

ผมจะบอกให้ฟังว่า ผมมีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมืองนี้ คนที่เขาดูแลเรื่องความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทั้งทหาร เขาดูแลรับผิดชอบ เขาต้องทำหน้าที่ร่วมกับผม เพราะเป็นบ้านเมืองของเขาเหมือนกัน เป็นบ้านเมืองของเราทุกคน แล้วคน 5 คนจะมาก่อกวน มีเหตุผลไหมครับ มีหลักฐานแสดงการอะไร ผมได้แสดงอะไรไว้อย่างไรหรอครับว่าผมจะทำบ้านเมืองให้เป็นสาธารณรัฐ พวกคุณที่คิดกันที่พูดจากัน คิดอะไรกันขึ้นมา คุณจะเกลียดชังใคร เขาถอยออกไปแล้วครับ เขาเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แล้วที่ผมไม่ค่อย

ชอบก็คือว่า คนอย่างผมนี่หรอครับรัฐบาลหุ่น ผมคิดเป็นนะครับผมทำเป็นด้วยแล้วผมไม่ต้องให้ใครมาชี้แจง แต่ว่าพรรคการเมืองซึ่งเขาสร้างระบบมานั้นผมปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ หน้าที่ของผมคือต้องดูแลพรรคการเมืองพรรคนี้ แต่ในขณะที่ดูแลพรรคการเมืองนี้ผมก็ให้ใช้ระบบพรรคว่าทั้งหมดพรรคในจำนวนที่เป็นทั้งหมด 233 นั้น 232 เขาเอาอย่างไร เขาอย่างไร เขาก็มีกรรมการบริหาร มีระบบการประชุมพรรค มีคณะกรรมการบริหาร ก็ดำเนินการกันตามนี้ ยังอยู่ในกติกาอย่างนี้ ถ้าใครเป็นคนชี้ว่าต้องอย่างนี้ ต้องอย่างนี้ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ไม่ได้ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีถูกต้องตามกฎหมาย พรรคการเมืองก็จดทะเบียน กกต.ก็คุมอยู่ ใครจะมีชี้ต้นร้ายปลายเป็นครับ เอาเหตุอะไรมากล่าวหาว่าผมจะเป็นคนจัดการให้บ้านเมืองนี้เป็นสาธารณรัฐ พูดจากกันเมื่อคืน มีโล่ มีการเตรียมตัวถือไม้เบสบอล จะรบกับใครครับ จะออกรบจับศึกกับใคร จะมาเข่นฆ่าแล้วยังไง นี่มันพ.ศ.51 นะครับไม่ใช่ 49 มันไม่มีเหตุอะไรเลยที่ทหารจะลุกขึ้นมาปฏิวัติอีกหนหนึ่งเพราะว่าทางนี้เขาชักชวนอย่างนั้น คิดหรือเปล่าครับ คิดหน่อยซิครับ

ผมมีหน้าที่จะต้องมาบอกให้รู้ว่า ผมจะต้องจัดการ คุณมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ผิดกฎหมาย คุณมีสิทธิเสรีภาพจะไม่ชอบผม จะตำหนิติเตียนว่ากล่าวไป ถ้าเกิดรุนแรงไปผมจะไปฟ้องคดีหมิ่นประมาท แต่จริงๆ แล้วคุณใช้สิทธิตรงนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมจะต้องดำเนินการเอาออกจากตรงนั้น คุณจะมาตั้งป้อมมีไม้อะไรต่างๆ คุณจะไปหาใครต่อใคร เอาคนร้ายมาสะสมไว้เพื่อจะก่อการร้ายบ้านเมือง คุณจะต้องรับกรรมในสิ่งที่คุณทำ ผมไม่ยอมหรอกครับ และตำรวจและทหารก็ไม่ยอมด้วย อย่าหวังเลยครับไม่มีหรอกครับ บ้านเมืองนี้เขาต้องการความสงบ มีโอกาสพัฒนาบ้านเมืองได้ พวกคุณ 5 คนก่อกวนให้เกิดความยุ่งยากในบ้านเมือง เป็นความเสียหายอย่างยิ่ง เป็นความเสียหายอย่างยิ่ง การค้า การขาย การจะลงทุนต่างๆ เสียหายหมด พวกคุณรับผิดชอบอะไรล่ะครับ แต่ผมต้องรับผิดชอบ ผมต้องป้องกันสถานการณ์บ้านเมืองนี้ไว้ รอยแผลเป็นที่คุณสร้างมา 7 วัน ผมต้องลบออก ไม่ได้หรอกครับ จำไว้นะครับว่าคุณมีสิทธิ์จะตำหนิติเตียนว่ากล่าวคุณไปหาที่ คุณจะใช้ตรงไหนคุณอย่าให้ประชาชนเดือดร้อน สิทธิเสรีภาพอยากใช้ว่าไปเลย รุกล้ำผมผมจะเอาไปศาล แต่จะมาท้าทายให้จับกุมผมไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับแต่ผมต้องเอาพวกคุณออกจากตรงนั้น ผมจะทำตามหน้าที่ของผม ไม่ใช่ท้าทายนะครับแต่เป็นหน้าที่ พวกคุณต่างหากที่ท้าทายกฎหมายของบ้านเมือง คุณละเมิดตัวบทกฎหมายของบ้านเมือง คุณทั้ง 5 คนทั้งหัวโจกทั้งใครต่อใครที่ไปร่วมชุมนุมด้วย คิดหน่อยซิครับ มันสนุกอะไรอย่างไร มันน่าชื่นชมอย่างไร เป้าหมายคน 5 คนพวกนี้จะชักจูงใครให้มาทำไม่ได้ครับ ไม่มีเหตุแล้วครับ ไม่มีเหตุที่จะเป็นอย่างนั้นได้ นายกรัฐมนตรีชื่อสมัคร สุนทรเวช แล้วผมไม่ใช่คนที่ใครจะมาชี้หน้าด่ากันได้ แล้วผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอย่างนี้กับบ้านเมือง บ้านเมืองนี้ก็เป็นของผม

ที่ผมต้องพูดวันนี้ไม่รอพูดพรุ่งนี้เพราะวันนี้จะเอากันให้แตกหักวันนี้ ผมต้องพูดซะตอนนี้ให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้อยู่ว่า รัฐบาลนั้นรับผิดชอบ ตำรวจก็รับผิดชอบ ทหารก็รับผิดชอบ ผมเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วครับ จะเอาอย่างไรไม่เป็นปัญหาแต่บอกให้รู้ไว้ ว่าอย่าทำสิ่งที่มันโง่เง้าไม่เข้าท่า ไม่มีใครหรอกครับ ใครจะอยู่ข้างหลังอย่างไรพวกนี้ยังยุติได้ ใครจะส่งเสีย ใครจะบอกจุดติดแล้วม็อบจุดติดแล้ว อาหารเริ่มมาแล้ว กระบวนการส่งเสียเริ่มมาแล้ว ถ้าคนนี้เป็นหัวโจกรับรองว่าติดแน่ มันจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหนครับ อยู่ที่ไหน มันเป็นไปได้ยังไง บ้านเมืองเดินมาดีๆ แล้วจะชักชวนให้เขาปฏิวัติ ให้เขายึดอำนาจอีก เอาใครมาละครับ ไอ้การมาชี้หน้าด่าคนเนี้ยะ จะทำให้บ้านเมืองเป็นสาธารณรัฐ คิดได้หรือครับ คนทั้งบ้าน ทั้งเมือง เขารู้จักผม ตั้งแต่ผมเป็นนักการเมือง ตั้งแต่เล็กจนกระทั่งป่านนี้ ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงความคิด ผมเป็นคนยังไง คนทั้งบ้านเมืองรู้

บัดนี้ ผมเป็นคนดูแลบ้านเมืองนี้ ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ที่บอกกันวันนี้ ไม่รอพรุ่งนี้ เพราะพวกคุณจะแสดงกันวันนี้ ลองดูซิครับ ผมบอกให้รู้ละกัน ก็ลองดู ผมเตรียมไว้พร้อมหมดเรียบร้อย ทั้งตำรวจ ทหาร ไม่ได้ขู่นะ แต่สิ่งที่พวกคุณมาข่มขู่กลางถนน กลางเมือง ไม่ได้ครับ ผมต้องดำเนินการ พวกคุณจะไปหาที่ใหม่ตรงไหน จะทำยังไง จะอยู่กันอีกซักปี ผมไม่ว่า แต่คุณทำตรงนี้ไม่ได้ และคุณทำตรงไหน ที่ไหน ถ้าคุณจะยืดเยื้อ มารุกล้ำ คุณต้องไปศาล มีคดีความผูกพันกันอยู่ คุณต้องดำเนินการ ผมไม่มีวันยอมหรอกครับ บ้านเมืองนี้ของผม ของทุกคน กว่าจะแก้ไขกลับมาได้ ต้องเรียกว่ามันแทบแย่ กำลังทำกันอยู่ โอ้โห ไอ้พวกนั่งเขียนบทความ นั่งเขียนไป คนก็อ่านไป โทรทัศน์ก็ด่าไป โทรทัศน์ ASTV หยาบคาย ว่ากล่าว สิทธิเสรีภาพมีครับ เพราะศาลท่านคุ้มครอง มา 2 ปีแล้ว ผมก็ไม่ออกปาก ผมก็เคารพศาล ศาลท่านคุ้มครอง แต่ว่าสถานีนี้ละครับ ที่ปลุกระดม บอกผู้ทำอะไรต่างๆ สถานีนี้ละครับ ทุกวัน 24 ชั่วโมงไม่เคยละเว้น ผมก็เสียใจเหมือนกันครับ ไอ้ที่ทำงานก็ทำกัน แทบไม่รู้จะนั่น บางครั้งทำกันไม่ได้มีวันพักผ่อน แต่สถานีนี้ก็ได้รับความคุ้มครอง ด่าเอา ว่าเอา พูดจากระทบกระแทกแดกดัน พูดจาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พูดจาต่างๆ

สถานีนี้ละครับ ที่ออกด่าใครต่อใครเขา และพิสูจน์แล้วก็ไม่เป็นความจริง แต่ เจ้าของนั้น ก็ไม่อับอาย บ้านเมืองเราแปลกนะครับ แปลกจริงๆ เพราะอะไร เพราะสื่อสารมวลชนนั้น ถ้าลองไม่ชอบใครก็เล่นด้วย ไม่ชอบหน้าเอาด้วย ตกลงคนที่ สื่อสารมวลชนไม่ชอบหน้า เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ อย่างนั้นหรือครับ แล้วผมไปทำอะไร ยังไงกับใคร ผมเคยสั่งปิดหนังสือพิมพ์ซักฉบับหรือยัง ผมเคยทำอะไร ให้กระทบกระเทือนใครอะไร ยังไงหรือยัง แต่ว่าเมื่อเล่นงาน ว่ากล่าวกันมาก ผมก็เพียงแต่ใช้ช่องเล็กๆ อย่างพรุ่งนี้ 8.30 น.ก็คุยอย่างธรรมดา ผมไปทำงาน

วันนี้ ตั้งใจนะครับ จะไปสุพรรณบุรี จะไปสองพี่น้อง เพราะเขากำลังเกี่ยว ตั้งใจจะทำวิธีของผม คือ ได้สัมผัสชาวนาที่เขา เอาขึ้นมา จะดูเขาตากที่ไหน ยังไง เพราะกำลังจะทำเรื่อง ไซโล กำลังจะทำเรื่องไปคุยกับเขาที่ฟิลิปปินส์ IRRI เขาเป็นต้นฉบับเรื่อง ข้าว นั่นละครับ ตกลงกันมา เขากับไทยผูกพันกัน เราไปเยี่ยม ก็ถือโอกาสไปเยี่ยม และกลับมาทางนี้ ทางธนาคารโลก บอกว่า ไปปลูกพืชน้ำมันกัน เลยทำให้ข้าวแพง ผมก็บอกไม่ใช่ ของเราข้าวก็ข้าว พืชก็พืช แต่เรา แก้ไขด้วยการเพิ่มผลผลิต กำลังทำอยู่ เรื่องอ้อย นั่นละครับ เอทานอล ที่ชื่นชมกัน ก็วาระ ที่รัฐมนตรีแรงงานท่านแถลง อ่อ พลังงานแถลง โอ๊ย ยกย่อง สรรเสริญ มีผลงาน ก็ถูกต้อง คณะรัฐมนตรี เขาก็บอก ตื่นเต้น มีผลงาน ผมไปประชุมนั่น ประชุมเศรษฐกิจ ก็เป็นคนแถลงเรื่องนี้ ก็ถูกต้อง

ผมเองยังไปคิด คิดแบบคนธรรมดาๆ ผมก็ไม่ใช่คนรอบรู้ไรนักหนา ว่า อี 5 ก็เอาน้ำมันเบนซิน อะ เติมไป 5% อี 20 ก็เติม 20 ออกมา อี 85 ใครจะคิดครับ อี 20 ต้องไป อี 25 อี 30 ผมก็คิดว่า เอ๊ะ อี 85 หมายความว่า ได้เติม 15 หรือยังไง ผมก็บอก มันล้ำไป 20 แล้วมาเติม 15 มันจะขายยังไง เขาบอกว่า เติมน้ำมันเบนซิน 15% ใช้เอทานอล 85 % อ่อ ฟังความ แล้วก็ยินดี ยินดีทั้งที่ประชุม เพราะใครจะคิด จาก 20 กระโดดไป 85 เขาบอกที่อื่นทำได้ คิดได้ สุดท้ายไทยก็ทำได้ แล้วก็ทำ แล้วก็พอไหม แต่ก่อนบอก ต้องอ้อยล้น อ้อยเกิน อย่างบราซิลถึงจะทำ เดี๋ยวนี้ เราเป็นยังไง เราปลูกไม่ใช่ 6 ตันต่อไร่ ไม่ใช่ 10 ไม่ใช่ 20 ปลูก 25 ตันต่อไร่ มันเพิ่มขึ้นมา 4 เท่า

เพราะฉะนั้นปีนี้ น้ำตาล 23 ล้านตัน อีก 50 ล้านตัน ทำเอทานอล มีทั้งหมด 42 บริษัทจดทะเบียน เดี๋ยวนี้ 11-12 บริษทลงมือแล้ว เวลานี้ เราเข้ามา 10% ประชุมกันนะตกลง เจรจากันเรื่องบริษัทรถ เพิ่มเจรจาให้ ของ อี 20 ไปหยกๆ เดี๋ยวนี้ เอทานอล 85 เขาก็ขอ เราก็บอกว่า ชั่วคราวยินดี เพราะว่า ต่อไปออกมาใหม่ จะต้องรถโดยเฉพาะที่เขาทำมา โอ๊ย นักวิพากษ์วิจารณ์ เอาเลย ใช้กัน จะใช้ได้ยังไง มันออกมาสำหรับรถเฉพาะ ต้องให้เขาทำรถมารับอันนี้ จังหวะใครจะเปลี่ยนรถต้องเปลี่ยนอันใหม่ยังงี้ โอกาสมันมีครับ ต่อไปน้ำมันเคยซื้อมา 100 ต้องการ 15 มาใส่ แต่การเพาะ การปลูก เรามีขอบเขตของเรา แทนที่จะมีการขยายที่ ไปล้ำที่ปลูกข้าว เปล่าครับ มันเพิ่มผลผลิตอ้อย จาก 6 มาเป็น 25 4 เท่า กำลังทำอยู่ครับ มันสำปะหลัง ระยอง 9 ธรรมดาดึงขึ้นมา เดี๋ยวนี้ ดึงขึ้นมา 3 เท่า 4 เท่า ดึงออกมา ไอ้ตัวสตาร์ทข้างในก็ดีกว่าเก่าหลายเท่า นี่ต่างหากละครับ ที่มันจะมาเป็นแหล่ง ที่มันจะทำ และต่อไป อย่างบราซิล มันใหญ่โต มโหฬาร เขาก็ใช้ของเขาได้ เราไม่ใหญ่ขนาดนั้น แต่เราเพิ่มผลผลิต กำลังทำอยู่ เราไม่ได้ไปถึงข้าวโพด เราไป 2 อันนี้เท่านั้น น้ำมันปาล์มก็มาอีกส่วนหนึ่ง ถ้าจะทำไบโอดีเซล ก็คิดก็ทำกันอยู่ และประชุมกันที ประชุม 5 โมงเย็น เลิก 2 ทุ่มครึ่ง

นี่ละครับการทำงาน ไอ้พวกนักวิพากษ์ วิจารณ์ ทั้งหลาย นั่งอยู่กับผมหรือครับ คอยตามดูหรือ เคยเดินดูไหมว่า ผมทำอะไร ยังไง โอ๊ย ไม่ทำอะไร ไม่มีผลงาน มันเขียนได้ง่ายๆ ไม่มีผลงาน รัฐบาลนี้ไม่มีผลงาน นั่งวิจารณ์ได้ แต่คนนั่งทำงานลิ้นห้อย ถ้าไม่ใช้โอกาสอย่างนี้มาพูดจะใช้เมื่อไร ผมต้องพูดวันนี้ครับ ไม่ให้มันสายเกินไป เพื่อมาเตือนคนที่กำลังจะก่อการคืนวันนี้ ผมจะบอกให้ท่านพี่น้องทั้งหลาย ที่ท่านไปมั่วสุมอยู่กับเขา ท่านต้องถอยออกมาครับ ไม่มีเหตุผล ผมไม่ไปตามไล่จับกุมท่านหรอกครับ แต่ท่านต้องไปหาที่ๆ อื่น

ลองคิดซิครับ ลองเอาอะไรตรองดู ว่า ไปชื่นชมโสมนัสกับไอ้ 5 คน ที่จะทำ เขาทำเพื่อบ้านเมืองนี้หรือครับ ลองถามซิ ว่า เป้าหมายอยู่ตรงไหน เป้าหมายจะเอาใครมาปฏิวัติ จะเอาใครมายึดอำนาจ ในเมื่อตกลงเขาเข้าใจกันหมด ว่า บ้านเมืองจะดำเนินการไปแบบนี้ และทำแล้วอยู่ตรงไหน เพื่ออะไร บรรดาไอ้คนที่ให้สตางค์ ไปซื้อกับข้าว ขนกับข้าว ไปให้ เบิกเงินเบิกทองไปให้ แล้วคุณต้องการอะไร ไม่ชอบรัฐบาลนี้หรือ แล้วชอบรัฐบาล 5 คนนั่นเหรอ ใน 5 คน ใครจะเป็นนายกฯ จะบริหารยังไง มีกฎหมายอะไรรับรอง

มีแต่จะส่งเสริมกันว่า การเมืองภาคประชาชน โอ๊ย ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องนี้ แต่ไหนๆ วันนี้ ขอโอกาส ผมต้องบอกพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า ท่านอย่าวิตก ทุกข์ร้อน ไอ้ความขายหน้ามันไปแล้ว ทั่วโลก ไอ้วันที่ตีกันวันนั้น ตำรวจก็บอกว่า ไม่รู้ใครเป็นใคร ไม่รู้จะแบ่งยังไง ไอ้คนที่ไม่พอใจนั่นละครับ โดดมาฟัด ไปๆ มาๆ เราต้องคอยกันไอ้คนไม่พอใจ เพราะตัวนั้นจะเป็นชนวน จะจุด

เมื่อคืนนี้ก็ได้รับรายงาน ว่า มีคนไป เราก็ตามดูไอ้ ส.ส.คนไหน ไปตะโกนด่าหรือไง อดรนทนไม่ได้หรือไง ข่าวมาเสร็จเรียบร้อยเลยครับ เขาไปตรวจสอบ ไปดูแลให้ อะไรเป็นยังไง ทุกคนเอาใจช่วยให้เรื่องนี้มันจบ

ผมจะบอกพี่น้องทั้งหลาย ผมก็ดูหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น นั่งๆ อยู่นั่น ไปทำไมครับ เป้าหมายอยู่ตรงไหน ไปนั่งตากฟ้า ตากฝน คาดหัว เอาข้าวไปนั่งกิน มันสนุกตรงไหนครับ บ้านเมืองมันถึงเลวทรามต่ำช้า มันวิกฤตกันขนาดนั้น มันไม่นะครับ มันได้รับการเลือกตั้งมาแล้ว กำลังมีรัฐบาลบริหารบ้านเมืองอยู่ กำลังแก้ไขสถานการณ์กันอยู่ ค่อยเป็นค่อยไปค่อยทำ เขาก็ชื่นชมกันอยู่ สามารถแก้ปัญหาได้ แต่ไม่ชื่นชมไม่ประกาศผมก็ไม่ว่า ตัวเลขอะไรดีทำอะไรดีก็ไม่พูด ก็คอยจะเอาเรื่องมาว่ากล่าว

บอกเป็นปฏิปักษ์กับสื่อสารมวลชน สื่อสารมวลชนเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลมากกว่า โดยไม่าเหตุผล แต่เอาเถอะสิทธิเสรีภาพสื่อสารมวลชน ฟังเมื่อวันที่ 3 เดือนที่แล้ว ผมก็กลัวแล้วครับ วันเสรีภาพสื่อ ฟังคำขวัญที่ติดไว้ข้างหลังดูแล้วผมก็กลัวแล้วครับ คุกคามสื่อคือคุกคามประชาชน แล้วเราทำอย่างนั้นหรอครับ ผมหรอครับคุกคามสื่อ ตกลงเขาดุด่าว่ากล่าวอะไรตอบไม่ได้นะ เขียนว่ากล่าวอย่างนั้น การ์ตูนหยาบคายไม่ได้หรอครับ ไม่ได้อย่างนั้นหรอครับ แล้วทำไมพวกนั้นมีสิทธิ ทำไมสิทธิเสรีภาพในการดุด่าว่ากล่าวใคร กร่นอะไรใคร มีแต่เฉพาะสื่อสารมวลชน แล้วคนเป็นรัฐบาลทำไม่ได้ หัวหน้ารัฐบาลต้องเป็นผ้าพับไว้เรียบๆ นั่งที่ไหนต้องพับเพียบตลอด เจอใครต้องพนมมือก่อน มันปกติหรือเปล่าครับ

ผมไม่อย่างนั้น ผมเป็นคนธรรมดา แล้วผมก็บอกว่าผมก็รักบ้านเมืองนี้ไม่น้อยไปกว่าใครในบ้านเมืองนี้เหมือนกัน คุณจะแสดงความรักด้วยการปลุกระดมเอา 5 คนมา ผมบอกเลยว่าไม่สำเร็จหรอกครับ ยังไงๆ ผมก็ไม่ปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายไปกว่านี้ บอกให้รู้ด้วยผมเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ทั้งตำรวจ ทั้งทหาร ที่มาพูดวันนี้เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศอย่าวิตกในการจะจัดการดำเนินงานแก้ไข ผมต้องทำหน้าที่นี้ครับ ผมทำมาแล้วหลายหนหลายอย่าง ไม่ไปปะทะไม่ไปล่ออะไรต่างๆ แต่ให้เห็นนะครับ ถือโล่ ถือไม้ ถือกระบอง ดูซิครับพูดจา ผมไม่อยากจะใช้ถ้อยคำ เดี๋ยวจะหาว่าพูดจาหยาบคาย ถ่ายออกมาให้ดู โอ้โฮ มันไม่ไหวครับ บ้านเมืองไม่ได้เสียหายขนาดนั้น ไม่ได้มีใครเลวทรามต่ำช้าขนาดนั้น บ้านเมืองเป็นบ้านเมืองปกติ ผู้คนเขาชื่นชม ถามซิครับว่า งานที่จะแก้ตัวได้เร็วที่สุดทางเศรษฐกิจคืองานท่องเที่ยว กำลังพยายามทำทุกอย่าง แล้วถามใครทำลายการท่องเที่ยวครับ มีอย่างนี้ใครจะกล้าท่องเที่ยว ไม่ช้าไม่นานถ้ายืดเยื้อต่อไป ทัวร์ก็หดหมด พอถึงเดือนตุลาคมเปิดฤดูท่องเที่ยวใครจะกล้ามา ผมสงสารบรรดาทูตทั้งหลาย หน้าระเหี่ยกันเลยมาเจออย่างนี้เข้า แล้วถ่ายมาดูกลางคืน เมื่อคืนใกล้สองยาม เต้นแร้งเต้นกากันดีใจ ด่าทอหยาบคาย ถือโล่กันพร้อม ทำไมจะทำสงครามกับใคร จะล่อให้ใครไปทำอะไรกับใคร มันมีปัญหาอะไรในบ้านเมืองนี้หรอครับถึงขนาดจะต้องเตรียมตัวฟาดฟันกันอย่างนั้น แล้วมันอย่างไร มันเลวอย่างไรถึงจะขึ้นเวทีด่ากันไม่ยั้งอย่างนั้น

เอาละครับผมต้องการพูดให้รู้ไว้เท่านั้นเองเดี๋ยวจะว่าไม่บอกก่อน ผมจะบอกให้ฟัง ผมขอใช้เวลาวันนี้เพราะผมต้องการให้ทุกอย่างมันเป็นไปโดยเรียบร้อย ถ้าทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็ควรยุติ ถ้ายังอยากเปิดรายการคุณไปหาที่อื่นคุณจะอยู่สักปีถ้าอยู่ในขอบเขต ให้คนเขาเห็นว่า ถ้าคุณคิดจะทำอย่างนั้นยังเสียหายอยู่ แต่ก็เอาเถอะ แต่กลางถนนอย่างนี้ไม่ได้ครับ หน้าตาของรัฐบาลบ้านเมืองอยู่ที่ไหน ถนนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน คุณขวางทาง คำอธิบายของคนที่เป็นหัวโจกสำคัญ ฟังแล้วมันระคายหู ท่านทั้งหลายคงฟังที่เขาแถลงกันแล้ว สื่อสารมวลชนก็แหมยุติธรรมดี แถลงการณ์ทุกอย่างออกหมดเลยว่าอะไรต่ออะไร ใครจะเป็นอย่างไร ใครจะขึ้นจะลง เรื่องอย่างนี้มันต้องช่วยกันบ้างครับ มันต้องเห็นแก่บ้านเมืองบ้าง แล้วมันต้องนึกว่าอะไรถูกอะไรควร ผมไม่ได้มาห้ามปรามอะไร แต่ท่านทั้งหลายควรจะต้องนึกบ้าง เห็นแก่บ้านเมืองบ้าง สนุกกันประโคมกันออกข่าวเอิกเกริก ฝรั่งเดี๋ยวนี้ไม่ต้องดูไม่หาข่าวหรอกครับ ดูข่าวหนังสือพิมพ์อย่างไรก็แปลกันตามนั้นเลย มันก็เลยเอิกเกริกตามไปด้วย มันออกไปถึงนอกเมือง นอกโลก ตีกันวันนั้นปั๊บเดียวซีเอ็นเอ็นออกแล้ว ทั่วโลกเดี๋ยวนี้รายงานหมด แล้วถามดูซิครับว่า บ้านเมืองที่ผู้คนเขาชื่นชมแต่มีสถานการณ์อย่างนี้ เราอยากเป็นอย่างอิรัก อยากจะเป็นอย่างประเทศที่มันไล่ตีกันโครมๆ เดี๋ยวก็ระเบิดตูมตาม

สถานการณ์การบ้านเมืองมันค่อยยังชั่วขึ้น สถานการณ์ที่แก้กันไม่ตกนั้นบัดนี้ก็ค่อยดีขึ้น สถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ต้องยืนยันได้ว่าใครไปดูก็ค่อยดีขึ้น ปีนี้ผู้คนมาท่องเที่ยวมากขึ้น กลางคืนมีชีวิตชีวา เขาอวดศักดา เขาไม่พอใจเขาก็ตูมตามสักที แต่ทว่าสถานการณ์เอาอยู่เพียงแต่เราไม่ต้องการประกาศว่าชัยชนะอะไรอย่างไร สถานการณ์ ไม่ใช่ผมโผล่ไปดูทีเดียว แต่ผมประชุมที่นี่ครับ ผมรู้ว่าเขาทำอย่างไร ความเปลี่ยนแปลงเกิดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม แล้วก็เปลี่ยนแปลงมาเรื่อย 4 เดือนก่อนผมมาเขาเปลี่ยนแปลงแล้ว ผมมาร่วมด้วยอีก 3 เดือนหลัง 6-7 เดือน มีความเปลี่ยนแปลง เราสนับสนุนทุกอย่าง จะแก้ไขจะทำทุกอย่างไปประเทศนู้นไปประเทศนั้นเจรจาไปประเทศนี้เจรจา เราทำครับแต่ไม่ต้องการโฆษณาเพราะไม่ต้องการท้าทาย ผมวันนี้ก็ออกปากชมว่าสถานการณ์เรียบร้อยดีขึ้น ไปยิงปังๆ ตอนกำลังเลือกตั้ง แต่ว่าเราไปดู เราไปตรวจเขาทำถี่ถ้วน

ผมไปผมมาเล่าให้ฟัง ก็ยังมีการทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนเดิม ก็คนเขาอยากทำงานเขาไป เขาพิสูจน์ได้ เขาพิสูจน์แล้ว พิสูจน์ชัดเจนดำเนินการ ส่งให้ศาลศาลลงโทษ ลงโทษไปแล้วครับ ก็ฝ่ายหนึ่งอยากจะทำ ก็มันมีสำนักงาน ตำรวจก็มีสำนักงาน ทางฝ่ายยุติธรรมก็มีสำนักงาน ทางนี้ไปทำตำรวจดูคดีด้วยไม่ร่วมมือกัน ที่ดำเนินการไป ตำรวจทะเลาะกันอีกแล้วเรื่องดีเอ็นเอ ผมไปดูมาแล้วเขารายงานทั้งหมด อยู่กับที่เขาดูทุกช่องทุกทาง เขาไปตามเขาไปค้นเขาพิสูจน์ได้ น่าชื่นใจครับ แต่ปรากกว่า ทางฝ่ายพิสูจน์หลักฐานบอก ไม่ชอบเรื่องนี้ ไม่สนับสนุนเรื่องนี้ แล้วอย่างไรเขาจะแก้ไขปัญหา นี่แหละครับ พอเรารู้ปัญหาก็ต้องแก้ไข เรื่องโน้นเรื่องนี้ต่างๆ ผมดูทั้งนั้นแหละครับ เรื่องอย่างนี้ผมไปดูแม้กระทั่งทหารที่เขาเกณฑ์มา จะเข้าผลัด 1 จะเข้าผลัด 2 ในวันที่ 1 มิ.ย.จะเข้าผลัด 2 ผมไปดูให้มาบอกพี่น้องประชาชนว่า ลูกหลานเขาเป็นอย่างไร ตอนนี้เขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร 3 เดือนเขาทำให้คนเข้าไปให้เป็นทหารรักบ้านรักเมืองนี้ 3 เดือนออกไปประจำเหล่าทำอะไรได้

ไปเจอเข้า เขาซื้อข้าวกระสอบละ 1,400 ประทานโทษซื้อ 1,200 วันนี้จ่าย 2,400 จ่ายค่าข้าวเท่าตัวเลยเอาค่าข้าวไปบีบกับข้าว อันนี้ผมก็ต้องจัดการแก้ไข ผมต้องมีวิธีการว่าให้ซื้อที่ไหนซื้ออย่างไร จำนวนไม่มากเท่าไหร่แต่ต้องอนุเคราะห์ ที่ทำอะไรได้ก็ทำ หาหนทางได้ก็ทำ ผมไปผมเยี่ยมของผม เมื่อวานผมบอกไปเดินทำไมวะโบ๊เบ๊ อ้าวก็มีเรื่องกันนะครับ มีผู้ค้าตั้งเกือบพันคน กทม.จัดการจะกันโดยการทำสวนปิดบนถนนไม่ต้องการให้ขาย เสร็จแล้วก็มีสหกรณ์เกิดขึ้นมา มีสหกรณ์คนที่ดูแลสหกรณ์ก็ต้องเรียกผมไป นายกรัฐมนตรีไปช่วยดูซิว่าตกลงอย่างนี้แล้วทำไมยังไม่ได้ ถ้าผมไม่ไปโบ๊เบ๊ด้วยตัวเอง ผมไม่ไปสอบถามเองผมจะรู้ได้อย่างไร ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร เรื่องอย่างนี้ บ้านเมืองมีปัญหาเราก็ตามแก้ไข

แต่ว่าตั้งคณะ 5 คนขึ้นมาแล้วก็บอกว่าไม่พอใจ อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรยังไง พอหาสาเหตุว่ายื่นแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้นแหละครับ ท่านพี่น้องทั้งประเทศท่านโปรดฟังนะครับ สาเหตุของคนพวกนี้คือ ส.ส.ยื่นแก้รัฐธรรมนูญ แล้วเขาเป็นอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำไม ส.ส.ใช้สิทธิ์ ก็รัฐธรรมนูญเขียนไว้จะแก้ให้คนพวกนี้แก้ 1, 2, 3, 4 เขาอยู่ 1 ใน 4 เขายื่นขอแก้ แล้วทำไมครับหาเหตุออกมาประท้วง ฟังขึ้นไหมครับ ฟังไม่ขึ้น แต่เอาละครับจะชุมนุมก็เอา ยึดเอาที่ไหน ถนนราชดำเนินครึ่งนึงจากโรงเรียนสตรีวิทยถึงผ่านฟ้า บล็อกไว้เลยครับ รถจะติดบรรลัยวายวอดทำไมฉันจะชุมนุม จัดการคนไม่ได้ไล่ตีกันหัวล้างข้างแตก ยกขบวนมาจะมาล้อมทำเนียบตำรวจเขาต้องป้องกัน บอกความผิดของตำรวจ ไม่ใช่ความผิดของม็อบที่มาเลยครับ ม็อบทำถูกต้องเลยเพราะม็อบจะไปทำเนียบแต่ตำรวจมากันไว้ม็อบเลยต้องอยู่ตรงนี้ เป็นความผิดของตำรวจที่มากัน ฟังแล้วเป็นอย่างไรครับ มันข้างๆ คูๆ ไหมครับ เตรียมการกันที่ถ่านมาให้ดู น่ากลัวไหม ดูแล้วมันน่ากลัว ภาพมันออกไปทั่วโลก แต่มันอยู่หยิบมือนึงเท่านั้นแหละครับ

เพราะฉะนั้นขอย้ำนะครับ ผมใช้เวลาเกือบครบชั่วโมงแล้ว มาพูดวันนี้เพื่อจะบอก 1. ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เป็นเจ้าของประเทศ 60 กว่าล้านคน 63 ล้านคน ฟังผมวันนี้ ท่านต้องอยู่ในความสงบ สบายใจไม่มีปัญหาอะไรอื่น แต่ว่าสำหรับคนที่ไปร่วมอยู่กับเขา ท่านจะกลับไปตอนนี้ ใครเป็นญาติพี่น้องก็บอกด้วย มันไม่มีเหตุผลจะไปร่วมกับคนพวกนี้ ถ้ายังอยากจะด่าทอไปหาที่ ไปจัดการหาที่อยู่ตรงนี้ไม่ได้ ผมย้ำเป็นครั้งที่ 3 ว่า ผมได้ดำเนินการเตรียมการไว้พร้อมแล้วทั้งตำรวจ ทั้งทหาร ถ้ายังดื้อรั้นจะทำอย่างไร ถามโล่ที่จะทำ สู้กับใคร จะรบกับใครครับ แล้วเป้าหมายอยู่ที่ใคร อยากให้ใครมาเป็นหัวหน้าปฏิวัติยึดอำนาจบ้านเมือง ทำได้ไหมครับเวลานี้ สถานการณ์ไม่มี รัฐบาลกับฝ่ายความมั่นคงก็เข้าใจกันดี ตำรวจก็ทำหน้าที่ แล้วงานของบ้านเมืองเราก็กำลังดำเนินไป สิทธิเสรีภาพในการดุด่าว่ากล่าวทำกันซิครับ เขียนไปผมก็อดทน ฝ่ายค้านจะอบรมผมอย่างไรผมก็รับฟังดี เรื่องนี้ดีผมก็เอามาช่วยแก้ไข เรื่องไม่ดีผมก็หัวเราะนิดหน่อย ก็ธรรมดา

ขอได้โปรดได้เข้าใจนะครับว่า รายการนี้ไม่ได้มาท้าตีท้าต่อย แต่มีหน้าที่ต้องมาบอกให้รู้ก่อน ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้รู้ว่า สถานการณ์บ้านเมืองนี้เอาอยู่ครับ และเรื่องอย่างนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผมมีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบ และเพื่อความเป็นธรรม บอกให้รู้ซะก่อน ไม่มีการดุด่าอะไรหรอกครับ แต่ว่าตำรวจเขาจะต้องทำตามหน้าที่ คุณต้องรื้อของคุณออกด้วยตัวคุณเองก่อน ถ้าคุณไม่รื้อตำรวจจะรื้อ ขอให้รู้นะครับว่า พูดอย่างนี้เพื่อให้คนทั้งประเทศรู้ว่า เราเป็นรัฐบาล ผมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ผมรับผิดชอบเรื่องนี้ และผมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ตำรวจ และทหารทำ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีนะครับไม่ใช่ ใครที่ไหนอื่น และโปรดอย่ามาชี้หน้าด่าผม ว่า เป็นรัฐบาลหุ่น ไม่ละครับ ผมเป็นรัฐบาลผมไม่อยากใช้ถ้อยคำนี้ แต่ว่า ตามสำนวนของราชการ เขาใช้ว่า รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ผมจะทำหน้าที่ของผม ไม่คิดว่า จะต้องอ้างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน

แต่สุดท้ายนี้ ถ้าไม่บอกให้รู้ไว้ จะได้รู้ว่ารัฐบาลนี้มาด้วยความถูกต้อง ผมจะทำหน้าที่ของผม ท่านโปรดพิจารณาให้ดีนะ คงเท่านี้ละครับ ครบเวลา 1 ชั่วโมงพอดี ขอบคุณท่านพี่น้องทั้งประเทศที่นั่งฟังอยู่ ขอยืนยันว่า ทุกอย่างเรียบร้อย และจะไม่มีปัญหา และอย่าได้วิตก ผมจะทำหน้าที่ของผม สวัสดีนะครับ ลาก่อน แล้วพรุ่งนี้เจอกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น