พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และแต่งตั้ง นายวิชาญ มีนชัยนันท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
สมัครกระเตงเจ๊เพ็ญ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการ ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของ ีนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า พูดไป 3-4 หนแล้ว ถ้าจะมีอะไร นายจักรภพจะแสดงของเขาเอง ไม่ใช่ตน แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยื่นมาว่านายจักรภพไม่จงรักภักดี พอตนฟังแล้วให้ออก รุ่งขึ้นมีมาอีกมากันทั้ง 35 คนไม่หมดหรอ
“ถ้าเชื่อพรรคประชาธิปัตย์เอาหลักฐานอะไรมา เถียงกันเรื่องคำแปล เวลานี้ตำรวจก็มีคำแปล อัยการก็รออยู่ทำไมไม่ดำเนินการตามมาตรฐาน ทำไมความจงรักภักดีถึงจะเร่งเอาหน้าเอาตากันแบบนี้ ทำไมคนอย่างผม ซึ่งเป็นคนจงรักภักดีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินถึงทำแบบนี้ได้ ความจงรักภัดดีต้องแสดงว่า เราไม่ได้คิดเฉไฉไปอย่างอื่น
นายสมัคร กล่าวว่า ที่ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดตนต้องขอบคุณแต่ไม่มีใครฟัง ท่านบอกอย่าไปเอาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมา คนที่กำลังจะทำนายจักรภพ ควรนึกถึง พล.อ.สุรยุทธพูดบ้างไม่ใช่เอาหน้าเอาตา แสดงความจงรักภักดีแล้วไปเหยียบย้ำคนอื่น ตนเองที่ทำก็แน่ใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง แน่ใจว่าต้องพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ใช่ให้ใครมากล่าวหา หากนายจักรภพไม่มาเป็นรัฐมนตรี นายจักรภพก็ยังจงรักภักดีอยู่ เพราะสิ่งที่พูดไว้ไม่มีใครจับมาทำอะไร พอมาเป็นรัฐมนตรีไปกระทบกระทั่งฝ่ายสื่อสารมวลชน ก็เริ่มตำหนิติเตียนเพราะไม่ชอบนายจักภรพ พูดจาไม่ถูกหูฝ่ายสื่อสารมวลชน
ผมบอกแล้วจักรภพไปเหยียบหางใครเข้าถึงได้โดนอย่างนี้ ให้ตำรวจคนหนึ่ง ไปแจ้งความดำเนินคดี ก็เอาซิ ให้ไปโรงพัก ตำรวจต้องสอบ ถ้าตำรวจบอกผิด ก็ดำเนินคดีไป ถ้าไม่ผิดก็ไม่ผิด ถ้าส่งให้อัยการรับเขาก็ต้องออก
ส่วนกรณีที่นางอรอนงค์ เปรมะสกุล ที่ปรึกษานายจักรภพ เพ็ญแข เสนอความเห็นให้นายจักรภพ จัดทำสารคดีลิมพระเกียรตินั้น นายสมัคร กล่าวว่า ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้เป็นการแดกดันใช่หรือไม่
ไฟเขียวตำรวจจัดการเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่หรือไม่ ในเรื่องนี้ นายสมัคร กล่าวว่า เต็มที่เลย ตนจะประกาศด้วย จะไปบอกตำรวจ คนดำเนินคดีไปเรียกนายจักรภพมาสอบให้เสร็จเรียบร้อย จะให้ประกันตัวก็ให้ประกันรู้แล้วรู้รอดไปจะได้หยุดกันเสียทีเรื่องแบบนี้
องคมนตรีออกปากอย่าเอาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมาทำพรรค์นี้กัน ก็ทำกันแบบชนิดไม่อับอายกันเลย หาดิบหาดีกันเอาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยรับสั่งแล้วว่า พูดเรื่องนี้เดือดร้อน หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อไหร่เดือดร้อนเมื่อนั้น เดี๋ยวนี้เล่นกันสนุกใหญ่ นี่เคราะห์ดีที่นายกรัฐมนตรีเป็นใครยังไงรู้อยู่ แต่จะเอากันให้ได้อีกเอาเรื่องจักรภพมา หมดจักรภพแล้ว มีใครอีก ขุดกันไม่หยุด จะเอากันให้ได้ แปลว่ามีคนต้องการให้รัฐบาลชุดนี้มันพ้นไปเสียเรื่องชิมไปบ่นไปถ้ากกต.เห็นว่าร้ายกาจบ้านเมืองจะบรรลัยวายวอดเพราะไปทำรายการบ้านี่ ก็ต้องออกจากการเป็นนายกฯ ถ้าท่านเห็นว่าพอได้แล้วทำงานต่อไปก็เท่านั้น
ส่วนกระแสข่าวที่ว่านายจักรภพ จะลาออกจากตำแหน่งได้ยืนยันกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เอากระแสข่าวมาจากไหน เขาส่งจดหมายมา ก็เห็นไม่ใช่หรือ แต่ตนไม่ยืนยันอะไรแต่จะไปบอกตำรวจให้จัดการเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
นายสมัคร ยังกล่าวปฏิเสธที่จะวิพากวิจารณ์ถึงผลสำรวจเอเบคโพลล์ ในเรื่องการปรับครม. โดยว่าเป็นคนตำหนิโพลนี้ไปเองโดยใช้ถ้อยคำไป ก็ถูกว่าว่า พูดจาหยาบคายแล้วจะมาออกความเห็นเรื่องนี้ทำไม ไม่ออกความเห็นหรอก
ลงนามปลดเสรีพิศุทธิ์พ้นเก้าอี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวศ พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วหารือยัง นายสมัคร กล่าวว่า พรุ่งนี้ คอยดูข่าวหนังสือพิมพ์ ก็แล้วกัน ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าลงนามเรียบร้อยแล้ว ใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า คงอย่างนั้นมั๊ง เมื่อถามว่า ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะนำขึ้นทูลเกล้าเลยหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า บอกแล้วว่าจะทำภายหลัง
จักรภพทำอะไรไม่ถูกต้องรับผิดชอบ
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนไม่ห่วงเรื่องนายจักรภพ เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำอะไรคงจะมีวิจารณญาณ อย่างที่เรียน ถ้าใครทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องรับผิดชอบ เมื่อนายจักรภพ บอกว่ามีหลักฐาน ข้อมูล ก็ต้องให้พิสูจน์ตนเอง และถ้าหากนายจักรภพ ออกก็ตั้งคนใหม่ ไม่มีปัญหา เสียงมีอยู่ในสภาอยู่แล้ว
ส่วนที่นางอรอนงค์ เปรมะสกุล ที่ปรึกษานายจักรภพ แนะนำให้ทำสารคดี เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดแรง เสียดทานนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ต้องไปถามนายจักรภพ ตนไม่ทราบวิธีการ เวลานี้ไม่ได้ห่วง ในทางธรรมะบอกว่า การทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุ หากจะจบก็ว่ากันไป เราเป็น ส.ส. เป็นรัฐบาล อยู่ที่วิจารณญาณของประชาชน ฉะนั้นอย่าไปกังวลเรื่องอื่น ทุกคนทำงานให้เต็มที่ ดีที่สุด ทำด้วยความทุ่มเท เสียสละ สุจริต โปร่งใส เมื่อทำอย่างนี้แล้วก็ไม่ห่วงอะไร
สาทิตยปูดใช้สื่อฟอกผิดเจ๊เพ็ญ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นางอรอนงค์ เปรมะสกุล ที่ปรึกษานายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทำบันทึกถึงนายจักรภพ ให้ทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฏราชกุมาร เพื่อเป็นการสยบข่าวโจมตี ซึ่งนายจักรภพ เห็นชอบตามที่เสนอว่า เรารอดูว่าหลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กลับจากการเยือนประเทศฟิลิปปินส์ จะดำเนินการกรณีของนายจักรภพให้เด็ดขาดอย่างไร แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นายจักรภพต้องไม่หลอกตัวเองว่า สิ่งที่พูด คิด และทำไปนั้น เป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน
นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นห่วง คือ กำลังมีความพยายามที่จะใช้กลไกของรัฐที่นายจักรภพ กำกับอยู่มาฟอกความผิดให้กับตัวเอง โดยเรามีเบาะแสที่ชี้ว่า มีการกระทำเช่นนี้ และกำลังรอดูผลที่เกิดขึ้นว่าจะกล้าทำจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าทำแล้ว ก็ต้องดำเนินการอย่างแน่นอน
ส่วนข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายจักรภพ ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญนี้นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ต้องดูความคลี่คลายของ สถานการณ์จากวันนี้ไปจนกระทั่งเปิดประชุมสมัยวิสามัญว่า จะเปิดประชุมเมื่อใด มีเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือ มีเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง และนายจักรภพเองจะสำนึกในความผิดของตัวเองแล้วตัดสินใจใดๆทางการเมืองหรือไม่ รวมถึงนายกฯ จะตัดสินใจปรับนายจักรภพ ออกจากครม.หรือไม่
เผยจะมีคนกล่าวโทษถึงผบ.เหล่าทัพ
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกระทำความผิดของ นายจักรภพ ต่างกรรมต่างวาระ โดย 1. นอกเหนือจากที่ถูกกล่าวหาว่า หมิ่นสถาบันแล้ว 2. ยังส่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) ที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย กระด้างกระเดื่องต่อสถาบัน
อย่างไรก็ตาม จะรอดูการแถลงข่าวของนายจักรภพ ในวันจันทร์ที่ 26 พ.ค.นี้ว่า จะมีท่าทีอย่างไร มีความมุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบอย่างไร หากยังไม่มีความรับผิดชอบ ก็จะมีคนทำหนังสือถึง สน.พหลโยธิน ซึ่งเป็นสน.ที่กำลังดำเนินการตรวจสอบคดีนายจักรภพอยู่ นอกจากนั้น เอกสารกล่าวโทษจะถึงมือผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ ในฐานะที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
นายถาวร ยังกล่าวถึงกรณี พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. ออกมา แสดงความเห็นแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว จึงขอถามว่า พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ มีอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นใหญ่ ได้มีการช่วยเหลือกันในคดีทุจริตบ้างหรือไม่ และผบ.ทร. เคยคิดถึงวันที่เคยปฏิญาณ ตนต่อธงชัยเฉลิมพลมา เมื่อครั้งรับตำแหน่งบ้างหรือไม่ การมีทัศนคติแบบนายจักรภพ ที่เป็นบุคคลอันตราย ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยเช่นนี้ ต้องให้ฝ่ายบ้านเมือง ที่รักษาความสงบเรียบร้อย และรักษากฎหมายดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ และเฉียบขาดมิฉะนั้นจะเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะกระทำของนายจักรภพ นั้นถือว่าสำเร็จแล้ว
นปก.จัดงานแซยิดวีระ
วันเดียวกันเวลา17.00 น. ที่ห้องแกรนด์ ไดมอน บอลลูม อาคารคอนเวชั่น อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี มีการจัดงาน คือเรื่องราวของชาวระโนด มี ไผ่ นา โหนดและไข่มุกดำ เพื่อฉลองวันเกิดครบ 60 ปีของนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) โดยผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นอดีต แกนนำนปก. ที่ปัจจุบันมีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาล อาทิ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน นอกจากนี้ยังมีอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เช่น นายอดิศร เพียงเกษ นายเอกพร รักความสุข นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายภิญโญ ช่วยปลอด นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อดีตส.ว. นพ.เหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาภิชัย แกนนำคปพร. เข้าร่วม โดยมีนายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงานครั้งนี้
โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก บริเวณหน้างานมีการจัดงานในบรรยากาศแบบชาวใต้ โดยมีการจัดโรงหนังตะลุง โต๊ะกาแฟ ซุ้มไก่ชน โต๊ะปลากัดและเปิดเพลงบอกของศิลปินพื้นบ้าน รวมทั้งภาพนิทรรศการประวัติชีวิตของ นายวีระ และขายหนังสืออัตชีวประวัติของนายวีระชื่อ ชีวิตเพื่อประชาธิปไตย คน4 คุก ไข่มุกดำ วีระ มุกสิกพงษ์ ในราคาเล่มละ 300 บาท ส่วนห้องแกรนด์ไดมอน บอลลูมนั้น ได้จัดโต๊ะจีนกว่า 200 โต๊ะ สำหรับเลี้ยงอาหารประชาชนที่มาร่วมงานกว่า 2,000 คน
วีระบอกเจ๊เพ็ญถูกการเมืองเล่นงาน
นายวีระ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจักรภพ ถูกโจมตีเรื่องหมิ่นสถาบันว่า นายจักรภพ ยืนยันว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ดังนั้นจึงต้องใจเย็นๆ ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งพวกเล่นการเมืองสกปรกก็มักจะใช้วิธีการแบบนี้และต่อไปไม่อยากให้มีใครบังอาจดึงเอาสถาบันเบื้องสูงลงมาเล่นการเมืองอีก แต่ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไร เพราะเชื่อว่านายจักรภพบริสุทธิ์ เนื่องจากตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมากับตนสามารถรับรองให้นายจักรภพได้ว่าไม่เคยคิดก้าวล่วงสถาบันแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ได้พูดคุยบ้างในเรื่องการตั้งมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย เพราะอยากทำงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งตนได้บอกพ.ต.ท.ทักษิณ ไปว่าตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามมองว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งนั้น อย่างเรื่องกีฬา หรืองานมูลนิธิที่เน้นด้านการกุศล แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังมองว่าเป็นการเมือง
สำหรับอนาคตทางการเมืองนายวีระกล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่ในสภาฯมานับ 10 ปี หากอนาคตจะให้ตนเป็น ส.ส.หรือไม่เป็นก็ได้ทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นนักการเมืองแต่ก็จะไม่หยุดที่จะทำหน้าที่นักการเมือง
จักรภพแย้มจะชัดเจน26 พ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายบงานว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเดินทางมาถึงอิมแพค เมืองทองธานี ในเวลา19.30 น.ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางเสียงตะโกนเชียร์ว่าจักรภพสู้ๆ โดยนายจักรภพยกมือไหว้บรรดากองเชียร์ และกล่าวกับสื่อมวลชนเพียงว่า ทุกอย่างจะมีความชัดเจนในวันที่26พ.ค. เวลา14.00น. รวมทั้งเรื่องการตัดสินใจว่าจะลาออกหรือไม่ด้วย เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าจะตัดสินใจลาออกในวันที่26พ.ค.ใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ทุกอย่างจะชัดเจนในวันที่26พ.ค.
จากนั้นนายจักรภพ ได้เดินเข้าไปภายในงาน ระหว่างทางก็มีบรรดาประชาชนตะโกนเชียร์เป็นระยะว่า สู้ สู้ ขณะที่บางคนก็บอกว่า อย่าลาออก
นายจักรภพได้นั่งติดกับนายวีระ พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์กรณีที่ที่ปรึกษาส่วนตัวได้ทำหนังสือเสนอให้นายจักรภพ นำสารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกัน เรื่องนี้เป็นนโยบายที่มีอยู่ในใจมานานแล้ว เมื่อถามว่า ได้มีการขอคำแนะนำนจากใครบ้างหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ผมมีครูการเมืองหลายคน เหตุที่ต้องคุยกับครูหลายคนเพราะระยะนี้รู้สึกกสนุกกับการเล่นการเมือง แต่ทุกอย่างจะชัดเจนในวันที่ 26 พ.ค.เวลา14.00น.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจอะไรเลย เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่ลาออก นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่มีการยืนยันทางใดทั้งสิ้นขอให้ไปรอในวันจันทร์อย่างเดียว และขอเชิญนักข่าวไปนั่งให้เต็มขอให้จองที่ไว้ก่อนด้วย
ส่วนจะมีการแถลงประเด็นอะไรบ้างนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า แถลงประเด็นที่ถูกกล่าวหา เพราะในฐานะที่เป็นพสกนิกรทุกคนเดือดร้อนใจทั้งนั้น เรื่องแบบนี้ไม่อธิบายไม่ชี้แจงไม่ได้ ซึ่งในการชี้แจงจะต้องสมบูรณ์และต้องรู้เลยว่า ใครที่พยามยามทำอะไรอยู่กับบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ของนายจักรภพ บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้พยามร้องขอสื่อมวลชนเพื่อขอให้ยุติการให้สัมภาษณ์พร้อมกับแสดงอาการไม่พอใจและพยายามกันไม่ให้มีการสัมภาษณ์โดยมีการบอกับสื่อมวลชนเป็นระยะๆว่า พอแล้ว โดยช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์นายจตุพร ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของนายจักรภพ ได้เข้ามากระซิบนายจักรภพและพูดคุยบางอย่างกับนายจักรภพ จากนั้นนายจักรภพดก็ยุติการให้สัมภาษณ์
วีระอ้างมีขบวนการโค้นล้มรัฐบาล
ต่อมาเวลา19.45 น. นายวีระได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า งานนี้ประหลาดไม่มีการ์ดเชิญ มีแต่ประกาศว่าตนอาย ุ60 ปีแล้ว และน้องๆได้จัดงานปลอบขวัญตนเพราะถือไม้เท้าแล้วจะเกษียณตัวเอง แต่ปรากฏว่าวันนี้บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้ อิทธิพลของสื่อที่ประโคมงานนี้ ส่วนใหญ่ที่มาในวันนี้เห็นหน้าแล้วจำได้เพราะไปปักหลักยึดสนามหลวงเป็นภูมิลำเนาเกินสามเดือน ความจริงบางคนอยากให้ไปจัดงานที่สนามหลวง และตนก็ว่างมาหลายเดือนก็คึกอยู่ แต่พิจารณาแล้วรัฐบาลนี้เป็นของเราแล้วจะไปทำไม
นายวีระกล่าวว่า ทั้งหมดในวันนี้เป็นโอกาสที่ตนจะพบและพูดอีกครั้งในรอบปีกับผู้ร่วมมอุดมการณ์ว่า ตอนนี้บ้านเมืองเป็นอะไรไป ผู้คนไม่ไว้วางใจกันและกัน กติกาก็ไม่ยึดถือ เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นนี้คาใจตนมากเพราะมีบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่าส.ส.และส.ว.,ประชาชนเข้าชื่อแก้ไขได้ หรือครม.มีมติ ก็เสนอแก้ไขได้ และเมื่อยื่นญัตติไปแล้ว บางกลุ่มประกาศต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ โดยใช้คำว่าชุมนุมต่อต้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ความหมายของล้มล้างกับแก้ไขมันแตกต่างกันลึกลับ เพราะล้มล้างต้องมีรถถัง ปืนกล และกองกำลัง การลงชื่อนั้นไม่อาจพูดได้ว่าล้มล้าง แต่สื่อมวลชนก็นำไปใช้
นายวีระกล่าวว่า แม้แต่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่เคยเคารพกันก็พูดทันทีว่า ไม่เห็นด้วยว่าส.ส.ทำไม่ได้และทำผิด สมควรถอดถอน ตนงงไปหมดว่า พล.ต.จำลองใช้หลักใด และก่อนหน้านี้ก็มีการพูดว่าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ หากไม่ทำไม่ได้ และนายสมัครก็บอกว่าจะทำประชามติ เท่านั้นแหละก็มีคนโวยวายทันทีว่าไม่เอา สิ้นเปลืองงบประมาณ ตนก็ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไร ต่อมาก็เรื่องของนายจักรภพ เพ็ญแข หากไม่พูดเรื่องนี้จะเสียยี่ห้อของตน เพราะเรื่องคับอกคับใจมันต้องพูดให้ชัด เพราะตนมีประสบการณ์เรื่องมาก่อน รู้รสชาติ และตนเคยโดนหนักกว่านี้หลายเท่า เพราะมันคือเรื่องอิจฉา ต้องการโค่นล้มรัฐบาล เพราะฝ่ายต่างๆ ที่ลงเลือกตั้งที่โกง ใช้อิทธิพลแพ้เลือกตั้ง จึงผูกพยาบาท ใช้ช่องทางกฎหมายต่างๆ ถอดถอน แม้แต่รายการชิมไปบ่นไปของนายสมัครก็จะถอดถอนจากการเป็นนายกฯ
นายวีระกล่าวว่า แต่นายจักรภพไม่มีเหตุอื่นๆถอดถอน เว้นแต่เรื่องจัดระเบียบกรมประชาสัมพันธ์ที่ไปรื้อผลประโยชน์ของบางคน และจึงใช้เรื่องปาฐกถาสองแห่งมาถอดถอนโดยอ้างว่ากระทบกระเทือนสถาบันเบื้องสูง โดยไม่ใช้คำว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในการกล่าวหา แล้วแบบนี้มันแสดงว่าอย่างไร แสดงว่าไม่หมิ่นฯใช่ไหม
สุดท้ายเรื่องนี้คือการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ส่งหนังสือให้นายสมัครจัดการนายจักรภพข้อหาทัศนคติอันตราย โธ่!ไอ้เวร พรรคฝ่ายค้าน เคยเสนอเรื่อง มาตรา 7 จนพระประมุขทรงมีรับสั่งว่า มาตรา 7 ใช้ไม่ได้นั้น ทัศนคติแบบนั้นของพรรคฝ่ายค้านเป็นเรื่องอันตรายหรือไม่
นายวีระกล่าวว่า หนทางแก้ไขเรื่องนี้โดยไม่ต้องมีการรัฐประหารนั่นคือ ให้ตำรวจจัดการ หากส่งอัยการแล้วส่งฟ้องศาลนั้น นายจักรภพลาออกแน่นอน แต่ตอนนี้ตำรวจก็กลับไปกลับมา คนไทยขาดสติกันมาก ถึงเวลาจะบ้าก็บ้าไปสักพัก
เรื่องนี้เขย่ารัฐบาลไม่ล้มหรอก จะฟันนายจักรภพให้กระเด็นจากเก้าอี้นั้น ไม่มีทาง ผมพูดโดยอิงกฎหมาย พวกเราต้องตั้งในสติเพราะตอนนี้มีการท้าทายและบางคนอาจทนไม่ได้ ก็ขอใช้โอกาสนี้ว่า ใครจะชุมนุมก็ปล่อยไปตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ เราไม่ต้องยุ่ง และเราจะไม่ทำ และการชุมนุมบนพื้นฐานความเท็จจะอยู่ได้ไม่ตลอด และการชุมนุมนั้นไม่กระเทือนรัฐบาลเพราะหัวข้อต่างๆนั้นโกหก หากมีการปฏิวัติขึ้นมาอีกก็ต้องสู้กันอีกรอบ ไม่ต้องห่วงแล้วลูกเต้าก็โตแล้ว
สมัครกระเตงเจ๊เพ็ญ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการ ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของ ีนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า พูดไป 3-4 หนแล้ว ถ้าจะมีอะไร นายจักรภพจะแสดงของเขาเอง ไม่ใช่ตน แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยื่นมาว่านายจักรภพไม่จงรักภักดี พอตนฟังแล้วให้ออก รุ่งขึ้นมีมาอีกมากันทั้ง 35 คนไม่หมดหรอ
“ถ้าเชื่อพรรคประชาธิปัตย์เอาหลักฐานอะไรมา เถียงกันเรื่องคำแปล เวลานี้ตำรวจก็มีคำแปล อัยการก็รออยู่ทำไมไม่ดำเนินการตามมาตรฐาน ทำไมความจงรักภักดีถึงจะเร่งเอาหน้าเอาตากันแบบนี้ ทำไมคนอย่างผม ซึ่งเป็นคนจงรักภักดีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินถึงทำแบบนี้ได้ ความจงรักภัดดีต้องแสดงว่า เราไม่ได้คิดเฉไฉไปอย่างอื่น
นายสมัคร กล่าวว่า ที่ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดตนต้องขอบคุณแต่ไม่มีใครฟัง ท่านบอกอย่าไปเอาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมา คนที่กำลังจะทำนายจักรภพ ควรนึกถึง พล.อ.สุรยุทธพูดบ้างไม่ใช่เอาหน้าเอาตา แสดงความจงรักภักดีแล้วไปเหยียบย้ำคนอื่น ตนเองที่ทำก็แน่ใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง แน่ใจว่าต้องพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ใช่ให้ใครมากล่าวหา หากนายจักรภพไม่มาเป็นรัฐมนตรี นายจักรภพก็ยังจงรักภักดีอยู่ เพราะสิ่งที่พูดไว้ไม่มีใครจับมาทำอะไร พอมาเป็นรัฐมนตรีไปกระทบกระทั่งฝ่ายสื่อสารมวลชน ก็เริ่มตำหนิติเตียนเพราะไม่ชอบนายจักภรพ พูดจาไม่ถูกหูฝ่ายสื่อสารมวลชน
ผมบอกแล้วจักรภพไปเหยียบหางใครเข้าถึงได้โดนอย่างนี้ ให้ตำรวจคนหนึ่ง ไปแจ้งความดำเนินคดี ก็เอาซิ ให้ไปโรงพัก ตำรวจต้องสอบ ถ้าตำรวจบอกผิด ก็ดำเนินคดีไป ถ้าไม่ผิดก็ไม่ผิด ถ้าส่งให้อัยการรับเขาก็ต้องออก
ส่วนกรณีที่นางอรอนงค์ เปรมะสกุล ที่ปรึกษานายจักรภพ เพ็ญแข เสนอความเห็นให้นายจักรภพ จัดทำสารคดีลิมพระเกียรตินั้น นายสมัคร กล่าวว่า ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้เป็นการแดกดันใช่หรือไม่
ไฟเขียวตำรวจจัดการเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่หรือไม่ ในเรื่องนี้ นายสมัคร กล่าวว่า เต็มที่เลย ตนจะประกาศด้วย จะไปบอกตำรวจ คนดำเนินคดีไปเรียกนายจักรภพมาสอบให้เสร็จเรียบร้อย จะให้ประกันตัวก็ให้ประกันรู้แล้วรู้รอดไปจะได้หยุดกันเสียทีเรื่องแบบนี้
องคมนตรีออกปากอย่าเอาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมาทำพรรค์นี้กัน ก็ทำกันแบบชนิดไม่อับอายกันเลย หาดิบหาดีกันเอาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยรับสั่งแล้วว่า พูดเรื่องนี้เดือดร้อน หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อไหร่เดือดร้อนเมื่อนั้น เดี๋ยวนี้เล่นกันสนุกใหญ่ นี่เคราะห์ดีที่นายกรัฐมนตรีเป็นใครยังไงรู้อยู่ แต่จะเอากันให้ได้อีกเอาเรื่องจักรภพมา หมดจักรภพแล้ว มีใครอีก ขุดกันไม่หยุด จะเอากันให้ได้ แปลว่ามีคนต้องการให้รัฐบาลชุดนี้มันพ้นไปเสียเรื่องชิมไปบ่นไปถ้ากกต.เห็นว่าร้ายกาจบ้านเมืองจะบรรลัยวายวอดเพราะไปทำรายการบ้านี่ ก็ต้องออกจากการเป็นนายกฯ ถ้าท่านเห็นว่าพอได้แล้วทำงานต่อไปก็เท่านั้น
ส่วนกระแสข่าวที่ว่านายจักรภพ จะลาออกจากตำแหน่งได้ยืนยันกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เอากระแสข่าวมาจากไหน เขาส่งจดหมายมา ก็เห็นไม่ใช่หรือ แต่ตนไม่ยืนยันอะไรแต่จะไปบอกตำรวจให้จัดการเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
นายสมัคร ยังกล่าวปฏิเสธที่จะวิพากวิจารณ์ถึงผลสำรวจเอเบคโพลล์ ในเรื่องการปรับครม. โดยว่าเป็นคนตำหนิโพลนี้ไปเองโดยใช้ถ้อยคำไป ก็ถูกว่าว่า พูดจาหยาบคายแล้วจะมาออกความเห็นเรื่องนี้ทำไม ไม่ออกความเห็นหรอก
ลงนามปลดเสรีพิศุทธิ์พ้นเก้าอี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวศ พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วหารือยัง นายสมัคร กล่าวว่า พรุ่งนี้ คอยดูข่าวหนังสือพิมพ์ ก็แล้วกัน ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าลงนามเรียบร้อยแล้ว ใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า คงอย่างนั้นมั๊ง เมื่อถามว่า ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะนำขึ้นทูลเกล้าเลยหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า บอกแล้วว่าจะทำภายหลัง
จักรภพทำอะไรไม่ถูกต้องรับผิดชอบ
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนไม่ห่วงเรื่องนายจักรภพ เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำอะไรคงจะมีวิจารณญาณ อย่างที่เรียน ถ้าใครทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องรับผิดชอบ เมื่อนายจักรภพ บอกว่ามีหลักฐาน ข้อมูล ก็ต้องให้พิสูจน์ตนเอง และถ้าหากนายจักรภพ ออกก็ตั้งคนใหม่ ไม่มีปัญหา เสียงมีอยู่ในสภาอยู่แล้ว
ส่วนที่นางอรอนงค์ เปรมะสกุล ที่ปรึกษานายจักรภพ แนะนำให้ทำสารคดี เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดแรง เสียดทานนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ต้องไปถามนายจักรภพ ตนไม่ทราบวิธีการ เวลานี้ไม่ได้ห่วง ในทางธรรมะบอกว่า การทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุ หากจะจบก็ว่ากันไป เราเป็น ส.ส. เป็นรัฐบาล อยู่ที่วิจารณญาณของประชาชน ฉะนั้นอย่าไปกังวลเรื่องอื่น ทุกคนทำงานให้เต็มที่ ดีที่สุด ทำด้วยความทุ่มเท เสียสละ สุจริต โปร่งใส เมื่อทำอย่างนี้แล้วก็ไม่ห่วงอะไร
สาทิตยปูดใช้สื่อฟอกผิดเจ๊เพ็ญ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นางอรอนงค์ เปรมะสกุล ที่ปรึกษานายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทำบันทึกถึงนายจักรภพ ให้ทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฏราชกุมาร เพื่อเป็นการสยบข่าวโจมตี ซึ่งนายจักรภพ เห็นชอบตามที่เสนอว่า เรารอดูว่าหลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กลับจากการเยือนประเทศฟิลิปปินส์ จะดำเนินการกรณีของนายจักรภพให้เด็ดขาดอย่างไร แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นายจักรภพต้องไม่หลอกตัวเองว่า สิ่งที่พูด คิด และทำไปนั้น เป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน
นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นห่วง คือ กำลังมีความพยายามที่จะใช้กลไกของรัฐที่นายจักรภพ กำกับอยู่มาฟอกความผิดให้กับตัวเอง โดยเรามีเบาะแสที่ชี้ว่า มีการกระทำเช่นนี้ และกำลังรอดูผลที่เกิดขึ้นว่าจะกล้าทำจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าทำแล้ว ก็ต้องดำเนินการอย่างแน่นอน
ส่วนข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายจักรภพ ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญนี้นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ต้องดูความคลี่คลายของ สถานการณ์จากวันนี้ไปจนกระทั่งเปิดประชุมสมัยวิสามัญว่า จะเปิดประชุมเมื่อใด มีเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือ มีเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง และนายจักรภพเองจะสำนึกในความผิดของตัวเองแล้วตัดสินใจใดๆทางการเมืองหรือไม่ รวมถึงนายกฯ จะตัดสินใจปรับนายจักรภพ ออกจากครม.หรือไม่
เผยจะมีคนกล่าวโทษถึงผบ.เหล่าทัพ
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกระทำความผิดของ นายจักรภพ ต่างกรรมต่างวาระ โดย 1. นอกเหนือจากที่ถูกกล่าวหาว่า หมิ่นสถาบันแล้ว 2. ยังส่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) ที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย กระด้างกระเดื่องต่อสถาบัน
อย่างไรก็ตาม จะรอดูการแถลงข่าวของนายจักรภพ ในวันจันทร์ที่ 26 พ.ค.นี้ว่า จะมีท่าทีอย่างไร มีความมุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบอย่างไร หากยังไม่มีความรับผิดชอบ ก็จะมีคนทำหนังสือถึง สน.พหลโยธิน ซึ่งเป็นสน.ที่กำลังดำเนินการตรวจสอบคดีนายจักรภพอยู่ นอกจากนั้น เอกสารกล่าวโทษจะถึงมือผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ ในฐานะที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
นายถาวร ยังกล่าวถึงกรณี พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. ออกมา แสดงความเห็นแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว จึงขอถามว่า พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ มีอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นใหญ่ ได้มีการช่วยเหลือกันในคดีทุจริตบ้างหรือไม่ และผบ.ทร. เคยคิดถึงวันที่เคยปฏิญาณ ตนต่อธงชัยเฉลิมพลมา เมื่อครั้งรับตำแหน่งบ้างหรือไม่ การมีทัศนคติแบบนายจักรภพ ที่เป็นบุคคลอันตราย ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยเช่นนี้ ต้องให้ฝ่ายบ้านเมือง ที่รักษาความสงบเรียบร้อย และรักษากฎหมายดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ และเฉียบขาดมิฉะนั้นจะเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะกระทำของนายจักรภพ นั้นถือว่าสำเร็จแล้ว
นปก.จัดงานแซยิดวีระ
วันเดียวกันเวลา17.00 น. ที่ห้องแกรนด์ ไดมอน บอลลูม อาคารคอนเวชั่น อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี มีการจัดงาน คือเรื่องราวของชาวระโนด มี ไผ่ นา โหนดและไข่มุกดำ เพื่อฉลองวันเกิดครบ 60 ปีของนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) โดยผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นอดีต แกนนำนปก. ที่ปัจจุบันมีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาล อาทิ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน นอกจากนี้ยังมีอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เช่น นายอดิศร เพียงเกษ นายเอกพร รักความสุข นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายภิญโญ ช่วยปลอด นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อดีตส.ว. นพ.เหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาภิชัย แกนนำคปพร. เข้าร่วม โดยมีนายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงานครั้งนี้
โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก บริเวณหน้างานมีการจัดงานในบรรยากาศแบบชาวใต้ โดยมีการจัดโรงหนังตะลุง โต๊ะกาแฟ ซุ้มไก่ชน โต๊ะปลากัดและเปิดเพลงบอกของศิลปินพื้นบ้าน รวมทั้งภาพนิทรรศการประวัติชีวิตของ นายวีระ และขายหนังสืออัตชีวประวัติของนายวีระชื่อ ชีวิตเพื่อประชาธิปไตย คน4 คุก ไข่มุกดำ วีระ มุกสิกพงษ์ ในราคาเล่มละ 300 บาท ส่วนห้องแกรนด์ไดมอน บอลลูมนั้น ได้จัดโต๊ะจีนกว่า 200 โต๊ะ สำหรับเลี้ยงอาหารประชาชนที่มาร่วมงานกว่า 2,000 คน
วีระบอกเจ๊เพ็ญถูกการเมืองเล่นงาน
นายวีระ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจักรภพ ถูกโจมตีเรื่องหมิ่นสถาบันว่า นายจักรภพ ยืนยันว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ดังนั้นจึงต้องใจเย็นๆ ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งพวกเล่นการเมืองสกปรกก็มักจะใช้วิธีการแบบนี้และต่อไปไม่อยากให้มีใครบังอาจดึงเอาสถาบันเบื้องสูงลงมาเล่นการเมืองอีก แต่ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไร เพราะเชื่อว่านายจักรภพบริสุทธิ์ เนื่องจากตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมากับตนสามารถรับรองให้นายจักรภพได้ว่าไม่เคยคิดก้าวล่วงสถาบันแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ได้พูดคุยบ้างในเรื่องการตั้งมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย เพราะอยากทำงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งตนได้บอกพ.ต.ท.ทักษิณ ไปว่าตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามมองว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งนั้น อย่างเรื่องกีฬา หรืองานมูลนิธิที่เน้นด้านการกุศล แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังมองว่าเป็นการเมือง
สำหรับอนาคตทางการเมืองนายวีระกล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่ในสภาฯมานับ 10 ปี หากอนาคตจะให้ตนเป็น ส.ส.หรือไม่เป็นก็ได้ทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นนักการเมืองแต่ก็จะไม่หยุดที่จะทำหน้าที่นักการเมือง
จักรภพแย้มจะชัดเจน26 พ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายบงานว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเดินทางมาถึงอิมแพค เมืองทองธานี ในเวลา19.30 น.ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางเสียงตะโกนเชียร์ว่าจักรภพสู้ๆ โดยนายจักรภพยกมือไหว้บรรดากองเชียร์ และกล่าวกับสื่อมวลชนเพียงว่า ทุกอย่างจะมีความชัดเจนในวันที่26พ.ค. เวลา14.00น. รวมทั้งเรื่องการตัดสินใจว่าจะลาออกหรือไม่ด้วย เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าจะตัดสินใจลาออกในวันที่26พ.ค.ใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ทุกอย่างจะชัดเจนในวันที่26พ.ค.
จากนั้นนายจักรภพ ได้เดินเข้าไปภายในงาน ระหว่างทางก็มีบรรดาประชาชนตะโกนเชียร์เป็นระยะว่า สู้ สู้ ขณะที่บางคนก็บอกว่า อย่าลาออก
นายจักรภพได้นั่งติดกับนายวีระ พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์กรณีที่ที่ปรึกษาส่วนตัวได้ทำหนังสือเสนอให้นายจักรภพ นำสารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกัน เรื่องนี้เป็นนโยบายที่มีอยู่ในใจมานานแล้ว เมื่อถามว่า ได้มีการขอคำแนะนำนจากใครบ้างหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ผมมีครูการเมืองหลายคน เหตุที่ต้องคุยกับครูหลายคนเพราะระยะนี้รู้สึกกสนุกกับการเล่นการเมือง แต่ทุกอย่างจะชัดเจนในวันที่ 26 พ.ค.เวลา14.00น.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจอะไรเลย เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่ลาออก นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่มีการยืนยันทางใดทั้งสิ้นขอให้ไปรอในวันจันทร์อย่างเดียว และขอเชิญนักข่าวไปนั่งให้เต็มขอให้จองที่ไว้ก่อนด้วย
ส่วนจะมีการแถลงประเด็นอะไรบ้างนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า แถลงประเด็นที่ถูกกล่าวหา เพราะในฐานะที่เป็นพสกนิกรทุกคนเดือดร้อนใจทั้งนั้น เรื่องแบบนี้ไม่อธิบายไม่ชี้แจงไม่ได้ ซึ่งในการชี้แจงจะต้องสมบูรณ์และต้องรู้เลยว่า ใครที่พยามยามทำอะไรอยู่กับบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ของนายจักรภพ บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้พยามร้องขอสื่อมวลชนเพื่อขอให้ยุติการให้สัมภาษณ์พร้อมกับแสดงอาการไม่พอใจและพยายามกันไม่ให้มีการสัมภาษณ์โดยมีการบอกับสื่อมวลชนเป็นระยะๆว่า พอแล้ว โดยช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์นายจตุพร ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของนายจักรภพ ได้เข้ามากระซิบนายจักรภพและพูดคุยบางอย่างกับนายจักรภพ จากนั้นนายจักรภพดก็ยุติการให้สัมภาษณ์
วีระอ้างมีขบวนการโค้นล้มรัฐบาล
ต่อมาเวลา19.45 น. นายวีระได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า งานนี้ประหลาดไม่มีการ์ดเชิญ มีแต่ประกาศว่าตนอาย ุ60 ปีแล้ว และน้องๆได้จัดงานปลอบขวัญตนเพราะถือไม้เท้าแล้วจะเกษียณตัวเอง แต่ปรากฏว่าวันนี้บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้ อิทธิพลของสื่อที่ประโคมงานนี้ ส่วนใหญ่ที่มาในวันนี้เห็นหน้าแล้วจำได้เพราะไปปักหลักยึดสนามหลวงเป็นภูมิลำเนาเกินสามเดือน ความจริงบางคนอยากให้ไปจัดงานที่สนามหลวง และตนก็ว่างมาหลายเดือนก็คึกอยู่ แต่พิจารณาแล้วรัฐบาลนี้เป็นของเราแล้วจะไปทำไม
นายวีระกล่าวว่า ทั้งหมดในวันนี้เป็นโอกาสที่ตนจะพบและพูดอีกครั้งในรอบปีกับผู้ร่วมมอุดมการณ์ว่า ตอนนี้บ้านเมืองเป็นอะไรไป ผู้คนไม่ไว้วางใจกันและกัน กติกาก็ไม่ยึดถือ เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นนี้คาใจตนมากเพราะมีบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่าส.ส.และส.ว.,ประชาชนเข้าชื่อแก้ไขได้ หรือครม.มีมติ ก็เสนอแก้ไขได้ และเมื่อยื่นญัตติไปแล้ว บางกลุ่มประกาศต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ โดยใช้คำว่าชุมนุมต่อต้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ความหมายของล้มล้างกับแก้ไขมันแตกต่างกันลึกลับ เพราะล้มล้างต้องมีรถถัง ปืนกล และกองกำลัง การลงชื่อนั้นไม่อาจพูดได้ว่าล้มล้าง แต่สื่อมวลชนก็นำไปใช้
นายวีระกล่าวว่า แม้แต่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่เคยเคารพกันก็พูดทันทีว่า ไม่เห็นด้วยว่าส.ส.ทำไม่ได้และทำผิด สมควรถอดถอน ตนงงไปหมดว่า พล.ต.จำลองใช้หลักใด และก่อนหน้านี้ก็มีการพูดว่าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ หากไม่ทำไม่ได้ และนายสมัครก็บอกว่าจะทำประชามติ เท่านั้นแหละก็มีคนโวยวายทันทีว่าไม่เอา สิ้นเปลืองงบประมาณ ตนก็ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไร ต่อมาก็เรื่องของนายจักรภพ เพ็ญแข หากไม่พูดเรื่องนี้จะเสียยี่ห้อของตน เพราะเรื่องคับอกคับใจมันต้องพูดให้ชัด เพราะตนมีประสบการณ์เรื่องมาก่อน รู้รสชาติ และตนเคยโดนหนักกว่านี้หลายเท่า เพราะมันคือเรื่องอิจฉา ต้องการโค่นล้มรัฐบาล เพราะฝ่ายต่างๆ ที่ลงเลือกตั้งที่โกง ใช้อิทธิพลแพ้เลือกตั้ง จึงผูกพยาบาท ใช้ช่องทางกฎหมายต่างๆ ถอดถอน แม้แต่รายการชิมไปบ่นไปของนายสมัครก็จะถอดถอนจากการเป็นนายกฯ
นายวีระกล่าวว่า แต่นายจักรภพไม่มีเหตุอื่นๆถอดถอน เว้นแต่เรื่องจัดระเบียบกรมประชาสัมพันธ์ที่ไปรื้อผลประโยชน์ของบางคน และจึงใช้เรื่องปาฐกถาสองแห่งมาถอดถอนโดยอ้างว่ากระทบกระเทือนสถาบันเบื้องสูง โดยไม่ใช้คำว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในการกล่าวหา แล้วแบบนี้มันแสดงว่าอย่างไร แสดงว่าไม่หมิ่นฯใช่ไหม
สุดท้ายเรื่องนี้คือการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ส่งหนังสือให้นายสมัครจัดการนายจักรภพข้อหาทัศนคติอันตราย โธ่!ไอ้เวร พรรคฝ่ายค้าน เคยเสนอเรื่อง มาตรา 7 จนพระประมุขทรงมีรับสั่งว่า มาตรา 7 ใช้ไม่ได้นั้น ทัศนคติแบบนั้นของพรรคฝ่ายค้านเป็นเรื่องอันตรายหรือไม่
นายวีระกล่าวว่า หนทางแก้ไขเรื่องนี้โดยไม่ต้องมีการรัฐประหารนั่นคือ ให้ตำรวจจัดการ หากส่งอัยการแล้วส่งฟ้องศาลนั้น นายจักรภพลาออกแน่นอน แต่ตอนนี้ตำรวจก็กลับไปกลับมา คนไทยขาดสติกันมาก ถึงเวลาจะบ้าก็บ้าไปสักพัก
เรื่องนี้เขย่ารัฐบาลไม่ล้มหรอก จะฟันนายจักรภพให้กระเด็นจากเก้าอี้นั้น ไม่มีทาง ผมพูดโดยอิงกฎหมาย พวกเราต้องตั้งในสติเพราะตอนนี้มีการท้าทายและบางคนอาจทนไม่ได้ ก็ขอใช้โอกาสนี้ว่า ใครจะชุมนุมก็ปล่อยไปตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ เราไม่ต้องยุ่ง และเราจะไม่ทำ และการชุมนุมบนพื้นฐานความเท็จจะอยู่ได้ไม่ตลอด และการชุมนุมนั้นไม่กระเทือนรัฐบาลเพราะหัวข้อต่างๆนั้นโกหก หากมีการปฏิวัติขึ้นมาอีกก็ต้องสู้กันอีกรอบ ไม่ต้องห่วงแล้วลูกเต้าก็โตแล้ว
