“ณัฐวุฒิ” สวมวิญญาณโฆษก “นปก.” แก้ตัวแทน “เจ๊เพ็ญ” อ้างไม่ลาออกแน่ กบดานแปลคำบรรยายเครียด พร้อมแถลง 26 พ.ค.นี้ ป้องไม่มีเจตนาล่วงเกินสถาบัน เมิน “พันธมิตรฯ” ชุมนุมใหญ่หวังเป้าจ้องทำลายรัฐบาล
วันนี้ (23 พ.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังคงเก็บตัวเงียบไม่เดินทางมาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลเหมือนทุกวัน ผู้สื่อข่าวพยามติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ ปรากฏว่า นายจักรภพ ก็ไม่รับสาย ทั้งๆ ที่ นายจักรภพ ไม่ได้การเดินทางไปเยือนฟิลิปปินส์ ร่วมกับคณะนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลแทนการชี้แจงของนายจักรภพ
ต่อมา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า ได้รับการติดต่อจาก นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ฝากข้อความแจ้งกับสื่อมวลชน ว่า ตอนนี้นายจักรภพยังอยู่ในประเทศ และในวันที่ 26 พ.ค.เวลา 14.00 น.นายจักรภพ จะมาแถลงที่ตึกนารีสโมสร พร้อมกับเอกสารคำแปล ที่ถูกต้องเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตามที่มีข้อกล่าวหาว่า นายจักรภพ ได้พูดกระทบสถาบันในการบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษแก่สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศและสถานที่ต่างๆ และจะนำส่งให้ศาลพิจารณาด้วย
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นายจักรภพ จะปฏิเสธความรับผิดชอบมิได้ในเรื่องนี้ ฉะนั้น ก่อนถึงวันและเวลาดังกล่าว นายจักรภพ ขอใช้เวลารวบรวมความชัดเจน ความถูกต้องชัดเจนในการแปลเอกสารให้สมบูรณ์ เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ฉะนั้น นายจักรภพ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อพิสูจน์ความชัดเจนให้ตรงตามเจตนาในการบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ แบบครบทุกตัวอักษร ส่วนข่าวลือในช่วงนี้ ที่ระบุว่า นายจักรภพ อาจตัดสินใจทางการเมืองโดยเฉพาะการลาออกนั้น ขอเรียนว่า ยังไม่มีการตัดสินใจดังกล่าว เพราะนายจักรภพต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจในการแถลงข่าว แสดงเอกสาร ชี้แจงและตอบทุกคำถามกับสื่อมวลชน เพราะข้อกล่าวหานี้มีความสำคัญและละเอียดอ่อนยิ่ง ไม่จำเพาะผู้ที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเท่านั้น แม้แต่ปุถุชนคนไทยก็ไม่มีใครแบกรับข้อกล่าวหานี้ได้ เพียงแต่ข้อกล่าวหาได้แสดงออกมาต่างกรรมต่างวาระจากกลุ่มบุคคลที่เห็นว่าเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นนายจักรภพก็ขอโอกาสจากสังคมในการแสดงความบริสุทธิ์ใจ เปิดเผยคำแปลบทบรรยายนั้นในคราวเดียว
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นายจักรภพ นัดแถลงข่าวนี้มาแล้วและเลื่อนไป ทั้งๆ ที่ นายจักรภพ พูดเรื่องนี้ด้วยตัวเองทำไมใช้เวลานานการในรวบรวมข้อมูล นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การแปลคำพูดจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย สำนวนและการให้ความหมายของบางคำอาจไม่ตรงกัน ยกตัวอย่างกรณีพื้นๆ เช่น ภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ ที่แปลเป็นภาษาไทยจะเห็นอักษรและความหมายของแต่ละคำที่แปลมานั้นแต่ละคำไม่เหมือนกันเรื่องนี้ละเอียดอ่อนที่ต้องดูความหมายและจำเป็นดูองค์ประกอบให้ครบถ้วน คิดว่าก่อนถึงวันนั้นก็ควรรอและให้นายจักรภพพูดความจริงทั้งหมด วันนั้นสังคมจะพิจารณาและกระบวนการของฝ่ายกฎหมายจะตัดสินเช่นใด ทุกฝ่ายต้องยอมรับ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชน และรัฐบาลล็อบบี้ให้ นายจักรภพ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เรื่องนี้กระทบกระเทือนสถานะของรัฐบาล นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เท่าที่ได้คุยกับนายจักรภพในช่วงนี้
นายจักรภพ ไม่ได้พูดเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่ตนสอบถามเรื่องนี้ด้วย แต่นายจักรภพยืนยันว่า ไม่มีการไปคุยกับผู้ใหญ่คนไหนที่จะกดดันให้ตัดสินใจทางการเมือง ขอเรียนว่า เมื่อนายจักรภพเป็นคนไทยใต้ร่มพระบารมี ที่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจในเรื่องนี้ ก็น่าจะมีพื้นที่และเวลา และโอกาสให้ นายจักรภพ ชี้แจง หากกระบวนการทางกฎหมายพิสูจน์ว่านายจักรภพผิดจริง คนไทยก็ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ผู้ที่ตัดสินเรื่องนี้ ก็ควรจะเป็นฝ่ายกฎหมายและศาล เรามิอาจตัดสินความจงรักภักดีของคนใดคนหนึ่งได้ด้วยข้อกล่าวหาของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง หากนายจักรภพผ่านกระบวการยุติธรรมและชี้ว่าผิดจริงก็ต้องรับโทษตามกฎหมายถึงขั้นสูงสุดโดยไม่มีข้อยกเว้น
“เรื่องนี้เป็นความเห็นของแต่ละบุคคล ผมแน่ใจว่า นายจักรภพ พิจารณาตัวเองมาตลอดจนวินาทีนี้ และเห็นว่า จำเป็นยิ่งที่ต้องแถลงข่าวทุกแง่มุมด้วยตัวเอง หากเรื่องนี้ชี้แจงแล้ว กฎหมายบอกว่าผิด นายจักรภพ จะปฏิเสธความรับผิดชอบมิได้ ผมขอเรียนว่าขอโอกาสให้นายจักรภพในฐานะคนไทยใช้พื้นที่ยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ข้อกล่าวหานี้ไม่ได้ส่งผลเพียงว่ารัฐมนตีต้องพ้นจากตำแหน่งเท่านั้นแต่ส่งผลถึงทั้งชีวิตและวงศ์ตระกูลของผู้ถูกกล่าวหา ฉะนั้นควรให้เวลาและเปิดกว้างในเรื่องนี้ด้วย” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า หากคดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นายจักรภพ ต้องยุติการทำงานหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้พูดเรื่องนี้ แต่เท่าที่ตนศึกษาประวัติศาสตร์การดำเนินคดี แบบนี้ หากเหตุการณ์นี้เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าอัยการสั่งฟ้องและคดีเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องยุติการทำหน้าที่เพื่อเข้าสู่การดำเนินคดี แต่วันนี้การกล่าวหานายจักรภพจาก 2 กลุ่ม คือ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี ช่วยราชการ สน. พหลโยธิน ที่ไปแจ้งความกับกองปราบปรามตามขั้นตอน และข้อกล่าวหาผ่านสื่อมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์ฉะนั้นการตัดสินอย่างใดอย่างหนึ่งของนายจักรภพต้องอยู่ภายใต้กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น
เมื่อถามว่า นายจักรภพ ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้สอบถามเรื่องนี้ และ นายจักรภพ ไม่ได้พูดถึง เมื่อถามว่า ตามกำหนดการเดิม นายจักรภพ จะต้องเดินทางเยือนฟิลิปปินส์พร้อมกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในเมื่อไม่เดินทางไปแล้วทำไมถึงไม่มาทำงาน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นายจักรภพ อยากใช้เวลาช่วงนี้ให้เกิดความชัดเจนและสมบูรณ์ของคำแปลก็ถอนตัวการเดินทาง และใช้เวลาเตรียมตัว และก็ไม่ได้กระทบภารกิจการทำหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะเดิมจะต้องเดินทางไปพร้อมกับนายสมัคร แต่เมื่อไม่ไป ก็ยังปฏิบัติราชการได้ โดยกลไกต่างๆ ก็เดินไปตามปกติ เพียงแต่นายจักรภพ ไม่ได้เดินทางมาทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น และถือว่า นายจักรภพ ยังปฏิบัติราชการอยู่โดยมิได้หยุดงาน
เมื่อถามว่า หาก นายจักรภพ ผิด การเคลื่อนไหวของ นปก.ในช่วงการต่อต้านรัฐประหารจะมีความผิดด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอเรียนว่า พวกตนยืนเคียงข้างนายจักรภพเช่นเดิม ส่วนตัวมีความมั่นใจความบริสุทธิ์ของนายจักรภพ และจะยืนเคียงข้างนายจักรภพจนกว่าจะได้ข้อสรุป หากผิดก็ว่าไปตามผิด และหากจะทำให้นายจักรภพรับแรงเสียดทาน และโดนเหยียบย่ำทางการเมือง พวกตนก็พร้อมรับทุกรอยเท้าที่เหยียบย่ำไปพร้อมกัน และมิได้หมายความว่าเพื่อบิดเบือนหรือดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และสิ่งที่ นปก.ต่อสู้มานั้นเพื่อเรียกร้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตรงนี้มันเป็นจุดยืนที่ต่างกรรมต่างวาระ ทั้งการเคลื่อนไหวที่สนามหลวง เอกสารต่างๆ ที่บันทึกเป็นวีซีดีทุกขั้นตอน ตรงนี้ คือ ความบริสุทธิ์ใจของ นปก.
“มั่นใจว่า นายจักรภพ มิน่าจะมีเจตนากล่าววาจากระทบล่วงเกินสถาบัน แต่สัมพันธภาพยังมีอยู่ หากศาลตัดสินอย่างใดก็ต้องยอมรับ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯประกาศชุมนุมใหญ่ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ กังวลว่าจะวุ่นวายหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาลมิได้กังวลกับการชุมนุมดังกล่าว ขอย้ำว่า ไม่ได้ประเมินการชุมนุมต่ำ แต่มองว่าวิจารณญาณของประชาชนว่าไม่ต้องการความวุ่นวาย ขัดแย้ง แตกแยก และนำเงื่อนไขให้บ้านเมืองกลับไปตกอยู่ภายใต้เผด็จการอีกแล้ว และขอวิงวอนประชาชนว่าโปรดใช้วิจารญาณก่อนออกมาเคลื่อนไหว เพราะ 1.รัฐบาลมุ่งมั่นแก้ไขเศรษฐกิจของประชาชนตามที่กระทำอยู่ 2.หากกลุ่มพันธมิตรฯจะอ้างการยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ส.ส.พรรคพลังประชาชนนั้น ขอเรียนว่า เป็นการกระทำตามมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และก่อนหน้านี้ฝ่ายคัดค้านที่เรียกร้องให้ฟังความเห็นของสังคมคือการทำประชามตินั้น นายสมัคร พูดชัดเจนแล้วว่า การประชุม ครม.ครั้งหน้าจะขออนุมัติงบ 2,000 ล้านบาท ในการทำประชามติ ฉะนั้น ทุกอย่างทำตามกฎหมายและข้อเรียกร้องของฝ่างต่างๆ ครบถ้วนแล้ว และไม่ควรมีเงื่อนไขใดๆ อันนำไปสู่การเคลื่อนไหวไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกอีก ขอตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่ลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ขอเรียนว่า แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯควรตรวจสอบรัฐธรรมนูญให้ถี่ถ้วนว่าเข้ากับบทบัญญัติใดที่จะถอดถอนได้หรือไม่ ตนขอบอกว่าอยู่ในมาตรา 270 และมันเข้าข่ายในมาตรานี้หรือไม่ เพราะกลุ่มพันธมิตรฯอ้างมาตรา 68 วรรคแรกและวรรค 2 ในการให้อัยการสูงสุดพิจารณาก่อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนั้น มันใช้กับกลุ่มรัฐประหารได้อย่างเดียว และกลุ่มพันธิมิตรฯกลับไม่เคยนำมาใช้ เว้นแต่จะนำมาใช้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถามว่า การล่าชื่อแบบนั้นมิได้เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตยอย่างไร เพราะมาตรา 291 ก็บัญญัติไว้ชัดเจน ตนไม่อยากให้การเคลื่อนใดของกลุ่มพันธมิตรฯมุ่งเป้าจ้องทำลายอย่างเดียวโดยมิได้คำนึงถึงกฎหมายและหลักการที่ถูกต้องในระบบนิติรัฐและนิติธรรม ขอให้กลุ่มพันธมิตรฯกลับไปทบทวนกฏหมายที่อ้างไว้ อย่าสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชน และขอให้ทุกหน่วยงานดูแลความสงบในการชุมนุมครั้งนี้ด้วย
มีรายงานว่า ในช่วงค่ำวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา แกนนำ นปก.เช่น นายจักรภพ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้นัดรับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยมีการหารือเพื่อหาทางออกให้นายจักภพ
ทั้ง นี้มีรายงานว่า เวลา 18.00 น.วันที่ 23 พ.ค.นี้ กลุ่ม นปก.จะจัดงานแซยิดให้ นายวีระ มุสิกพงศ์ ณ ฮอลล์ 9 อิมแพค เมืองทองธานี ด้วย โดย นายณัฐวุฒิ จะเป็นแม่งาน และจะแจกหนังสือ “คนสี่คุก” ให้ผู้มาร่วมงาน ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิบ อกกับคนใกล้ชิดว่า งานนี้จะมีเซอร์ไพรส์ ขอให้ไปร่วมงานกันด้วย