รมต.จักรภพ ดิ้นพล่าน ปูดข่าวเมียนายทหารใหญ่มีเอี่ยวแปลเอกสารแจก อ้อนให้อดใจรอฉบับจริงแปลกับมือทุกอย่างจบ ไม่หวั่นโดนเตะพ้นเก้าอี้ ปัดโร่พบ “บิ๊กจิ๋ว” เคลียร์ผู้ใหญ่ เป็นเอามากลามปามถึงขั้นอยากสั่งสอนผู้ใหญ่พฤติกรรมไม่เป็นผู้ใหญ่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง จักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (20 พ.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว เรากำลังจะเอาฉบับแปลจริงออกมาในเร็ววันนี้ จะได้มาแทนฉบับใบปลิวสักทีหนึ่ง ที่ผ่านมานี้ ตนถูกโจมตีด้วยใบปลิว คือ คำแปลที่ไม่กล้าลงชื่อว่าใครแปล และคำแปลผิดๆ ถูกๆ หาเรื่องหาราวกันไปทำเป็นข่าวใหญ่โต เอาละครับเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยความบิดเบือน ตนก็เชื่อว่าจะจบด้วยความจริงในไม่ช้านานนี้ ตนเองในขณะนี้ได้ใช้เวลากับการมุ่งหน้าทำงาน และสร้างผลงานให้กับรัฐบาล ใครก็จะตีก็ตีไป คนทำงานก็ทำงานต่อไป เรื่องก็มีเพียงแค่นี้แหละครับ
เมื่อถามว่า แต่ตอนนี้มีการพูดถึงเรื่องที่รัฐมนตรีไปพูดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงที่เป็น นปก.นายจักรภพ กล่าวว่า โอ๊ยเรื่องเก่าแก่เลย ก็ช่วงเดียวกับที่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไปพูดที่แอลเอนั้นแหละ จำได้ไหมว่า เคยได้พูดอะไรไว้บ้างในส่วนของตัวเอง เอาว่าในสถานการณ์หนึ่งมันก็มีลีลาการพูดที่ดุเด็ดเผ็ดมัน นั้นเป็นช่วงที่ประท้วงกัน แต่เนื้อหาสาระเป็นเพียงการเล่าเบื้องหลังของสิ่งที่เกิดที่เกิดขึ้น เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นประเด็นหลัก สื่อกระแสหลักเองท่านก็ไม่จุดเรื่องนี้ เพราะท่านก็เห็นแก่บ้านเมืองแล้ว ก็เอาเรื่องคำบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเท่านั้นเอง แล้วก็เอาคำแปลที่ถูกต้องออกมา เรื่องทั้งหมดนี้จะได้จบสิ้นลง
“แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตไว้นะครับว่า เดี๋ยวเรื่องผมจบแล้ว เดี๋ยวก็มีเรื่องรัฐมนตรีคนอื่น เดี๋ยวก็มีเรื่องนายกรัฐมนตรี สังคมเริ่มจะเห็นแล้วว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะหาข้อเท็จจริงอะไร เป็นเพียงการไล่ล่าเพื่อหาจุดอ่อนเพื่อโจมตีรัฐบาลเท่านั้น คนเริ่มเห็นแล้วครับ” นายจักรภพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ว่าต่อสู้กับกลุ่มบุคคลที่สูงกว่า พอจะเปิดเผยได้หรือไม่เป็นบุคคลกลุ่มใด นายจักรภพ กล่าวว่า ก็ระบอบอำมาตยาธิปไตยคือกลุ่มบุคคลที่มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังบุคคลต่างๆ ที่ในที่สุดต้องออกมายึดอำนาจ คนเหล่านี้สูงกว่าในฐานะการเงิน ฐานะการเมือง เพราะไปซ่อนอยู่ข้างหลัง คนเหล่านี้เป็นนักธุรกิจก็มี เป็นนักวิชาการก็มี ชาวต่างชาติก็มี แต่ก็นั้นแหละครับนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงกัน เอาเป็นว่า การวิเคราะห์สังคมไทยจะต้องทำต่อไปเชิงวิชาการ ส่วนเรื่องของการเมืองนั้น ตนขอจำกัดวงที่การบรรยายในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อมีข้อสงสัยขึ้นจะได้หาทางอธิบายให้เกิดความกระจ่างชัด
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อเป็นการเตรียมการสู้รบกับระบอบอำมาตยาธิปไตยเป็นการเตรียมกำลังไว้ต่อสู้กับ พล.อ.เปรม ใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า นี้มันเรื่องเก่าแก่แล้วครับ อย่าพูดเรื่องนั้นเลย ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่อธิบายหน่อยหรือครับ นายจักรภพ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่จำเป็นหรอกครับ ไปถาม คุณสนธิ ลิ้ม คนที่จุดขึ้นมาก็แล้วกันว่า จุดทำไม
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่เป็นสิ่งที่ท่านพูดขึ้นมาเอง นายจักรภพ กล่าวย้อนว่า ครับ แต่ก็เป็นสิ่งที่ คุณสนธิ ลิ้มจุดขึ้นมา ตั้งปีกว่าแล้ว คนที่มีความจงรักภักดี หรือคนที่กลัวว่าจะเกี่ยวกับสถาบันตอนนั้นไปหลบอยู่ที่ไหนกัน ไม่ออกมา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนเองจะได้ชี้แจงทำให้สังคมได้เกิดความเข้าใจชัดเจน การอภิปราย หรือการบรรยายทุกอย่าง เรื่องการทำงานให้บ้านเมือง
“ผมทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ผมเองนั้นทำทุกอย่างอย่างเปิดเผย การพูดทุกครั้ง การบรรยายทุกครั้งมีการประชาสัมพันธ์ อยู่หน้ากล้องเป็นสิบๆ กล้อง คนเป็นร้อยๆ คน ไม่เคยมีหลบเร้นหรือว่าซ่อนในการทำอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นการพิสูจน์เจตนาอยู่แล้ว ตอนนี้ขอให้ผมทำฉบับที่ถูกต้องออกมาก่อนเถอะครับ โดนใบปลิวโจมตีต่อว่า ใบปลิวที่ว่า คนที่แปลแล้วไม่กล้าลงว่าใครแปลมันนานหลายวันพอสมควร” นายจักรภพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วเสียงสะท้อนทหารช่วงนี้กับตัวรัฐมนตรีในเชิงไม่ดี นายจักรภพ กล่าวว่า อ๋อ หรือครับ เพราะมันมีคนเอาคำแปลผิดไปแจกจ่ายในหมู่ทหาร “ภริยานายทหารชั้นผู้ใหญ่บางคนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย แต่อย่าให้พูดถึงเลย เดี๋ยวมันจะยาวไกลออกไป เอาเป็นว่าเมื่อเอาเอกสารไปเผยแพร่ก็รู้สึกไม่ดีสิครับ ... เดี๋ยวมันจะยาวไกลออกไปไว้รอเอกสารจริงออกมา"
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจว่าความจริงคืออะไร และตนจะชี้จุดด้วยว่า ตรงไหนที่เขาเอาไปบิดเบือนจนกลายเป็นเรื่องนี้ขึ้นเมื่อถามว่า ที่ระบุว่ามีภรรยาทหารเกี่ยวข้องด้วยนั้นเกี่ยวข้องอย่างไร นายจักรภพ กล่าวว่า เกี่ยวข้องกับการแปลและแจกจ่ายเอกสารให้กับผู้นำกองทัพและกองพันต่างๆ ซึ่งขอให้รู้ว่าเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน เพราะคิดว่าคนที่นำไปแจกจ่ายก็คงไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เพียงแต่เห็นอะไรไม่ชอบมาพากลก็อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้ด้วย เพียงแต่เขาอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าเป็นเอกสารที่บิดเบือนและผิดจากความจริงมา
เมื่อถามต่อว่า รัฐมนตรีทราบตัวคนที่ดำเนินการ นายจักรภพ กล่าวว่า ตนรู้ตัวคนที่ดำเนินการเรื่องนี้แล้ว “แต่คงยังไม่จัดการอะไร เพราะต้องทำตามขั้นตอนก่อน และต้องทำให้สังคมเข้าใจในตัวคนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นรัฐมนตรีของบ้านเมือง เราต้องเริ่มจากต้นเหตุก่อน ส่วนใครจะหลบอยู่หลังใคร หรือเป็นเงาของใคร เอาไว้ว่ากันในโอกาสหน้า เพราะความยุติธรรมในบ้านเมืองต้องมีต่อไป” นายจักรภพ กล่าวว่า
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องมีแผนทำให้น่าเชื่อถือหรอกครับ ทำความจริงมาแทนความเท็จก็พอเมื่อซักว่า จะนำคำแปลไปแจกจ่ายให้กับอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยดูด้วยหรือไม่ เพื่อให้มีการแปลคำอย่างเป็นกลาง นายจักรภพ กล่าวว่า คือ อย่างนี้ครับ ตนเองกำลังมีแผนอยู่ในใจว่า นอกจากจะแปลเองแล้วอาจจะต้องหาสถาบันที่เป็นกลางมาช่วยแปล อีกซักฉบับสอบฉบับ แต่เรื่องนี้ขอทำการบ้านอีกหน่อย พูดไปเดี๋ยวจะยาวไกลไป เอาเป็นเรื่องนี้ตนบุกไปข้างหน้าแน่ เพื่อจะได้พิสูจน์ตัวเองให้เกิดความบริสุทธิ์ ยังมีงานของบ้านเมืองอีกเยอะที่ตนจะทำ ถ้ามาติดกับเรื่องนี้มันเสียเวลานาน ก็จะพยายามผ่านเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้อาจเป็นชนวนให้ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี นายจักรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เมื่อถามว่า รัฐมนตรีจะทำอย่างไรให้เอกสารที่ท่านแปลเป็นเอกสารที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นเอกสารที่ท่านแปลเอง พูดเอง นายจักรภพ กล่าวว่า ใช่ครับ ความจริงมันคือความจริง ใครที่ได้อ่านก็จะทราบว่า นี้คือ เจตนาของคนพูด ที่พูดเป็นภาษาอังกฤษและแปลเป็นภาษาไทยอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ถามกลับมาได้ว่า ตรงนั้นมันแปลอย่างนี้จริงหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะพูดได้ และยังไม่ได้พูดคุยนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนักแน่น รู้ว่าสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะการทิ่มแทงทางการเมืองขณะนี้ ใครอยู่เบื้องหลังใคร อย่างไร นายกรัฐมนตรีทราบดี ดังนั้น คนที่จะให้คำตอบในขั้นตอนต่อไปได้คือนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า จะมีการทำความเข้าใจภายในพรรคพลังประชาชนหรือไม่ เพราะยังมีสมาชิกหลายคนติดใจเรื่องนี้อยู่ นายจักรภพ กล่าวว่า มีเพียง 1-2 คนเท่านั้น ซึ่งเมื่อพลั้งปากไปแล้ว เขาก็รู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ไม่ใช่รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องการมุ่งโจมตีทั้งพรรค ทั้งระบอบประชาธิปไตย ถ้าวู่วามออกมาพูดก็จะสมเจตนารมณ์ของคนที่ต้องการทำลายระบอบประชาธิปไตย
ส่วนการพบกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นการพบโดยบังเอิญ และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นการเข้าใจผิดกันมาก ซึ่งจากการพูดคุยกันนั้นไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย แต่ พล.อ.ชวลิต ได้บอกว่าตอนนี้มีการเข้าใจผิดกันมาก เดี๋ยวจะช่วยเคลียร์ให้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปพูดกับใครที่ไหนเมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่มีเสียงสะท้อนจากทหารในเชิงไม่ดี นายจักรภพ กล่าวว่า ทหารก็ได้ข้อมูลผิด เพราะมีคนเอาคำแปลผิดไปแจกจ่ายในหมู่ทหาร มีภรรยาทหารชั้นผู้ใหญ่บางคนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย แต่ไว้รอเอกสารจริงออกมาตนเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจว่าความจริงคืออะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชนออกมาบอกว่า พรรคมีความเป็นห่วงเรื่องนี้ และอยากให้รัฐมนตรีใช้วิจารณญาณ นายจักรภพ กล่าวว่า กำลังใช้อยู่ครับ เมื่อถามว่า ท่านนายกฯได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับท่านหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับท่านนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนักแน่น มั่นคง ท่านรู้ว่าสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะการทิ่มแทงทางการเมืองขณะนี้ ใครอยู่เบื้องหลังใคร อย่างไร นายกรัฐมนตรีทราบดี เพราะฉะนั้นคนที่จะให้คำตอบเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปในส่วนรัฐบาลได้ก็ต้องเป็นท่าน ท่านในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การพบกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านรับปากใช่ไหมครับว่าจะไปเคลียร์กับสังคมให้ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ใช่ครับ เรื่องนี้เข้าใจผิดกันเยอะ มีข่าวว่า ไปพบบิ๊กจิ๋วด้วยความตั้งใจไม่ใช่เลย ตนไปนครพนมด้วย 2 สาเหตุสำคัญด้วยกัน เหตุผลแรก คือ เป็นเขตตรวจราชการของตน คือ เขต 10 และ เขต 11 ประกอบ 7 จังหวัดอีสานตอนบน หนึ่งในนั้นคือ นครพนม เหตุที่สอง คือ ไปร่วมงานทำบุญของหลวงปู่บุญมา ที่วัดภูพาน และไปร่วมงานฉลองอายุของท่านเจ้าคุณพรหมวชิรญาณ ซึ่งท่านไปฉลองที่นั้นด้วย และเมื่อไปถึงเห็นป้ายพ่อใหญ่บิ๊กจิ๋วเต็มเมืองไปหมด ก็เลยถามท่านผู้ใหญ่ในเมืองว่า ท่านมาหรือ พอรู้ว่ามา ก็บอกว่า ตนอยากไปพบ
เพราะระยะนี้ท่านออกมาให้ความเห็นเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมือง เดี๋ยวท่านจะเข้าใจผิดว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับท่าน ตนก็เลยอยากไปหาท่าน ไปกราบไหว้ แต่แทบจะไม่ได้พูดจาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย ท่านก็ยังกรุณาว่า เข้าใจผิดกันเยอะ เดี๋ยวจะช่วยอธิบายให้ เดี๋ยวจะช่วยเคลียร์ให้ ท่านไม่ได้บอกหรอกครับจะไปพูดกับใครที่ไหน อย่างไร เรื่องนี้ถ้าอยากทราบต้องไปถามกับท่าน และท่านไม่ได้แนะนำอะไร พูดกันเพียงสั้นๆ ไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น ตนไปดักพบที่จวนผู้ว่าฯ เก่าที่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ใหม่ ไม่ได้ตั้งใจไปเจอท่านเลย ก่อนหน้านี้เพียงต้องการแวะก่อนไปประชุมที่ศาลากลางจังหวัดเมื่อถามว่า ที่ไปพบเพราะท่านมาเปิดเผยเรื่อง ขบวนการ ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า
นายจักรภพ กล่าวว่า เพราะว่า พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เมื่อไรก็ตามที่ท่านเลือกจังหวะที่จะพูดจาเกี่ยวกับบ้านเมือง แสดงว่า ท่านเห็นว่าเป็นระยะสำคัญ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ผมเป็นเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานนี้ ตนก็ไปหาท่านเพื่อที่จะรับความเห็น ซึ่งท่านก็บอกคำเดี๋ยวได้ผลเลย คือ สังคมเข้าใจผิดกันเยอะ เดี๋ยวจะช่วยเคลียร์ แค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับสำหรับผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ก็จะได้ช่วยเหลือกำราบของคนที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง แต่พฤติกรรมไม่เป็นผู้ใหญ่