ผู้จัดการรายวัน- "เพ็ญ" แจงปาฐกถาหมิ่นเบื้องสูง พูดตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนเป็นรัฐมนตรี ด้าน"หมัก"โดดป้องเต็มที่ โวยมีคนจ้องจะล่อ โดยจงใจแปลมั่ว ยันไม่ตัดตอนให้พ้นครม.จนกว่าศาลจะตัดสิน "บิ๊กจิ๋ว"แนะถ้ารู้ว่าผิดก็ให้ขอพระราชทานอภัยโทษ
เมื่อวานนี้ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า หมิ่นสถาบันเบื้องสูง จากกรณีที่ไปปาฐกถา เรื่อง "ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ของไทย" ที่ชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเดือนกันยายน 2550 ว่า การที่มีคนนำเรื่องนี้มาพูด คล้ายกับว่าตนเพิ่งจะไปบรรยายเมื่อตอนที่เป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ความจริงบรรยายมาปีกว่าแล้ว เป็นช่วงที่ต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการ ที่สนามหลวง
"เรื่องที่ไปบรรยายนี้ ไม่ได้มีเจตนา หรือเกี่ยวข้องกับสถาบันระดับสูงเลย เป็นเรื่องการวิเคราะห์ทางสังคม เป็นการพูดมาปีกว่าแล้ว เป็นของเก่า ที่มีคนนำกลับมาทำใหม่ ตรงนี้ผมนึกขึ้นได้เพราะญาติมิตรหลายคนถามมาว่า เป็นรัฐมนตรีแล้ว ทำไมไปบรรยายอะไร เลยบอกว่าเปล่า เรื่องนี้เป็นของเก่าปีเศษมาแล้ว พูดในอีกบรรยากาศหนึ่งด้วย เมื่อเรามาเป็นรัฐมนตรีแล้วการพูดการจาต้องต่างกันไป ความคิดต่างๆ อาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่ท่าทีจะต้องเป็นไปเพื่อความสมานฉันท์ " นายจักรภพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลสร้างเงื่อนไขการปฏิวัติ ไม่ว่าจะเป็นการจาบจ้วงสถาบันฯ การแก้ไขรธน. ล่าสุดก็เรื่องปัญหาปากท้อง และยังระบุว่ามีรัฐมนตรีที่มีทัศนคติอันตราย เข้ามาบริหารประเทศ นายจักรภพ กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งหน้าทำงานอย่างเดียว แต่เมื่อมีข่าวคราวว่า ประชาธิปไตยอาจจะไม่ปลอดภัย เราก็ต้องมาบอกข่าวกันไว้ก่อน หากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่กองทัพว่า ไม่มีใครคิดอย่างนี้ ไม่มีความเคลื่อนไหวแบบนี้ ทุกคนก็อุ่นใจสบาย อย่าลืมว่าที่มานั่งพูดถึงความเคลื่อนไหวทางทหาร เพราะมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 19 ก.ย. 49 เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว คนก็เข้าใจว่า อาจจะเกิดขึ้นอีก ตรงนี้เป็นความเข้าใจที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง ฉะนั้น เมื่อมีความเคลื่อนไหวขึ้นมา แล้วมีคนชี้เรื่องนี้ ต้องถามกลับไปว่า แล้วอะไรที่คนเชื่อว่า มันจะมีได้ คำตอบคือ เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในอดีตเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ฉะนั้น เราต้องเดินหน้าร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับผู้นำกองทัพที่จะทำอย่างไรก็ได้ เพื่อไม่ทำให้เกิดบรรยากาศที่คนเชื่อว่า จะมีเรื่องแบบนี้ได้อีก
นายจักรภพ ยืนยันว่า ยังทำการแปลข้อความที่พูดเรื่องประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ฯอยู่ โดยตนเป็นคนแปลเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่ช้าเพราะอยากให้มีความพิถีพิถัน ให้ถูกต้องตามเจตนาของผู้พูดจริงๆ คาดว่าจะเสร็จประมาณต้นสัปดาห์หน้า
เมื่อถามถึงการปรับ ครม.ครั้งนี้ อาจจะมีการตัดตอนโดยเฉพาะตัวนายจักรภพ ซึ่งนายจักรภพ กล่าวว่า เราเป็นประเภทตอนอยู่แล้ว ก็คือเรามาเร็วหน่อย มีคนไปชำที่อื่น แล้วก็มา เพราะฉะนั้นมันจะค่อยๆ รู้สภาพตัวเอง สร้างภูมิคุ้มกันไปเรื่อย
ปชป.ยื่นข้อมูลพูดหมิ่นให้"หมัก"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้รวบรวมหลักฐานการปาฐกถาของนายจักรภพ ที่ไปพูดในหลายที่ ซึ่งมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเตรียมที่จะมอบให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ (16 พ.ค.) ให้พิจารณาว่า นายจักรภพ ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะอยู่ในตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน
"คือผมไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ลุกลาม และอยากให้นายกฯใช้ เวลาพิจารณาสิ่งที่เราเสนอไป และผมยืนยันว่า ทำตรงไปตรงมา เพราะมีความพยายามที่จะเบี่ยงเบนในเรื่องคำแปล ผมก็บอกเลยว่า คำแปลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ เราไม่ได้หยิบมาแล้วส่งต่อ แต่เราเอาตัวดีวีดีมาฟัง มีการถอดเทปอีกครั้ง ถอดคำแปลอีกครั้ง ปัญหาไม่ใช่เป็นเรื่องคำพูดเพียงคำเดียว ปัญหาที่เรานำเสนอคือ เจตนาของผู้พูด และสาระสำคัญของการบรรยาย ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวในโอกาสอื่นๆ เพราะฉะนั้น อย่าเบี่ยงเบนประเด็น มันไม่ใช่ปัญหาว่าใครภาษาดีกว่ากัน และอยากจะย้ำว่า คุณธรรมในเบื้องต้นคือ เชื่อในสิ่งที่พูด พูดในสิ่งที่เชื่อ พูดแล้วต้องรับผิดชอบ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อย่าคิดยก"เพ็ญ"เทียบชั้น"ปรีดี"
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องที่นายจักรภพ พูดหมิ่นสถาบันฯ ปรากฎในวีซีดี สามารถตรวจสอบได้ เพราะเรามีทั้ง เทป วีซีดี และเว็บไซต์ที่เป็นหลักฐานยืนยัน ซึ่งการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีเรื่องการใส่ร้ายป้ายสี
นายเทพไท กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจว่าทำไมกรณีนี้ นายจักรภพ และพวกนปก. ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเว็บไซต์ "รักชาติ" ที่พูดถึงการลอบปลงพระชนม์ รัชกาลที่ 8 และเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคได้ถอดเทปจากข้อมูลในเว็บไซต์ดังกล่าว เห็นว่าสอดคล้องกับแนวทางการ สัมภาษณ์ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายจักรภพ เป็นอย่างมาก จึงทำให้สงสัยว่า เป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่
"คุณจักรภพไม่สามารถเทียบกับนายปรีดีได้ เพราะนายปรีดี เป็นรัฐบุรุษ เป็นผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตย และคุณจักรภพ เป็นโอฐภัยบุรุษ เป็นผู้ปกป้องระบอบทักษิณ เพราะฉะนั้นการที่สมาชิกพรรคพลังประชาชน พยายามที่จะยกคุณจักรภพ ขึ้นเทียบชั้นกับคุณปรีดี เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และการเคลื่อนไหวของคุณจักรภพ วันนี้ ผมคิดว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่เหมือนกับคนที่จนตรอก จนด้วยข้อมูล ที่ฝ่ายต่างๆพยายามที่จะเปิดโปงข้อมูล เปิดโปงข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ทำให้คนเหล่านี้ก็ดิ้นรนที่จะเอาตัวรอด" นายเทพไท กล่าว และว่า การที่นายจักรภพ ออกมาระบุว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ ถอดเทปคำปาฐกถา มาเปิดเผย เป็นเรื่องของความไร้คุณธรรมนั้น ก็อยากจะถามกลับไปว่า ระหว่างคนพูดโจมตีสถาบันฯ กับคนถอดเทปแล้วเอามาเปิดโปงนั้น ใครกันแน่ที่ไร้คุณธรรม
"หมัก"ออกโรงปกป้องเต็มที่
ด้าน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่าอาจมีการปรับนายจักรภพ เพ็ญแข ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากรณีพูดจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงว่า เรื่องนายจักรภพ นั้นตำรวจที่ได้รับการแจ้งความดำเนินคดีจะต้องดำเนินคดีต่อไป จะต้องเอาเอกสารที่พูดมาจัดการตรวจดำเนินการ และต้องส่งไปให้ถึงอัยการให้ศาลตัดสิน
นายสมัคร กล่าวถึงเนื้อความปาฐกถาของนายจักรภพว่า เมื่อมีการแปลแล้ว ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็ได้อ่านเนื้อหาทั้งหมด พออ่านแล้วก็บอกว่า อย่างนี้ต้องให้ตำรวจเขาดู
"ผมก็มีความรู้เรื่องกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยตีความอะไรได้ ถึงขนาดนั้น แต่ผมเห็นว่า คำแปลมันแย่ คือ คำว่า NOBLE ที่แปลว่า บุคคลชั้นสูง ข้าราชการชั้นสูง ก็เป็น NOBLE MAN อย่างนี้ แต่มันแปลคำว่า NOBLE เป็นราชนิกูล คือ มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ข้อสังเกตของผมก็คือว่า จักรภพ เพ็ญแข ยอมเป็นจำเลย อยู่ในศาลที่ไปบุกรุกหน้าบ้านเขา ก็เป็นเพียงอยู่เท่านั้น และถ้าไม่มีอะไร อย่างไร จักรภพ ก็ขึ้นศาลไปเท่านั้นเอง แต่ว่าจักรภพ เกิดมาเป็นรัฐมนตรี พอเป็นรัฐมนตรีเข้ามาสั่งการเรื่องสื่อสารมวลชน ก็เลยถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ว่าจักรภพ ไปกระทบอะไรใครเข้า พลั๊ว เดียว เท่านั้นเอง ตำรวจไปแจ้งความเอาเรื่อง"
อ้างถูกโจมตีเพราะไปรับใช้ทักษิณ
นายสมัคร กล่าวด้วยว่าการที่นายจักรภพ ถูกโจมตีด้วยเรื่องนี้ เนื่องจากไปทำให้คนบางคนเสียผลประโยชน์
"ถ้าจักรภพไม่ไปแตะ ไปเหยียบหางใครเข้า ป่านนี้ก็คงไม่เดือนร้อนอะไร จักรภพก็เหมือนผม ถ้าหากไม่ไปออกรายการพูดจาพาดพิง หรือไปปกป้องนายกฯทักษิณ ก็คงไม่โดน อยู่เฉยๆ ถมขยะมาแล้ว 3 ปี ขึ้นปีที่ 4 ไม่มีปัญหา พอไปคุ้ยเอามาแล้ว มากล่าวหาผมว่า ทุจริต ถ้าผมไม่ไปยุ่งกับนายกฯ ทักษิณ ป่านนี้ผมก็คงไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องรถดับเพลิง คงไม่มีใครไปขุดให้มาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้น อย่างนี้ก็แลเห็นได้ว่า มีขบวนการเห็นใครดีไม่ได้ เห็นใครได้ ไม่ดี หรือจะเอาอย่างไร หรือจะเอากันไม่ให้จบ เรื่องแบบนี้ผมก็บอกแล้วว่ามันต้องสู้กัน พูดจาถึงไอ้เจ้านั้น สองทีเท่านั้น บอกว่าจะไม่โดน มาตรา 157 รู้ว่าไอ้คนนั้น ทำอะไรอย่างไร แล้วไม่จัดการไปอย่างนั้นอีกแล้ว" นายสมัคร กล่าว
ปล่อยให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงรัฐบาลจะชี้แจงหรือไม่ กรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่ามีรัฐมนตรีไม่จงรักภักดี นายสมัคร กล่าวว่า นายจักรภพ จะต้องโดนตำรวจสอบสวน เอกสารต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญแปล ทั้งที่พูด ทั้งที่บันทึกเทปพูด ที่แปลเป็นไทย คนอื่นแปลไม่ได้ ต้องสำนักงานเท่านั้นแปล และตำรวจต้องดำเนินคดีกับนายจักรภพ ถ้าคิดว่าต้องฟ้อง ก็ส่งไปอัยการ และอัยการดู ก็ส่งไปให้ศาลตัดสินทั้งหมดนี้ตามระบบ เมื่อได้รับคำวินิจฉัยว่าผิด ก็ยังต้องถือว่าเป็นคนบริสุทธิ์อยู่ และใครที่ต้องการดึงอย่างไร ก็ไปหาเรื่องอื่นต่อ จะหาเรื่องเขาเรียก จักรภพ ว่าเป็นอย่างโน้น เป็นอย่างนี้ ไปเรียกเขา "เจ๊" เรียกเป็นอะไร ก็ต้องกระทบกระทั่งกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องความไม่จงรักภักดี ที่ฝ่ายค้านระบุรัฐบาลจะยืนยันอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า โอ๊ย มันมีอะไรมาพิสูจน์ มีปรอทยัดใส่ไว้อย่างนั้นเหรอ พอเสียบปรอทปั๊บ มันไม่จงรักภักดีงั้นเหรอ คือใช้กันจนพร่ำเพรื่อ มีคนเขาบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับบ้านเมืองไทยในเวลานี้ ว่าคนไม่จงรักภักดี เสร็จตายไปคนหนึ่งแล้ว แต่บังเอิญฆ่าไม่ตาย ขายไม่ขาด กลับมามีชีวิตอยู่ได้ ก็เลยจะเอาให้ตายอีกหน จะลากเอาคนอย่างผม เข้าไปด้วย คือว่า คุณถามอย่างนี้คุณจำเอาไว้ก็แล้วกันว่า ไอ้คำว่า ไม่จงรักภักดี ถ้ามันไปโดนกับใครเข้ามันเป็นอย่างไร วันใดวันหนึ่งคุณเป็นคนสำคัญขึ้นมา โดนชี้หน้าอย่างนี้เข้า คุณจะรู้สึกอย่างไร ผมสู้เรื่องนี้ยิบตาเลย
"มันเผาผมแม้กระทั่งว่า ผมไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกราบบังคมทูลฯ ครบ 3 เดือน ไปรายงานการบริหารราชการ ยังปล่อยข่าวไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่า โปรดเกล้าฯ ให้ผมเข้าเฝ้า เพื่อที่จะให้ผมลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชาชน บ้ากันขนาดนี้ ตกลงว่ากลางคืนที่ไปเข้าบ้านสี่เสา ไปกันหรือเปล่า แต่ออกข่าวว่าเข้าไปตอนตีหนึ่งยังไม่ออกมา ถามว่าอย่างนี้มันคืออะไร"นายสมัคร กล่าว
ไม่สนข้อมูลจากฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านจะยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาพฤติกรรมของนายจักรภพ จะรับหนังสือฝ่ายค้านหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า อ๋อ เขายังไม่ได้ยื่นหรือ พุทโธ่เอ๋ย ผมคิดว่ายื่นไปแล้ว อุตส่าห์มาแถลง เขาลงหนังสือพิมพ์ไปแล้ว ผมนึกว่าผมได้รับแล้ว
ผู้สื่อข่าวระบุว่า ฝ่ายค้านจะมายื่นวันนี้ (16 พ.ค.) ยื่นที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร หัวเราะ ก่อนจะบอกว่า โอ๊ย ไม่ต้องมาหรอก ฝากใครมาก็ได้ ไม่ต้องหรอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่นายจักรภพ พูดนายกรัฐมนตรีมองว่าไม่ได้จงใจที่จะไปแตะสถาบันฯ ใช่หรือไม่ นาย สมัคร กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนวินิจฉัยเรื่องนี้ เขาถูกกล่าวหา ตนก็บอกว่า จะส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินการให้สุดกระบวนการของตำรวจ และไปจบที่ศาล มันจะได้จบเรื่อง
"บิ๊กจิ๋ว"แนะขอพระราชทานอภัยโทษ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า สถาบันของเรา เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นชาติ คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เข้าใจ เราอยู่กันเป็นพันปี ต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของเรา คนไทยรู้ดีว่าจะเป็นอื่นไปไม่ได้ และไม่ต้องห่วงนัก เพราะอาจจะมีบ้างที่อาจจะดึงมาบ้าง เข้าใจผิดกันบ้าง ซึ่งความคิดก้าวหน้าแบบสาธารณรัฐ อาจจะมีบ้าง แต่ก็น้อยมาก คงจะมาล้มล้างความเป็นไทยและสัญลักษณ์แห่งชาติ และความเป็นเอกภาพในชาติไม่ได้ ฉะนั้นอย่าไปหวั่นไหวอะไร ยืนให้มั่นคง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากบุคคลเหล่านั้นอยู่ในระดับนำของประเทศ และมีส่วนกำหนดนโยบาย จะส่งผลกระทบหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า "คงไม่มีอย่างนั้น อาจจะผิดพลาด พลั้งเผลอไปบ้าง ก็เรียกมาต่อว่ากันซะ แล้วก็ถามเขาว่าพูดจริงหรือพูดเล่น เข้าใจหรือเปล่าที่พูดอย่างนี้ ถ้าเขาตอบว่า ขอโทษด้วย มันไม่ใช่จริงๆ ก็ไปกราบพระบาท หรือออกมาพูดว่า ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะสถาบันฯ คือสิ่งที่อยู่เหนือหัวของเราอยู่แล้ว เมื่อทำความเข้าใจกันซะก็จะไม่มีอะไร เพราะเรารู้ว่าคนไหนที่ดื้อรั้น หรือมีความคิดอย่างนั้น เรามองก็รู้อยู่แล้ว สบายใจได้ลูกๆ"
เมื่อถามว่า มองกระแสข่าวการปฏิวัติ ที่ออกมาในขณะนี้อย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า "ใครจะปฏิวัติอีกล่ะลูก มันไม่ไหวแล้วนะ บอกหลายทีแล้วมันไม่ใช่ปฏิวัติ มันเป็นการยึดอำนาจ หรือ coup d’ etat มันไม่ใช่การปฏิวัติ ถ้าปฏิวัติมันก็ดีนะซิ มันจะได้เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้มันดีขึ้นเสียที" พล.อ.ชวลิต กล่าว
เผารูป"โชติศักดิ์"ประนาม
วานนี้ (15 พ.ค.) กลุ่ม"เราคนขอนแก่นรักแผ่นดิน" และตัวแทนจากนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกลุ่มผู้ประกอบการอาชีพอิสระใน จ.ขอนแก่น ได้มารวมตัวกันที่ลานศาลหลักเมือง จ.ขอนแก่น และอ่านแถลงการณ์ประนาม นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง และพรรคพวกที่มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ไม่ยืนถวายความเคารพ เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ และยังพยายามปลุกระดมมวลชนให้มีพฤติกรรมเยี่ยงอย่าง หลังการอ่านแถลงการณ์ประนามพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูงดังกล่าวแล้ว ก็ได้มีการเผารูปของนายโชติศักด์ ต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย
เมื่อวานนี้ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า หมิ่นสถาบันเบื้องสูง จากกรณีที่ไปปาฐกถา เรื่อง "ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ของไทย" ที่ชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเดือนกันยายน 2550 ว่า การที่มีคนนำเรื่องนี้มาพูด คล้ายกับว่าตนเพิ่งจะไปบรรยายเมื่อตอนที่เป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ความจริงบรรยายมาปีกว่าแล้ว เป็นช่วงที่ต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการ ที่สนามหลวง
"เรื่องที่ไปบรรยายนี้ ไม่ได้มีเจตนา หรือเกี่ยวข้องกับสถาบันระดับสูงเลย เป็นเรื่องการวิเคราะห์ทางสังคม เป็นการพูดมาปีกว่าแล้ว เป็นของเก่า ที่มีคนนำกลับมาทำใหม่ ตรงนี้ผมนึกขึ้นได้เพราะญาติมิตรหลายคนถามมาว่า เป็นรัฐมนตรีแล้ว ทำไมไปบรรยายอะไร เลยบอกว่าเปล่า เรื่องนี้เป็นของเก่าปีเศษมาแล้ว พูดในอีกบรรยากาศหนึ่งด้วย เมื่อเรามาเป็นรัฐมนตรีแล้วการพูดการจาต้องต่างกันไป ความคิดต่างๆ อาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่ท่าทีจะต้องเป็นไปเพื่อความสมานฉันท์ " นายจักรภพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลสร้างเงื่อนไขการปฏิวัติ ไม่ว่าจะเป็นการจาบจ้วงสถาบันฯ การแก้ไขรธน. ล่าสุดก็เรื่องปัญหาปากท้อง และยังระบุว่ามีรัฐมนตรีที่มีทัศนคติอันตราย เข้ามาบริหารประเทศ นายจักรภพ กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งหน้าทำงานอย่างเดียว แต่เมื่อมีข่าวคราวว่า ประชาธิปไตยอาจจะไม่ปลอดภัย เราก็ต้องมาบอกข่าวกันไว้ก่อน หากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่กองทัพว่า ไม่มีใครคิดอย่างนี้ ไม่มีความเคลื่อนไหวแบบนี้ ทุกคนก็อุ่นใจสบาย อย่าลืมว่าที่มานั่งพูดถึงความเคลื่อนไหวทางทหาร เพราะมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 19 ก.ย. 49 เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว คนก็เข้าใจว่า อาจจะเกิดขึ้นอีก ตรงนี้เป็นความเข้าใจที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง ฉะนั้น เมื่อมีความเคลื่อนไหวขึ้นมา แล้วมีคนชี้เรื่องนี้ ต้องถามกลับไปว่า แล้วอะไรที่คนเชื่อว่า มันจะมีได้ คำตอบคือ เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในอดีตเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ฉะนั้น เราต้องเดินหน้าร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับผู้นำกองทัพที่จะทำอย่างไรก็ได้ เพื่อไม่ทำให้เกิดบรรยากาศที่คนเชื่อว่า จะมีเรื่องแบบนี้ได้อีก
นายจักรภพ ยืนยันว่า ยังทำการแปลข้อความที่พูดเรื่องประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ฯอยู่ โดยตนเป็นคนแปลเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่ช้าเพราะอยากให้มีความพิถีพิถัน ให้ถูกต้องตามเจตนาของผู้พูดจริงๆ คาดว่าจะเสร็จประมาณต้นสัปดาห์หน้า
เมื่อถามถึงการปรับ ครม.ครั้งนี้ อาจจะมีการตัดตอนโดยเฉพาะตัวนายจักรภพ ซึ่งนายจักรภพ กล่าวว่า เราเป็นประเภทตอนอยู่แล้ว ก็คือเรามาเร็วหน่อย มีคนไปชำที่อื่น แล้วก็มา เพราะฉะนั้นมันจะค่อยๆ รู้สภาพตัวเอง สร้างภูมิคุ้มกันไปเรื่อย
ปชป.ยื่นข้อมูลพูดหมิ่นให้"หมัก"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้รวบรวมหลักฐานการปาฐกถาของนายจักรภพ ที่ไปพูดในหลายที่ ซึ่งมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเตรียมที่จะมอบให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ (16 พ.ค.) ให้พิจารณาว่า นายจักรภพ ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะอยู่ในตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน
"คือผมไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ลุกลาม และอยากให้นายกฯใช้ เวลาพิจารณาสิ่งที่เราเสนอไป และผมยืนยันว่า ทำตรงไปตรงมา เพราะมีความพยายามที่จะเบี่ยงเบนในเรื่องคำแปล ผมก็บอกเลยว่า คำแปลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ เราไม่ได้หยิบมาแล้วส่งต่อ แต่เราเอาตัวดีวีดีมาฟัง มีการถอดเทปอีกครั้ง ถอดคำแปลอีกครั้ง ปัญหาไม่ใช่เป็นเรื่องคำพูดเพียงคำเดียว ปัญหาที่เรานำเสนอคือ เจตนาของผู้พูด และสาระสำคัญของการบรรยาย ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวในโอกาสอื่นๆ เพราะฉะนั้น อย่าเบี่ยงเบนประเด็น มันไม่ใช่ปัญหาว่าใครภาษาดีกว่ากัน และอยากจะย้ำว่า คุณธรรมในเบื้องต้นคือ เชื่อในสิ่งที่พูด พูดในสิ่งที่เชื่อ พูดแล้วต้องรับผิดชอบ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อย่าคิดยก"เพ็ญ"เทียบชั้น"ปรีดี"
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องที่นายจักรภพ พูดหมิ่นสถาบันฯ ปรากฎในวีซีดี สามารถตรวจสอบได้ เพราะเรามีทั้ง เทป วีซีดี และเว็บไซต์ที่เป็นหลักฐานยืนยัน ซึ่งการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีเรื่องการใส่ร้ายป้ายสี
นายเทพไท กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจว่าทำไมกรณีนี้ นายจักรภพ และพวกนปก. ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเว็บไซต์ "รักชาติ" ที่พูดถึงการลอบปลงพระชนม์ รัชกาลที่ 8 และเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคได้ถอดเทปจากข้อมูลในเว็บไซต์ดังกล่าว เห็นว่าสอดคล้องกับแนวทางการ สัมภาษณ์ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายจักรภพ เป็นอย่างมาก จึงทำให้สงสัยว่า เป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่
"คุณจักรภพไม่สามารถเทียบกับนายปรีดีได้ เพราะนายปรีดี เป็นรัฐบุรุษ เป็นผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตย และคุณจักรภพ เป็นโอฐภัยบุรุษ เป็นผู้ปกป้องระบอบทักษิณ เพราะฉะนั้นการที่สมาชิกพรรคพลังประชาชน พยายามที่จะยกคุณจักรภพ ขึ้นเทียบชั้นกับคุณปรีดี เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และการเคลื่อนไหวของคุณจักรภพ วันนี้ ผมคิดว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่เหมือนกับคนที่จนตรอก จนด้วยข้อมูล ที่ฝ่ายต่างๆพยายามที่จะเปิดโปงข้อมูล เปิดโปงข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ทำให้คนเหล่านี้ก็ดิ้นรนที่จะเอาตัวรอด" นายเทพไท กล่าว และว่า การที่นายจักรภพ ออกมาระบุว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ ถอดเทปคำปาฐกถา มาเปิดเผย เป็นเรื่องของความไร้คุณธรรมนั้น ก็อยากจะถามกลับไปว่า ระหว่างคนพูดโจมตีสถาบันฯ กับคนถอดเทปแล้วเอามาเปิดโปงนั้น ใครกันแน่ที่ไร้คุณธรรม
"หมัก"ออกโรงปกป้องเต็มที่
ด้าน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่าอาจมีการปรับนายจักรภพ เพ็ญแข ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากรณีพูดจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงว่า เรื่องนายจักรภพ นั้นตำรวจที่ได้รับการแจ้งความดำเนินคดีจะต้องดำเนินคดีต่อไป จะต้องเอาเอกสารที่พูดมาจัดการตรวจดำเนินการ และต้องส่งไปให้ถึงอัยการให้ศาลตัดสิน
นายสมัคร กล่าวถึงเนื้อความปาฐกถาของนายจักรภพว่า เมื่อมีการแปลแล้ว ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็ได้อ่านเนื้อหาทั้งหมด พออ่านแล้วก็บอกว่า อย่างนี้ต้องให้ตำรวจเขาดู
"ผมก็มีความรู้เรื่องกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยตีความอะไรได้ ถึงขนาดนั้น แต่ผมเห็นว่า คำแปลมันแย่ คือ คำว่า NOBLE ที่แปลว่า บุคคลชั้นสูง ข้าราชการชั้นสูง ก็เป็น NOBLE MAN อย่างนี้ แต่มันแปลคำว่า NOBLE เป็นราชนิกูล คือ มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ข้อสังเกตของผมก็คือว่า จักรภพ เพ็ญแข ยอมเป็นจำเลย อยู่ในศาลที่ไปบุกรุกหน้าบ้านเขา ก็เป็นเพียงอยู่เท่านั้น และถ้าไม่มีอะไร อย่างไร จักรภพ ก็ขึ้นศาลไปเท่านั้นเอง แต่ว่าจักรภพ เกิดมาเป็นรัฐมนตรี พอเป็นรัฐมนตรีเข้ามาสั่งการเรื่องสื่อสารมวลชน ก็เลยถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ว่าจักรภพ ไปกระทบอะไรใครเข้า พลั๊ว เดียว เท่านั้นเอง ตำรวจไปแจ้งความเอาเรื่อง"
อ้างถูกโจมตีเพราะไปรับใช้ทักษิณ
นายสมัคร กล่าวด้วยว่าการที่นายจักรภพ ถูกโจมตีด้วยเรื่องนี้ เนื่องจากไปทำให้คนบางคนเสียผลประโยชน์
"ถ้าจักรภพไม่ไปแตะ ไปเหยียบหางใครเข้า ป่านนี้ก็คงไม่เดือนร้อนอะไร จักรภพก็เหมือนผม ถ้าหากไม่ไปออกรายการพูดจาพาดพิง หรือไปปกป้องนายกฯทักษิณ ก็คงไม่โดน อยู่เฉยๆ ถมขยะมาแล้ว 3 ปี ขึ้นปีที่ 4 ไม่มีปัญหา พอไปคุ้ยเอามาแล้ว มากล่าวหาผมว่า ทุจริต ถ้าผมไม่ไปยุ่งกับนายกฯ ทักษิณ ป่านนี้ผมก็คงไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องรถดับเพลิง คงไม่มีใครไปขุดให้มาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้น อย่างนี้ก็แลเห็นได้ว่า มีขบวนการเห็นใครดีไม่ได้ เห็นใครได้ ไม่ดี หรือจะเอาอย่างไร หรือจะเอากันไม่ให้จบ เรื่องแบบนี้ผมก็บอกแล้วว่ามันต้องสู้กัน พูดจาถึงไอ้เจ้านั้น สองทีเท่านั้น บอกว่าจะไม่โดน มาตรา 157 รู้ว่าไอ้คนนั้น ทำอะไรอย่างไร แล้วไม่จัดการไปอย่างนั้นอีกแล้ว" นายสมัคร กล่าว
ปล่อยให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงรัฐบาลจะชี้แจงหรือไม่ กรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่ามีรัฐมนตรีไม่จงรักภักดี นายสมัคร กล่าวว่า นายจักรภพ จะต้องโดนตำรวจสอบสวน เอกสารต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญแปล ทั้งที่พูด ทั้งที่บันทึกเทปพูด ที่แปลเป็นไทย คนอื่นแปลไม่ได้ ต้องสำนักงานเท่านั้นแปล และตำรวจต้องดำเนินคดีกับนายจักรภพ ถ้าคิดว่าต้องฟ้อง ก็ส่งไปอัยการ และอัยการดู ก็ส่งไปให้ศาลตัดสินทั้งหมดนี้ตามระบบ เมื่อได้รับคำวินิจฉัยว่าผิด ก็ยังต้องถือว่าเป็นคนบริสุทธิ์อยู่ และใครที่ต้องการดึงอย่างไร ก็ไปหาเรื่องอื่นต่อ จะหาเรื่องเขาเรียก จักรภพ ว่าเป็นอย่างโน้น เป็นอย่างนี้ ไปเรียกเขา "เจ๊" เรียกเป็นอะไร ก็ต้องกระทบกระทั่งกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องความไม่จงรักภักดี ที่ฝ่ายค้านระบุรัฐบาลจะยืนยันอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า โอ๊ย มันมีอะไรมาพิสูจน์ มีปรอทยัดใส่ไว้อย่างนั้นเหรอ พอเสียบปรอทปั๊บ มันไม่จงรักภักดีงั้นเหรอ คือใช้กันจนพร่ำเพรื่อ มีคนเขาบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับบ้านเมืองไทยในเวลานี้ ว่าคนไม่จงรักภักดี เสร็จตายไปคนหนึ่งแล้ว แต่บังเอิญฆ่าไม่ตาย ขายไม่ขาด กลับมามีชีวิตอยู่ได้ ก็เลยจะเอาให้ตายอีกหน จะลากเอาคนอย่างผม เข้าไปด้วย คือว่า คุณถามอย่างนี้คุณจำเอาไว้ก็แล้วกันว่า ไอ้คำว่า ไม่จงรักภักดี ถ้ามันไปโดนกับใครเข้ามันเป็นอย่างไร วันใดวันหนึ่งคุณเป็นคนสำคัญขึ้นมา โดนชี้หน้าอย่างนี้เข้า คุณจะรู้สึกอย่างไร ผมสู้เรื่องนี้ยิบตาเลย
"มันเผาผมแม้กระทั่งว่า ผมไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกราบบังคมทูลฯ ครบ 3 เดือน ไปรายงานการบริหารราชการ ยังปล่อยข่าวไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่า โปรดเกล้าฯ ให้ผมเข้าเฝ้า เพื่อที่จะให้ผมลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชาชน บ้ากันขนาดนี้ ตกลงว่ากลางคืนที่ไปเข้าบ้านสี่เสา ไปกันหรือเปล่า แต่ออกข่าวว่าเข้าไปตอนตีหนึ่งยังไม่ออกมา ถามว่าอย่างนี้มันคืออะไร"นายสมัคร กล่าว
ไม่สนข้อมูลจากฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านจะยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาพฤติกรรมของนายจักรภพ จะรับหนังสือฝ่ายค้านหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า อ๋อ เขายังไม่ได้ยื่นหรือ พุทโธ่เอ๋ย ผมคิดว่ายื่นไปแล้ว อุตส่าห์มาแถลง เขาลงหนังสือพิมพ์ไปแล้ว ผมนึกว่าผมได้รับแล้ว
ผู้สื่อข่าวระบุว่า ฝ่ายค้านจะมายื่นวันนี้ (16 พ.ค.) ยื่นที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร หัวเราะ ก่อนจะบอกว่า โอ๊ย ไม่ต้องมาหรอก ฝากใครมาก็ได้ ไม่ต้องหรอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่นายจักรภพ พูดนายกรัฐมนตรีมองว่าไม่ได้จงใจที่จะไปแตะสถาบันฯ ใช่หรือไม่ นาย สมัคร กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนวินิจฉัยเรื่องนี้ เขาถูกกล่าวหา ตนก็บอกว่า จะส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินการให้สุดกระบวนการของตำรวจ และไปจบที่ศาล มันจะได้จบเรื่อง
"บิ๊กจิ๋ว"แนะขอพระราชทานอภัยโทษ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า สถาบันของเรา เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นชาติ คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เข้าใจ เราอยู่กันเป็นพันปี ต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของเรา คนไทยรู้ดีว่าจะเป็นอื่นไปไม่ได้ และไม่ต้องห่วงนัก เพราะอาจจะมีบ้างที่อาจจะดึงมาบ้าง เข้าใจผิดกันบ้าง ซึ่งความคิดก้าวหน้าแบบสาธารณรัฐ อาจจะมีบ้าง แต่ก็น้อยมาก คงจะมาล้มล้างความเป็นไทยและสัญลักษณ์แห่งชาติ และความเป็นเอกภาพในชาติไม่ได้ ฉะนั้นอย่าไปหวั่นไหวอะไร ยืนให้มั่นคง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากบุคคลเหล่านั้นอยู่ในระดับนำของประเทศ และมีส่วนกำหนดนโยบาย จะส่งผลกระทบหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า "คงไม่มีอย่างนั้น อาจจะผิดพลาด พลั้งเผลอไปบ้าง ก็เรียกมาต่อว่ากันซะ แล้วก็ถามเขาว่าพูดจริงหรือพูดเล่น เข้าใจหรือเปล่าที่พูดอย่างนี้ ถ้าเขาตอบว่า ขอโทษด้วย มันไม่ใช่จริงๆ ก็ไปกราบพระบาท หรือออกมาพูดว่า ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะสถาบันฯ คือสิ่งที่อยู่เหนือหัวของเราอยู่แล้ว เมื่อทำความเข้าใจกันซะก็จะไม่มีอะไร เพราะเรารู้ว่าคนไหนที่ดื้อรั้น หรือมีความคิดอย่างนั้น เรามองก็รู้อยู่แล้ว สบายใจได้ลูกๆ"
เมื่อถามว่า มองกระแสข่าวการปฏิวัติ ที่ออกมาในขณะนี้อย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า "ใครจะปฏิวัติอีกล่ะลูก มันไม่ไหวแล้วนะ บอกหลายทีแล้วมันไม่ใช่ปฏิวัติ มันเป็นการยึดอำนาจ หรือ coup d’ etat มันไม่ใช่การปฏิวัติ ถ้าปฏิวัติมันก็ดีนะซิ มันจะได้เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้มันดีขึ้นเสียที" พล.อ.ชวลิต กล่าว
เผารูป"โชติศักดิ์"ประนาม
วานนี้ (15 พ.ค.) กลุ่ม"เราคนขอนแก่นรักแผ่นดิน" และตัวแทนจากนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกลุ่มผู้ประกอบการอาชีพอิสระใน จ.ขอนแก่น ได้มารวมตัวกันที่ลานศาลหลักเมือง จ.ขอนแก่น และอ่านแถลงการณ์ประนาม นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง และพรรคพวกที่มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ไม่ยืนถวายความเคารพ เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ และยังพยายามปลุกระดมมวลชนให้มีพฤติกรรมเยี่ยงอย่าง หลังการอ่านแถลงการณ์ประนามพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูงดังกล่าวแล้ว ก็ได้มีการเผารูปของนายโชติศักด์ ต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย