xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญ” ผวาทัศนคติอันตรายสถาบัน โบ้ยสื่อแปลมั่ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจักรภพ เพ็ญแข
“เพ็ญ” ผวาพาตายหมู่ ปัดพัลวันทัศนคติอันตรายต่อสถาบัน อ้างสื่อแปลมั่ว ยันตกเป็นเหยื่อทำลายทางการเมือง พาลใส่ประชาธิปัตย์รู้ภาษามากแต่คุณธรรมมีน้อย ลั่นจะนำคำแปลมาเผยแพร่บ้าง

วันนี้ (14 พ.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สื่อลงคำแปลภาษาไทยหลังจากที่เคยไปบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และมีการระบุบางถ้อยคำที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า เรื่องนี้จะไม่บานปลายหากแปลอย่างเป็นทางการ ซึ่งตนจะนำมาสู่สายตาประชาชนในไม่กี่วันนี้ จะเปรียบเทียบได้ชัดว่ามีคำไหนผิดไปบ้าง เช่น คำแปลที่มีคำหยาบคายในนั้น ตนไม่ได้พูดเลย จากภาษาอังกฤษมาแปลเป็นคำหยาบคายในภาษาไทยได้อย่างไร

นายจักรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังยืนยันอยู่ว่า คำแปลที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน มีการแปลผิดอยู่ จะผิดด้วยความเจตนาหรือแกล้งไม่รู้ก็ตาม นั่นก็เป็นเรื่องของความตั้งใจนั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดีว่าเรากำลังให้ความสนใจเรื่องใดกันแน่ในบ้านเมือง ระหว่างเรื่องการบริหารบ้านเมืองกับเรื่องจ้องแบ่งฝ่ายแบ่งข้าง และสำคัญคือพสกนิกรชาวไทยทุกคนจงรักภักดีต่อสถาบันระดับสูงทั้งสิ้น ใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองจงรักภักดีมากกว่าคนอื่นต้องคิดใหม่ เพราะประชาชนมีความจงรักภักดีอย่างเท่าเทียมกันทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของภาษาและการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการล่วงละเมิดพื้นที่อันไม่ควรล่วงละเมิดแต่อย่างใด

นายจักรภพ กล่าวว่า ไปบรรยายที่นั่นด้วยความตั้งใจว่าเราจะต้องให้ชาวต่างประเทศเข้าใจด้วยว่าความเปลี่ยนแปลงในประเทศไม่ใช่เพียงแค่ประเทศกำลังพัฒนาที่เดี๋ยวก็ยึดอำนาจ ยึดอำนาจ มันมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญ หากเข้าใจตรงนี้ ก็จะทำความเข้าที่เปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมที่เกิดขึ้นได้ ตนคิดว่ามองข้ามคำกล่าวหาไปสู่เนื้อหาสาระที่แท้จริงจะดีกว่า เรื่องนี้ตนไม่มีปัญหาใดๆ เลย

นายจักรภพ กล่าวว่า เมื่อคำแปลออกมาแล้วประชาชนจะเห็นเองตรงไหนที่แปลเกินเลยไปและทำให้เข้าใจไขว้เขวว่าหมิ่นสถาบันนั้นไม่เป็นความจริง

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีบุคลากรที่มีความรู้ภาษาอังกฤษและศึกษาเรื่องนี้ พร้อมส่งหนังสือมาถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ โดยระบุว่านายจักรภพมีทัศนคติอันตรายและไม่เหมาะสมที่จะนั่งในตำแหน่งผู้บริหารประเทศ นายจักรภพ กล่าวว่า คนรู้ภาษาอังกฤษมีมากแต่คนที่มีคุณธรรมหาตัวจับได้ยากหน่อย

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องภาษา แต่เป็นเรื่องระดับคุณธรรมว่าจะใช้ความรู้ด้านภาษาของตัวเองหรือด้านอื่นๆ ที่มีในตัวรับใช้สังคมหรือเพื่อเล่นบทบาทตามที่รับมอบหมายมาเท่านั้น ส่วนเรื่องที่บอกว่าแนวคิดของผมนั้นอันตราย ผมขอบอกให้ว่าอันตรายคืออะไร อันตรายคือสังคมทั้งสังคมสามารถจะถูกจูงให้เข้าใจว่าปัญหาทั้งหมดของบ้านเมืองแก้ไขได้ด้วยการเล่นงานบุคคลเพียง 1-2 คน แล้วบ้านเมืองมันจะดีไปเอง นั่นแหละคืออันตราย อันตรายไม่ได้อยู่ที่การหาข้อเท็จจริง แต่อยู่ที่การทำข้อจริงให้เป็นเท็จ แล้วทำให้ข้อเท็จบานปลายขยายไปเรื่อยเพื่อผลทางการเมืองของตน นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าพรรคใดค่ายใดโดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าไม่ควรนำประเด็นนี้มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองของตนอีกแล้ว ผมคิดว่าบ้านเมืองไปไกลกล่าวนั้นเยอะแล้ว” นายจักรภพกล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องนี้สร้างความกังวลที่อาจโดนปรับออกจาก ครม.หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า บอกตั้งแต่วันแรกแล้วว่าไม่กังวล อยู่หรือไปไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญ มันอยู่ที่วิจารณญาณของนายกฯที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ซึ่งพยายามเล่นบทบาทที่คืนสติและคืนความคิดที่ถูกต้องให้กับคนบางส่วนและบางกลุ่มในสังคมอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย นายกฯจะพิจารณาอย่างไรตนไม่มีความเห็นตามนายกฯ ทุกอย่าง ตนเคารพนับถือนายกฯอย่างสูง

ส่วนจะปรับหรือไม่ปรับ ครม.นั้น ขอฝากข้อคิดไว้ว่าการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยที่กล่าวหาว่าอีกฝ่ายหนึ่งทำความผิดนั้น หลังจากที่สมประสงค์ทางการเมืองแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อบ้านเมืองนั้น ความหมายของเรื่องนี้มีความสำคัญมากกว่าบุคคล

เมื่อถามว่า คิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้สถานะของรัฐบาลมีอายุไม่ยาวหรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า นายกฯคิดเหมือนผู้นำในระบอบประชาธิปไตยทุกคนคือจะไม่มานั่งอหังการเกี่ยวกับเรื่องที่ว่ารัฐบาลจะอยู่เท่าใดยกเว้นแสดงความประสงค์ว่าอยากรับใช้ประชาชนนานเท่าใด ฉะนั้นเรื่องมั่นใจหรือไม่มั่นใจ ไม่ใช่คำถามที่ต้องตอบเพราะรัฐบาลจะอยู่ก็ต่อเมื่อครรลองและพลังประชาธิปไตยอนุญาตให้อยู่ ไม่ใช่เรื่องความมั่นใจหรือไม่ แต่ต้องมีความพร้อมที่จะปรับตัวไปตามเงื่อนไขทางการเมืองที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง

เมื่อถามว่า การบรรยายครั้งนั้นที่เป็นปัญหาจะจบด้วยการแปลที่ถูกต้อง นายจักรภพ กล่าวว่า พูดยาก เพราะตนไม่ใช่คนหาเรื่อง และตนทำหน้าที่ตามประสงค์ของคนที่อยากจะเห็นความจริงเท่านั้น คือนำคำแปลที่ถูกต้องออกมาเพื่อเล่าให้ฟังว่าของจริงคืออย่างนี้ สื่อสารไปแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันหากจะยืนยันตีความอย่างไรต่อไปนั้นก็พร้อมรับ

เมื่อถามว่า หากไม่ยอมรับคำแปลและเถียงกันว่าฝ่ายใดแปลผิด ฝ่ายใดแปลถูก มันก็จะเกิดการโต้เถียงกันอีก นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่วุ่นวาย ก็อย่าเป็นเด็กแล้วกัน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ และจะได้ทราบว่าจริงๆ แล้วต้องการทำอะไรกันแน่ในเรื่องนี้ แต่บอกแล้วว่านี่คือเกมการเมือง ในระบอบประชาธิปไตยเรื่องนี้จึงไม่ควรจะพาดพิงถึงสถาบันระดับสูงในทางใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นที่ใครคิดจะพาดพิงโดยตรงและคิดจะใช้เป็นเครื่องมือ ตนคิดว่านอกเหนือจากประชาชนทั้งประเทศจะมองอยู่แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มีจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อกังขาในการบรรยายนั้น มีการอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงเพื่อรอผู้นำคนใหม่เพื่อช่วยปรับปรุงทุกอย่างในบ้านเมือง และยังอ้างนายปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกฯ และอดีตรัฐบุรุษในฐานะแกนนำคณะราษฎรด้วย นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ใช่ นั่นคือคำแปลใน นสพ.ไทยโพสต์ ซึ่งมีความผิดในนั้นเยอะเลย วันหลังหาก นสพ.ไทยโพสต์แปลภาษาอังกฤษ ตนจะช่วยตรวจให้อีกทีหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคนจะเดือดร้อนโดยที่ นสพ.ฉบับนั้นไม่ได้ตั้งใจเพียงแค่แปลผิดไป 3 ใน 4 ส่วนเท่านั้น ประเด็นคือว่า เรื่องการสื่อสารที่เข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมนั้นต้องมีใครสักคนสื่อสารออกไป นี่ไม่ใช่ประเทศอนุบาล นี่เป็นประเทศของคนเรียนหนังสือกันอยู่เหมือนกัน ฉะนั้นการมองประเทศในมิติลึกเป็นเรื่องจำเป็น

เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้และอดีตนายกฯ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) โดนโจมตีเรื่องหมิ่นสถาบัน มองว่าเรื่องนี้มีจุดหมายเช่นใด นายจักรภพ กล่าวว่า ก็มองอยู่แล้ว เช้าก็มอง เย็นก็มองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา การที่นำสถาบันมาเป็นประเด็นมากในช่วงนี้มันผิดไปจากในอดีตที่ผ่านมา ในอดีตเมื่อเกิดความขัดแย้งการเมืองแรงๆ ถึงจะมีการหยิบยกสถาบันมาครั้งหนึ่ง ในที่สุดด้วยเดชะพระบารมีก็ทำให้เรื่องเหล่านั้นจบลงได้เกือบทุกครั้งในประวัติศาสตร์ ฉะนั้น เมื่อมีปริมาณการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมามากขึ้น ตนก็สุดปัญญาจะเดาได้ว่าจะเป็นเช่นใดต่อไปเพียงแต่ในฐานะที่เป็นเบี้ยในกระดานนี้ก็จะนำความจริงออกมาพูดและตีแผ่ออกมาให้มากที่สุด ตนขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้พื้นที่ข่าวนี้เยอะเพราะยิ่งมีพื้นที่ข่าวนี้เยอะก็จะผลักดันไปสู่ความเข้าใจในเหตุผลที่แท้จริงที่บ้านเมืองอยู่ในสภาพนี้ได้มาก

เมื่อถามว่า บ้านเมืองยังมีการต่อสู้ในระบบชนชั้นอยู่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ตนไม่อยากตอบตรงนั้น เพราะหากตอบไปก็เข้าทาง ประเด็นคือการต่อสู้ของประชาชนกับเผด็จการก็คงมีอยู่ไปอีกสักระยะหนึ่งเพราะเผด็จการมันง่าย มันคุมทุกอย่าง มีพรรคมีพวก สั่งการกันและได้ตามที่ต้องการ ให้ประชาชนได้รับประโยชน์นิดๆ หน่อยๆ เป็นขนมนมเนยไปแต่เรากำลังพูดถึงการบริหารบ้านเมืองที่ทำให้ประชาชน ซึ่งไม่ใช่พวกเราที่อยู่ในชนชั้นกลางได้รับประโยชน์นั่นคือคนที่อยู่นอกกรอบเศรษฐกิจในเมืองออกไป นั่นแหละคือการนำของจริงมาดูแล้วก็จะเห็นผลกันเอง เราก็ไม่ต้องมาแจกแจงกันมาก เมื่อถามว่า ทุกข์ใจกับเรื่องนี้หรือไม่

นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่เลย ตนดีใจมากที่โดนกล่าวหาเรื่องนี้ เพราะตนเพิ่งเริ่มต้นอาชีพการเมือง หากตนโดนเรื่องนี้และสามารถอธิบายกับสังคมได้ มันก็ไม่มีข้อกล่าวหาที่หนักกว่านี้อีกแล้วตนถือเป็นโอกาสดี เมื่อถามว่าในการบรรยายครั้งนั้น ขอให้อธิบายคำพูดที่ว่าประชาธิปไตยชี้นำ และประชาธิปไตยอุปถัมภ์ นายจักรภพ กล่าวว่า อย่ามาพูดตรงนี้เลย มันเป็นเรื่องที่รอคำแปลมาอธิบายตัวมันเอง

เมื่อถามว่านายสมัครสอบถามหรือไปชี้แจงกับนายสมัครบ้างหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่มี นายสมัครเป็นผู้ใหญ่ ให้แนวทางใดมาแล้วตนก็ยึดมั่นแนวทางนั้น แนวทางของนายสมัครคือนำคำแปลที่ถูกต้องมาและให้ฝ่ายสอบสวนมาสอบสวน รัฐบาลจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แทรกแซง ไถ่ถาม และผลสอบสวนที่ออกมานั้นจะเป็นเรื่องหลักฐานของสังคม เมื่อถามว่า ท่าทีและบทบาทของตัวเองในช่วงนี้จะเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ เพราะหน้าที่รัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งหลังยุคเผด็จการคือทำงาน การทำงานนั้นไม่ใช่แค่ประคองตัวเองให้รอดเพื่อที่จะมีอายุการทำงานของรัฐบาลที่ยาวนานแต่เพื่อที่สื่อสารให้สังคมรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด

เมื่อถามว่า การแปลนั้นอาจสื่อสารแตกต่างกัน แต่เนื้อหาโดยรวมในการบรรยายจะตรงกับสิ่งที่สังคมวิจารณ์กันหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ก็วิจารณ์กันอยู่แล้ว หากคิดจะตีความก็ไม่มีปัญหา แต่หากคิดจะตีหัว นั่นจะมีปัญหา “ตีความผิดไม่ว่า แต่อย่าตีหัวแล้วกัน” นายจักรภพกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น