xs
xsm
sm
md
lg

ชิงตอน “เพ็ญ” ก่อนพังทั้งขบวน !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จักรภพ เพ็ญแข
กลายเป็นว่าเวลานี้กรณีเรื่องคำบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเดือนกันยายน 2550 ของ จักรภพ เพ็ญแข ที่เพิ่งได้ดิบได้ดีพาสชั้นขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำลังจะทำให้กลายเป็นชนวนที่อาจเกิดเหตุไม่คาดหมายกับรัฐบาล “หุ่นเชิด” ก็เป็นได้

ทั้งที่เพิ่งบริหารมาได้เพียงแค่ 3 เดือนกว่าเท่านั้นเอง

เพราะแค่หัวข้อ “ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ของไทย” ก็ทำให้หลายคนตาลุกวาวขึ้นมาแล้ว

ที่สำคัญคำพูดดังกล่าวกำลังถูกนำไปขยายวงรับรู้ออกไปเรื่อยๆ และนำไปสู่ความสนใจของทุกฝ่ายในสังคม ว่าเจตนาที่แท้จริงของคนที่ชื่อ จักรภพ เพ็ญแข ต้องการอะไรกันแน่

ระบบอุปถัมภ์ ตำหนิคุณเปรม หรือคำว่า “การเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงกำลังจะเริ่มขึ้นในขณะนี้” ซึ่งเป็นคำพูดตอนหนึ่งที่ถูกแปลจากคำพูดภาษาอังกฤษในวันนั้น ว่ามีความหมายที่แท้จริงคืออะไร

หลายคนที่ได้อ่านคำแปลหรือฟังเทปการบรรยายในต้นฉบับตั้งแต่ต้นจนจบแล้วปะติดปะต่อกันรับรองว่า ย่อมต้องเกิดคำถามมากมาย

หลายคนอาจนึกโยงไปความปราถนาถึงการก่อสงครามประชาชนที่เคยส่งสัญญาณกันก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือคำพูดตอนหนึ่งถ้าหากแปลไม่ผิดเพี้ยนก็มีคำว่า “ถ้าจะเกิดการเผชิญหน้าการปะทะกันก็ปล่อยให้เกิดไป” อย่างนี้เป็นต้น

คงนึกไม่ถึงว่าคนอย่าง จักรภพ เพ็ญแข จะพูดเรื่องประเด็นเหล่านี้ออกมา เพราะถ้าพิจารณาแบ็กกราวด์ในอดีตก็ไม่เคยแสดงทีท่าในลักษณะดังกล่าวออกมาให้เห็นเลย

บางครั้งอาจเข้าลักษณะเลยเถิด จนหลายคนรับไม่ได้

แต่ขณะเดียวกันท่ามกลางกระแสอันหมิ่นเหม่ และท่ามกลางข่าวลืออันไม่พึงประสงค์ในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง เช่นนี้ย่อมต้องมีการตั้งข้อสงสัยและพุ่งเป้ามายังรัฐบาลและพรรคพลังประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ

จากเดิมหลายคนอาจมองว่าเป็นแค่แผนป้ายสีของฝ่ายตรงข้าม ที่ต้องการทำลายทางการเมือง กลับกลายเป็นว่า แทบทุกกลุ่มที่พอเข้าใจภาษาอังกฤษ เมื่อได้เห็นคำบรรยายของ จักรภพ เมื่อปลายปีที่แล้วล้วนต้องตบอกผาง !!

ตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

แม้ถ้าพิจารณากันแบบคำต่อคำอาจไม่ได้ความหมายที่ตรงตัวนัก แต่ถ้าพิจารณากับแบบองค์รวมตั้งแต่ต้นจนจบ รับรองบอกได้คำเดียวว่ามัน “หวาดเสียว”

ดังนั้นการออกมาแก้ตัวว่า เป็นการพูดนานแล้ว หรือคนละบรรยากาศ หรือพยายามชี้ให้สังคมเห็นว่าเป็นแผนวิชามารที่หยิบยกขึ้นมาทำลายกันทางการเมือง ย่อมฟังไม่ขึ้น

หรือทำกระทั่งว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในเวลานี้ทั้งหมดจะทำการแปลคำพูดของตนเองมารวบรวมเป็นเอกสาร หรือเย็บเป็นเล่มออกมาเผยแพร่

ที่สำคัญในคำแปลดังกล่าวจะมีการตั้งข้อสังเกตในคำพูดนำไปสู่ข้อกังขากันด้วย คาดว่าจะมุ่งมั่นทำให้สำเร็จภายในวันสองวันข้างหน้านี้

แต่อย่างไรก็ดีประเด็นที่ต้องพิจารณากันอย่างเข้มงวดตามมาก็คือ คำพูดของจักรภพ มีเจตนาแอบแฝงอย่างไร และพูดอย่างนั้นทำไม

ขณะเดียวกันถ้าเลือกมองเฉพาะผลทางการเมืองที่แยกออกมามั่นใจได้ว่าย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน เหมือนกับลูกตุ้มเหล็กที่พุ่งกระแทกใส่ดังโครม ก็ต้องหาทางเบี่ยงหลบให้บาดเจ็บน้อยที่สุด

และในช่วงสถานการณ์กำลังหวาดเสียวกันอยู่นั้น “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ออกมาเปิดโปงขบวนการ “ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า” โพล่งขึ้นมาอีก มันก็ยิ่งทำให้คิดไปต่างๆนานา

เพราะคำพูดของ “บิ๊กจิ๋ว” ซึ่งถือว่าเป็น “กูรู” คนหนึ่งด้านลัทธิคอมมิวนิสต์และเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังคำสั่ง 66/23 ในอดีตได้ออกมาสำทับอีกว่า มีขบวนการบ่อนทำลายประเทศโดยใช้ระบบเผด็จการรัฐสภาเป็นเครื่องมือดำเนินยุทธวิธีแนวร่วมเพื่อก่อสงครามกลางเมืองเพื่อเปลี่ยนรูปแบบของประเทศจากราชอาณาจักรไปเป็นสาธารณรัฐโดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นอาวุธหลัก

ในความหมายของ “บิ๊กจิ๋ว” ก็คือปัจจุบันนี้ยังมี คอมมิวนิสต์บางกลุ่มในอดีตที่พ่ายแพ้สงครามกลางเมือง สงครามประชาชนหลังจากกองทัพแห่งชาติปฏิบัติตามนโยบาย 66 /23 ยังดื้อรั้นยังไม่เลิกล้มความตั้งใจดังกล่าว

เรียกคนกลุ่มนี้ว่า “ขบวนการสาธารณรัฐ”

เมื่อพิจารณาคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้พร้อมเชื่อมโยงกับพฤติกรรมอันลับๆล่อๆของบุคคลในระบอบทักษิณบางคนในอดีตมันก็ชวนให้สงสัย

ประกอบกับเวลานี้ยังเป็นช่วงการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพยายามอิงเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ว่ากันว่าเอื้อประโยชน์ให้กับระบอบทักษิณ ที่เปิดทางให้ใช้ระบบอำนาจแบบเผด็จการรัฐสภากันอย่างเอาจริงเอาจังเสียอีก

โดยแบะท่าจะเสนอขอรวบรัดแก้ไขในช่วงเปิดสภาสมัยวิสามัญกันในต้นเดือนหน้าเลยทีเดียว

เสมือนจงใจให้เกิดการเผชิญหน้า สร้างความแตกแยกในสังคม หรือก่อให้เกิดการปะทะของประชาชนอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ดีนาทีนี้ต้องแยกกันคนละส่วนระหว่างคำบรรยายของ จักรภพ กับข้อมูลของ พล.อ.ชวลิต เนื่องจากยังไม่เห็นทางว่าจะเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันตรงไหน

แต่ถ้าพิจารณาจากปฏิกิริยาสังคมเวลานี้รับรองว่าย่อมไปในทางลบมากขึ้นทุกที นอกเหนือจากการพิจารณาเรื่องผลงานของรัฐบาลที่ไม่เอาอ่าว

การทำงานของรัฐมนตรีถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน

ในทางตรงกันข้ามยังท้าตี ท้าต่อยชาวบ้านไปทั่ว ทำให้เกิดความตึงเครียดให้สังคมโดยไม่จำเป็น

ดังนั้นเมื่อทุกอย่างไม่เป็นใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ดันมีเรื่องของ จักรภพ ประดังเข้ามาเพิ่มความเสี่ยงเข้ามาเพิ่มเติมอีก

บางครั้งมันก็ต้องถึงคราวที่ต้องสละอวัยวะบางส่วนทิ้งไป เพื่อประคองรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ก่อน ขณะเดียวกันถ้าพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาแล้วถือว่าคนๆนี้เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งในกระดานที่ไร้ความหมาย

ที่ผ่านมาถ้าโฟกัสให้ดีแล้ว การให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกับจักรภาพ อาจจะเป็นการบำเหน็จตอบแทนที่สามารถเคลื่อนไหวในนามกลุ่มม็อบ นปก.สร้างความรำคาญให้กับ “ผู้มีบารมี” บางคนเท่านั้น

แต่มาถึงปัจจุบันเบี้ยตัวนี้น่าจะไร้ประโยชน์ แถมยังทำตัว “ล่อเป้า” รายวัน มันก็ยิ่งต้องพิจารณาตัดสินใจกันเสียที

ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหากมีข่าวแว่วๆมาจากแดนไกลว่า เห็นทีจะต้อง “ตอนเพ็ญ” มันเสียก่อน ก่อนที่ทุกอย่างจะพาพังกันทั้งขบวน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น