“สนธิ” ย้ำเตือนภารกิจศักดิ์สิทธิ์ปกป้องชาติบ้านเมือง ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขัดขวางไม่ให้กลุ่มซ้ายอกหักจับมือกับกลุ่มทุนสามานย์คุกคามบ่อนทำลายเพื่อจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ และมีเป้าหมายเพื่อให้บางคนได้เป็นประธานาธิบดีได้สำเร็จ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.เวลาประมาณ 22.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานฯ อีกครั้ง โดยตั้งคำถามไปถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรับมนตรี ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าปล่อยให้กุ๊ยที่อุดรธานีทำร้ายประชาชนได้อย่างไร
นายสนธิ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.) ในระหว่างการแถลงข่าวจะเชิญผู้สื่อข่าวต่างประเทศมาดูหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า พวกคุณเป็นรัฐบาลกุ๊ย และเป็นการชี้ให้เห็นว่ากุ๊ยพวกนี้รุมทำร้ายประชาชนที่ไม่มีทางสู้ รวมทั้งจะมีการร้องเรียนไปที่คณะกรรมการสิทธิมนุษชนของสหประชาชาติด้วย
นายสนธิ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้จ้างกุ๊ย นปก.และคนของระบอบทักษิณในจังหวัด ซึ่งสรุปแล้วก็คือมีทั้งกุ๊ยในระบบคือรัฐบาลและกุ๊ยนอกระบบมาทำร้ายประชาชน
“ถึงเวลาต้องปฏิวัติสังคมแล้ว อย่าบังคับให้ประชาชนไม่มีทางเลือก เมื่อเลือดเข้าตาก็จะสู้ทุกรูปแบบ จะเกิดการนองเลือด ซึ่งนายสมัครจะต้องรับผิดชอบ” นายสนธิระบุ
จากนั้น นายสนธิได้แสดงแผนภูมิเพื่อชี้ให้เห็นถึงขบวนการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อนำประเทศไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ โดยชี้ให้เห็นว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มซ้ายอกหัก กับกลุ่มทุนสามานย์ ซึ่งกลุ่มซ้ายอกหักเป็นกลุ่มที่เคยเข้าป่าและยังยึดมั่นในอุดมการณ์ลัทธิมาร์กซ์ไม่เปลี่ยนแปลงแล้วมาร่วมมือกับกลุ่มทุนสามานย์ที่มีความโลภทำทุกอย่างเพื่อหากำไรสูงสุด ดังนั้นทั้งสองกลุ่มจึงพึ่งพาอาศัยกัน
นายสนธิ กล่าวว่า เมื่อทั้งสองกลุ่มมาจับมือกันและเมื่อได้อำนาจรัฐแล้วก็สร้างความมั่งคั่งด้วยการขยายทุน ทั้งในเรื่องการคอร์รัปชัน แปรรูปรัฐวิสาหกิจ เช่น แปรรูป ปตท.โดยใช้นอมินีเข้าไปถือหุ้นแล้วนำกำไรปีละ 2 แสนบ้านมาแบ่งกัน จับมือทุนต่างชาติ
นายสนธิ ชี้ให้เห็นอีกว่า ทุนสามานย์ใช้การเมืองเป็นเครื่องมือ เมื่อได้เสียงข้างมากก็เข้าไปยึดอำนาจนิติบัญญัติ เพื่อแก้กฎหมายที่เห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อความร่ำรวยและอำนาจของตัวเอง คุกคามองค์กรอิสระ ยึดกลไกรัฐ เช่น ผู้ว่าฯ ตำรวจ และซื้อแม้กระทั่งทหารบางส่วน ซึ่งกลุ่มซ้ายอกหักมีหน้าที่สนับสนุนทางความคิดและทฤษฎีให้กลุ่มทุนสามานย์และทำตามความฝันของตัวเอง คือ ทำงานใต้ดินเพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่นเว็บไซต์ ใบปลิวต่างๆ ที่ทำมาตั้งแต่ปี 2544
นายสนธิ ยังชี้ให้เห็นว่า กลุ่มต่อมาที่ร่วมกันคือกลุ่มนักวิชาการเอ็นจีโอ ทั้งในและต่างประเทศ และกลุ่มสุดท้ายที่นำมาใช้คือกลุ่มกุ๊ย และ นปก.พร้อมยกตัวอย่างกรณีของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ก็เป็นพูดโดยถูกป้อนข้อมูลโดยกลุ่มนักวิชาการกลุ่มนี้นั่นเอง และว่าการที่ไปบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นการจงใจ เพื่อจงใจโยงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ขณะเดียวกัน กลับอุ้มชูระบอบทักษิณ โดยยกตัวอย่างให้เห็นว่า ขณะที่ น.ส.ดารณี กล่าวโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเมื่อพูดถึงระบอบทักษิณก็จะใช้คำว่าคุณทักษิณทุกครั้ง
“เวลานี้ทุกอย่างที่เคยดำเนินการในยุคพรรคไทยรักไทยได้ถูกผ่องถ่ายมาเป็นพรรคพลังประชาชนหมดแล้ว ดังนั้น เงิน ผลประโยชน์ บวกความฝัน บวกการจัดตั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐแล้วมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี แล้วเมื่อมีการเลือกตั้งที่ใช้เงินหว่าน ดังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี” นายสนธิ ระบุ และว่านี่คือเหตุผลที่เราต้องลุกขึ้นมาสู้ เพราะเป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์