มีผู้ถามด้วยความหวังดีว่า “หากจะทำลายพันธมิตรฯ ต้องทำอย่างไร?” ซึ่งผมก็ตอบไปว่า ถ้าเป็นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คุณก็ต้องทำลายคุณสนธิ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ คุณทำลายพันธมิตรฯ ไม่ได้หรอก เพราะพันธมิตรฯ มีสถานภาพของความเป็นองค์อำนาจเรียบร้อยแล้ว
องค์อำนาจนี้ มีความเป็นระบบอยู่ภายใน ดำรงอยู่ในรูปของกระบวนการหรือกฎเกณฑ์ที่มีความเป็นอิสระ มีชีวิตชีวา และมีความเป็นเอกภาพครบสมบูรณ์ในตัวแล้ว อันประกอบด้วย ปัญญาแกน แกนนำ และ มวลมหาชน
องค์ประกอบทั้งสามนี้ เชื่อมโยงถึงกัน อิงอาศัยซึ่งกันและกัน เป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังขับเคลื่อนจากภายในของตนเองที่เรียกว่า “ปัญญา” (ปัจจุบันนี้ ได้พัฒนาขึ้นมาสู่ความเป็น “ปัญญาแกน”เรียบร้อยแล้ว) อย่างมีชีวิตชีวา และทรงพลวัตยิ่ง
ณ วันนี้ ไม่มีพลังอำนาจใดสามารถหยุดยั้งการขับเคลื่อนนี้ได้ เพราะมันเป็นองค์รวมแห่งอำนาจปัญญาใหญ่ ที่ “ถักทอก่อเกิด” ขึ้นมาในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้ ตามวิถีที่มีความเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง คือ
1. แกนนำ ใช้การจุดเทียนปัญญานำมวลมหาชนเคลื่อนไหวต่อสู้
2. มวลมหาชน ตื่นตัวขึ้นมาแล้วไม่ยอมหลับใหลอยู่กับความไม่รู้ต่อไป พากันรวมตัวกันเข้า ร่วมกันคิดร่วมกันทำ ขยายเครือข่ายพันธมิตรฯ ด้วยการจุดเทียนปัญญาต่อๆ กันไป เกิดการปะทุของปัญญาร่วมและอัจฉริยภาพรวมหมู่อย่างไม่ขาดสาย
3. ปัญญาร่วมและอัจฉริยภาพรวมหมู่ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเคลื่อนไหวต่อสู้ ก็หลอมตัวกันเข้า ยกระดับขึ้นสู่ความเป็น ปัญญาแกน โดยแกนนำทุกระดับใช้ชี้นำและกำกับการขับเคลื่อนของพันธมิตรฯ ให้เดินไปได้ถูกทิศทาง และประสบชัยชนะได้ในทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ก่อนอื่นใดก็คือ สามารถล้างการเมืองเก่า และสร้างการเมืองใหม่ได้สำเร็จในที่สุด
องค์อำนาจพันธมิตรฯ แสดงให้เห็นเป็นผังภูมิได้ดังนี้
ปัญญาแกน หมายถึง จิตใจ ภูมิปัญญา และท่วงทำนองของชาวพันธมิตรฯ
แกนนำ หมายถึง แกนนำทุกระดับ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ทำหน้าที่จุดเทียนปัญญา กระตุ้นอัจฉริยภาพของมวลมหาชน ใช้อำนาจนำในกรอบการกำกับของมวลมหาชน
มวลมหาชน หมายถึงชาวพันธมิตรฯ ทั้งในและต่างประเทศ เป็นผู้ใช้อำนาจเบื้องล่างกำกับการใช้อำนาจเบื้องบน โดยผ่านกระบวนการ “ประชาธิปไตยมวลมหาชน” ซึ่งก็คือ การลงมติในที่ประชุมสภาแกนนำพันธมิตรฯ และที่ชุมนุมใหญ่ชาวพันธมิตรฯ ทำการลงมติและขอฉันทานุมัติ ในเรื่องสำคัญๆ เช่น การตั้งพรรคการเมืองใหม่เมื่อวันที่ 24-25 พ.ค. 2552
ลักษณะขององค์อำนาจพันธมิตรฯ คือ
1. มีลักษณะเปิดกว้าง ทรงพลวัต (Open & Dynamic)
2. มีลักษณะเคลื่อนไหวปฏิบัติในตัวเอง (ด้วยความริเริ่มของตนเอง)
3. มีลักษณะมวลมหาชน (ประชาชนเป็นเจ้าภาพ)
การปรากฏขึ้นขององค์อำนาจนี้ เป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่า เราชาวพันธมิตรฯ เดินมาถูกทางแล้ว ขบวนการการเมืองภาคประชาชน นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นับวันเติบใหญ่ ทรงพลานุภาพ ยิ่งทำก็ยิ่งโต แตกแขนงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นองค์อำนาจแห่งธรรมที่ไม่มีใครขัดขวางและทำลายได้
เริ่มจากจุดเล็กๆ ของเทียนปัญญา มาเป็นองค์อำนาจมหึมา สอดคล้องอย่างยิ่งกับกฎเกณฑ์พัฒนาการของสังคมโลกและสังคมไทย สามารถขยายตัวเติบใหญ่ไปได้ตามกาลเวลาที่ขับเคลื่อน และตามเจตนารมณ์ร่วมกันของมวลมหาชนชาวไทยอย่างแท้จริง
องค์อำนาจนี้ มีความเป็นระบบอยู่ภายใน ดำรงอยู่ในรูปของกระบวนการหรือกฎเกณฑ์ที่มีความเป็นอิสระ มีชีวิตชีวา และมีความเป็นเอกภาพครบสมบูรณ์ในตัวแล้ว อันประกอบด้วย ปัญญาแกน แกนนำ และ มวลมหาชน
องค์ประกอบทั้งสามนี้ เชื่อมโยงถึงกัน อิงอาศัยซึ่งกันและกัน เป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังขับเคลื่อนจากภายในของตนเองที่เรียกว่า “ปัญญา” (ปัจจุบันนี้ ได้พัฒนาขึ้นมาสู่ความเป็น “ปัญญาแกน”เรียบร้อยแล้ว) อย่างมีชีวิตชีวา และทรงพลวัตยิ่ง
ณ วันนี้ ไม่มีพลังอำนาจใดสามารถหยุดยั้งการขับเคลื่อนนี้ได้ เพราะมันเป็นองค์รวมแห่งอำนาจปัญญาใหญ่ ที่ “ถักทอก่อเกิด” ขึ้นมาในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้ ตามวิถีที่มีความเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง คือ
1. แกนนำ ใช้การจุดเทียนปัญญานำมวลมหาชนเคลื่อนไหวต่อสู้
2. มวลมหาชน ตื่นตัวขึ้นมาแล้วไม่ยอมหลับใหลอยู่กับความไม่รู้ต่อไป พากันรวมตัวกันเข้า ร่วมกันคิดร่วมกันทำ ขยายเครือข่ายพันธมิตรฯ ด้วยการจุดเทียนปัญญาต่อๆ กันไป เกิดการปะทุของปัญญาร่วมและอัจฉริยภาพรวมหมู่อย่างไม่ขาดสาย
3. ปัญญาร่วมและอัจฉริยภาพรวมหมู่ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเคลื่อนไหวต่อสู้ ก็หลอมตัวกันเข้า ยกระดับขึ้นสู่ความเป็น ปัญญาแกน โดยแกนนำทุกระดับใช้ชี้นำและกำกับการขับเคลื่อนของพันธมิตรฯ ให้เดินไปได้ถูกทิศทาง และประสบชัยชนะได้ในทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ก่อนอื่นใดก็คือ สามารถล้างการเมืองเก่า และสร้างการเมืองใหม่ได้สำเร็จในที่สุด
องค์อำนาจพันธมิตรฯ แสดงให้เห็นเป็นผังภูมิได้ดังนี้
ปัญญาแกน หมายถึง จิตใจ ภูมิปัญญา และท่วงทำนองของชาวพันธมิตรฯ
แกนนำ หมายถึง แกนนำทุกระดับ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ทำหน้าที่จุดเทียนปัญญา กระตุ้นอัจฉริยภาพของมวลมหาชน ใช้อำนาจนำในกรอบการกำกับของมวลมหาชน
มวลมหาชน หมายถึงชาวพันธมิตรฯ ทั้งในและต่างประเทศ เป็นผู้ใช้อำนาจเบื้องล่างกำกับการใช้อำนาจเบื้องบน โดยผ่านกระบวนการ “ประชาธิปไตยมวลมหาชน” ซึ่งก็คือ การลงมติในที่ประชุมสภาแกนนำพันธมิตรฯ และที่ชุมนุมใหญ่ชาวพันธมิตรฯ ทำการลงมติและขอฉันทานุมัติ ในเรื่องสำคัญๆ เช่น การตั้งพรรคการเมืองใหม่เมื่อวันที่ 24-25 พ.ค. 2552
ลักษณะขององค์อำนาจพันธมิตรฯ คือ
1. มีลักษณะเปิดกว้าง ทรงพลวัต (Open & Dynamic)
2. มีลักษณะเคลื่อนไหวปฏิบัติในตัวเอง (ด้วยความริเริ่มของตนเอง)
3. มีลักษณะมวลมหาชน (ประชาชนเป็นเจ้าภาพ)
การปรากฏขึ้นขององค์อำนาจนี้ เป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่า เราชาวพันธมิตรฯ เดินมาถูกทางแล้ว ขบวนการการเมืองภาคประชาชน นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นับวันเติบใหญ่ ทรงพลานุภาพ ยิ่งทำก็ยิ่งโต แตกแขนงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นองค์อำนาจแห่งธรรมที่ไม่มีใครขัดขวางและทำลายได้
เริ่มจากจุดเล็กๆ ของเทียนปัญญา มาเป็นองค์อำนาจมหึมา สอดคล้องอย่างยิ่งกับกฎเกณฑ์พัฒนาการของสังคมโลกและสังคมไทย สามารถขยายตัวเติบใหญ่ไปได้ตามกาลเวลาที่ขับเคลื่อน และตามเจตนารมณ์ร่วมกันของมวลมหาชนชาวไทยอย่างแท้จริง