การประกาศก่อตั้งพรรคของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ กำลังเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยน้ำมือของประชาชนชาวไทย ภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ “ประชาธิปไตยมวลชน” ที่จะทำให้การเมืองใหม่ของประเทศไทยมีความก้าวหน้า สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกๆ ด้านและตลอดไป
เพราะสิ่งที่ชาวพันธมิตรฯ กำลังทำอยู่สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ที่ต้องการพาตนเองให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์การเมืองเก่า อีกทั้งสอดคล้องกับลักษณะยุคสมัยที่อำนาจประชาชน (ในรูปแบบต่างๆ เช่น การรักษาสิทธิ และการทำหน้าที่ของพลเมือง) กำลังเติบใหญ่ขึ้นเป็น “อำนาจกำหนดใหม่” ของสังคมโลก
สิ่งที่จะช่วยอธิบายให้เห็นพัฒนาการของ “อำนาจกำหนดใหม่”ในประเทศไทย ก็คือ 3 ปรากฏการณ์สำคัญบนเส้นทางการต่อสู้ของประชาชนชาวไทยภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่ปลายปี 2548 เป็นต้นมา อันได้แก่ 1. ปรากฏการณ์สนธิ 2. ปรากฏการณ์พันธมิตรฯ และ 3.ปรากฏการณ์การเมืองใหม่
ทั้ง 3 ปรากฏการณ์มีความเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน เป็นกระบวนการพัฒนาต่อเนื่องที่มีความเป็นเอกภาพกันในตัว โดยสามารถอธิบายให้เห็นถึงนัยสำคัญของปรากฏการณ์ทั้ง 3 ได้ดังนี้
1. นัยสำคัญของปรากฏการณ์สนธิ ( ก.ย. 48 - 9 ก.พ. 49)
การจุดเทียนปัญญาดวงแรกของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำไปสู่การเกิดขึ้นของเทียนปัญญาล้านดวง สาดแสงส่องสว่างไปทั่วฟ้าเมืองไทย เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของทักษิณ ชินวัตร มีผู้เห็นด้วย พากันเข้าร่วมและสนับสนุนอย่างล้นหลามในชั่วระยะเวลาอันสั้น ให้สัญญาณชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้
2. นัยสำคัญของปรากฏการณ์พันธมิตรฯ
ห้วงที่หนึ่ง (9 ก.พ. – 19 ก.ย. 49)
ขบวนการการเมืองภาคประชาชนก้าวขึ้นสู่เวทีบนฐานของปรากฏการณ์สนธิ มีการก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีคุณสนธิและผู้นำจากสายงานต่างๆของขบวนการการเมืองภาคประชาชนประกอบกันเข้าเป็นแกนนำ เกิดการนำรวมหมู่ ดำเนินการต่อสู้ สานต่อและขยายแนวทางการต่อสู้ ยกระดับเป้าหมายจากการเปิดโปง เป็นการขับไล่ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับชี้ให้เห็นถึงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ ที่มีต่อประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ปรากฏมีผู้เข้าร่วมและสนับสนุนพันธมิตรฯ จำนวนเพิ่มขึ้นมาก จนเป็นที่หวาดหวั่นของกลุ่มการเมืองในระบอบทักษิณ
ห้วงที่สอง (25 พ.ค.- 2 ธ.ค. 51)
ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยกระดับการต่อสู้จากการต่อต้านการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญบางมาตรา เป็นขับไล่รัฐบาลนอมินี โค่นล้มระบอบทักษิณ แกนกลางของระบบการเมืองเก่าในเวลานั้น อีกทั้งในระหว่างนั้น ก็ได้มีการนำเสนอการเมืองใหม่ให้เป็นทางออกของประเทศไทยด้วย เสียง “ล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่” โดย “ประชาชนเป็นเจ้าภาพ” ดังกระหึ่มขานรับกันอยู่ตลอดเวลา ณ ที่ชุมนุม และได้กระจายไปทั่วทั้งในและต่างประเทศ ผ่านระบบสื่อสารยุคใหม่ทั้งเอเอสทีวี วิทยุชุมชน และอินเทอร์เน็ต
ภายหลังการล้มครืนของรัฐบาลนอมินี ตัวแทนของระบอบทักษิณ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศ ได้เคลื่อนไหวชุมนุมกันในรูปแบบต่างๆ อย่างคึกคักต่อเนื่อง สานต่อแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่ เกิดประกายความคิดเรื่องการตั้งพรรคการเมือง ซึ่งได้รับการขานรับจากทุกภาคส่วนอย่างรวดเร็วดุจไฟลามทุ่ง จนกระทั่งแกนนำพันธมิตรฯ ต้องแสดงท่าทีสนับสนุนและเห็นด้วย พร้อมกับนัดหมายทำการประชุมสภาพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ พิจารณาข้อเสนอดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 พ.ค.52 โดยที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้ตั้งพรรคการเมือง มีสถานภาพเป็นเครื่องมือสำคัญอีกอย่างหนึ่งของพันธมิตรฯ เฉกเช่นเอเอสทีวี อันเป็นการสร้างความพร้อมให้มากยิ่งขึ้นสำหรับการขับเคลื่อนกระบวนการการเมืองใหม่ ต่อสู้เอาชนะการเมืองเก่า และสร้างการเมืองใหม่ได้ในที่สุด
ต่อมาในวันที่ 25 พ.ค. 52 มติดังกล่าวก็ได้รับการรับรองด้วยฉันทามติจากที่ชุมนุมใหญ่ของชาวพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ณ สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต
ทั้งหมดนั้นนับเป็นการเริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบของระบบการใช้อำนาจตัดสินใจของพันธมิตรฯ ที่ยึดถือเอาการใช้อำนาจจากเบื้องล่างเป็นฐาน เป็นระบบการใช้อำนาจแบบใหม่ที่พันธมิตรฯ ริเริ่มและพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้เป็นระบบการใช้อำนาจแบบใหม่ ที่เรียกกันว่า “ระบบประชาธิปไตยมวลชน” เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาขยายตัวของพันธมิตรฯ และเป็นหัวใจของการเมืองใหม่ ในรูประบบอำนาจกำหนดใหม่ที่จะเข้าแทนที่ระบบอำนาจกำหนดเก่าต่อไปในอนาคต
ระบบนี้มีนัยของความเป็นแก่นแกนของการเมืองใหม่ มีนัยของประชาธิปไตยประชาชนยิ่งกว่าประเทศใดๆ เป็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของมวลชนชาวพันธมิตรฯ อย่างแท้จริง
ระบบนี้จะประกันให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคการเมืองของตน หรือกระทั่งรัฐบาลที่พรรคพันธมิตรฯ เป็นแกนนำ สามารถปฏิบัติภาระหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สะอาดโปรงใส ไร้มลทิน ยังประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมวลประชามหาชน เจ้าของอำนาจกำหนดใหม่อย่างแท้จริง
3. นัยสำคัญของปรากฏการณ์การเมืองใหม่ (25 พ.ค. 52- ปัจจุบัน)
การประกาศก่อตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ส่งผลสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วแผ่นดิน มีเสียงขานรับอย่างเซ็งแซ่จากวงการต่างๆ อย่างกว้างขวางและฉับพลันทันใด นั่นหมายถึงว่า การประกาศก่อตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ได้เปิดมิติใหม่ทางการเมืองให้แก่สังคมไทยแล้ว
เพราะสิ่งที่ชาวพันธมิตรฯ กำลังทำอยู่สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ที่ต้องการพาตนเองให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์การเมืองเก่า อีกทั้งสอดคล้องกับลักษณะยุคสมัยที่อำนาจประชาชน (ในรูปแบบต่างๆ เช่น การรักษาสิทธิ และการทำหน้าที่ของพลเมือง) กำลังเติบใหญ่ขึ้นเป็น “อำนาจกำหนดใหม่” ของสังคมโลก
สิ่งที่จะช่วยอธิบายให้เห็นพัฒนาการของ “อำนาจกำหนดใหม่”ในประเทศไทย ก็คือ 3 ปรากฏการณ์สำคัญบนเส้นทางการต่อสู้ของประชาชนชาวไทยภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่ปลายปี 2548 เป็นต้นมา อันได้แก่ 1. ปรากฏการณ์สนธิ 2. ปรากฏการณ์พันธมิตรฯ และ 3.ปรากฏการณ์การเมืองใหม่
ทั้ง 3 ปรากฏการณ์มีความเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน เป็นกระบวนการพัฒนาต่อเนื่องที่มีความเป็นเอกภาพกันในตัว โดยสามารถอธิบายให้เห็นถึงนัยสำคัญของปรากฏการณ์ทั้ง 3 ได้ดังนี้
1. นัยสำคัญของปรากฏการณ์สนธิ ( ก.ย. 48 - 9 ก.พ. 49)
การจุดเทียนปัญญาดวงแรกของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำไปสู่การเกิดขึ้นของเทียนปัญญาล้านดวง สาดแสงส่องสว่างไปทั่วฟ้าเมืองไทย เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของทักษิณ ชินวัตร มีผู้เห็นด้วย พากันเข้าร่วมและสนับสนุนอย่างล้นหลามในชั่วระยะเวลาอันสั้น ให้สัญญาณชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้
2. นัยสำคัญของปรากฏการณ์พันธมิตรฯ
ห้วงที่หนึ่ง (9 ก.พ. – 19 ก.ย. 49)
ขบวนการการเมืองภาคประชาชนก้าวขึ้นสู่เวทีบนฐานของปรากฏการณ์สนธิ มีการก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีคุณสนธิและผู้นำจากสายงานต่างๆของขบวนการการเมืองภาคประชาชนประกอบกันเข้าเป็นแกนนำ เกิดการนำรวมหมู่ ดำเนินการต่อสู้ สานต่อและขยายแนวทางการต่อสู้ ยกระดับเป้าหมายจากการเปิดโปง เป็นการขับไล่ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับชี้ให้เห็นถึงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ ที่มีต่อประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ปรากฏมีผู้เข้าร่วมและสนับสนุนพันธมิตรฯ จำนวนเพิ่มขึ้นมาก จนเป็นที่หวาดหวั่นของกลุ่มการเมืองในระบอบทักษิณ
ห้วงที่สอง (25 พ.ค.- 2 ธ.ค. 51)
ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยกระดับการต่อสู้จากการต่อต้านการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญบางมาตรา เป็นขับไล่รัฐบาลนอมินี โค่นล้มระบอบทักษิณ แกนกลางของระบบการเมืองเก่าในเวลานั้น อีกทั้งในระหว่างนั้น ก็ได้มีการนำเสนอการเมืองใหม่ให้เป็นทางออกของประเทศไทยด้วย เสียง “ล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่” โดย “ประชาชนเป็นเจ้าภาพ” ดังกระหึ่มขานรับกันอยู่ตลอดเวลา ณ ที่ชุมนุม และได้กระจายไปทั่วทั้งในและต่างประเทศ ผ่านระบบสื่อสารยุคใหม่ทั้งเอเอสทีวี วิทยุชุมชน และอินเทอร์เน็ต
ภายหลังการล้มครืนของรัฐบาลนอมินี ตัวแทนของระบอบทักษิณ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศ ได้เคลื่อนไหวชุมนุมกันในรูปแบบต่างๆ อย่างคึกคักต่อเนื่อง สานต่อแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่ เกิดประกายความคิดเรื่องการตั้งพรรคการเมือง ซึ่งได้รับการขานรับจากทุกภาคส่วนอย่างรวดเร็วดุจไฟลามทุ่ง จนกระทั่งแกนนำพันธมิตรฯ ต้องแสดงท่าทีสนับสนุนและเห็นด้วย พร้อมกับนัดหมายทำการประชุมสภาพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ พิจารณาข้อเสนอดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 พ.ค.52 โดยที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้ตั้งพรรคการเมือง มีสถานภาพเป็นเครื่องมือสำคัญอีกอย่างหนึ่งของพันธมิตรฯ เฉกเช่นเอเอสทีวี อันเป็นการสร้างความพร้อมให้มากยิ่งขึ้นสำหรับการขับเคลื่อนกระบวนการการเมืองใหม่ ต่อสู้เอาชนะการเมืองเก่า และสร้างการเมืองใหม่ได้ในที่สุด
ต่อมาในวันที่ 25 พ.ค. 52 มติดังกล่าวก็ได้รับการรับรองด้วยฉันทามติจากที่ชุมนุมใหญ่ของชาวพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ณ สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต
ทั้งหมดนั้นนับเป็นการเริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบของระบบการใช้อำนาจตัดสินใจของพันธมิตรฯ ที่ยึดถือเอาการใช้อำนาจจากเบื้องล่างเป็นฐาน เป็นระบบการใช้อำนาจแบบใหม่ที่พันธมิตรฯ ริเริ่มและพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้เป็นระบบการใช้อำนาจแบบใหม่ ที่เรียกกันว่า “ระบบประชาธิปไตยมวลชน” เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาขยายตัวของพันธมิตรฯ และเป็นหัวใจของการเมืองใหม่ ในรูประบบอำนาจกำหนดใหม่ที่จะเข้าแทนที่ระบบอำนาจกำหนดเก่าต่อไปในอนาคต
ระบบนี้มีนัยของความเป็นแก่นแกนของการเมืองใหม่ มีนัยของประชาธิปไตยประชาชนยิ่งกว่าประเทศใดๆ เป็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของมวลชนชาวพันธมิตรฯ อย่างแท้จริง
ระบบนี้จะประกันให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคการเมืองของตน หรือกระทั่งรัฐบาลที่พรรคพันธมิตรฯ เป็นแกนนำ สามารถปฏิบัติภาระหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สะอาดโปรงใส ไร้มลทิน ยังประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมวลประชามหาชน เจ้าของอำนาจกำหนดใหม่อย่างแท้จริง
3. นัยสำคัญของปรากฏการณ์การเมืองใหม่ (25 พ.ค. 52- ปัจจุบัน)
การประกาศก่อตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ส่งผลสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วแผ่นดิน มีเสียงขานรับอย่างเซ็งแซ่จากวงการต่างๆ อย่างกว้างขวางและฉับพลันทันใด นั่นหมายถึงว่า การประกาศก่อตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ได้เปิดมิติใหม่ทางการเมืองให้แก่สังคมไทยแล้ว