xs
xsm
sm
md
lg

“พันธมิตรฯ” ปัดข้อเสนอตั้งพรรคการเมือง ชู “ประชาภิวัฒน์” ผ่าทางตัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมศักดิ์ โกศัยสุข
แกนนำพันธมิตรฯ ย้ำจุดยืน “รัฐบาลประชาภิวัฒน์” ผ่าทางตันวิกฤตการเมือง ค้านแก้ รธน.เพื่อผลประโยชน์พวกพ้องหัวชนฝา ปฏิเสธข้อเสนอนักวิชาการตั้งพรรคการเมือง ไม่ยอมรับนายกฯ “สมชาย” หรือคนของ พปช. ชี้หนีไม่พ้น “นอมินีแม้ว”

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แถลงข่าว 

วันนี้ (15 ก.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเสนอของพันธมิตรในการจัดตั้งรัฐบาลประชาภิวัฒน์ โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดรายระเอียดรูปแบบที่ชัดเจนเพียงแต่เราชี้ให้เห็นถึงเป้าหมายของพันธมิตรโดยต้องรอฟังความเห็นจากหลายๆภาคส่วนโดยหลักการของรัฐบาลประชาภิวัฒน์นั้นจะต้องเป็นรัฐบาลที่มีผู้บริหารที่ไม่ทุจริตไม่โกงเป็นคนดีเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมและที่สำคัญจะต้องมีประชาชนจากถุงภาคส่วนเข้าร่วม รวมถึงสามารถตรวจสอบและสามารถถอดถอนได้ง่ายไม่ใช่มีลักษณะแบบเก่าๆที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ไม่มีการถ่วงดุลและซึ่งถือเป็นเผด็จการไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง

ผู้สื่อข่าวถามว่าพันธมิตรคาดหวังหรือไม่ว่าข้อเสนอจะถูกรัฐบาลนำไปพิจารณา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของรัฐบาลว่าจะนำไปพิจารณาหรือไม่แต่เชื่อว่าพลังของประชาชนจะร่วมกันผลักดันกันอย่างเต็มที่ ทุกวันนี้สภาและนักการเมืองแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มมีอิทธิพลและกลุ่มทุนที่เข้ามายึดครองสภา แต่กลับไม่มีตัวแทนภาคประชาชนที่เป็นคนส่วนใหญ่ นักวิชาการ ผู้ประกอบอาชีพอิสระไม่มีพื้นที่ปรากฏในประวัติศาสตร์เพราะหากมีการหลักดันจากภาคประชาชนเชื่อว่า เป็นใครก็ตามก็จะต้องรับฟังประเด็นนี้ ซึ่งถือเป็นประชาธิปไตยทางตรง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรายังจะต้องรับฟังผู้เชี่ยวชาญทั้งเรื่องกฎหมายมหาชน นักรัฐศาสตร์ และทุกภาคส่วน หากพูดไปล่วงหน้าก็จะเป็นการตั้งประเด็นหรือทิศทาง ที่ไม่ผ่านความเห็นจากผู้ชุมนุมก็จะกลายเป็นความเห็นที่ผิดพลาด ดังนั้นตนจึงเชื่อว่า คนดีในประเทศไทยยังมีอีกมาก เราไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก จะเห็นได้จากข้อเสนอจากประชาชน ทำให้เราเห็นแสงสว่างซึ่งก็ไม่ยาก แต่เราก็ต้องนำข้อเสนอมาประมวล เพราะบางข้อเสนออาจมีความขัดแย้งกัน เช่นข้อเสนอไม่ให้มีเผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภา การฉ้อฉลของนักการเมือง เป็นต้น

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ผู้ที่จะมาเป็นนักการเมือง ส.ส. ส.ว. ต้องมาจากหลายกลุ่มอาชีพไม่ใช่เลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเห็นว่าผู้แทนจากกลุ่มอาชีพต่างๆ ไม่สามารถมีโอกาสเข้ามาเป็นผู้แทนได้เลย ส่วนการกำหนดสัดส่วนจะเป็นเท่าไหร่นั้นจะต้องรอฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่ายซึ่งทุกคนเห็นตรงกันว่า หากให้มีการเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะเกิดการครอบงำในสภาทั้งหมดได้ง่ายโดยเป็นไปตามคำสั่งของนายทุน ทำให้ประเทศชาติเสียหายสำหรับสัดส่วน 70/30 ที่พันธมิตรเคยเสนอไว้เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น เพื่อให้รู้ว่าไม่ต้องการที่จะให้มีการเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็น

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จุดมุ่งหมายเดิมของพันธมิตรคือ ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และเรียกร้องให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนออกไป จากการบริหารประเทศซึ่งตรงนี้พรรคพลังประชาชน ก็ไม่รับฟังยังพยายามที่จะดำเนินการอยู่ หากพันธมิตรไม่ออกมาหรือชุมนุมต่อต้านรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ก็คงแก้ไขเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องรวมไปถึงกระบวนการยุติธรรม ก็จะพังทลายเพราะว่าเป็นกระบวนการสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม หากการเมืองใหม่หรือรัฐบาลประชาภิวัฒน์ถึงขั้นที่ จะต้องแก้รัฐธรรมนูญถึงที่มาของการได้รัฐบาลใหม่นั้น พล.ต..จำลองเห็นว่า ประเด็นนี้ยังไม่สามารถที่จะพูดในรายละเอียดถึงขั้นนั้นได้ หากพูดแล้วจะกลายเป็นเข้าใจผิดว่า จะแก้ไขอย่างไรหรือแก้ไขหรือไม่ แต่พรรคพลังประชาชนยืนยันที่จะแก้รัฐธรรมนูญในมาตรา ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือพวกพ้องทั้งมาตรา 309 ม.237 และม.190 ที่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้ทำผิดทางกฎหมายไว้

ทั้งนี่แนวคิดต่างๆ ที่พันธมิตรได้รับข้อเสนอในการจัดทำการเมืองใหม่ ทั้งในรูปของจดหมายหรือบทความต่างๆ หรือเอกสารเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน ดังนั้นหากตนไปพูดก่อนล่วงหน้าว่า จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับการเมืองใหม่ ขณะเดียวกันก็ยอมรับข้อเสนอจากนักวิชาการ ในเรื่องของการเมืองใหม่นี้เช่นกัน เพราะข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นนี้นั้นเป็นเพียงแนวทางหนึ่งของนักวิชาการเพราะหากเราพูดไปก็จะเป็นการผิดพลาด เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจน

“เราไม่มีบทบาทในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรามีบทบาทในการต่อต้านคนที่ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้องขณะนี้มีผู้รู้ออกมาเสนอหลายแนวทาง พันธมิตรก็เพียงมีบทบาท ในการชุมนุมเรียกร้องผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต่างๆ นักวิชาการต่างๆ รวมทั้งผู้มีบทบาทมีอำนาจหน้าที่ ก็ควรจะช่วยกันออกมาคิดมีปัญหาก็ควรจะออกมาช่วยกันคิด หรือสื่อมวลชนก็น่าจะช่วยกันเขียนบทความเสนอแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่ ไม่ใช่ว่าจะมาสุมปัญหาอยู่ที่หัวเรา(พันธมิตรฯ)ทั้งหมด เราไม่บทบาท เราไม่มีผู้คน เราไม่มีเครื่องมือ เรามีแต่ความจริงใจที่มาช่วยกันกู้ชาติ”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ากรณีที่พรรคพลังประชาชนเสนอ 3ส.โดยเฉพาะนายสมชาย วงค์สวัสดิ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนพวกนี้มาเมื่อไหร่เราก็ขับไล่เมื่อนั้นจะเห็นได้ว่าเมื่อเราไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัคร สุนทรเวช ก็มา เราไล่นายสมัครนายสมชายก็มาหรือไล่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็มา ถ้ายังเป็นลักษณะเช่นนี้พันธมิตรก็มาจนกว่าคนพวกนี้จะออกไปอย่างเบ็ดเสร็จ แต่จะพูดว่าจะดำเนินการกับบุคคลอย่างนี้อย่างไรเนื่องจากต้องฟังจากทุกภาคส่วน

“การเมืองแบบนี้อยู่กับคนที่สั่งว่าเป็นใคร แต่ตรงนี้กลับกลายเป็นว่านำคนครอบครัวเดียวกันมาเป็นนายกฯ มองได้ว่าไม่ใช่เพียงแค่เป็นนอมินี แต่เป็นเจ้าภาพแห่งการโกงเข้ามาโกงต่อ นายสมัครก็เข้ามาเป็นนอมินีอยู่ในบริษัท สื่อมวลชนก็เสนอข่าวว่านายสมชายเป็นสามีของเจ๊แดง ( นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์) อยู่กับทักษิณกับเมีย กับคุณหญิงอ้อ (พจมาน ชินวัตร) ลูกหลานครอบครัวทำมาหากินด้วยกัน ทำไมบ้านเมืองถึงอับจนขนาดนี้ เราไม่ต้องดูพฤติกรรมเขาแล้ว คนที่เคยทำชั่วมาแล้ว คนที่เคยปล้นมาแล้ว เช่น ยกมือใน ครม. ในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ดังนั้น พฤติกรรมหรือกรรมนั้นมันแสดงเจตนา เขาถึงบอกกันว่า กรรมดี คนดีเขาเห็น แต่นี่กรรมชั่ว เราจะไปดูพฤติกรรมอะไร”นายสมศักดิ์ กล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากนายสมชาย จะมาเป็นนายกฯ ตามการสนับสนุนของพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นเรื่องของเขา แต่นี่เป็นเรื่องพันธมิตรฯ เขาเป็นพรรคการเมือง เราไม่ได้มีผลประโยชน์ เราออกมาเสียสละเพื่อบ้านเมือง พรรคนั่นจะเอาคนนี้ พรรคนี้จะเอาคนนั่น เราจะไปขวางเขาได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสนอให้พันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมือง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า นักวิชาการคนนี้ไม่ต้องมาท้า ตนเคยตั้งพรรคการเมืองมาแล้ว การตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องยาก พรรคการเมืองนั้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่เราเป็นภาคประชาชน อย่ามาชวนเสียให้ยาก ตนยืนยันว่าพันธมิตรฯ จะไม่พัฒนาการไปเป็นพรรคการเมือง ถ้ามีตนก็จะไม่เอาด้วย เพราะจะกลายเป็นกลุ่มผลประโยชน์ คนที่ไม่มีเงิน ไม่มีเสียงมากๆ ก็เป็นผู้นำไม่ได้ หากทำก็ถือเป็นการย่ำรอยเดิม พรรคการเมืองใช้วิชามารเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นักวิชาการที่เสนอควรไปตั้งพรรคการเมืองเอง เพราะเรื่องนี้เป็นการเมืองแบบเก่า นักวิชาการพวกนี้จะต่างอะไรกับ ร.ต.อ.เฉลิมที่มีสมองนิดเดียว ที่ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับประเทศไทย รู้เพียงแค่ว่าการเมืองจะต้องมีพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองปัจจุบันกลับกลายเป็นแก๊งค์เป็นก๊วน พวกนี้ก็รู้กันถือเป็นพวกน้ำเน่าทางการเมือง

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรฯ ตั้งแต่ช่วงเข้ายังคงดำเนินไปอย่างปกติ มีแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯ สลับกันขึ้นเวทีปราศรัยและการแสดดนตรี ส่วนผู้ชุมนุมต่างแยกย้ายกันไปทำกิจวัตรประจำวันเข่นทุกเข้า และในช่วงสายพันธมิตรฯได้มีการปรับปรุงพื้นที่ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเนดินโคลนและส่งกลิ่นเหม็นเนาตลบอบอวลมาตลอดระยะเวลาในการชุมนุม โดยผู้ชุมนุมต่างช่วยกันยกพาเหรดไม้ที่ใช้เป็นทางเดินและที่นั่งออก จากนั้นโรยปูนขาว เพื่อฆ่าเชื้อโรคเสร็จ แล้วนำรถกำจัดน้ำเสียและกลิ่นนขไขมัน มาดูดน้ำที่ท่วมขังออก จากนั้นได้นำทรายประมาณ 100 ถุงมาเทกลบดินโคลน

ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ได้รับการสนับสนุนจากวิศวะกรผู้หนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนามมาช่วยออกแบบและออกเงินให้กับพันธมิตรฯ เพื่อช่วยเหลือในการปรับปรุงพื้นที่การชุมนุม เพราะเห็นว่าผู้ชุมนุมนั่งนอนกันลำบาก ซึ่งอาจทำให้เกิดเจ็บป่วยได้
กำลังโหลดความคิดเห็น