ผู้จัดการรายวัน – “สมชาย” ควง “อนุพงษ์-พัชรวาท” แถลงยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังมอบให้ผบ.ทบ.เป็น ผอ.ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมปฏิเสธหวังเรียกคะแนนนิยมก่อนโหวตเลือกตั้งนายกฯ ด้าน “3 ส.”เดินสายขอคำยืนยัน 5 พรรคร่วมหนุน พปช.จัดตั้งรัฐบาล และเป็นผู้สรรหานายกฯ ขณะที่ทุกพรรคต่างประสานเสียงหนุน พปช. “กานต์” เผย ส.ส.พปช.ส่วนใหญ่ ชู “สมชาย”นั่งนายกฯ หากมีปัญหาให้ “สมพงษ์``” เป็นตัวสำรอง ระบุ “หมอเลี้ยบ” หมดสิทธิเพราะติดคดีหวยบนดิน คาดไม่เกิน 3 เดือน พปช.ถูกยุบ “กลุ่มอีสานพัฒนา” ปูด “ก๊กเพื่อนเนวิน” แตกหนีซุกก๊กอื่นแล้ว ด้านลิ่วล้อยี้ห้อยยังเดินหน้าหนุน “เลี้ยบ” อ้างผลสำรวจมีคะแนนนิยมสูงสุด
ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (14 ก.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.พัชราวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร พล.ท. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท. สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เข้าร่วมประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะแนวทางการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551 ที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศเพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้การเข้าร่วมประชุมใช้เวลาหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที
**สมชายแถลงเลิกประกาศภาวะฉุกเฉิน
หลังจากนั้น นายสมชาย พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.พัชราวาท ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไทย และ ต่างประเทศ ที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดย นาย สมชาย แถลงว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย ในพื้นทกรุงเทพฯ โดยมอบหมายให้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น จากสถานการณ์ปัจจุบันได้ประเมินแล้ว เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้มีระดับความรุนแรงลดลง จึงถึงระดับที่เห็นว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบกระเทือน หรือมีความรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนและเห็นว่าถ้าหากยังคงใช้ประกาศ พ.ร.ก.ดังกล่าวอยู่ อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ดังนั้นตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เห็นว่าสมควรที่จะให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งวันนี้ตนจะได้ลงนามในการประกาศยกเลิกดังกล่าว
ทั้งนี้หลังจากยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ แล้วจากนี้จะใช้กฎหมายปกติในการปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์ โดยได้มอบหมายให้ผบ.ทบ.เป็น ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย มีหน้าที่รับผิดชอบรักษาความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งแนวทางการปฏิบัติจะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมี ผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบ ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความไม่สงบภายใน หากเกินกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็สามารถร้องขอทหารเข้าไปช่วยเหลือในลักษณะ ผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
นายสมชายกล่าวว่า สถานการณ์ที่เห็นทุกวันนี้ ไม่ได้มีความรุนแรง หรือ ไม่ได้มีปัญหากระทบกระทั่งระหว่างประชาชน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือการขัดแย้งกันทางความคิด ซึ่งตนถือว่า เป็นเรื่องปกติในบ้านเมือง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น จนกลายเป็นที่มาของการประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว แต่ก็ได้ลดระดับลงไป ไม่มีปัญหากระทบกระเทือนต่อความเรียบร้อย หรือความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะเมืองไทยอยู่ด้วยเหตุผล อย่างไรก็ตามอยากฝากขอร้องให้กลุ่มคนที่ดำเนินกิจกรรมใดๆ ต่างๆ อยู่ในกรอบของกฎหมาย กติกาตามระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนเราเป็นคนไทยด้วยกัน คงต้องหันหน้าเข้าหากัน ทำความเข้าใจกันทุกฝ่าย เพื่อทำให้บรรยากาศในบ้านเมืองดีขึ้น ประเทศชาติเราก็จะมีความสงบร่มเย็นน่าอยู่ต่อไป การขัดแย้งทางความคิด ผมเชื่อว่า ทุกอย่างต้องจบ ลงไปด้วยเหตุผล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีในการนำมาใช้ ไม่ใช่จบลงด้วยชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”
**เรียกร้องความปรองดองในชาติ
นายสมชายบอกว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำบ้านเมืองบอบช้ำเสียหายไปมาก ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว คิดว่าเวลานี้คนไทยทุกคนควร หันหน้าเข้าหากันมาเพื่อเยียวยาสิ่งที่เกิดขึ้น ค้นหาจุดแตกต่างกันให้ได้ ค้นให้เจอ ในฐานะ ที่เป็นรัฐบาล มีหน้าที่ที่ต้องดูแลตรงนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นรัฐบาลชั่วคราวและจะละเลยเพิกเฉย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เป็นโอกาสให้ประเทศ มีความปรองดอง เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง คิดว่า วันนี้ไม่ควรแตกแยก การรบราฆ่าฟันไม่มีประโยชน์ ไม่มีฝ่ายใดแพ้เกิดขึ้นมีปัญหาที่ต้องต่อสู้มากมาย มีเรื่องที่ต้องแก้ไขเช่นภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆ มีปัญหาที่ต้องแก้ไขอีกมากมาย ไม่มีเวลาที่ต้องมานั่งทะเลาะกันและปล่อยให้คนที่ประสบภัยธรรมชาติต้องได้รับความเดือดร้อน คนที่มีความรู้ ต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน
“ผมขอร้องให้เคารพกฎหมาย เหตุผล กติกา เพื่อให้อยู่กันอย่างเป็นสุข ทั้งนี้ การทำทุกอย่างเพื่อชาติ เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักยิ่งของคนในชาติที่ควรคำนึงถึง ต่อจากนี้ ขอให้ทุกอย่างเดินทางไปสู่ความสงบสุข ความสมานฉันท์ เรียกรอยยิ้มของไทยให้กลับมาให้เป็นสยามเมืองยิ้มอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก ต้องเรียกร้องสิ่งนี้กลับคืนมา จากการที่เสียหายทางการท่องเที่ยว”
นายสมชายกล่าวว่า ต่อจากนี้ ขอให้คำนึงถึงถึงการลดใช้ความรุนแรง เข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะบรรยากาศจากนี้ไปจะเข้าสู่งานถวายเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อจัดงานถวายให้สมพระเกียรติ เพื่อให้คนไทยมีหัวใจเดียวกัน มีความจงรักภักดี ต่อจากนั้นก็จะเข้าสู่งานฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
**ผบ.ตร.ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม
นายสมชายแถลงต่อว่า ต่อจากนี้ ผบ.ตร. จะเข้ามาดูแลทุกข์สุข ดูแลผู้ชุมนุม ขอให้ใช้เหตุผลไต่ตรองดีที่สุด รัฐบาลห่วงใยผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้ทุกคนที่อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลออกมาอยู่ข้างนอก เพราะสถานที่ดังกล่าว เป็นสถานที่ราชการ อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณ ผบ.ทบ. และผบ.ตร. ที่ดูแลความเรียบร้อยในประเทศ ในการลดความร้อนแรงลง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เห็นใจผู้ชุมนุม แต่อยากเรียกร้องให้แก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง สิ่งใดที่เป็นเหตุผลให้เอามาใช้ อย่าเอาชนะกัน ช่วยกันทำให้ประเทศ กลับมารุ่งเรือง สงบสุขอีกครั้ง
**ปัดเลิกภาวะฉุกเฉินเรียกคะแนนนิยม
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชนจะทำอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ต้องใช้เหตุผล ในกรอบระเบียบ กติกาและกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าท่าทีในการออกมาแถลงในวันนี้จะสร้างคะแนนนิยมให้เป็น นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ต้องการสร้างคะแนนความนิยมของใคร เป็นเรื่องของบ้านเมือง
เมื่อถามว่าเป็นการสร้างภาพหรือสร้างฐานเสียงก่อนที่จะมีการโหวตเลือก นายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่สร้างอะไรทั้งนั้น แต่ต้องการสร้าง ความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ไม่ได้สร้างภาพอะไร เมื่อถามว่า หากได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีแนวทางในการเจรจาขอร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมนอกทำเนียบฯ ได้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตอนนี้ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าเวลานั้นมาถึงจะบอกแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเวลานั้นใครเป็นใคร
ต่อข้อถามว่ามั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้เพราะในวันที่จะโหวตเลือกนายกฯจะมีผู้มาชุมนุม นายสมชาย กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องในสภา ประธานสภาเป็นผู้นัดดำเนินการ แต่หากเราใช้เหตุผล ใช้กติกา ใช้กฎหมาย เราก็คงเดินทางไปสู้ความเรียบร้อย เมื่อถามว่า จะไม่มีการกลับมาประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อีกรอบหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้ประกาศยกเลิก
**3ส.เดินสายพบแกนนำพรรคร่วม
นายสมชายให้สัมภาษณ์หลังการแถลงข่าวด้วยว่า ในวันนี้ (14 ก.ย.) ตน พร้อมด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค จะเดินสายพบแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะไปพูดคุยกันธรรมดาไม่ได้ไปเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี โดยจะหารือว่ายังจะร่วมรัฐบาลกันต่อไปหรือไม่ ส่วนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการจะสรุปได้ในวันที่ 15 ก.ย.หลังจากประชุมพรรคพลังประชาชย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีใบสั่งเรื่องนายกฯคนใหม่จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่มีใครสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องของส.ส. ที่พรรคพลังประชาชนไม่มีใครสั่งได้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 16 ก.ย.นี้ พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จะแถลงข่าวเป็นทางการ ถึงจุดยืนในการเสนอชื่อนายกฯร่วมกัน
**พผ.รับปากกอดคอร่วมรัฐบาลต่อ
หลังจากแถลงข่าวยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉิน นายสมชาย พร้อมด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เดินทางเข้าพบแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นพรรคแรก โดยมี นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ นายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมให้การต้อนรับ
หลังการหารือ นายสุวิทย์พร้อมด้วยนายสมชาย นายสมพงษ์ และนพ.สุรพงษ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสมชาย กล่าวว่า เหตุผลที่ตนมาพรรคเพื่อแผ่นดินในวันนี้ เนื่องจากได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและทำงานกันมาอย่างราบรื่นเรียบร้อย ซึ่งประชาชนได้รับประโยชน์อย่างมาก แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทำให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไป จึงต้องมาเชิญให้พรรคเพื่อแผ่นดินมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง ซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินก็ยินดีที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารชาติบ้านเมืองต่อไป
ด้านนายสุวิทย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายสมชาย นายสมพงษ์ และนพ.สุรพงษ์ ที่ให้เกียรติพรรคเพื่อแผ่นดินให้ร่วมกันทำงานอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน ของประชาชน และหามาตรการยุติปัญหาความแตกแยกในสังคมนำบ้านเมืองกลับไปสู่ความสุขสงบ ซึ่งทางพรรคเพื่อแผ่นดินร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะมีความเป็นเอกภาพร่วมกันในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้
สำหรับบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคพลังประชาชน เพราะเป็นเรื่องในองค์กร พรรคเพื่อแผ่นดินจะก้าวก่ายไม่ได้ ที่ผ่านมาพรรคพลังประชาชนให้เกียรติพรรคเพื่อแผ่นดิน ดังนั้นเรื่องนี้เราจะต้องให้เกียรติพรรคพลังประชาชนเช่นเดียวกัน แต่เห็นว่าพรรคพลังประชาชนมีบุคคลที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลายคน ซึ่งผ่านมาพรรคพลังประชาชนย่อมรู้ดีว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน คงจะเลือกคนที่มีความเหมาะสมที่สุด
**เสนาะยันหนุนพปช.เป็นแกนนำรัฐบาล
จากนั้น นายสมชาย พร้อมด้วย นายสมพงษ์ และ นพ.สุรพงษ์ ได้ร่วมกันเดินทางเข้าพบแกนนำพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค โดยหลังการเข้าพบ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และนางอุไรวรรณ เทียนทอง แกนนำพรรคประชาราช นายสมชาย กล่าวว่า มาพบเพื่อเชิญร่วมจัดตั้วรัฐบาลอีกครั้ง และต้องขอบคุณที่นายเสนาะ และนางอุไรวรรณ ได้ตอบรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง และตอบรับที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนต่อไป
นายสมชาย กล่าวว่าในการหารือไม่ได้มีการกำหนดสเปกนายกรัฐมนตรี แต่นายเสนาะ พูดในหลักการว่าให้พรรคพลังประชาชนเป็นผู้เสนอเท่านั้น ส่วนที่นายเสนาะ ให้สัมภาษณ์ว่านายสมชาย เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้เราพูดกันในเรื่องหลักการ เพราะยังไม่มีชื่อเนื่องจากขั้นตอนของพรรคพลังประชาชนยังไม่เสร็จ แต่ขอบคุณนายเสนาะที่ให้เครดิตตน โดยในวันอังคารที่ 16 ก.ย.ตนจะแจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลทราบว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ
**อ้างยึดหลักปชต.ให้สิทธิส.ส.เลือกผู้นำ
ต่อมาเวลา 14.40 น. นายสมชาย นายสมพงษ์ และ นพ.สุรพงษ์ ได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา โดยมีพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค ร.ต.ประพาส ลิมประพันธ์ รองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับ
หลังการหารือทั้งหมดแถลงข่าวร่วมกันโดยนายสมชาย กล่าวว่า พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ตกลงจะจดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชาชนต่อไป ส่วนพรรคจะเสนอใครเป็นนายกฯนั้นต้องรอประชุมในวันที่ 15 ก.ย.ก่อน
“พรรคพลังประชาชนยึดหลักประชาธิปไตย และให้เอกสิทธิ์ส.ส. ในการพิจารณาโดยยึดหลักเสียงข้างมากตามระบบรัฐสภา ส่วนที่มีข่าวว่า ผมจะเป็นนายกฯนั้น ไม่รู้สึกอะไร แต่รู้สึกว่าเราต้องดำเนินการไปตามหลักการของพรรค แต่ไม่ใช่เพียงผมเท่านั้น คนอื่นในพรรคที่มีความรู้ความสามารถก็ยังมี แต่ที่ไม่ได้มาเดินสาย เพราะกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายเรา 3 คน มาทำหน้าที่นี้ เรื่องตัวนายกฯ ถือเป็นการพิจารณาของพรรค แต่อาจเพราะเรา 3 คน มาเดินสายร่วมกัน จึงถูกเพ่งเล้งและจับตามอง แต่คนอื่นในพรรคที่มีความสามารถก็ยังมีอยู่”
นายสมชาย ยังปฏิเสธข่าวที่ว่าพรรคพลังประชาชนแตกเป็น 2 ขั้ว โดยขั้วหนึ่งหนุนนายสมชาย อีกขั้นหนุน นพ.สุรพงษ์ โดยกล่าวว่า พรรคไม่มีขั้ว มีแต่มติ ส.ส. และต้องขอขอบคุณนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่าตนมีความรู้ความสามารถเป็นนายกฯได้ ถือเป็นการให้เครดิตตน
**เชษฐาบอกใครก็ได้ในพปช.
ส่วนน.พ.สุรพงษ์กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นแคนดิเนตนายกฯ ว่า เรื่องการสรรหาตัวนายกฯ ในพรรคพลังประชาชนมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถมากมาย ไม่เฉพาะตนทั้ง 3 คนเท่านั้น และกระบวนการสรรหาก็เปิดกว้างสำหรับผู้มีความสามารถ ในพรรคทุกคน และยืนยันว่า ในพรรคไม่มีการแบ่งขั้วกันสนับสนุนตน แข่งกับ นายสมชาย ด้านนายสมพงษ์กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นแคนดิเดตด้วย ว่า ก็ต้องถือว่าเป็นเกียรติที่มีชื่อ
ด้านพล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ยินดีร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง โดยให้พรรคพลังประชาชนพิจารณาเลือกตัวนายกฯเอง ไม่ว่าจะเป็นใคร เราก็พร้อมสนับสนุน แต่อยากฝากว่า อยากเห็นบ้านเมือง ประประชาชนอยู่อย่างสงบสุข และมั่นใจว่า พรรคพลังประชาชนที่มีเสียงถึง 233 เสียง ไม่น่าจะหาคนที่ดีที่สุดไม่ได้
**มัชฌิมาฯตามคาดไม่ปฎิเสธร่วมพปช.
หลังจากนายสมชาย นายสมพงษ์ และนพ.สุรพงษ์ ออกจาก พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ทั้ง 3 ได้เดินทางไปยัง บ้านพัก นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ย่านสนามบินน้ำ โดยมีแกนนำพรรคมัชธิมาธิปไตย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย สามีนางอนงค์วรรณ ร่วมต้อนรับและหารือ นายสมชาย แถลงหลังการพูดคุยกันว่า มาเชิญพรรคมัชฌิมาฯที่ร่วมทำงานกันมาจัดตั้งรัฐบาลกันอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยยืนยันจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนเพื่อบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคมัชฌิมาเราเล็งเห็นตามระบอบการปกครองประชาธิปไตยซึ่งจะต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ วันนี้ตองขอบคุณพรรคพลังประชาชนที่ให้เกียรติมาเชิญถึงบ้านจริงๆ แล้วพรรคเราจะเป็นอะไรที่เรียบง่ายและคุ้นเคยกันอยู่แล้วแต่ว่าด้วยทราบว่าลักษณะจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานขึ้นมา ซึ่งทำให้ประชาชนเห็นถึงเรื่องของการมีวินัยเรื่องของการให้เกียรติตามมารยาทต่างๆ และทางพรรคเราก็เห็นว่าเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยโดยเร็วและเพื่อยืนยันตามระบบเสียงข้างมากตามระบอบประชาะธิปไตยก็ได้ตอบรับยินดีที่จะร่วมกับพรรคพลังประชาชนต่อไป ส่วนสเปกของนายกฯ นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า วันนี้เราต้องยึดในหลักการก่อน ต้องให้เกียรติพรรคพลังประชาชนที่มีส.ส.ในสภาจำนวนมาก ทางพรรคเขาจะเป็นคนจัดสรรคัดเลือกขึ้นมาเพื่อที่จะมาเสนอ ดังนั้นเรายืนยันว่าเราจะร่วมรัฐบาลด้วยแล้วดังนั้นการที่พรรคพลังประชาชนจะเสนอใครขึ้นมาเราก็จะยึดตามแนวเสียงข้างมากต้องเคารพเสียงข้างมาก นอกจากนี้วันนี้ก็ยังไม่มีการคุยถึงเรื่องโควตาของรัฐมนตรี ก็อยู่ที่พรรคพลังประชาชน แต่วันนี้ของเป็นตามขั้นตอนไปก่อน
**เลี้ยบยันได้ตัวนายกฯโดยไม่ต้องโหวต
ด้านนพ.สุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเพื่อนเนวินเสนอให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ทั้งหมดต้องเป็นไปตามการประชุมของพลังประชาชน เราไม่มีกลุ่ม ไม่มีแบ่งฝ่ายทั้งหมดต้องอยู่ที่มติของพรรค คงไม่ได้หมายความว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมามีบทบาทในการกำหนดได้ ซึ่งหลังจากที่ได้มีการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็เห็นได้ชัดเจนว่าในส่วนของพรรคเองจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างกว้างขวาง และน่าจะไปบทสรุปโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปถึงขนาดว่ามีการโหวตกันว่าของใครมากของใครน้อยคงไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เพราะพวกเราทุกคนรู้ดีว่า การที่มีการให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนกันอย่างรอบด้านจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายความว่าใน 3 ส.อาจจะมีคนหนึ่งคนใดถอนตัวออกไป นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า อาจจะมีบุคคลอื่นมากกว่า 3 ส.ก็ได้ เพราะว่าเราไม่ได้จำกัดแค่ 3 ท่านเท่านั้น เพียงแต่ว่าเรา 3 คนได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารมาประสานงานกับพรรคการเมืองที่จะได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่ได้อยู่แค่ 3 คนเท่านั้นที่จะอยู่ในข่ายที่จะได้รับการพิจารณาเพราะอีกหลายท่านก็มีศักยภาพที่สามารถจะได้รับการพิจารณาด้วย
ต่อข้อถามว่า แสดงว่าใน 3 ส.ได้คุยกันแล้วใช่หรือไม่ว่าถ้าใครได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะไม่มีปัญหาในภายหลัง นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวย้ำว่า จริงๆไม่ใช่เพียง แค่เรา 3 คนเท่านั้น เพราะทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการที่เราจะต้องร่วมช่วยทำให้ สถานการณ์ต่างๆในบ้านเมืองดีขึ้น ให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้เป็นภารกิจที่สำคัญ
**เผยสมชายนายกฯ-สมพงษ์สำรอง
พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน คนสนิทนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว ว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ลงมติเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 17 กันยายนนี้ และหากเกิดสถานการณ์อะไรที่ทำให้ไม่ลงตัวพรรคจะเสนอชื่อ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนขึ้นแทน แต่ในส่วนของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลีนั้นคงเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะติดคดีหวยบนดินอยู่ ซึ่งคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องปลอดสารพิษ เคลียร์ตัวเองต่อสังคมได้
”ผมเห็นว่าตัวนพ.สุรพงษ์ ควรที่จะคิดเรื่องตัวเองก่อนที่จะคิดเรื่องอื่น เพราะถ้าเป็นนายกฯคดีตัวเองยังไม่เคลียร์มีคนอื่นมาถามจะตอบอย่างไร ดังนั้นคนเป็นนายกฯต้องสะอาด เรียบร้อย จะได้พูดว่าเป็นนายกฯได้อย่างเต็มปากทั้งนี้เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่มีปัญหาเรื่องตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชาชนต้องตัดสินใจ”
**กานต์เชื่อพรรคแตกหลังถูกยุบ
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า ขณะนี้นายสมัคร ยังไม่ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค มีเพียงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า นายสมัคร ไม่ต้องการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจากหัวหน้าพรรคการเมือง ดังนั้นตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1จึงต้องทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแทน และเชื่อว่าไม่น่าจะเกิน 3 เดือนนี้ พรรคพลังประชาชนจะต้องถูกยุบอย่างแน่นอน โดยสมาชิกพรรคพลังประชาชนทั้งหมดก็จะไปสังกัดพรรคเพื่อไทยด้วยกัน ยกเว้นสมาชิกพรรคบางส่วนที่จะไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น หรือไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตนยืนยันว่าส.ส.ในพรรคบางกลุ่มยังมีแนวคิดดังกล่าว
**อีสานพัฒนาปูดกลุ่มเพื่อนเนวินแตก
นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน กลุ่มอีสานพัฒนา และเป็นแนวร่วมกับกลุ่มนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ยอมรับว่าได้ยินข่าวว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน บางส่วนเริ่มตีตัวออกห้างจากนายเนวินแล้ว และทราบว่าขณะนี้ ส.ส.อีสานที่ยังจงรักภักดีกับกลุ่มเพื่อนเนวินมีน้อยมาก เพราะ ส.ส.อีสานส่วนใหญ่ ทราบดีว่าได้รับเลือกมาเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินส่วนใหญ่จะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ในกลุ่มอื่นๆ หากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ
“ขณะนี้ยังมีความพยายามลอบบี้เสนอให้ทั้งเงินและตำแหน่งกับคนในกลุ่ม เพื่อให้ร่วมทำงานทางการเมืองกับกลุ่มเขาต่อไป แต่ ส.ส.เหล่านี้แม้แต่ ส.ส.บุรีรัมย์ ก็ทราบดีว่า การออกจากพรรคโดยข้อหาเนรคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ว่าใครจะไม่มีทางที่จะกลับเข้าสภาได้อีกเลย โดยเฉพาะในภาคอีสาน”นายศักดากล่าว
นายศักดากล่าวยืนยันว่า กลุ่มอีสานพัฒนาจะเคารพมติพรรคในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรี 3 ส. นั้น ไม่ว่าใครกลุ่มอีสานพัฒนาสามารถรับได้ทั้งหมด แต่ตัว นพ.สุรพงษ์ยังมีคดีติดตัวอยู่ ซึ่งหากได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เชื่อว่าจะอยู่ได้ไม่กี่วัน
**เด็กยี้ห้อยยันหนุนเลี้ยบไม่เปลี่ยน
นายธีระชัย แสนแก้ว แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน และรักษาการ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวยืนยันว่า ส.ส.ของกลุ่มจะให้การสนับสนุนนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะถือเป็น 1 ใน 3 ส. ซึ่งจากผลสำรวจของเอแบคโพลล์ที่ระบุว่า ประชาชนให้การยอมรับ นพ.สุรพงษ์ ที่มีคะแนนนำ อีก 2 ส. มาเป็นอันดับ 1 ถึง 58 % ขณะที่ประชาชนในต่างจังหวัดให้การยอมรับ นพ.สุรพงษ์ ถึง 70 - 80 %
นายธีระชัย เชื่อว่า นพ.สุรพงษ์ จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในบ้านเมืองได้ โดยไม่หวั่นกระแสต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะไม่ว่าจะเลือกใครเข้ามาเป็นนายกฯ หากเป็นคนที่มาจากพรรคพลังประชาชน กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่รับอยู่แล้ว ส่วนเจ้าตัวจะรับข้อเสนอหรือไม่ตนไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การเสนอชื่อนพ.สุรพงษ์ ไม่ใช่ข้อเสนอของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยแต่เพียงผู้เดียว เพราะ ส.ส.ของกลุ่ม ก็มีสมองคิดเองได้
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ยืนยันเช่นกันว่า ส.ส.กลุ่ม ตกลงกันแล้ว ว่าจะเสนอชื่อ นพ.สุรพงษ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยมั่นใจว่า นพ.สุรพงษ์ จะสามารถบริหารบ้านเมืองได้ เพราะมีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
ส่วนกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ ยังมีคดีความการออกสลากเลขท้ายสองตัวและสามตัว หรือหวยบนดินนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่หวั่น ต้องปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามในวันที่ 15 ก.ย. ในเวลา 11.00 น.กลุ่มเพื่อนเนวินจะประชุมเพื่อขอมติ กลุ่มอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ก่อนเสนอต่อที่ประชุมพรรคพลังประชาชนในวันเดียวกัน
ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (14 ก.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.พัชราวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร พล.ท. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท. สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เข้าร่วมประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะแนวทางการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551 ที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศเพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้การเข้าร่วมประชุมใช้เวลาหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที
**สมชายแถลงเลิกประกาศภาวะฉุกเฉิน
หลังจากนั้น นายสมชาย พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.พัชราวาท ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไทย และ ต่างประเทศ ที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดย นาย สมชาย แถลงว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย ในพื้นทกรุงเทพฯ โดยมอบหมายให้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น จากสถานการณ์ปัจจุบันได้ประเมินแล้ว เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้มีระดับความรุนแรงลดลง จึงถึงระดับที่เห็นว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบกระเทือน หรือมีความรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนและเห็นว่าถ้าหากยังคงใช้ประกาศ พ.ร.ก.ดังกล่าวอยู่ อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ดังนั้นตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เห็นว่าสมควรที่จะให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งวันนี้ตนจะได้ลงนามในการประกาศยกเลิกดังกล่าว
ทั้งนี้หลังจากยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ แล้วจากนี้จะใช้กฎหมายปกติในการปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์ โดยได้มอบหมายให้ผบ.ทบ.เป็น ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย มีหน้าที่รับผิดชอบรักษาความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งแนวทางการปฏิบัติจะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมี ผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบ ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความไม่สงบภายใน หากเกินกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็สามารถร้องขอทหารเข้าไปช่วยเหลือในลักษณะ ผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
นายสมชายกล่าวว่า สถานการณ์ที่เห็นทุกวันนี้ ไม่ได้มีความรุนแรง หรือ ไม่ได้มีปัญหากระทบกระทั่งระหว่างประชาชน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือการขัดแย้งกันทางความคิด ซึ่งตนถือว่า เป็นเรื่องปกติในบ้านเมือง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น จนกลายเป็นที่มาของการประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว แต่ก็ได้ลดระดับลงไป ไม่มีปัญหากระทบกระเทือนต่อความเรียบร้อย หรือความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะเมืองไทยอยู่ด้วยเหตุผล อย่างไรก็ตามอยากฝากขอร้องให้กลุ่มคนที่ดำเนินกิจกรรมใดๆ ต่างๆ อยู่ในกรอบของกฎหมาย กติกาตามระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนเราเป็นคนไทยด้วยกัน คงต้องหันหน้าเข้าหากัน ทำความเข้าใจกันทุกฝ่าย เพื่อทำให้บรรยากาศในบ้านเมืองดีขึ้น ประเทศชาติเราก็จะมีความสงบร่มเย็นน่าอยู่ต่อไป การขัดแย้งทางความคิด ผมเชื่อว่า ทุกอย่างต้องจบ ลงไปด้วยเหตุผล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีในการนำมาใช้ ไม่ใช่จบลงด้วยชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”
**เรียกร้องความปรองดองในชาติ
นายสมชายบอกว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำบ้านเมืองบอบช้ำเสียหายไปมาก ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว คิดว่าเวลานี้คนไทยทุกคนควร หันหน้าเข้าหากันมาเพื่อเยียวยาสิ่งที่เกิดขึ้น ค้นหาจุดแตกต่างกันให้ได้ ค้นให้เจอ ในฐานะ ที่เป็นรัฐบาล มีหน้าที่ที่ต้องดูแลตรงนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นรัฐบาลชั่วคราวและจะละเลยเพิกเฉย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เป็นโอกาสให้ประเทศ มีความปรองดอง เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง คิดว่า วันนี้ไม่ควรแตกแยก การรบราฆ่าฟันไม่มีประโยชน์ ไม่มีฝ่ายใดแพ้เกิดขึ้นมีปัญหาที่ต้องต่อสู้มากมาย มีเรื่องที่ต้องแก้ไขเช่นภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆ มีปัญหาที่ต้องแก้ไขอีกมากมาย ไม่มีเวลาที่ต้องมานั่งทะเลาะกันและปล่อยให้คนที่ประสบภัยธรรมชาติต้องได้รับความเดือดร้อน คนที่มีความรู้ ต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน
“ผมขอร้องให้เคารพกฎหมาย เหตุผล กติกา เพื่อให้อยู่กันอย่างเป็นสุข ทั้งนี้ การทำทุกอย่างเพื่อชาติ เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักยิ่งของคนในชาติที่ควรคำนึงถึง ต่อจากนี้ ขอให้ทุกอย่างเดินทางไปสู่ความสงบสุข ความสมานฉันท์ เรียกรอยยิ้มของไทยให้กลับมาให้เป็นสยามเมืองยิ้มอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก ต้องเรียกร้องสิ่งนี้กลับคืนมา จากการที่เสียหายทางการท่องเที่ยว”
นายสมชายกล่าวว่า ต่อจากนี้ ขอให้คำนึงถึงถึงการลดใช้ความรุนแรง เข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะบรรยากาศจากนี้ไปจะเข้าสู่งานถวายเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อจัดงานถวายให้สมพระเกียรติ เพื่อให้คนไทยมีหัวใจเดียวกัน มีความจงรักภักดี ต่อจากนั้นก็จะเข้าสู่งานฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
**ผบ.ตร.ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม
นายสมชายแถลงต่อว่า ต่อจากนี้ ผบ.ตร. จะเข้ามาดูแลทุกข์สุข ดูแลผู้ชุมนุม ขอให้ใช้เหตุผลไต่ตรองดีที่สุด รัฐบาลห่วงใยผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้ทุกคนที่อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลออกมาอยู่ข้างนอก เพราะสถานที่ดังกล่าว เป็นสถานที่ราชการ อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณ ผบ.ทบ. และผบ.ตร. ที่ดูแลความเรียบร้อยในประเทศ ในการลดความร้อนแรงลง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เห็นใจผู้ชุมนุม แต่อยากเรียกร้องให้แก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง สิ่งใดที่เป็นเหตุผลให้เอามาใช้ อย่าเอาชนะกัน ช่วยกันทำให้ประเทศ กลับมารุ่งเรือง สงบสุขอีกครั้ง
**ปัดเลิกภาวะฉุกเฉินเรียกคะแนนนิยม
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชนจะทำอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ต้องใช้เหตุผล ในกรอบระเบียบ กติกาและกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าท่าทีในการออกมาแถลงในวันนี้จะสร้างคะแนนนิยมให้เป็น นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ต้องการสร้างคะแนนความนิยมของใคร เป็นเรื่องของบ้านเมือง
เมื่อถามว่าเป็นการสร้างภาพหรือสร้างฐานเสียงก่อนที่จะมีการโหวตเลือก นายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่สร้างอะไรทั้งนั้น แต่ต้องการสร้าง ความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ไม่ได้สร้างภาพอะไร เมื่อถามว่า หากได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีแนวทางในการเจรจาขอร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมนอกทำเนียบฯ ได้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตอนนี้ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าเวลานั้นมาถึงจะบอกแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเวลานั้นใครเป็นใคร
ต่อข้อถามว่ามั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้เพราะในวันที่จะโหวตเลือกนายกฯจะมีผู้มาชุมนุม นายสมชาย กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องในสภา ประธานสภาเป็นผู้นัดดำเนินการ แต่หากเราใช้เหตุผล ใช้กติกา ใช้กฎหมาย เราก็คงเดินทางไปสู้ความเรียบร้อย เมื่อถามว่า จะไม่มีการกลับมาประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อีกรอบหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้ประกาศยกเลิก
**3ส.เดินสายพบแกนนำพรรคร่วม
นายสมชายให้สัมภาษณ์หลังการแถลงข่าวด้วยว่า ในวันนี้ (14 ก.ย.) ตน พร้อมด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค จะเดินสายพบแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะไปพูดคุยกันธรรมดาไม่ได้ไปเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี โดยจะหารือว่ายังจะร่วมรัฐบาลกันต่อไปหรือไม่ ส่วนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการจะสรุปได้ในวันที่ 15 ก.ย.หลังจากประชุมพรรคพลังประชาชย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีใบสั่งเรื่องนายกฯคนใหม่จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่มีใครสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องของส.ส. ที่พรรคพลังประชาชนไม่มีใครสั่งได้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 16 ก.ย.นี้ พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จะแถลงข่าวเป็นทางการ ถึงจุดยืนในการเสนอชื่อนายกฯร่วมกัน
**พผ.รับปากกอดคอร่วมรัฐบาลต่อ
หลังจากแถลงข่าวยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉิน นายสมชาย พร้อมด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เดินทางเข้าพบแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นพรรคแรก โดยมี นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ นายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมให้การต้อนรับ
หลังการหารือ นายสุวิทย์พร้อมด้วยนายสมชาย นายสมพงษ์ และนพ.สุรพงษ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสมชาย กล่าวว่า เหตุผลที่ตนมาพรรคเพื่อแผ่นดินในวันนี้ เนื่องจากได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและทำงานกันมาอย่างราบรื่นเรียบร้อย ซึ่งประชาชนได้รับประโยชน์อย่างมาก แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทำให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไป จึงต้องมาเชิญให้พรรคเพื่อแผ่นดินมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง ซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินก็ยินดีที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารชาติบ้านเมืองต่อไป
ด้านนายสุวิทย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายสมชาย นายสมพงษ์ และนพ.สุรพงษ์ ที่ให้เกียรติพรรคเพื่อแผ่นดินให้ร่วมกันทำงานอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน ของประชาชน และหามาตรการยุติปัญหาความแตกแยกในสังคมนำบ้านเมืองกลับไปสู่ความสุขสงบ ซึ่งทางพรรคเพื่อแผ่นดินร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะมีความเป็นเอกภาพร่วมกันในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้
สำหรับบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคพลังประชาชน เพราะเป็นเรื่องในองค์กร พรรคเพื่อแผ่นดินจะก้าวก่ายไม่ได้ ที่ผ่านมาพรรคพลังประชาชนให้เกียรติพรรคเพื่อแผ่นดิน ดังนั้นเรื่องนี้เราจะต้องให้เกียรติพรรคพลังประชาชนเช่นเดียวกัน แต่เห็นว่าพรรคพลังประชาชนมีบุคคลที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลายคน ซึ่งผ่านมาพรรคพลังประชาชนย่อมรู้ดีว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน คงจะเลือกคนที่มีความเหมาะสมที่สุด
**เสนาะยันหนุนพปช.เป็นแกนนำรัฐบาล
จากนั้น นายสมชาย พร้อมด้วย นายสมพงษ์ และ นพ.สุรพงษ์ ได้ร่วมกันเดินทางเข้าพบแกนนำพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค โดยหลังการเข้าพบ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และนางอุไรวรรณ เทียนทอง แกนนำพรรคประชาราช นายสมชาย กล่าวว่า มาพบเพื่อเชิญร่วมจัดตั้วรัฐบาลอีกครั้ง และต้องขอบคุณที่นายเสนาะ และนางอุไรวรรณ ได้ตอบรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง และตอบรับที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนต่อไป
นายสมชาย กล่าวว่าในการหารือไม่ได้มีการกำหนดสเปกนายกรัฐมนตรี แต่นายเสนาะ พูดในหลักการว่าให้พรรคพลังประชาชนเป็นผู้เสนอเท่านั้น ส่วนที่นายเสนาะ ให้สัมภาษณ์ว่านายสมชาย เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้เราพูดกันในเรื่องหลักการ เพราะยังไม่มีชื่อเนื่องจากขั้นตอนของพรรคพลังประชาชนยังไม่เสร็จ แต่ขอบคุณนายเสนาะที่ให้เครดิตตน โดยในวันอังคารที่ 16 ก.ย.ตนจะแจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลทราบว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ
**อ้างยึดหลักปชต.ให้สิทธิส.ส.เลือกผู้นำ
ต่อมาเวลา 14.40 น. นายสมชาย นายสมพงษ์ และ นพ.สุรพงษ์ ได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา โดยมีพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค ร.ต.ประพาส ลิมประพันธ์ รองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับ
หลังการหารือทั้งหมดแถลงข่าวร่วมกันโดยนายสมชาย กล่าวว่า พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ตกลงจะจดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชาชนต่อไป ส่วนพรรคจะเสนอใครเป็นนายกฯนั้นต้องรอประชุมในวันที่ 15 ก.ย.ก่อน
“พรรคพลังประชาชนยึดหลักประชาธิปไตย และให้เอกสิทธิ์ส.ส. ในการพิจารณาโดยยึดหลักเสียงข้างมากตามระบบรัฐสภา ส่วนที่มีข่าวว่า ผมจะเป็นนายกฯนั้น ไม่รู้สึกอะไร แต่รู้สึกว่าเราต้องดำเนินการไปตามหลักการของพรรค แต่ไม่ใช่เพียงผมเท่านั้น คนอื่นในพรรคที่มีความรู้ความสามารถก็ยังมี แต่ที่ไม่ได้มาเดินสาย เพราะกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายเรา 3 คน มาทำหน้าที่นี้ เรื่องตัวนายกฯ ถือเป็นการพิจารณาของพรรค แต่อาจเพราะเรา 3 คน มาเดินสายร่วมกัน จึงถูกเพ่งเล้งและจับตามอง แต่คนอื่นในพรรคที่มีความสามารถก็ยังมีอยู่”
นายสมชาย ยังปฏิเสธข่าวที่ว่าพรรคพลังประชาชนแตกเป็น 2 ขั้ว โดยขั้วหนึ่งหนุนนายสมชาย อีกขั้นหนุน นพ.สุรพงษ์ โดยกล่าวว่า พรรคไม่มีขั้ว มีแต่มติ ส.ส. และต้องขอขอบคุณนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่าตนมีความรู้ความสามารถเป็นนายกฯได้ ถือเป็นการให้เครดิตตน
**เชษฐาบอกใครก็ได้ในพปช.
ส่วนน.พ.สุรพงษ์กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นแคนดิเนตนายกฯ ว่า เรื่องการสรรหาตัวนายกฯ ในพรรคพลังประชาชนมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถมากมาย ไม่เฉพาะตนทั้ง 3 คนเท่านั้น และกระบวนการสรรหาก็เปิดกว้างสำหรับผู้มีความสามารถ ในพรรคทุกคน และยืนยันว่า ในพรรคไม่มีการแบ่งขั้วกันสนับสนุนตน แข่งกับ นายสมชาย ด้านนายสมพงษ์กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นแคนดิเดตด้วย ว่า ก็ต้องถือว่าเป็นเกียรติที่มีชื่อ
ด้านพล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ยินดีร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง โดยให้พรรคพลังประชาชนพิจารณาเลือกตัวนายกฯเอง ไม่ว่าจะเป็นใคร เราก็พร้อมสนับสนุน แต่อยากฝากว่า อยากเห็นบ้านเมือง ประประชาชนอยู่อย่างสงบสุข และมั่นใจว่า พรรคพลังประชาชนที่มีเสียงถึง 233 เสียง ไม่น่าจะหาคนที่ดีที่สุดไม่ได้
**มัชฌิมาฯตามคาดไม่ปฎิเสธร่วมพปช.
หลังจากนายสมชาย นายสมพงษ์ และนพ.สุรพงษ์ ออกจาก พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ทั้ง 3 ได้เดินทางไปยัง บ้านพัก นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ย่านสนามบินน้ำ โดยมีแกนนำพรรคมัชธิมาธิปไตย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย สามีนางอนงค์วรรณ ร่วมต้อนรับและหารือ นายสมชาย แถลงหลังการพูดคุยกันว่า มาเชิญพรรคมัชฌิมาฯที่ร่วมทำงานกันมาจัดตั้งรัฐบาลกันอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยยืนยันจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนเพื่อบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคมัชฌิมาเราเล็งเห็นตามระบอบการปกครองประชาธิปไตยซึ่งจะต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ วันนี้ตองขอบคุณพรรคพลังประชาชนที่ให้เกียรติมาเชิญถึงบ้านจริงๆ แล้วพรรคเราจะเป็นอะไรที่เรียบง่ายและคุ้นเคยกันอยู่แล้วแต่ว่าด้วยทราบว่าลักษณะจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานขึ้นมา ซึ่งทำให้ประชาชนเห็นถึงเรื่องของการมีวินัยเรื่องของการให้เกียรติตามมารยาทต่างๆ และทางพรรคเราก็เห็นว่าเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยโดยเร็วและเพื่อยืนยันตามระบบเสียงข้างมากตามระบอบประชาะธิปไตยก็ได้ตอบรับยินดีที่จะร่วมกับพรรคพลังประชาชนต่อไป ส่วนสเปกของนายกฯ นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า วันนี้เราต้องยึดในหลักการก่อน ต้องให้เกียรติพรรคพลังประชาชนที่มีส.ส.ในสภาจำนวนมาก ทางพรรคเขาจะเป็นคนจัดสรรคัดเลือกขึ้นมาเพื่อที่จะมาเสนอ ดังนั้นเรายืนยันว่าเราจะร่วมรัฐบาลด้วยแล้วดังนั้นการที่พรรคพลังประชาชนจะเสนอใครขึ้นมาเราก็จะยึดตามแนวเสียงข้างมากต้องเคารพเสียงข้างมาก นอกจากนี้วันนี้ก็ยังไม่มีการคุยถึงเรื่องโควตาของรัฐมนตรี ก็อยู่ที่พรรคพลังประชาชน แต่วันนี้ของเป็นตามขั้นตอนไปก่อน
**เลี้ยบยันได้ตัวนายกฯโดยไม่ต้องโหวต
ด้านนพ.สุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเพื่อนเนวินเสนอให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ทั้งหมดต้องเป็นไปตามการประชุมของพลังประชาชน เราไม่มีกลุ่ม ไม่มีแบ่งฝ่ายทั้งหมดต้องอยู่ที่มติของพรรค คงไม่ได้หมายความว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมามีบทบาทในการกำหนดได้ ซึ่งหลังจากที่ได้มีการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็เห็นได้ชัดเจนว่าในส่วนของพรรคเองจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างกว้างขวาง และน่าจะไปบทสรุปโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปถึงขนาดว่ามีการโหวตกันว่าของใครมากของใครน้อยคงไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เพราะพวกเราทุกคนรู้ดีว่า การที่มีการให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนกันอย่างรอบด้านจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายความว่าใน 3 ส.อาจจะมีคนหนึ่งคนใดถอนตัวออกไป นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า อาจจะมีบุคคลอื่นมากกว่า 3 ส.ก็ได้ เพราะว่าเราไม่ได้จำกัดแค่ 3 ท่านเท่านั้น เพียงแต่ว่าเรา 3 คนได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารมาประสานงานกับพรรคการเมืองที่จะได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่ได้อยู่แค่ 3 คนเท่านั้นที่จะอยู่ในข่ายที่จะได้รับการพิจารณาเพราะอีกหลายท่านก็มีศักยภาพที่สามารถจะได้รับการพิจารณาด้วย
ต่อข้อถามว่า แสดงว่าใน 3 ส.ได้คุยกันแล้วใช่หรือไม่ว่าถ้าใครได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะไม่มีปัญหาในภายหลัง นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวย้ำว่า จริงๆไม่ใช่เพียง แค่เรา 3 คนเท่านั้น เพราะทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการที่เราจะต้องร่วมช่วยทำให้ สถานการณ์ต่างๆในบ้านเมืองดีขึ้น ให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้เป็นภารกิจที่สำคัญ
**เผยสมชายนายกฯ-สมพงษ์สำรอง
พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน คนสนิทนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว ว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ลงมติเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 17 กันยายนนี้ และหากเกิดสถานการณ์อะไรที่ทำให้ไม่ลงตัวพรรคจะเสนอชื่อ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนขึ้นแทน แต่ในส่วนของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลีนั้นคงเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะติดคดีหวยบนดินอยู่ ซึ่งคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องปลอดสารพิษ เคลียร์ตัวเองต่อสังคมได้
”ผมเห็นว่าตัวนพ.สุรพงษ์ ควรที่จะคิดเรื่องตัวเองก่อนที่จะคิดเรื่องอื่น เพราะถ้าเป็นนายกฯคดีตัวเองยังไม่เคลียร์มีคนอื่นมาถามจะตอบอย่างไร ดังนั้นคนเป็นนายกฯต้องสะอาด เรียบร้อย จะได้พูดว่าเป็นนายกฯได้อย่างเต็มปากทั้งนี้เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่มีปัญหาเรื่องตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชาชนต้องตัดสินใจ”
**กานต์เชื่อพรรคแตกหลังถูกยุบ
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า ขณะนี้นายสมัคร ยังไม่ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค มีเพียงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า นายสมัคร ไม่ต้องการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจากหัวหน้าพรรคการเมือง ดังนั้นตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1จึงต้องทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแทน และเชื่อว่าไม่น่าจะเกิน 3 เดือนนี้ พรรคพลังประชาชนจะต้องถูกยุบอย่างแน่นอน โดยสมาชิกพรรคพลังประชาชนทั้งหมดก็จะไปสังกัดพรรคเพื่อไทยด้วยกัน ยกเว้นสมาชิกพรรคบางส่วนที่จะไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น หรือไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตนยืนยันว่าส.ส.ในพรรคบางกลุ่มยังมีแนวคิดดังกล่าว
**อีสานพัฒนาปูดกลุ่มเพื่อนเนวินแตก
นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน กลุ่มอีสานพัฒนา และเป็นแนวร่วมกับกลุ่มนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ยอมรับว่าได้ยินข่าวว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน บางส่วนเริ่มตีตัวออกห้างจากนายเนวินแล้ว และทราบว่าขณะนี้ ส.ส.อีสานที่ยังจงรักภักดีกับกลุ่มเพื่อนเนวินมีน้อยมาก เพราะ ส.ส.อีสานส่วนใหญ่ ทราบดีว่าได้รับเลือกมาเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินส่วนใหญ่จะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ในกลุ่มอื่นๆ หากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ
“ขณะนี้ยังมีความพยายามลอบบี้เสนอให้ทั้งเงินและตำแหน่งกับคนในกลุ่ม เพื่อให้ร่วมทำงานทางการเมืองกับกลุ่มเขาต่อไป แต่ ส.ส.เหล่านี้แม้แต่ ส.ส.บุรีรัมย์ ก็ทราบดีว่า การออกจากพรรคโดยข้อหาเนรคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ว่าใครจะไม่มีทางที่จะกลับเข้าสภาได้อีกเลย โดยเฉพาะในภาคอีสาน”นายศักดากล่าว
นายศักดากล่าวยืนยันว่า กลุ่มอีสานพัฒนาจะเคารพมติพรรคในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรี 3 ส. นั้น ไม่ว่าใครกลุ่มอีสานพัฒนาสามารถรับได้ทั้งหมด แต่ตัว นพ.สุรพงษ์ยังมีคดีติดตัวอยู่ ซึ่งหากได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เชื่อว่าจะอยู่ได้ไม่กี่วัน
**เด็กยี้ห้อยยันหนุนเลี้ยบไม่เปลี่ยน
นายธีระชัย แสนแก้ว แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน และรักษาการ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวยืนยันว่า ส.ส.ของกลุ่มจะให้การสนับสนุนนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะถือเป็น 1 ใน 3 ส. ซึ่งจากผลสำรวจของเอแบคโพลล์ที่ระบุว่า ประชาชนให้การยอมรับ นพ.สุรพงษ์ ที่มีคะแนนนำ อีก 2 ส. มาเป็นอันดับ 1 ถึง 58 % ขณะที่ประชาชนในต่างจังหวัดให้การยอมรับ นพ.สุรพงษ์ ถึง 70 - 80 %
นายธีระชัย เชื่อว่า นพ.สุรพงษ์ จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในบ้านเมืองได้ โดยไม่หวั่นกระแสต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะไม่ว่าจะเลือกใครเข้ามาเป็นนายกฯ หากเป็นคนที่มาจากพรรคพลังประชาชน กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่รับอยู่แล้ว ส่วนเจ้าตัวจะรับข้อเสนอหรือไม่ตนไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การเสนอชื่อนพ.สุรพงษ์ ไม่ใช่ข้อเสนอของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยแต่เพียงผู้เดียว เพราะ ส.ส.ของกลุ่ม ก็มีสมองคิดเองได้
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ยืนยันเช่นกันว่า ส.ส.กลุ่ม ตกลงกันแล้ว ว่าจะเสนอชื่อ นพ.สุรพงษ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยมั่นใจว่า นพ.สุรพงษ์ จะสามารถบริหารบ้านเมืองได้ เพราะมีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
ส่วนกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ ยังมีคดีความการออกสลากเลขท้ายสองตัวและสามตัว หรือหวยบนดินนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่หวั่น ต้องปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามในวันที่ 15 ก.ย. ในเวลา 11.00 น.กลุ่มเพื่อนเนวินจะประชุมเพื่อขอมติ กลุ่มอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ก่อนเสนอต่อที่ประชุมพรรคพลังประชาชนในวันเดียวกัน