ศูนย์ข่าวภูมิภาค - พันธมิตรฯ นิสิต นักศึกษา นักวิชาการ ทั่วประเทศลุกฮือ ประกาศรวมพลังไล่ “สมัคร” อีกครั้ง หลังพรรค ”พลังแม้ว” มีมติหนุนให้กลับมารับตำแหน่ง “นายกฯทรราช” อีกรอบ เชื่อการกลับมาของ“หมัก จมูกหมู” ครั้งนี้จะรุนแรงกว่าทุกครั้งและเชื่อว่าคราวนี้“สมัคร”จะไม่มีแผ่นดินอยู่แน่นอน “พันธมิตรฯใต้”ประกาศเตรียมนำสมาชิก 14 จังหวัดใต้ลุยสู้ทุกรูปแบบ ร่วมกับพันธมิตรฯทุกภาคที่กรุงเทพฯ อัด พปช.ตัวการจุดชนวนความรุนแรงให้สังคม แฉ“ลิ่วล้อแม้ว” เกณฑ์ชาวบ้าน “อุดรฯ-บุรีรัมย์” เข้าให้กำลังใจ”หมัก” หน้ารัฐสภาวันนี้
ประชาชนทุกภาคส่วนตื่นตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มนิสิต นักศึกษา นักวิชาการ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศ ภายหลังจากที่วานนี้ (11 ก.ย.) พรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้แถลงผลการประชุมพรรคว่า พรรค พปช.มีมติเสนอชื่อให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมากลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่อสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (12 ก.ย.)
พธม.ใต้ลั่นลุยทุกรูปแบบไล่หมักอีก
นายโอสถ สุวรรณเศวต กรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 14 จังหวัดภาคใต้ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า การที่ พปช.ลงมติให้เสนอชื่อนายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง การกระทำเช่นนี้ของ พปช.ทำเหมือนกับว่าประชาชนไม่มีความหมายอะไรสำหรับพวกเขา เพราะในเมื่อพรรคตัวเองกุมอำนาจได้แล้วก็คิดว่าจะทำอะไรก็ทำได้ โดยไม่สนใจและคำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม จริยธรรม และความสง่างามของผู้นำประเทศ โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่คิดว่าขอให้ตัวเองได้กุมอำนาจก็เป็นพอ
“การที่ พปช.เสนอชื่อต่อสภาฯลากให้นายสมัคร ไปนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในรอบนี้ ผมเชื่อว่าสิ่งที่ตามมาก็คือความวุ่นวายที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น และในที่สุดแล้วนายสมัคร ก็ต้องไม่มีแผ่นดินอยู่อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ก็ยังจะเป็นการพิสูจน์ด้วยว่า 5 พรรคการเมืองที่สนับสนุนนายสมัคร โดยเฉพาะนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย แท้ที่จริงแล้วก็คือลิ่วล้อของระบอบทักษิณหรือไม่” นายโอสถ กล่าว
พร้อมกล่าวต่อว่า ในส่วนของพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้นั้นได้มีการผนึกกำลังกับกลุ่มนิสิต นักศึกษาในหลายสถาบันต่างๆ ของภาคใต้แล้ว รวมทั้งผู้ใช้แรงงานผ่านองค์กรสมาพันธ์ต่างๆ เพื่อเตรียมที่จะออกแถลงการณ์ประณามพรรค พปช.ที่เป็นตัวเร่งกระแสเพิ่มดีกรีของความรุนแรงและสร้างความแตกแยกของสังคมให้ขยายวงกว้างมากขึ้น ในส่วนเครือข่ายพันธมิตรฯภาคใต้นั้น เรายอมรับไม่ได้ เพราะฉะนั้นยืนยันว่า เราจะต่อสู้จนถึงที่สุดและสู้ทุกรูปแบบ
นายไว พรหมเษส รองประธานสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) สาขาภาคใต้ เปิดเผยว่า ในส่วนของการรถไฟฯภาคใต้นั้นจะเริ่มเดินรถก่อนในวันนี้ (12 ก.ย.) เพื่อให้บริการประชาชน ส่วนภาคของความเคลื่อนไหวต่อสู้กับรัฐบาลนายสมัคร นั้น ทางสหภาพฯการรถไฟฯ จะเดินหน้าต่อผนึกกับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจะรอมาตรการจากส่วนกลางที่จะกำหนดท่าทีในการต่อสู้ต่อไป โดยยืนยันว่า การต่อสู้ของเราจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นิติฯม.ทักษิณต้าน ‘หมัก’ รีเทิร์น
วันเดียวกันที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยทักษิณสงขลา นายศรุต จุ๋ยมณี รักษาการคณบดี คณะนิติศาสตร์ ได้เชิญคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ ตัวแทนนิสิตคณะนิติศาสตร์ และประธานสภานิสิต มหาวิทยาลัยทักษิณ เข้าประชุมหารือถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้
จากนั้นนายศรุต ได้เปิดแถลงข่าวในนามของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา ว่า ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่นายสมัคร จะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 จะเปิดช่องให้ตามกฎหมาย แต่ก็จะมีเรื่องความเหมาะสมและความชอบธรรมมาประกอบด้วย จึงอยากให้นายสมัคร มีความตระหนักเล็งเห็นประโยชน์ของบ้านเมืองมากกว่าประโยชน์ส่วนตน อันไหนมันจะมากกว่ากัน
ขณะเดียวกันยังจะมีเรื่องของคดีที่ยังพัวพันกับนายสมัคร อยู่อีก ซึ่งเป็นคดีฟ้องร้องหมิ่นประมาทและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก ตอนนี้รอศาลอุทธรณ์ตัดสินในวันที่ 25 ก.ย.นี้ หากศาลอุทธรณ์ตัดสินก็จะมีผลทำให้นายสมัคร หลุดพ้นจากสมาชิกภาพไปอีก ขณะเดียวกันก็ยังมีคดีเกี่ยวกับการยุบพรรค พปช.ซึ่งอีกไม่เกิน 3 เดือนศาลรัฐธรรมนูญก็จะตัดสิน ถ้าเกิดศาลตัดสินให้ยุบพรรคก็มีผลต่อสมาชิกภาพของนายกรัฐมนตรีด้วย
เอกชนชี้วุ่นแน่หาก”หมัก”ยังด้าน
ด้านนายพิเชษฐ ชายกุล พันธมิตรฯกระบี่ กล่าวว่า ภารกิจของพันธมิตรฯกระบี่ยังไม่จบสิ้น จะมีการต่อต้านรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลังประชาชนทุกรูปแบบ ส่วนรูปแบบจะเป็นไปในทิศทางใดนั้นก็จะรอดูทางพันธมิตรฯเป็นหลักว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาอีก และขอยืนยันว่าพันธมิตรฯกระบี่ จะอยู่ร่วมเคียงข้างกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนกว่าจะได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง
ทางด้านนายวัฒนะ เริงสมุทร ประธานชมรมมัคคุเทศก์จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หากนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกตนเชื่อว่าความวุ่นวายภายในบ้านเมืองก็คงจะไม่รู้จักจบสิ้นอย่างแน่นอน
“การที่เอาคนที่ถูกตราบาปว่ากระทำผิดแล้วมาเป็นผู้นำของคนทั้งประเทศ คงจะไม่มีประเทศใดในโลกเขาทำกัน ถ้าจะมีก็เพียงแต่พรรค พปช.เท่านั้น ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุผลใด และการที่นายสมัคร ยินดีรับตำแหน่งอีกครั้งโดยอ้างว่าเพื่อรักษาประชาธิปไตยนั้นก็ไม่เห็นว่าจะรักษาประชาธิปไตยตรงไหน เพราะทุกคนก็ทราบกันดีว่าเมื่อนายสมัคร รับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ความวุ่นวายก็คงจะเกิดอีกอย่างแน่นอนและจะไม่รู้จบ แล้วจะรับไปเพื่ออะไร” นายวัฒนะ กล่าว
แม่เมาะย้ำจุดยืนไม่เอา"สมัคร"
นายสมโชค จันทร์ทอง ผู้ประสานงานองค์กรสัมพันธ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เหมืองแม่เมาะและเลขาธิการแกนนำพันธมิตรฯภาคเหนือและลำปาง กล่าวว่า กลุ่มรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และพันธมิตรฯมีเจตนาชัดเจนไม่เอานายสมัคร หรือคนของ พปช.และพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 เป็นนายกรัฐมนตรี แม้มีความพยายามเลี่ยงกฎหมายเพื่อผลักดันนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง แต่กลุ่มพันธมิตรฯจะคัดค้านต่อไปจนถึงที่สุดภายใต้จุดยืนไม่เอาคนของรัฐบาลชุดนี้ไม่ว่าใครก็ตาม เพราะเป็นรัฐบาลนอมินี เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ทั้งนี้ พันธมิตรฯคาดการณ์แล้วว่า พปช.จะมีการเสนอชื่อนายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีอีก แต่การเสนอชื่อนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรอบสองแสดงให้เห็นชัดเจนว่า พปช.ไม่ได้มุ่งเข้ามาแก้ปัญหาให้บ้านเมืองเพื่อประชาชน แต่ต้องการทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์และแก้ไขกฎหมายช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ
"หากนายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง เชื่อว่าประชาชนที่เป็นกลางไม่เลือกอยู่ข้างใดข้างหนึ่งจะเข้าใจจุดมุ่งหมายของกลุ่มพันธมิตรฯดีขึ้นว่าเหตุใดถึงชุมนุมขับไล่บุคคลเช่นนี้ จึงอยากฝากถึงประชาชนที่เป็นกลาง พันธมิตรฯกำลังกู้ชาติเพื่อพวกท่านทั้งหลายอยู่ ขอให้ประชาชนกลุ่มนี้ออกมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯอย่านิ่งเฉย เข้ามาร่วมอุดมการณ์กันให้มากๆเชื่อว่าถ้ามีประชาชนออกมาชุมนุมมากขึ้น สิ่งที่พรรคพลังประชาชนอ้างว่าได้รับการเลือกตั้งมาจากเสียงส่วนใหญ่จะหมดความชอบธรรม ถึงเวลาแล้วทีประชาชนจะต้องเลือกข้าง" นายสมโชคกล่าว
สะพัด “ยุทธ”นัดเครือข่ายหารือเสาร์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงรายด้วยว่า หลังจากนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค พปช.และอดีตประธานรัฐสภา ออกมาเคลื่อนไหวโดยเข้าร่วมประชุมหาตัวผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนใหม่ ทำให้บรรยากาศการเมืองในพื้นที่ จ.เชียงราย มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอีกครั้ง
โดยมีรายงานว่าในวันเสาร์ที่ 13 ก.ย.นี้ นายยงยุทธ พร้อมด้วย น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เชียงราย เขต 3 ที่ทั้งคู่เคยโดนใบแดงและใบเหลือง และ น.ส.ละออง ได้ชนะการเลือกตั้งซ่อมกลับมาได้จะมีการเรียกประชุมผู้นำ อบต.กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่ม อสม.กลุ่มแม่บ้านใน อ.แม่จัน ที่สำนักงานพรรคพลังประชาชน ตั้งอยู่ในบ้านนายยงยุทธ ที่ ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
ทั้งนี้ นายอมรพงศ์ วิชิตะกุล ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานนี้แล้วจะประสานไปยังนายยงยุทธ มฤคทัต นายอำเภอแม่จัน ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะกลุ่มเป้าหมายตามที่ได้รับแจ้งล้วนเป็นกลุ่มมวลชนที่อยู่ในความควบคุมดูแลของฝ่ายปกครอง อ.แม่จัน ทั้งสิ้น ส่วน กกต.เชียงรายก็จะส่งชุดสืบสวนออกสืบสวนทางลับว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจริงหรือไม่ และมีวัตถุประสงค์ใด มีนัยทางการเมืองแอบแฝงมากน้อยเพียงใด จะได้วิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ได้ถูก
อปท.เชียงรายอัดขั้วการเมืองดื้อด้าน
ด้านนายพัฒนะพงศ์ ลาพิงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีเมืองชุม อ.แม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่า ตนไม่อยากให้นายสมัคร กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก และไม่ควรอย่างยิ่งที่กลุ่มขั้วการเมืองต่างๆ จะดื้อต้านกระแสสังคมด้วยการโหวตเพื่อให้นายสมัคร ได้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะจะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายไม่จบสิ้น กลุ่มต่อต้านก็ไม่จะยอมจบและต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกดดันต่อต้านนายสมัคร อย่างถึงที่สุด
"ทางที่ดีควรจะหาผู้ที่มีความเหมาะสม มีคุณสมบัติที่สามารถเข้ามาบริหารประเทศในสภาวะบ้านเมืองคับขันเช่นนี้ให้ได้จะดีกว่า เพราะขณะนี้บ้านเมืองเราไปไม่รอดแล้วต้องยอมรับกติกา ยอมรับเหตุและผลของสังคมโดยรวมด้วยจะมารั้งคนคนเดียว แต่ทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองพังพินาศ จึงไม่ควรกระทำ"
นายพัฒนพงศ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยขณะนี้ต้องได้ผู้นำที่เป็นกลาง เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายได้เพราะหากยังปล่อยให้เป็นการเมืองสุญญากาศเช่นนี้จะมีผลกระทบต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างยิ่ง โครงการพัฒนาท้องถิ่น งบประมาณการนำเสนอไปยังส่วนกลาง ก็จะสะดุดลง การขอสนับสนุนต่างๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะว่ารัฐบาลยังไม่นิ่ง ยังไม่มีเสถียรภาพ ในฐานะเป็นผูนำ อบต.มองว่า เป็นเรื่องที่เสียโอกาสอย่างมากของประเทศไทย ที่ต้องมานับหนึ่งใหม่ตลอดเวลา
"ทุกฝ่ายควรจะหาข้อยุติการเมืองให้เร็วที่สุด ไม่ว่าใครจะมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ขอให้เห็นแก่ส่วนรวม ให้เห็นแก่ประชาชนมาเป็นหลัก และอยากให้ทุกขั้วการเมือง มีความเป็นกลาง ในการจัดวางตัวข้าราชการ โดยเฉพาะกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ควรเข้ามาล้วงลูก เพราะแนวทางและนโยบายต่างๆ มีการวางไว้ดีแล้ว หากส่งคนของการเมืองเข้ามาล้วงลูก จะเสียกระบวนการพัฒนาท้องถิ่นไปได้ จึงอยากให้นักการเมือง ทำหน้าที่นักการเมืองอย่างเป็นกลาง สร้างสรรค์มีจุดยืน"
พธม.อุดรฯชี้ความรุนแรงทวีขึ้นแน่
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯทางภาคอีสาน นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯอุดรธานี กล่าวว่า หากพรรค พปช.ยังดื้อดึงเอานายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ความวุ่นวายและเหตุการณ์ความไม่สงบ กระแสต่อต้านจะรุนแรงมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่า
"ความชอบธรรมของนายสมัคร ได้หมดไปแล้ว กลายเป็นบุคคลล้มละลายอย่างสิ้นเชิง สำหรับสถานการณ์การเมืองตอนนี้ยังอึมครึมอยู่ยังไม่มีความชัดเจนในตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภารกิจกลุ่มพันธมิตรฯอุดรธานี ยังไม่แล้วเสร็จก็คงต่อต้านอย่างยืดเยื้อในระบบทักษิณ หรือรัฐบาลหุ้นเชิดแม้วอย่างแน่นอน" นายเจริญ กล่าว
ด้านนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ เปิดแถลงข่าวที่ห้องประชุมสถาบันพัฒนาแหล่งน้ำ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.ขอนแก่นว่า จากการที่ พปช.มีมติเสนอให้นายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งถือเป็นการซ้ำเติมวิกฤตชาติให้ลุกลามและขยายวงกว้างไม่จบสิ้นตามยุทธศาสตร์หลักที่ระบอบทักษิณตั้งเป้าไว้มาตั้งแต่ต้น
“หากไม่มีการเร่งแก้วิกฤตชาติความสูญเสียอันรุนแรงจะเกิดขึ้นด้วยการทำให้คนในสังคมชนบทเกลียดชังคนชนชั้นกลางและคนระดับสูง ประชาชนเกิดความรู้สึกเกลียดชังกันและแบ่งสีชัดเจน โดยทำให้สีแดงเกลียดสีเหลือง ทำให้คนในชาติแตกแยกกันหนักและรุนแรงขึ้น จนอาจนำไปสู่สงครามประชาชนในเวลาอีกไม่นาน” นายไทกร กล่าว
ทาสแม้วปลุกกระแสหนุน"ทรราช"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย.เวลาประมาณ 15.00 น.สถานีวิทยุชุมชนคลื่น 97.50 นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ได้แสดงความเห็นผ่านรายการว่า หลังจากที่นายสมัครถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้พ้นจากตำแหน่งทางกลุ่มฯทราบข่าวแล้วแต่ไม่ได้หนักใจ เพราะยังไงทางชมรมคนรักอุดรฯ พร้อมสมาชิกยังสนับสนุนและต้องการให้นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เพราะในสถานการณ์การเมืองแบบนี้คงไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับนายสมัคร
นอกจากนี้ นายขวัญชัย ยังได้เปิดรับสายหน้าไมค์จากประชาชนที่โทรเข้ามายังคลื่นชมรมคนรักอุดรฯ เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตัวนายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่ยังหนุนให้นายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากให้พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาล ทางกลุ่มชมรมคนรักอุดรฯ ต้องมีการต่อต้านแน่นอน
“ถ้าหากนายสมัครได้กลับมานั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทางชมรมคนรักอุดรฯจะมีการจัดฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการรับขวัญนายสมัคร” นายขวัญชัยกล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายขวัญชัย ยังได้พยายามระดมกลุ่มคนรักอุดรฯจำนวนมากเพื่อเดินทางเข้าไปให้กำลังใจนายสมัคร ที่หน้ารัฐสภาในวันนี้ด้วย
ขณะที่มีรายงานข่าวจาก จ.บุรีรัมย์เช่นกันว่า กลุ่ม ส.ส.บุรีรัมย์ พปช.และนักการเมืองท้องถิ่นกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ ได้พยายามที่จะระดมคนราว 2,000-3,000 คนเพื่อเดินทางเข้าไปสนับสนุนนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งที่หน้ารัฐสภาในวันนี้เช่นกัน เพื่อต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อาจจะเคลื่อนพลเข้าไปชุมนุมคัดค้านไม่ให้มีการเปิดประชุมสภาฯ เพื่อโหวตเลือกนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ แหล่งข่าว เผยว่าคนทั้งหมดที่เดินทางมาสนับสนุนนายสมัคร ล้วนได้รับการว่าจ้างมาทั้งสิ้น