ศูนย์ข่าวภูมิภาค-อาจารย์ นักศึกษา และนักวิชาการหลายสถาบัน พร้อมพันธมิตรฯในต่างจังหวัด ยังขับเคลื่อนไล่รัฐบาลต่อเนื่อง และต่อต้าน "ทรราช" ไม่ให้กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญพิพากษา "สมัคร สุนทรเวช" ขาดคุณสมบัติหลุดจากตำแหน่ง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้แล้ว "นักวิชาการ ม.บูรพา" ย้ำการเมืองไทยต้องมีการปฏิรูปการเมืองใหม่โดยประชาชนจะต้องไม่ขึ้นตรงหรือตกเป็นเหยื่อนักการเมือง "แกนนำพันธมิตรฯอุดรธานี" เตรียมเป็นโจทก์แจ้งความเอาผิด "ขวัญชัย-อุทัย" ข้อหาพยายามฆ่า ปล้นทรัพย์กรณีเหตุการณ์ 24 ก.ค.51 ไม่เว้นแม้แต่นายตำรวจใหญ่ในอุดรฯต้องรับโทษข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่
นศ.ราชภัฏยะลาจี้"หมัก"ยุติการเมือง
วานนี้ (10 ก.ย.) เวลา 13.30 น.ที่บริเวณลานวัฒนธรรม ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ชมรมเรารักประชาธิปไตยมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ได้จัดเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็น เรื่อง "นานาทัศนะกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และร่วมต่อต้านรัฐบาลทรราช" ในการจัดเวทีในครั้งนี้มีอาจารย์-นักศึกษา และประชาชนมาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยมี ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และนายยะยา มิบาโง อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และผู้ก่อตั้งชมรมเรารักประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ขึ้นเวทีอภิปราย เพื่อสนับสนุนให้นักศึกษาได้ร่วมกันเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้กลับคืนมาสู่ประชาชนทุกหมู่เหล่าในประเทศไทย
พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ลาออกไป เพราะต้องการที่จะเห็นการเมืองไทยเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลสามารถที่จะทำหน้าที่ในการดูแลประเทศชาติ อย่างมีความโปร่งใส และเล็งเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก
นายแวรุสมิ เจะเฮาะ นักศึกษาเอกรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นนักศึกษาอยากจะให้การเมืองไทย มีเสถียรภาพมากกว่าเดิม มีความสงบสุข และทำให้ประชาชนในประเทศชาติ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในการใช้ชีวิตประจำวันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนการเมืองไทยในขณะนี้นั้น โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้วนั้น คิดว่าการเมืองไทยถึงขั้นวิกฤติ เพราะว่าประชาชนในประเทศเกิดปัญหาในทุกๆ ด้าน มีความแตกแยกกัน มีแนวคิดที่ไม่ตรงกันมาก แตกแยกทางด้านความคิดเห็น เกิดการไม่ไว้วางใจรัฐบาล จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาไร้ซึ่งประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น ต้องการคนที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในระดับรากหญ้า เป็นหลัก ไม่คดโกง โปร่งใส และ ที่สำคัญต้องเป็นคนดี
ด้านนายบูรฮาน มามุ นักศึกษา ชมรมเรารักประชาธิปไตยมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา กล่าวว่า ไม่อยากให้นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป เพราะประชาชนไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ ได้สร้างความวุ่นวายให้แก่ชาติบ้านเมือง และต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ลาออกไป คืนอำนาจประชาธิปไตยกลับสู่พี่น้องประชาชนในประเทศ
คำแถลงการณ์ของชมรมเรารักประชาธิปไตยมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เรื่องจุดยืนและข้อเรียกร้องของชมรมเรารักประชาธิปไตยมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ในสถานการณ์ปัจจุบันสังคมไทยเกิดความแตกแยกอันเนื่องมาจากรัฐบาลชุดปัจจุบันไร้เสถียรภาพในการบริหารงาน เพราะเหตุนี้ทางชมรมเรารักประชาธิปไตยมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา จึงขอแถลงจุดยืน และ ข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1.ทางชมรมไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลนำพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปี พ.ศ.2548 มาประกาศใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
2.ทางชมรมไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ตาม 3.ทางชมรมขอเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกฝ่ายโดยเฉพาะจากพรรคร่วมรัฐบาลยุติบทบาทการเข้าร่วมรัฐบาล อันแสดงออกถึงความรับผิดชอบของสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย 4.ทางชมรมขอให้นายสมัคร สุนทรเวช ได้ยุติบทบาททางการเมือง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน และ 5.ทางชมรมเห็นว่า ประเทศไทยบอบช้ำจากวิกฤตต่างๆ มามากพออยู่แล้ว ถ้าฝ่ายรัฐบาลยังบริหารประเทศแบบนี้อยู่ เห็นควรต้องยุบสภา เพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ มาดูแลประเทศ
มอ.ฉลองปล่อยลูกโป่งทรราช
เช้าวันเดียวกันที่วงเวียนใจกลางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อาจารย์ และบุคลากร ของมหาวิทยาลัยได้ร่วมกันปล่อยลูกโป่ง พร้อมป้ายผ้าเขียนคำว่า "ต้าน รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ" ขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลทรราช และยืนยันว่า ไม่อยากให้นายสมัคร สุนทรเวช และคณะรัฐมนตรี กลับมาดำรงตำแหน่งอีก หลังจากที่เมื่อวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยในคดี 'ชิมไปบ่นไป' ให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายสมัคร ยังมีโอกาสมากที่จะได้รับคัดเลือกจากพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลให้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งทั้งอาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยืนยันว่าหากนายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯอีกก็จะมีการเคลื่อนไหวเพื่อกดดันต่อไปเรื่อยๆ
ในขณะที่ประชาชนได้ให้ความสนใจกับคดีนี้เป็นอย่างมาก โดยหลังจากที่ศาลได้ตัดสินให้นายสมัครหลุดจากเก้าอี้นายกฯ แล้ว ประชาชนชาวสงขลาก็ได้ร่วมกันฉลองแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า อย่างเช่น ที่เวทีพันธมิตรสงขลาฯ เมื่อคืนนี้มีการจุดประทัดจำนวนหลายพันนัด เพื่อแสดงความยินดีร่วมกัน
ชี้"หมัก"พ้นตำแหน่งสถานการณ์ดีขึ้น
ด้านประชาชนชาว จ.ตรังหลายสาขาวิชาชีพได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการเมืองของประเทศไทยต่อไปหลังจากที่จะมีการเปลี่ยนนายกฯคนใหม่ โดยประชาชนชาว จ.ตรังส่วนใหญ่มีความเห็นว่า คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญที่พิจารณาให้นายสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเมืองในประเทศ เพราะสถานการณ์ความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะได้ยุติลงโดยเร็ว
นายสฤษดิ์ ธัญกิจจานุกิจ ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์ตรัง อดีตประธานสภาทนายความจังหวัดตรัง และนักวิชาการทางด้านกฎหมาย กล่าวว่า การเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรจะมีการใช้กระบวนการของระบบรัฐสภา โดยการเลือกสรรจาก ส.ส.และที่ไม่ควรเป็นนายสมัคร เพราะบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ควรจะมีความสง่างามในทุกด้าน และที่สำคัญจะต้องเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
นายสฤษดิ์ กล่าวอีกว่า หากนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ตนมองว่าไม่เหมาะสมเพราะศาลได้พิจารณาคดีแล้วว่ามีความผิดจริง จึงไม่มีความสง่างามเพียงพอต่อการดำรงตำแหน่งนี้ รวมทั้งถือว่าเป็นบุคคลที่ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มีการรณรงค์จาก ส.ส.และผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งการที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินชี้มูลความผิดของนายกรัฐมนตรีไปแล้วนั้น แสดงให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมของศาล ในการพิจารณาคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างชัดเจน
"ในส่วนของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ยังคงมีการชุมนุมโดยที่ยังไม่ยอมสลายการชุมนุมในขณะนี้นั้น มองว่า เป็นการชุมนุมที่ต้องการให้มีสภาพการเมืองใหม่ และต้องการให้ได้มาซึ่ง ส.ส.ที่มีคุณธรรม และจริยธรรม ในการเข้ามาบริหารประเทศ โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้อง หรือการเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะต้องคำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักสำคัญ" นายสฤษดิ์ กล่าว
จี้"หมัก" ยุติบทบาทการเมืองเพื่อชาติ
ขณะที่เครือข่ายนักวิชาการและองค์กรชุมชนภาคใต้ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรชะลอการสรรหานายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาสาระ ดังนี้ 1.ขอให้สภาผู้แทนราษฎร "ชะลอ" การสรรหานายกรัฐมนตรีออกไปก่อนเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มีเวลามากพอในการครุ่นคิด ใคร่ครวญสถานการณ์ทางการเมือง และสามารถเสนอทางออกให้สังคมได้อย่างรอบคอบและรอบด้าน อีกทั้งจะเป็นการกอบกู้ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบอบรัฐสภาและนักการเมืองในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล
2.ขอให้นายสมัคร ตัดสินใจยุติบทบาททางการเมือง เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้แก่ประเทศชาติ รวมทั้งเพื่อเป็นมาตรฐานด้านคุณธรรมและจริยธรรมให้อนุชนรุ่นหลังได้ยึดถือต่อไป 3.ขอให้พันธมิตรฯ และ นปช. ยุติการชุมนุมหรือลดเงื่อนไขการสร้างแรงกดดันทางการเมือง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ใช้จังหวะเวลาดังกล่าวในการขบคิดหาทางออกให้กับสังคมอย่างมีสติ มากกว่าการมุ่งเอาชนะคะคานระหว่างกันเป็นสำคัญ และ 4.ขอให้แกนนำพันธมิตรฯ แสดงความบริสุทธิ์ใจและแสดงให้เห็นว่าเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมจริง ด้วยการเข้ามอบตัวเพื่อพิสูจน์ตนเองในชั้นศาล
รถไฟสายใต้ยังจอดนิ่งที่สถานี
ผู้สื่อข่าวรายงานรายงานด้วยว่า แม้นายสมัคร จะพ้นสภาพจากการเป็นนายกรัฐมนตรีตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วเมื่อวานนี้ แต่ในส่วนของการเดินรถไฟสายใต้ซึ่งเป็นเพียงเส้นทางเดียวในขณะนี้ที่ยังไม่เปิดวิ่ง ล่าสุดวานนี้รถไฟสายใต้ก็ยังหยุดติดต่อกันเป็นวันที่ 13 และยังหยุดแบบไม่มีกำหนด
นายสาโรจน์ รักษ์จันทร์ กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีพ้นสภาพ จากการเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการต่อสู้ของภาคประชาชนเท่านั้น ทำให้จำเป็นต้องเดินหน้าขับเคลื่อนการต่อสู้ทุกรูปแบบต่อไป ในการขับไล่รัฐบาลให้พ้นจากตำแหน่งทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคการเมืองกำลังผลักดันนายสมัคร กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง
ดังนั้น สหภาพฯยืนยันต้องปิดการเดินรถไฟสายใต้โดยไม่มีกำหนดต่อไป ตามมติของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ให้สหภาพการรถไฟฯและพนักงานรถไฟฯเคลื่อนไหวต่อไป เนื่องจากจุดยืนของการรถไฟฯในการเข้าร่วมกับพันธมิตรนั้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของการรถไฟฯ และเรียกร้องให้รัฐบาล และผู้บริหารการรถไฟแก้ปัญหาระบบการจัดการรถไฟให้เป็นรูปธรรม
"แม้เส้นทางรถไฟสายใต้จะเป็นเส้นทางเดียวที่หยุดวิ่งบริการติดต่อกันเป็นวันที่ 13และมีแนวโน้มหยุดต่อเนื่องโดยไม่มีกำหนด ตราบใดที่รัฐบาลยังดื้อดึงที่จะบริหารงานต่อไปทั้งๆ ที่หมดความชอบธรรม โดยเฉพาะประเด็นการ โหวตให้นายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลชุดนี้หมดสภาพด้านจริยธรรมท้าทายอำนาจตุลาการ ไม่ใส่ใจกฎหมายและเสียงจากประชาชนเป็นการตอกย้ำให้ต้องปักหลักสู้ต่อไปจนกว่าบรรลุผลสำเร็จ ดังนั้น เหตุผลนายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จึงไม่เพียงพอต่อการเปิดเดินรถไฟ" นายสาโรจน์ กล่าว และว่า
สหภาพฯจะจับตาความเคลื่อนไหวรัฐบาลอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในวันศุกร์นี้ซึ่งจะมีความชัดเจนด้านการเมืองที่น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงทางใดทางหนึ่ง ซึ่งสหภาพฯยังหารือเพื่อกำหนดทิศทางอีกครั้ง
นักวิชาการ ม.บูรพาชี้ต้อง"ปฏิรูปการเมืองใหม่"
ด้านนายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงการเมืองไทยในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ถือว่าถึงทางตันแล้ว โดยทางออกในขณะนี้ คือ ต้องปฏิรูปการเมืองรูปแบบใหม่ ซึ่งมีหลายหน่วยงานและองค์กรที่เสนอรูปแบบมาแล้วนั้นก็ต้องนำไปพิจารณาร่วมกันให้มีความเหมาะสมที่สุด เพราะขณะนี้หากใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้ปัญหาต่างๆ ก็คงจะเกิดขึ้นเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
"ที่ผ่านมาการเมืองกลายเป็นธุรกิจการเมือง คือ ต้องมีการซื้อสิทธิซื้อเสียง มีการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งก็ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่ต้องเป็นการเลือกตั้งแนวใหม่ โดยจะต้องกำหนดอัตราส่วนของ ส.ส.จากการเลือกตั้งจำนวน 100 คน และจากกลุ่มสาขาอาชีพจำนวน 300-400 คน" นายโอฬาร กล่าว และว่า
นอกจากนั้น ต้องมีการปฏิรูปสังคมด้วย โดยเฉพาะประชาชนจะต้องไม่ขึ้นตรงต่อนักการเมืองระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ที่ให้การช่วยเหลือและสนับสนุน เช่น กรณีจัดหาที่ดินทำกิน, กองทุนให้ความช่วยเหลือต่างๆ เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้นการกระทำอะไรต่างๆ ก็จะต้องขึ้นตรงต่อบุคคลกลุ่มนั้นอย่างแน่นอน
ด้านนายประเสริฐ ช่วยแก้ว อาจารย์ภาคประจำวิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองยังน่าเป็นห่วง แม้ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะถูกพิพากษากรณีดังกล่าวไปแล้วและพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ยังสนับสนุน และผลักดันให้นายสมัคร กลับเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม
"กรณีดังกล่าวมีหลายฝ่ายออกมาตำหนิและไม่สมควรกระทำดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง โดยควรสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม ไม่มีจุดบกพร่องใดๆ ทางการเมือง ซึ่งละลดกระแสความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากยังดันทุรังนำบุคคลในพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปัญหาคงจะทวีความรุนแรงขึ้น" นายประเสริฐ กล่าว และว่า
ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯได้ประกาศจุดยืนแล้ว และยังจะบริหารรูปแบบเดิม กลุ่มต่างๆ เช่น องค์กรเอกชน กลุ่มนักศึกษา ก็ยิ่งออกมาเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นแล้ว หากยังดื้อรั้นบริหารประเทศรูปแบบนี้ต่อไปอีก
พธม.กำแพงฯให้กำลังใจเหยื่อ ตร.
วันเดียวกันนายสุวัฒน์ วัฒนศิริ ประธานเครือข่ายประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดกำแพงเพชร ได้นำสมาชิกเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมกับมอบเครื่องดื่มบำรุงกำลังให้แก่นายจรัญ แสงส่ง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 492 หมู่ที่ 7 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ที่ได้รับบาดเจ็บจากการร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯ เพราะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายจรัญ เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมเดินทางไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยอาสาเป็นการ์ดให้แก่พันธมิตรฯที่แยกวังแดง ขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่การ์ด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ตนในฐานะการ์ดจึงต้องช่วยควบคุมสถานการณ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกระชากให้ออกจากกลุ่ม และดึงหมวกกันน็อกออกจากศีรษะก่อนที่จะฟาดด้วยไม้กระบองจนบาดเจ็บศีรษะแตก และชายโครงปวดจนถึงปัจจุบัน ต้องรักษาตัวอยู่กับบ้าน แต่ถ้าหายแล้วยังจะกลับไปร่วมชุมนุมอีก
ด้านนายสุวัฒน์ กล่าวว่า นายจรัญ เป็นผู้ที่เสียสละเพื่อบ้านเมือง แม้จะเจ็บก็ยังไม่ยอมกลับจนต้องขอร้องให้กลับมารักษาตัวก่อน ซึ่งคงต้องรอให้สุขภาพดีกว่านี้จึงจะไปร่วมชุมนุมต่อได้
เตรียมแจ้งข้อหาพยายามฆ่า 2 กุ้ย
นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ตนจะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญาต่อนายขวัญชัย ไพรพนา และนายอุทัย แสนแก้ว 21 แกนนำคนรักอุดรฯ ในข้อหาปลุกระดมสั่งการปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าพี่น้องพันธมิตรฯ ที่มาร่วมเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 24 ก.ค.51 จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายหลายรายการ โดยจะพ่วงกรณีที่ร้านทองของตนถูกปิดล้อม ทำลายทรัพย์สินอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังจะแจ้งความดำเนินคดีแก่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ จ.อุดรธานี ในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่จนทำให้เหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ค.51 รุนแรงบานปลาย ทั้งที่สามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดการไล่ฆ่ารุมตีได้ แต่กลับเพิกเฉย
"ข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่จะแจ้งความทางสภาทนายความและทนายส่วนตัวของผมรวบรวมไว้หมดแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะแจ้งความในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่มีปัญหาพวก นปก.บุกทำร้ายและรื้อถอนเวทีพันธมิตรฯที่มัฆวานฯก่อน ทางทนายความจึงทุ่มเทเวลาไปช่วยพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯก่อน" นายเจริญระบุ