ผู้จัดการรายวัน - "สนธิ" ชี้พรรคพลังประชาชนเลือกสมัครนั่งนายกฯ รอบ 2 เหมือนยกเท้าลูบหน้าคนไทย นับเป็นประวัติศาสตร์ชาติ ปลุกพ่อแม่พี่น้องสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อชัยชนะของความถูกต้อง มั่นใจเพียงอึดใจเดียว “สุริยะใส” แนะ พปช.ฟัง ผบ.ทบ.ที่อยากเห็น ส.ส.เสียสละ "เจิมศักดิ์-อ.จุฬาฯ" ให้จับตาโหวต "สมัคร" อาจสละสิทธิให้เด็กแม้วคนใหม่สวมแทน ผู้นำนักเรียนนักศึกษาประกาศความพร้อมเคลื่อนพล 5 พัน บุกรัฐสภาต้านหมักนายกฯ ขณะที่คนเสื้อแดงถึงสภาแล้ว
วานนี้ (11 ก.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) จะโหวตให้นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ ว่า พปช.กำลังยกเท้าลูบหน้าคนไทย นัยตรงนี้ รุนแรงมาก มีความหมายต่อชีวิตพวกเรามาก และมีความหมายต่อประวัติศาสตร์ชาติบ้านเมืองมากที่สุด ตรงไหน ก็ตรงที่ว่า อีกไม่กี่เมตรเท่านั้นเอง ชาติจะอยู่รอดหรือไม่รอดขึ้นอยู่กับพวกเรา
ก่อนที่ผลจะออกมา การแข่งกีฬา การทำอะไรก็ตามในชีวิต ถามตัวเองก่อนว่า เราสู้จนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้ายหรือยัง ถ้ายังไม่ถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ถ้าผ่านไปแล้ว เราไม่มีสิทธิ์พูดเลย เหมือนนักกีฬาออกมา ถ้าแพ้แต่ชกจนสุดความสามารถแล้ว ไม่เสียใจเพราะว่า ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว เผอิญกีฬามันมีแค่แพ้กับชนะ แพ้แล้วสู้ใหม่อาจจะชนะได้ แต่ชาติบ้านเมืองไม่มีครั้งที่สองอีกต่อไป แพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้ก็หมายความว่าชาติบ้านเมืองไม่มีที่ยืนให้กับคนดีๆในสังคมไทยอีกต่อไปแล้วพี่น้อง
วันนี้ไม่ใช่เป็นเพียงวันประวัติศาสตร์ของการต่อสู้อย่างเดียว ยังแสดงให้เห็นถึงสุดยอดของความจัญไร ระยำตำบอนที่การเมืองระบบเก่ากำลังแสดงออกให้พ่อแม่พี่น้องทุกคนได้มองเห็น การเสนอชื่อนายสมัครเข้าไปนั้น นอกจากจะผิดจริยธรรม ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้ว่าอะไรคือถูก ผิดแล้วยังเป็นการที่พรรคพลังประชาชน เอาเท้าขยี้คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้เหลือแลยแม้แต่นิดเดียว สังคมอะไรก็ตาม สังคมการเมืองที่ต่อสู้เพื่อเข้ามาบริหาราบ้านเมือง แต่ไม่เคารพในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดกติกาทางการเมือง นี่ไม่ใช่นักการเมืองหรือการเมืองของประเทศไทย นี่คือแก็งค์อันธพาล แล้วเราจะยอมให้พวกนี้มาปกครองชาติบ้านเมืองหรือไม่
นัยตรงนี้มีความหมายสูงสุด พวกเราเป็นพวกที่กล้าพูดได้ว่าเป็นพวกที่ค้ำจุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าขาดพวกเราราชบัลลังค์จะคลอนแคลน เพราะวันนี้พึ่งทหารไม่ได้
“ผมก็เคยเล่าพระมหาชนกให้ฟังจำได้ไหม ว่าอยู่ในทะลึก ทำไมถึงบอกพี่น้องว่าอย่าท้อใจ เพราะถ้าเราศรัทธาและเชื่อมั่นสิ่งที่ทำ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นจะมานั่งอยู่ที่นี่ 114 วันทำไม ถ้าเราศรัทธาเชื่อมั่น พี่น้องที่มารวมเป็นเรือนแสนคราวที่แล้ว พี่น้องต้องลงมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นสงครามครั้งสุดท้ายจริงๆ การที่เขาส่งนายสมัครมาอีกครั้งแสดงว่าเขาต้องการรบแบบแตกหักกับประเทศไทยครับ
ไม่มีส่วนไหนของสังคม ยอมรับการตัดสินใจของพรรคพปช. วันนี้พิสูจน์อย่างเห็นได้ชัด ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคำวิบัติชาติบ้านเมืองตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ชีวิตคนเราเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว เราอยากตายอย่างหนักเหมือนขุนเขาหรือตายเบาอย่างขนนก ขึ้นอยู่กับเราเลือก เราอยากเป็นคนเลวหรือคนดี ขึ้นอยู่กับเราเลือก เรารักชาติบ้านเมืองด้วยจิตบริสุทธิ์ หรือรักด้วยวจี และเมื่อภัยมา เราวิ่งหนีภัยอันนั้นขึ้นอยู่กับเราเลือก วันนี้มีผู้ใหญ่อาวุโสคนหนึ่งถามผมว่า จะทำยังไง คือผู้พิพากษาอาวุโส ท่านบอกโดยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นายสมัครไม่มีสิทธิเสนอชื่อ ถ้าพปช. เข้าใจรัฐธรรมนูญและจริยธรรม ผมบอกว่าเขาคงหน้าด้านเพราะเขาไม่เข้าใจจริยธรรม
ยิ่งเขาทำอย่างนี้พิสูจน์ชัดว่า การที่เรามาสู้ที่นี่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ผิดเลย ตอกย้ำยืนยันว่า ถูกแล้วที่มา ไม่ผิดอะไรเลย และชอบแล้วที่มาที่นี่ ท่านผู้พิพากษาถามต่อว่า มันขนคนมาให้กำลังใจสมัครวันนี้ ที่หน้ารัฐสภา ถ้ามันมารังแกเราจะทำยังไง ผมบอกว่าเราต้องสู้ ทำไมเราต้องสู้ ถึงแม้ว่าเราจะอหิงสาก็ตาม แต่บางครั้งเพื่อชาติบ้านเมืองเราต้องมีความกล้าหาญ บางครั้งในประวัติศาสตร์ มีการทำสงครามเพื่อยุติสงคราม พ่อแม่พี่น้อง วันนี้ เป็นวันพิพากษาวันสุดท้ายแล้ว เพราะถ้าสมัครขึ้นมา พี่น้องขอให้เชื่อผม แผ่นดินต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอนที่สุด
พี่น้องที่ดูเอเอสทีวีที่บ้านตามจังหวัดต่างๆ ถึงเวลาที่ต้องเก็บข้าวเก็บของขึ้นมาแล้วพี่น้อง มาเลยพี่น้อง อย่างน้อยที่สุดมาแสดงประชามติ ให้สังคมไทยได้เห็นว่า สังคมไทย ยังมีคนรู้จักผิดชอบชั่วดีและรักความถูกต้องที่มาอยู่ที่นี่เป็นแสนเป็นล้านครับ
พรุ่งนี้อย่ากระพริบตา พรุ่งนี้จะรู้เช่นเห็นชาติของนักการเมืองที่มาในคราบสัตว์นรก ไม่ต้องไปหวังอะไรกับพรรคร่วมรัฐบาลครับ เพราะนายบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมา พรรคพลังประชาชน เป็นเป้าหมายที่ต้องถูกยุบพรรคทั้ง 4 พรรค เมื่อคนพวกนี้รู้ว่าต้องถูกยึดพรรค กรรมการบริหาร นายบรรหารต้องเว้นวรรค 5 ปี เลยต้องดื้อด้านร่วมกับพลีงประชาชน และพี่น้องจะเห็นกระบวนการที่ผมเรียกว่า ตายยกแก๊งค์
เหลืออีกไม่กี่เมตรเท่านั้นเองจะถึงเส้นชัยแล้ว อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่ามีคนถามผมว่าเหนื่อยไหม ผมบอกว่ากายภาพเหนื่อยมาก แต่จิตวิญญาณเข้มแข็งกว่าเก่ามาก เพราะฉะนั้นพี่น้องต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดี ที่สำคัญเหนื่อยใจเหนื่อยไป รักษาใจให้ดีพี่น้อง ขอให้พี่น้องรักจิตวิญญาณรักษาใจให้แน่วแน่ ให้รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เอาธรรมนำหน้า ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เพราะเมื่อถึงชัยชนะแล้ว อยากให้ก้าวสู่ชัยชนะด้วยสุขภาพที่สมบูรณ์ไม่ใช่สุขภาพที่ขี้โรคอ่อนแอ
เมื่อเวลา 19.00 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่า คงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็คงจะเป็นคนหน้าเดิม ส่วนภายในพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่มีการต่อรองกันอยู่นั้น คงจะไม่มีผลอะไร นอกจากเป็นการต่อรองเพื่อขอโควตาตำแหน่งทางการเมือง อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลก็มองไม่เห็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้บ้านเมืองมีความเลวร้ายมาก ซึ่งอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่มีใครคาดคิดก็เป็นได้ จึงอยากให้คิดถึงคำพูด ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่เคยพูดไว้ว่า อยากให้ ส.ส.เสียสละ
นอกจากนี้ พปช.และพรรคร่วมรัฐบาล ก็รู้ดีว่า การนำ นายสมัคร สุนทรเวช หรือ นอมินี คนอื่นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นการทำให้การเมืองถึงทางตัน และคนที่ได้ประโยชน์ ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะถ้าหากเกิดการรัฐประหาร ก็จะเป็นข้ออ้างให้พ.ต.ท.ทักษิณ ขอลี้ภัยได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ พปช.ไม่สนใจต่อความรู้สึกของคนไทย
ส่วนกรณีที่เครือข่าย YOUNG P.A.D จะเดินทางไปที่หน้ารัฐสภาเช้าวันนี้นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า กลุ่มนิสิต นักศึกษาได้มาหารือกับแกนนำ แต่เนื่องกลุ่ม นปช.มีการขนคนเข้ามาในกทม.ในช่วงเวลา 2-3 ทุ่ม คืนวันที่ 11 ก.ย.เพื่อยึดพื้นที่รัฐสภา และจะมีการทยอยเข้ามาอีก ในช่วงเวลาเที่ยงคืนและเช้ามืด ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันได้ ดังนั้น 5 แกน นำพันธมิตรฯ จะประเมินกันว่าจะเอาอย่างไร เพราะหลักการของเรา คือ ไม่ต้องการความรุนแรง เพราะถ้าหากเดินทางไปแล้วทำให้เกิดการเผชิญหน้า เราก็คงจะไม่ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 เดินทางไปที่รัฐสภาด้วย จะเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อหมายจับหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า โดยหลักแล้วจะไม่ออกจากพื้นที่การชุมนุม แต่ถ้าหากมีการเดินทางไปที่รัฐสภาก็คงจะเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 หรือนิสิตนักศึกษา อย่างไรก็ตาม นิสิต นักศึกษา นั้น ตั้งใจเดินทางไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ ซึ่งถ้าหากทางนักศึกษายืนยันที่จะเดินทางไป ก็ขอให้ดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วย
***"เจิมศักดิ์" แนะจับตาหมักเป้าหลอก
การชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงรายการ"รู้ทันประเทศไทย" ดำเนินรายการโดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้เชิญวิทยากรมาร่วมรายการคือ นายณรงค์ เพชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย
นายเจิมศักดิ์ ย้ำว่า 6 พรรคร่วมรัฐบาลหมดความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาล ขณะเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช ก็หมดความชอบธรรมไปด้วยเหตุผลหลายประการเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 กรณีแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเรื่องปราสาทพระวิหาร การสร้างสถานการณ์ประกาศภาวะฉุกเฉิน และ 3 พรรคร่วมรัฐบาลกำลังจะถูกยุบ
อย่างไรก็ตาม นายเจิมศักดิ์ เตือนว่าการที่พรรคร่วมรัฐบาลทำท่าเสนอ นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งอาจเป็นเป้าลวง เพื่อต้องการเสนอคนอื่น เพื่อทำลายความชอบธรรมและสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ
นายณรงค์ กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างประชาชนที่นำโดยพันธมิตรฯ กับระบอบทักษิณ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและโดยส่วนตัวเห็นว่าถ้า นายสมัคร กลับมาอีกรอบถือเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะกับพันธมิตรฯ ทำให้มีเครือข่ายเติบโตกว้างขวางออกไป เนื่องจากพื้นฐานของคนไทยให้ความเคารพศาล และคนทั่วไปจะเห็นด้วยกับพันธมิตรฯ มากขึ้น ทั้งนี้ การที่นายสมัครจะกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะขัดต่อกระบวนการศาล ขัดต่อกระบวนการยุติธรรม เพราะคนอื่นที่มีความผิดจะมองว่าทำไมคนที่หมดความชอบธรรมอย่างนายสมัครยังเข้ามาดำรงตำแหน่งได้อีก อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้นายสมัครเป็นเป้าหลอกมาตลอด ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าในการโหวตเลือกนายกพรุ่งนี้อาจเลือกนายสมัครขึ้นมา แล้วนายสมัครก็บอกว่าตนไม่เอาแล้ว และก็เปิดช่องให้คนในระบอบทักษิณขึ้นมาแทน
นักวิชาการผู้นี้กล่าวว่า ถึงเวลาต้องปฏิรูปการเมืองได้แล้ว โดยให้มีตัวแทนจากสาขาอาชีพเข้าไปตัวแทนอย่างแท้จริง โดยการปฏิรูปควรมีสองระดับคือ พรรคการเมืองที่ไม่ใช่เป็นแบบนายจ้างกับลูกจ้าง ที่เป็นพรรคแบบนายทุนที่หวังผลกำไรคืออำนาจรัฐแล้วแสวงผลประโยชน์ ต่อมาคือปฏิรูปอำนาจรัฐ ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่คนกลุ่มน้อยพวกทุนสามานย์ โดยให้ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างร่วมมือกันเหมือนที่พันธมิตรฯกำลังทำอยู่ในขณะนี้ และถึงเวลาแล้วที่ต้องสร้างการเมืองใหม่และต้องช่วยกันออกแบบให้เหมาะสมกับคนไทย
นายพิเชษฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภาและอดีต ส.ว.นครราชสีมา กล่าวว่า เป็นความน่าเบื่อหน่ายกับการต่อสู้กับคนชั่วร้าย เหมือนหนังไทยที่คนดีถูกทำร้ายในต้นเรื่อง ซึ่งหนังเรื่องนี้กำลังจะจบพร้อมกับชัยชนะของคนดี เพราะคนขนาดเป็นนายกรัฐมนตรียังกล้าปลอมเอกสารในศาลเท่ากับว่านายสมัครกำลังเพิ่มอายุของตัวเองที่อยู่ในคุกให้มากขึ้น ซึ่งบุคคลที่เรียกว่าคนสาธารณะต้องเป็นแบบอย่างในทางการเมือง แต่ว่าคนในระบอบทักษิณกลับไม่มีคุณธรรมจริยธรรมแม้แต่คนเดียว
"ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง รวมทั้งนักวิชาการบอกว่าบ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟเพราะมีความขัดแย้งมากมาย เพียงเพราะผู้ปกครองประเทศที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งและเป็นตัวแทนประชาชน ขอแค่มีจิตสำนึกก็ทำให้บ้านเมืองหนีจากร้อนกลายเป็นเย็น เพราะวันนี้ประชาชนทุกข์ระทมเหลือเกิน ประชาชนไม่ต้องการเห็นการเสียเลือดเนื้อ แต่ผู้ปกครองบ้านเมืองนี้กลับเอาน้ำมันราดบนกองไฟ"
***YOUNG P.A.D บุกสภาวันนี้
นายวสันต์ วานิชย์ ผู้ประสานงานเครือข่าย YOUNG P.A.D เผยว่า เวลา 08.00 น. วันนี้ (12 ก.ย.) นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่เป็นสมาชิกของกลุ่มจะเดินทางไปชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา ที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยคาดว่าจะมีเครือข่ายมาร่วมชุมนุมราว 5,000 คน ทั้งนี้ กลุ่ม YOUNG P.A.D มีมติร่วมกันว่า ไม่ต้องการให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
“ วันนี้ก็น่าจะถึง 5,000 คน โดยพวกเราจะมีการแจกใบแดงให้คุณสมัคร เพราะคุณสมัครไม่มีคุณสมบัตินี้จึงต้องเอาใบแดงไป พร้อมๆ คณะรัฐบาลด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากจะแจกใบแดงให้กับนายสมัครแล้ว เราจะจับตาการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งจุดยืนของเราคือ ต้องเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม ต้องมีความชอบธรรม ต้องไม่มีคดีติดตัวและเป็นคนดีคำนึงถึงประเทศชาติเป็นหลัก ” นายวสันต์กล่าวและว่า ในวันนี้อาจจะมีไฟดับในสภาหรืออาจจะมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเที่ยงก็ได้ แต่ยังไม่ของบอก ขอปิดเป็นความลับไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อยากให้มั่นใจว่าจะควบคุมการเคลื่อนการชุมนุมของนักศึกษาหลายสถาบันได้ โดยเฉพาะนักเรียนช่างกลมั่นใจทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยได้ เพราะเราได้ชี้แจงเจตนารมณ์ของการชุมนุม และความรู้เรื่องประชาธิปไตยให้สมาชิก YOUNG P.A.D รับทราบตลอดเวลา กลุ่มนักศึกษาทุกคนก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในการชุมนุมอยู่แล้ว และก็ยังจัดการ์ดอาสาที่เป็นนักศึกษาจำนวนมากไว้ดูแลด้วย
***เครือข่ายเด็กฯ ยื่นฎีกาวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (12 ก.ย.) เครือข่ายเด็กเยาวชน ผู้หญิง ครอบครัว คนพิการ นักธุรกิจเพื่อสังคม ข้าราชการ และภาคสังคมอื่นๆ ชวนเชิญพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ไม่เห็นด้วยในการแต่งตั้งนายสมัคร สุนทรเวชกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี มาร่วมลงรายชื่อเพื่อถวายฏีกา โดยมาพร้อมกันที่หน้าโบสถ์วัดพระแก้วเพื่อทำการถวายฏีกาไม่เอา นายสมัคร เวลา 13.00 น จากนั้นจะทำพิธีสวดมนต์ในโบสถ์เพื่อความสงบของบ้านเมือง พร้อมกับจะส่งตัวแทนเข้าพบราชเลขาธิการ เพื่อถวายฏีกา
***กลุ่มเสื้อแดงถึงหน้าสภาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ บริเวณหน้ารัฐสภาเริ่มมีประชาชนสวมเสื้อสีแดงหลายสิบคน กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวใช้ชื่อว่า “คนรักสมัคร” ผู้ชุมนุมรายหนึ่งเปิดเผยว่าเป็นกลุ่มบางแค รวมตัวกันที่ป้ายรถเมล์ เดินทางมาให้กำลังใจนายสมัครช่วงเช้าวันที่ 12 ก.ย. โดยจะมีประชาชนย่านดังกล่าว ทยอยเดินทางมาร่วมอีกจำนวนมาก
ขณะที่ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ทำการระดมประชาชนเกือบ 1 พันคนเดินทางเข้าใน กทม.ด้วยรถบัสจำนวนหลายสิบคันเพื่อมาสมทบ จะออกเดินทางจาก จ.อุดรธานีในเวลา 22.00 น. โดยคาดว่าจะเดินทางถึงด้านหน้าอาคารรัฐสภาในเวลา 07.00 น. วันนี้
***เตรียมกำลัง ตร.-ทหารนับพัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเตรียมมาตรการของรัฐสภาเพื่อรับมือการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา ของพันธมิตรฯ เสื้อเหลือง กับ นปก.หรือ นปช.เสื้อแดง โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมโล่ประมาณ 750 นาย เพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณด้านหน้า ยืนเรียงเป็นลักษณะฟันปลาตลอดแนวรั้วรัฐสภา อีกทั้งจะยังมีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนจาก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่จะเดินทางมาสมทบอีกในเวลา 20.00 น วันที่ 11 ก.ย. ยังมีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ประมาณ 300 นายมาดูแลสถานการณ์ความสงบในบริเวณดังกล่าวด้วย.
วานนี้ (11 ก.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) จะโหวตให้นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ ว่า พปช.กำลังยกเท้าลูบหน้าคนไทย นัยตรงนี้ รุนแรงมาก มีความหมายต่อชีวิตพวกเรามาก และมีความหมายต่อประวัติศาสตร์ชาติบ้านเมืองมากที่สุด ตรงไหน ก็ตรงที่ว่า อีกไม่กี่เมตรเท่านั้นเอง ชาติจะอยู่รอดหรือไม่รอดขึ้นอยู่กับพวกเรา
ก่อนที่ผลจะออกมา การแข่งกีฬา การทำอะไรก็ตามในชีวิต ถามตัวเองก่อนว่า เราสู้จนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้ายหรือยัง ถ้ายังไม่ถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ถ้าผ่านไปแล้ว เราไม่มีสิทธิ์พูดเลย เหมือนนักกีฬาออกมา ถ้าแพ้แต่ชกจนสุดความสามารถแล้ว ไม่เสียใจเพราะว่า ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว เผอิญกีฬามันมีแค่แพ้กับชนะ แพ้แล้วสู้ใหม่อาจจะชนะได้ แต่ชาติบ้านเมืองไม่มีครั้งที่สองอีกต่อไป แพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้ก็หมายความว่าชาติบ้านเมืองไม่มีที่ยืนให้กับคนดีๆในสังคมไทยอีกต่อไปแล้วพี่น้อง
วันนี้ไม่ใช่เป็นเพียงวันประวัติศาสตร์ของการต่อสู้อย่างเดียว ยังแสดงให้เห็นถึงสุดยอดของความจัญไร ระยำตำบอนที่การเมืองระบบเก่ากำลังแสดงออกให้พ่อแม่พี่น้องทุกคนได้มองเห็น การเสนอชื่อนายสมัครเข้าไปนั้น นอกจากจะผิดจริยธรรม ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้ว่าอะไรคือถูก ผิดแล้วยังเป็นการที่พรรคพลังประชาชน เอาเท้าขยี้คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้เหลือแลยแม้แต่นิดเดียว สังคมอะไรก็ตาม สังคมการเมืองที่ต่อสู้เพื่อเข้ามาบริหาราบ้านเมือง แต่ไม่เคารพในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดกติกาทางการเมือง นี่ไม่ใช่นักการเมืองหรือการเมืองของประเทศไทย นี่คือแก็งค์อันธพาล แล้วเราจะยอมให้พวกนี้มาปกครองชาติบ้านเมืองหรือไม่
นัยตรงนี้มีความหมายสูงสุด พวกเราเป็นพวกที่กล้าพูดได้ว่าเป็นพวกที่ค้ำจุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าขาดพวกเราราชบัลลังค์จะคลอนแคลน เพราะวันนี้พึ่งทหารไม่ได้
“ผมก็เคยเล่าพระมหาชนกให้ฟังจำได้ไหม ว่าอยู่ในทะลึก ทำไมถึงบอกพี่น้องว่าอย่าท้อใจ เพราะถ้าเราศรัทธาและเชื่อมั่นสิ่งที่ทำ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นจะมานั่งอยู่ที่นี่ 114 วันทำไม ถ้าเราศรัทธาเชื่อมั่น พี่น้องที่มารวมเป็นเรือนแสนคราวที่แล้ว พี่น้องต้องลงมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นสงครามครั้งสุดท้ายจริงๆ การที่เขาส่งนายสมัครมาอีกครั้งแสดงว่าเขาต้องการรบแบบแตกหักกับประเทศไทยครับ
ไม่มีส่วนไหนของสังคม ยอมรับการตัดสินใจของพรรคพปช. วันนี้พิสูจน์อย่างเห็นได้ชัด ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคำวิบัติชาติบ้านเมืองตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ชีวิตคนเราเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว เราอยากตายอย่างหนักเหมือนขุนเขาหรือตายเบาอย่างขนนก ขึ้นอยู่กับเราเลือก เราอยากเป็นคนเลวหรือคนดี ขึ้นอยู่กับเราเลือก เรารักชาติบ้านเมืองด้วยจิตบริสุทธิ์ หรือรักด้วยวจี และเมื่อภัยมา เราวิ่งหนีภัยอันนั้นขึ้นอยู่กับเราเลือก วันนี้มีผู้ใหญ่อาวุโสคนหนึ่งถามผมว่า จะทำยังไง คือผู้พิพากษาอาวุโส ท่านบอกโดยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นายสมัครไม่มีสิทธิเสนอชื่อ ถ้าพปช. เข้าใจรัฐธรรมนูญและจริยธรรม ผมบอกว่าเขาคงหน้าด้านเพราะเขาไม่เข้าใจจริยธรรม
ยิ่งเขาทำอย่างนี้พิสูจน์ชัดว่า การที่เรามาสู้ที่นี่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ผิดเลย ตอกย้ำยืนยันว่า ถูกแล้วที่มา ไม่ผิดอะไรเลย และชอบแล้วที่มาที่นี่ ท่านผู้พิพากษาถามต่อว่า มันขนคนมาให้กำลังใจสมัครวันนี้ ที่หน้ารัฐสภา ถ้ามันมารังแกเราจะทำยังไง ผมบอกว่าเราต้องสู้ ทำไมเราต้องสู้ ถึงแม้ว่าเราจะอหิงสาก็ตาม แต่บางครั้งเพื่อชาติบ้านเมืองเราต้องมีความกล้าหาญ บางครั้งในประวัติศาสตร์ มีการทำสงครามเพื่อยุติสงคราม พ่อแม่พี่น้อง วันนี้ เป็นวันพิพากษาวันสุดท้ายแล้ว เพราะถ้าสมัครขึ้นมา พี่น้องขอให้เชื่อผม แผ่นดินต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอนที่สุด
พี่น้องที่ดูเอเอสทีวีที่บ้านตามจังหวัดต่างๆ ถึงเวลาที่ต้องเก็บข้าวเก็บของขึ้นมาแล้วพี่น้อง มาเลยพี่น้อง อย่างน้อยที่สุดมาแสดงประชามติ ให้สังคมไทยได้เห็นว่า สังคมไทย ยังมีคนรู้จักผิดชอบชั่วดีและรักความถูกต้องที่มาอยู่ที่นี่เป็นแสนเป็นล้านครับ
พรุ่งนี้อย่ากระพริบตา พรุ่งนี้จะรู้เช่นเห็นชาติของนักการเมืองที่มาในคราบสัตว์นรก ไม่ต้องไปหวังอะไรกับพรรคร่วมรัฐบาลครับ เพราะนายบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมา พรรคพลังประชาชน เป็นเป้าหมายที่ต้องถูกยุบพรรคทั้ง 4 พรรค เมื่อคนพวกนี้รู้ว่าต้องถูกยึดพรรค กรรมการบริหาร นายบรรหารต้องเว้นวรรค 5 ปี เลยต้องดื้อด้านร่วมกับพลีงประชาชน และพี่น้องจะเห็นกระบวนการที่ผมเรียกว่า ตายยกแก๊งค์
เหลืออีกไม่กี่เมตรเท่านั้นเองจะถึงเส้นชัยแล้ว อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่ามีคนถามผมว่าเหนื่อยไหม ผมบอกว่ากายภาพเหนื่อยมาก แต่จิตวิญญาณเข้มแข็งกว่าเก่ามาก เพราะฉะนั้นพี่น้องต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดี ที่สำคัญเหนื่อยใจเหนื่อยไป รักษาใจให้ดีพี่น้อง ขอให้พี่น้องรักจิตวิญญาณรักษาใจให้แน่วแน่ ให้รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เอาธรรมนำหน้า ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เพราะเมื่อถึงชัยชนะแล้ว อยากให้ก้าวสู่ชัยชนะด้วยสุขภาพที่สมบูรณ์ไม่ใช่สุขภาพที่ขี้โรคอ่อนแอ
เมื่อเวลา 19.00 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่า คงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็คงจะเป็นคนหน้าเดิม ส่วนภายในพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่มีการต่อรองกันอยู่นั้น คงจะไม่มีผลอะไร นอกจากเป็นการต่อรองเพื่อขอโควตาตำแหน่งทางการเมือง อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลก็มองไม่เห็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้บ้านเมืองมีความเลวร้ายมาก ซึ่งอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่มีใครคาดคิดก็เป็นได้ จึงอยากให้คิดถึงคำพูด ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่เคยพูดไว้ว่า อยากให้ ส.ส.เสียสละ
นอกจากนี้ พปช.และพรรคร่วมรัฐบาล ก็รู้ดีว่า การนำ นายสมัคร สุนทรเวช หรือ นอมินี คนอื่นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นการทำให้การเมืองถึงทางตัน และคนที่ได้ประโยชน์ ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะถ้าหากเกิดการรัฐประหาร ก็จะเป็นข้ออ้างให้พ.ต.ท.ทักษิณ ขอลี้ภัยได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ พปช.ไม่สนใจต่อความรู้สึกของคนไทย
ส่วนกรณีที่เครือข่าย YOUNG P.A.D จะเดินทางไปที่หน้ารัฐสภาเช้าวันนี้นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า กลุ่มนิสิต นักศึกษาได้มาหารือกับแกนนำ แต่เนื่องกลุ่ม นปช.มีการขนคนเข้ามาในกทม.ในช่วงเวลา 2-3 ทุ่ม คืนวันที่ 11 ก.ย.เพื่อยึดพื้นที่รัฐสภา และจะมีการทยอยเข้ามาอีก ในช่วงเวลาเที่ยงคืนและเช้ามืด ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันได้ ดังนั้น 5 แกน นำพันธมิตรฯ จะประเมินกันว่าจะเอาอย่างไร เพราะหลักการของเรา คือ ไม่ต้องการความรุนแรง เพราะถ้าหากเดินทางไปแล้วทำให้เกิดการเผชิญหน้า เราก็คงจะไม่ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 เดินทางไปที่รัฐสภาด้วย จะเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อหมายจับหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า โดยหลักแล้วจะไม่ออกจากพื้นที่การชุมนุม แต่ถ้าหากมีการเดินทางไปที่รัฐสภาก็คงจะเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 หรือนิสิตนักศึกษา อย่างไรก็ตาม นิสิต นักศึกษา นั้น ตั้งใจเดินทางไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ ซึ่งถ้าหากทางนักศึกษายืนยันที่จะเดินทางไป ก็ขอให้ดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วย
***"เจิมศักดิ์" แนะจับตาหมักเป้าหลอก
การชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงรายการ"รู้ทันประเทศไทย" ดำเนินรายการโดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้เชิญวิทยากรมาร่วมรายการคือ นายณรงค์ เพชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย
นายเจิมศักดิ์ ย้ำว่า 6 พรรคร่วมรัฐบาลหมดความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาล ขณะเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช ก็หมดความชอบธรรมไปด้วยเหตุผลหลายประการเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 กรณีแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเรื่องปราสาทพระวิหาร การสร้างสถานการณ์ประกาศภาวะฉุกเฉิน และ 3 พรรคร่วมรัฐบาลกำลังจะถูกยุบ
อย่างไรก็ตาม นายเจิมศักดิ์ เตือนว่าการที่พรรคร่วมรัฐบาลทำท่าเสนอ นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งอาจเป็นเป้าลวง เพื่อต้องการเสนอคนอื่น เพื่อทำลายความชอบธรรมและสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ
นายณรงค์ กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างประชาชนที่นำโดยพันธมิตรฯ กับระบอบทักษิณ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและโดยส่วนตัวเห็นว่าถ้า นายสมัคร กลับมาอีกรอบถือเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะกับพันธมิตรฯ ทำให้มีเครือข่ายเติบโตกว้างขวางออกไป เนื่องจากพื้นฐานของคนไทยให้ความเคารพศาล และคนทั่วไปจะเห็นด้วยกับพันธมิตรฯ มากขึ้น ทั้งนี้ การที่นายสมัครจะกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะขัดต่อกระบวนการศาล ขัดต่อกระบวนการยุติธรรม เพราะคนอื่นที่มีความผิดจะมองว่าทำไมคนที่หมดความชอบธรรมอย่างนายสมัครยังเข้ามาดำรงตำแหน่งได้อีก อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้นายสมัครเป็นเป้าหลอกมาตลอด ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าในการโหวตเลือกนายกพรุ่งนี้อาจเลือกนายสมัครขึ้นมา แล้วนายสมัครก็บอกว่าตนไม่เอาแล้ว และก็เปิดช่องให้คนในระบอบทักษิณขึ้นมาแทน
นักวิชาการผู้นี้กล่าวว่า ถึงเวลาต้องปฏิรูปการเมืองได้แล้ว โดยให้มีตัวแทนจากสาขาอาชีพเข้าไปตัวแทนอย่างแท้จริง โดยการปฏิรูปควรมีสองระดับคือ พรรคการเมืองที่ไม่ใช่เป็นแบบนายจ้างกับลูกจ้าง ที่เป็นพรรคแบบนายทุนที่หวังผลกำไรคืออำนาจรัฐแล้วแสวงผลประโยชน์ ต่อมาคือปฏิรูปอำนาจรัฐ ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่คนกลุ่มน้อยพวกทุนสามานย์ โดยให้ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างร่วมมือกันเหมือนที่พันธมิตรฯกำลังทำอยู่ในขณะนี้ และถึงเวลาแล้วที่ต้องสร้างการเมืองใหม่และต้องช่วยกันออกแบบให้เหมาะสมกับคนไทย
นายพิเชษฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภาและอดีต ส.ว.นครราชสีมา กล่าวว่า เป็นความน่าเบื่อหน่ายกับการต่อสู้กับคนชั่วร้าย เหมือนหนังไทยที่คนดีถูกทำร้ายในต้นเรื่อง ซึ่งหนังเรื่องนี้กำลังจะจบพร้อมกับชัยชนะของคนดี เพราะคนขนาดเป็นนายกรัฐมนตรียังกล้าปลอมเอกสารในศาลเท่ากับว่านายสมัครกำลังเพิ่มอายุของตัวเองที่อยู่ในคุกให้มากขึ้น ซึ่งบุคคลที่เรียกว่าคนสาธารณะต้องเป็นแบบอย่างในทางการเมือง แต่ว่าคนในระบอบทักษิณกลับไม่มีคุณธรรมจริยธรรมแม้แต่คนเดียว
"ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง รวมทั้งนักวิชาการบอกว่าบ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟเพราะมีความขัดแย้งมากมาย เพียงเพราะผู้ปกครองประเทศที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งและเป็นตัวแทนประชาชน ขอแค่มีจิตสำนึกก็ทำให้บ้านเมืองหนีจากร้อนกลายเป็นเย็น เพราะวันนี้ประชาชนทุกข์ระทมเหลือเกิน ประชาชนไม่ต้องการเห็นการเสียเลือดเนื้อ แต่ผู้ปกครองบ้านเมืองนี้กลับเอาน้ำมันราดบนกองไฟ"
***YOUNG P.A.D บุกสภาวันนี้
นายวสันต์ วานิชย์ ผู้ประสานงานเครือข่าย YOUNG P.A.D เผยว่า เวลา 08.00 น. วันนี้ (12 ก.ย.) นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่เป็นสมาชิกของกลุ่มจะเดินทางไปชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา ที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยคาดว่าจะมีเครือข่ายมาร่วมชุมนุมราว 5,000 คน ทั้งนี้ กลุ่ม YOUNG P.A.D มีมติร่วมกันว่า ไม่ต้องการให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
“ วันนี้ก็น่าจะถึง 5,000 คน โดยพวกเราจะมีการแจกใบแดงให้คุณสมัคร เพราะคุณสมัครไม่มีคุณสมบัตินี้จึงต้องเอาใบแดงไป พร้อมๆ คณะรัฐบาลด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากจะแจกใบแดงให้กับนายสมัครแล้ว เราจะจับตาการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งจุดยืนของเราคือ ต้องเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม ต้องมีความชอบธรรม ต้องไม่มีคดีติดตัวและเป็นคนดีคำนึงถึงประเทศชาติเป็นหลัก ” นายวสันต์กล่าวและว่า ในวันนี้อาจจะมีไฟดับในสภาหรืออาจจะมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเที่ยงก็ได้ แต่ยังไม่ของบอก ขอปิดเป็นความลับไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อยากให้มั่นใจว่าจะควบคุมการเคลื่อนการชุมนุมของนักศึกษาหลายสถาบันได้ โดยเฉพาะนักเรียนช่างกลมั่นใจทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยได้ เพราะเราได้ชี้แจงเจตนารมณ์ของการชุมนุม และความรู้เรื่องประชาธิปไตยให้สมาชิก YOUNG P.A.D รับทราบตลอดเวลา กลุ่มนักศึกษาทุกคนก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในการชุมนุมอยู่แล้ว และก็ยังจัดการ์ดอาสาที่เป็นนักศึกษาจำนวนมากไว้ดูแลด้วย
***เครือข่ายเด็กฯ ยื่นฎีกาวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (12 ก.ย.) เครือข่ายเด็กเยาวชน ผู้หญิง ครอบครัว คนพิการ นักธุรกิจเพื่อสังคม ข้าราชการ และภาคสังคมอื่นๆ ชวนเชิญพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ไม่เห็นด้วยในการแต่งตั้งนายสมัคร สุนทรเวชกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี มาร่วมลงรายชื่อเพื่อถวายฏีกา โดยมาพร้อมกันที่หน้าโบสถ์วัดพระแก้วเพื่อทำการถวายฏีกาไม่เอา นายสมัคร เวลา 13.00 น จากนั้นจะทำพิธีสวดมนต์ในโบสถ์เพื่อความสงบของบ้านเมือง พร้อมกับจะส่งตัวแทนเข้าพบราชเลขาธิการ เพื่อถวายฏีกา
***กลุ่มเสื้อแดงถึงหน้าสภาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ บริเวณหน้ารัฐสภาเริ่มมีประชาชนสวมเสื้อสีแดงหลายสิบคน กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวใช้ชื่อว่า “คนรักสมัคร” ผู้ชุมนุมรายหนึ่งเปิดเผยว่าเป็นกลุ่มบางแค รวมตัวกันที่ป้ายรถเมล์ เดินทางมาให้กำลังใจนายสมัครช่วงเช้าวันที่ 12 ก.ย. โดยจะมีประชาชนย่านดังกล่าว ทยอยเดินทางมาร่วมอีกจำนวนมาก
ขณะที่ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ทำการระดมประชาชนเกือบ 1 พันคนเดินทางเข้าใน กทม.ด้วยรถบัสจำนวนหลายสิบคันเพื่อมาสมทบ จะออกเดินทางจาก จ.อุดรธานีในเวลา 22.00 น. โดยคาดว่าจะเดินทางถึงด้านหน้าอาคารรัฐสภาในเวลา 07.00 น. วันนี้
***เตรียมกำลัง ตร.-ทหารนับพัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเตรียมมาตรการของรัฐสภาเพื่อรับมือการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา ของพันธมิตรฯ เสื้อเหลือง กับ นปก.หรือ นปช.เสื้อแดง โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมโล่ประมาณ 750 นาย เพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณด้านหน้า ยืนเรียงเป็นลักษณะฟันปลาตลอดแนวรั้วรัฐสภา อีกทั้งจะยังมีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนจาก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่จะเดินทางมาสมทบอีกในเวลา 20.00 น วันที่ 11 ก.ย. ยังมีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ประมาณ 300 นายมาดูแลสถานการณ์ความสงบในบริเวณดังกล่าวด้วย.
