“สมศักดิ์” ตอกหน้า “ใจ อึ๊งภากรณ์” แค่คนไร้ค่า แฉแหลกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่กลับยื่นจมูกยื่นหนังสือใส่ความ “พันธมิตรฯ” ถึงประเทศอังกฤษ จวก “สมชาย” คิดถึงแต่ตัวเอง และพวกพ้อง ไร้สำนึกยึดผลประโยชน์ชาติ อัดซ้ำหัวหดไม่กล้าริบ “พาสปอร์ตแดงแม้ว” ทั้งๆ ความผิดปรากฏอย่างชัดเจน
วานนี้ (2 ต.ค.) เมื่อเวลา 22.40 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวถึงกรณีที่พี่น้องเครือข่ายแรงงานระดับโลก มีจดหมายประท้วงรัฐบาล เรื่องที่ไปกล่าวหา 9 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นกบฏ ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ว่า มีคนส่งจดหมายไปประท้วงรัฐบาลกันเยอะ ซึ่งเรามีสมาชิกอยู่ 137 ประโลก จึงถือว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่
“แต่บังเอิญมี นายใจ อึ๊งภากรณ์ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่อาจารย์ทั้งมหาวิทยาลัยเขาเกลียดกันเกือบทุกคน นายใจ เขียนจดหมายไปที่ประเทศอังกฤษ โดยระบุว่า อย่าไปสนับสนุน นายสมศักดิ์ เพราะเป็นเผด็จการมาร์กซิสต์ แต่ความเป็นจริงแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องตลก เพราะที่ผมเป็นสมาชิกของภาคีโลกนั้น ผมจ่ายเงินประจำปีเป็นค่าบำรุง และมีการประชุมกันในระดับโลก ซึ่งมีการเลือกตั้งกันอย่างเปิดเผย ถือว่า เป็นกระบวนการที่มีส่วนได้ส่วนเสีย” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นายใจ ยังกล่าวหาว่า พันธมิตรฯ ไม่ใช่พวกประชาธิปไตย แต่เป็นพวกล้าหลัง ถามว่า มายุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองทำไม ไม่เป็นบ้า ก็คงหน้ามืด เพราะไปแสดงความคิดเห็นในส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง อีกทั้ง นายใจ สอนรัฐศาสตร์ แต่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย กลับไปกล่าวหาคนอื่นโดยบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เห็นว่าเป็นคนที่เอาแต่ได้ และเห็นแก่ตัว ซึ่งจริงๆ แล้วนายใจ ไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย
ส่วนกรณีที่รัฐบาลกำลังฉวยโอกาสที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองใหม่นั้น ไม่จำเป็นต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกัน เพราะถ้าจะปฏิรูปการเมือง ก็คือ การปฏิรูปจิตสำนึกของคนในสังคม ซึ่งต้องยอมรับว่า จะต้องรักประเทศชาติมากกว่าเรื่องส่วนตัว ฉะนั้น ภัยของประเทศวันนี้ คือ การมีนักการเมืองชั่ว และขายชาติ บริหารโกงกิน ทุจริต ทำเพื่อพวกพ้อง ซึ่งก็คือ รัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน
“พันธมิตรฯ เรามีพัฒนาการในการชุมนุม โดยท้ายที่สุดเราสามารถยึดทำเนียบรัฐบาล ไปเป็นทำเนียบของประชาชน และถ้ารัฐบาลไม่หน้าด้าน ก็สมควรจะลาออกไป แล้วให้คนอื่นที่เป็นคนดีขึ้นมาเป็นรัฐบาลแทน ประเทศชาติก็จะดีขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นบรรทัดฐานให้กับลูกหลานเราต่อไปในอนาคต ส่วนทูตเกือบทุกประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทยนั้น เขาไม่โง่พอที่จะฟังความฝ่ายเดียว ดังนั้นการปฏิรูปการเมือง ก็คือ การปรับปรุงนิสัยของนักการเมือง ส่วนที่เราเคลื่อนไหวเพราะรัฐบาลหน้าด้านหน้าทน ไม่ปรับปรุงความชั่วร้ายของตัวเอง เราจึงต้องเคลื่อนไหวขับไล่บุคคลเหล่านั้นให้ออกไปโดยเร็ว” นายสมศักดิ์ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า แต่ไม่ใช่เพราะการเมืองปฏิรูปตัวเอง แต่รัฐบาลกลับเตรียมที่จะตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ คนพวกนี้ไม่ชอบขี้หน้าตน เพราะจับได้ไล่ทันตลอด ส่วนคนที่ไม่รู้ ทั้งนักวิชาการ และสื่อมวลชน ออกมาบอกว่าให้เราอกจากทำเนียบได้แล้ว เพราะจะมีการปฏิรูปการเมืองแล้ว ทั้งๆ ที่ ส.ส.3 นั้น มีแต่เอาพวกพ้องของรัฐบาลเข้าไปเพื่อแก้รัฐธรรมนูญนั่นเอง รวมทั้งขณะนี้พรรคของพวกนั้นกำลังจะถูกยุบ แล้วเอาเรื่องตั้ง ส.ส.ร.ไปหาเสียง โดยไปหลอกพี่น้องประชาชนว่าเป็นผลงานของรัฐบาล ซึ่งดิ้นทุรนทุรายไปเรื่อยๆ ฉะนั้น มีทางเดียว คือ ให้คนพวกนี้เลิกเล่นการเมืองไปตลอดชีวิต
“วันที่ 2 ต.ค.นี้ สภาเขามีประชุมกัน และมีมติออกมาว่าไม่เห็นด้วยที่จะส่ง นายการุณ โหสกุล ซึ่งทำร้าย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปให้ศาลตัดสิน เห็นหรือไม่ว่า รูปการ และจิตสำนึกที่นักการเมืองเล่นพรรค เล่นพวกจนไรจิตสำนึก ซึ่งควรหรือไม่ที่จะมีนักเลงเหล่านี้ไปอยู่ในสภา วันนี้ รัฐบาลไปคุ้มครองพวกอันธพาลไม่ให้ไปศาล แล้วจะปฏิรูปการเมืองได้อย่างไร โดยเฉพาะ นายสมชาย จะไปให้พี่เมียมาขึ้นศาลได้อย่างไร อีกทั้งยังไม่กล้าริบพาสปอร์ตแดง แต่ นายสมชาย กลับไม่ยอมทำอะไรเลย ดังนั้นเราต้องช่วยกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และยึดผลประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว” นายสมศักดิ์ ระบุ
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการเมืองใหม่นั้นเกิดขึ้น ว่า การเมืองใหม่เกิดขึ้นตั้งแต่พวกเราเคลื่อนไหวแล้ว เพราะเราจะไม่ยอมให้คนเหล่านั้นมาโกงกินภาษีประชาชนอีกต่อไป ฉะนั้น การปฏิรูปจึงเริ่มขึ้นที่ประชาชน และส่วนนักการเมืองเหล่านั้น ถือเป็นมนุษย์หน้าด้านพันธุ์พิเศษ ซึ่งกฎหมายปัจจุบันยังเอาไม่อยู่ จะเห็นได้จากกรณีที่ศาลมีคำพิพากษากรณีที่ ครม.มีมติเรื่องเขาพระวิหาร นั้นมีความผิด แต่นักการเมืองเหล่านั้นไม่มีความสำนึก แต่ถ้ายอมลากออก ก็จะทำให้กลายเป็นวัฒนธรรมที่ดีต่อไปในอนาคต
“ดูอย่างกรณีของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่โดนคดีชิมไปบ่นไป ยังดื้อดึงระบุว่า ยังไปต่อได้ นี่หรือคือผู้นำประเทศ โดยเฉพาะ นายสมชาย ซึ่งก็เป็นหนึ่งใน ส.ส.ที่ยกมือให้ ครม.มีมติกรณีเขาพระวิหาร ถามว่า แล้วเป็นนายกฯ ได้อย่างไร ดังนั้น การเมืองใหม่ คือ การปฏิรูปจิตสำนึกของผู้นำประเทศ เพราะนักการเมืองพันธุ์เถื่อนไม่ควรบริหารประเทศอยู่ต่อไป ที่สำคัญในต่างประเทศหากผู้นำประเทศกระทำผิดทางด้านจริยธรรม พอเป็นข่าวปั๊บเขาจะพิจารณาลากออกทันที” นายสมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย