“พิภพ” ชี้ เหตุพลังแม้วยันดิ้นพล่าน ล้างน้ำ “ทรราช” ดันขึ้นหิ้งหุ่นเชิดอีกรอบ เพราะตีความกฎหมายตามตัวอักษร โดยไม่ดูเจตนารมณ์ของ รธน.ด้านตะแบงสร้างความชอบธรรมเพื่อให้ตัวเองได้เหลิงอำนาจกันต่อ ขณะเดียวกัน สอนหนังสือนักวิชาเกิน มองปัญหาให้กว้างอย่าอ้างแต่ทฤษฎีประชาธิปไตย โดยไม่พิจารณาพฤติกรรมนักการเมืองขี้ฉ้อทั้งหลาย
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 22.00 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวปราศรัยว่า เราเสียสละเพื่อประเทศชาติ เราให้โอกาส พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พรรคพลังประชาชน ที่จะทำความถูกต้อง ร้อยกว่าวันมานี้ต้องถือว่าเราให้โอกาส เราไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น เราอยู่อย่างนิ่งๆ มีกระบวนการดาวกระจายออกไป แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดความรุนแรงใดๆ อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าเขาควรจะทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
“ฉะนั้น คนที่กล่าวหาเราว่าเราเล่นไม่เลิก ไม่จริง เพราะเรากำลังจะให้โอกาสเขา เขาอ้างว่า มาจากการเลือกตั้ง นักวิชาการก็บอกว่า มาจากการเลือกตั้ง แต่นักวิชาการกลับไม่เคยพูดเลยว่าแล้วการเลือกตั้งนั้นบริสุทธิ์หรือเปล่า นี่คือ จุดอ่อนของนักวิชาการทีเขียนบทความ ไม่เคยบอกเลยว่า มีการซื้อเสียง” นายพิภพ กล่าวและว่า เขาได้ฉ้อโกงและใช้เงินงบประมาณเพื่อเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่เห็นนักวิชาการพูดเรื่องการทุจริตของรัฐบาลเลย
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เมื่อตำรวจแจ้งข้อหาเราว่ากบฏ นักวิชาการก็ไม่ได้วิจารณเลยว่า ข้อกล่าวหานั้นเกินจริง แล้วก็บอกว่าเราไม่ได้ทำตามกระบวนการของกฎหมาย ถามหน่อยว่า ทันทีที่ข้อกล่าวหาออกมา เราทำตามกระบวนการกฎหมายหรือเปล่า เราทำ เรายืนปรากฏตัวให้เห็นที่นี่ที่ทำเนียบ ทั้ง 5 คน และอีก 4 คน ว่า มีที่อยู่ชัดเจน คือ ที่ทำเนียบ ถ้าอยากจะจับก็เข้ามาจับได้ ทำไมนักวิชาการ หรือบางกลุ่มที่เสนอให้เราไปมอบตัว ไม่ได้ดูเลยว่าในกระบวนการที่เราถูกกล่าวหา เราก็กำลังใช้กระบวนการทางกฎหมายต่อสู้อยู่ ไม่จำเป็นที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาอะไรแล้ว เราไปมอบตัว แต่เราบอกว่าไม่หนี
นอกจากนั้น นายพิภพ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีคน ระบุว่า เมื่อคนชนบทเลือกให้มาจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ทำไมคนเมืองจึงรับไม่ได้ นักวิชาการไม่เคยพูดเลยว่าที่คนเมืองยอมรับรัฐบาลที่คนชนบทตั้งเข้ามาเพราะอะไร ไม่พูดประเด็นนี้ เราอดทน ทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย ที่ระบุว่า คนชนบทเป็นคนตั้งรัฐบาล คนเมืองเป็นคนไล่ นักวิชาการตอนนี้ออกมาโต้ว่า ตอนนี้คนเมืองไม่สามารถไล่รัฐบาลที่คนชนบทเลือกมาได้ง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นั่นก็ไม่จริง อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่คนเมืองไม่รับในสิ่งที่คนชนบทเลือก
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ตนจึงบอกว่า คนเมืองไม่ได้หมายถึง คนกรุงเทพฯ หมายถึงคนเมืองต่างๆ กว่าเขาจะมีมติไล่รัฐบาลจนมาร่วมชุมนุมกันได้ จนพิสูจน์แล้วว่ารัฐบาล ส.ส.ร่วมกันทุจริตคอร์รัปชัน อันนี้นักวิชาการต้องพูดให้หมด ถ้าพูดไม่หมด ก็เหมือนคนเมืองไม่เคารพคนชนบท ฉะน้น ประเด็นปัญหาที่เราสู้กันตอนนี้ ไม่ว่าใครจะเลือกรัฐบาล หรือ ส.ส.เข้ามา สิ่งที่ควรทำ ก็คือ ต้องไม่ทุจริตคอร์รัปชัน และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และมีจริยธรรมทางการเมือง โดยดูอย่างกรณีของคดี คุณหญิง พจมาน ชินวัตร ที่ศาลตัดสินและพูดชัดเจนว่า รวยแล้วไม่ควรจะหลีกเลี่ยงภาษี
นายพิภพ กล่าวอีกว่า วันนี้ ตุลาการได้ตีความข้อผิดทางกฎหมายของนักการเมืองมากกว่าลายลักษณ์อักษร ได้ตีความไปถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งเราไม่ค่อยได้เอาออกมาอ้างกัน ซึ่งเจตนารมณ์ดังกล่าวนั้นมาจากในระหว่างการอภิปรายใน ส.ส.ร.ทุกมาตรา ว่า แต่ละมาตราเขียนขึ้นมาเพื่ออะไร และมีการเถียงกันว่าเขียนเพื่อให้ดูแลเรื่องนี้ เรื่องนั้น แต่เมื่อสรุปย่อไปเป็นสองส่วนก็ไม่สามารถเอาถ้อยคำมาทั้งหมดได้ จึงต้องดึงเอาที่สำคัญๆ เท่านั้นเอง เรียกว่าเป็นลายลักษณ์อักษร
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ อย่างในกรณีคดีของ นายสมัคร สุนทรเวช ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรี เพราะรับเงินค่าจ้างจากรายการโทรทัศน์ ซี่งผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ว่า ถ้าดูรายการที่นายกฯเป็นพรีเซ็นเตอร์ โฆษณาจะมาเท่าไหร่ ฉะนั้น การที่ศาลได้ตีความนอกจากลายลักษณ์อักษรแล้ว ยังตีความเรื่องเจตนารมณ์ด้วย
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชน ระบุว่า นายสมัคร โดนศาลตัดสินเฉพาะตัว และเฉพาะตำแหน่งนายกฯในตอนนี้ ซึ่งก็ได้ถูกลงโทษไปแล้วให้พ้นจากนายกฯ ฉะนั้น เมื่อกลับไปเป็น ส.ส.ก็ยังมีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯได้อีกครั้งหนี่งนั้น นายพิภพ กล่าวว่า แสดงว่า ที่ผ่านมาได้ตีความตามลายลักษณ์อักษร ไม่ได้ตีความตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุชัดว่า คนที่เป็นนายกฯจะต้องไม่มีคดีความใดๆ ทั้งสิ้น ที่ผ่านมา เป็นคนบริสุทธิ์จริงๆ
นายพิภพ กล่าวว่า วันนี้ เราอยู่กันมายาวนาน เราจะให้โอกาสนักการเมืองเก่าทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมทำสิ่งที่ถูกต้อง พรรคพลังประชาชนโดนคดีมากมาย ที่อาจจะนำไปสู่การยุบพรรค ครม.ของพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล ก็มีคดีติดตัวจน ครม.อาจจะถูกปลดทั้งหมด ตามหลักแล้วในอารยประเทศวันนี้ พปช.และพรรครร่วมต้องประกาศตัวเลยว่าจะไม่เสนอใครเป็นนายกฯและพรรคจะไม่เสนอตัวเป็นรัฐบาล อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตย
นายพิภพ กล่าวต่อว่า แต่นักการเมืองพวกนี้ เติบโตมาจากการเมืองแบบเก่า เราทนมานานหลายสิบปี เราอยู่กับการเมืองน้ำเน่าแบบนี้มา ฉะนั้น วันนี้คิดว่าเราปล่อยไปไม่ได้แล้ว เราให้โอกาสตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ศาลตัดสินแล้วก็ยังตะแบงทำตามใจตัวเองไป เพื่อเข้าสู่อำนาจและไปใช้งบประมาณ ฉะนั้น ความอดทนการต่อสู้ของเรามาถึงจุดที่การเมืองเก่าจะต้องถูกเปลี่ยนให้ได้ ต้องเปลี่ยนให้ได้จัดระเบียบใหม่ สร้างกลไกใหม่ในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
“ส่วนจะสร้างอย่างไรต้องใช้กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 และ 2550 ที่สร้างการเมืองสองระบอบขึ้นมา มีการเมืองภาคประชาชนกับภาครัฐสภา และให้อำนาจการเมืองภาคประชาชนไปจัดการความไม่ถูกต้อง ในการเมืองรัฐสภาได้ มาวันนี้คิดว่าการจัดการความไม่ถูกต้องของการเมืองเก่า ไม่ได้ผลแล้ว เพราะนักการเมืองเก่าจะไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่ทำได้ คือ จะต้องปฏิรูปการเมือง สร้างการเมืองใหม่ ระเบียบใหม่เท่านั้น” นายพิภพ กล่าว