“สนธิ” ปลื้ม เยาวชนไทยผนึกกำลังเหนียวแน่น ร่วมต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง อย่าปล่อยให้นักการเมืองโกงกินชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมสอนให้รู้จักแบ่งแยกชั่วดี ไม่ส่งเสริมคนทำชั่วแม้ว่าจะเป็นเพื่อนก็ตาม ขณะเดียวกัน เตือนสติ พวกอ้างความเป็นกลางเลิกดูดาย หากพันธมิตรฯต่อสู้กับพวกขี้ฉ้อเพื่อความถูกต้องโปร่งใสของบ้านเมือง คือ สิ่งที่ถูกต้อง พวกกลางกลวงควรเลือกข้างได้แล้ว
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เยาวชนพันธมิตรฯ หรือ “Young P.A.D” ได้จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แกนนำ และผู้ปราศรัย และคนได้ผลัดเปลี่ยนกันไปปราศรัยที่เวทีมัฆวานด้วย
โดยเมื่อเวลา 20.30 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ปราศรัยว่า ตนอายุขนาดนี้แล้วยังมาสู้อยู่ ก็เพื่อเอาแผ่นดินคืนให้ลูกหลาน การสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เอา นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ออกไป แต่เพื่อให้สังคมโปร่งใส หากสังคมไม่โปร่งใส แล้วลูกหลานจะรู้สึกอย่างไร เพราะฉะนั้นความโปร่งใส เป็นหนึ่งข้อที่เราสู้เพื่อลูกหลาน ถ้าเราอยู่ในสังคมที่มืดบอด สังคมไทยก็จะไม่มีวันสงบสุข
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เรายังสู้เพื่อเรื่องความผิดชอบชั่วดี ถ้ามันผิดแล้วสังคมบอกว่ามันถูก แบบนั้นเป็นสังคมที่ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีศีลธรรม สังคมใดที่ไม่สามารถแบ่งแยกความชั่วความดีได้ สังคมนั้นเป็นสัตว์เดรัจฉาน ถ้าเรารักเพื่อนเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเพื่อนเราไปทำชั่ว เราต้องยืนหยัดบนพื้นฐานของความดี เรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง เราจะปล่อยให้นักการเมืองที่ทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยที่เรายังนั่งดูดายลักษณะนี้ต้องหมดไป
“เราต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ได้แล้ว วันนี้ เราถูกความชั่วรุกจนหลังชนกำแพง เราจึงรุกขึ้นมาสู้ แล้วมาบอกว่ากูจะไม่ทนกับพวกมึงอีกแล้ว ทุกวันนี้ ส.ส.1 คน ลงเลือกตั้งต้องใช้ 20-30 ล้านบาท ในการซื้อเสียง คนสติดี จะกล้าลงทุนด้วยเงินพ่อแม่ตัวเอง 20-30 ล้าน เพื่อให้ตัวเองเป็น ส.ส.แล้วมารับเงินดือน ส.ส.เดือนละแสน คนสติดีแบบนั้นมีหรือไม่ เมื่อไม่มีการเมืองของไทยคือการลงทุน เพื่อจ้างคนมาลงเลือกตั้ง จ้างให้ยกมือ แล้วคนพวกนี้ก็มานั่งท่องนะโมตัสสะ แล้วก็บอกว่าผมมาจากการเลือกตั้ง” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พรรคการเมืองวันนี้ เป็นบริษัทจำกัด ใครถือหุ้นใหย่ก็เป็นเจ้าของพรรคการเมือง 300 เสียง ลงทุนไป 9 พันล้านบาท ยกมือ 300 เสียงในสภา ชนะทุกเรื่อง ทำได้ทุกเรื่อง แม้แต่ขายประเทศไทยออกไป นี่แหล่ะที่บอกให้แก้ปัญหากันในสภา แต่วันนี้ นายสมัคร กลายเป็นผีเน่า กลายเป็นซากศพ เลยไม่กล้าเลือก เลยต้องไปเลือกคนจัญไรอีกคนเข้ามาในสภา แล้วก็มานั่งท่องนะโมตัสสะว่า ผมมาจากการเลือกตั้ง
นายสนธิ กล่าวอีกว่า สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินที่แพงที่สุดในโลก เพราะคอร์รัปชันไปหลายหมื่นล้านบาท เมื่อสนามบินแพง ค่าแลนดิ้งก็แพงตาม แพงกว่ามาเลเซีย และฮ่องกง แล้ววันหนึ่งพวกมันก็ไม่บินมาลงสุวรรณภูมิ คนที่ฉิบหาบ ก็คือ พวกเรา รถเมล์เกือบ 4 พันคัน ใช้เงินเกือบแสนล้านบาท มันเอาเงินคืนมาจากไหน มาจากค่าโดยสาร แทนที่จะไปซื้อรถร้อนมา แล้วลดค่าโดยสาร 50% เรายอมขึ้นรถร้อน แต่พวกมันก็ไม่คิด
“คนที่อ้างว่าเป็นกลาง สมัครก็ไม่ชอบพันธมิตรฯก็ไม่ชอบ พวกนี้น่ากลัวที่สุด เพราะเป็นพวกกลางกลวง ถ้ามีสมองเหลืออยู่บ้าง อยากถามว่า พันธมิตรฯสู้เพื่อไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง พวกเราเห็นด้วยหรือไม่ คนพวกนี้ก็ตอบว่าเห็นด้วย ถามว่า สู้เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองเกิดการโปร่งใส และสู้เพื่อให้ถูกต้องเป็นถูก ผิดต้องเป็นผิด เห็นด้วยหรือไม่ เราสู้เพื่อคุณงามความดี เราสู้กับความชั่วเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าบอกว่าเห็นด้วย แล้วแบบนั้นยังจะเป็นกลางได้อย่างไร” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวด้วยว่า เห็นลูกหลานมาวันนี้แล้วจิตใจมันปลื้ม ไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตที่ไหนให้ลูกหลานได้อีก เพราะชีวิตนี้มอบให้ประเทศไทยไปแล้ว เอาเป็นว่าภูมิใจกับทุกคน และขอให้รู้ว่า ทำให้ลูกพี่ป้าน้าอาทุกคนมีกำลังใจ และทำให้การตัดสินใจต่อสู้นั้นไม่ผิดเลย