“พิภพ” ยันไม่รับรัฐบาล พปช. ชี้โอกาสเหมาะสร้างการเมืองใหม่ขจัดนักการเมืองน้ำเน่า

“พิภพ ธงไชย” ปลุกมวลชนครั้งสุดท้าย ร่วมสร้างการเมืองใหม่ ขจัดการเมืองน้ำเน่า ให้พ้นไปจากประเทศ ชี้ โอกาสเดียวของประเทศไทยในรอบ 75 ปี ที่ประชาชนจะได้สร้างการเมืองใหม่ ย้ำอีกไม่รับ ไม่เอาผู้นำประเทศที่มาจาก พปช.ขณะเดียวกัน เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลแสดงจุดยืนเลือก “สมัคร” หรือประชาชน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

เมื่อเวลา 10.05 น.วันที่ 11 กันยายน 2551 นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า การที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ทุกกลุ่มเห็นควรให้ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่ต้องการทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน และน้ำเน่ามากที่สุด เน้นการสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเองแต่เป็นการตบหน้าฝ่ายตรงข้าม หรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการเอาแต่ได้ โดยไม่คำนึงว่า ประเทศชาติจะเสียหายเช่นใด

นายพิภพ ระบุว่า วันนี้ เป็นโอกาสเดียวของประเทศในรอบ 75 ปี ที่จะได้การเมืองใหม่ โอกาสนี้จะไม่กลับมาอีก หากปล่อยให้การเมืองน้ำเน่าสามารถครองบ้านครองเมืองต่อไป ขณะเดียวกัน ทุกภาคส่วนก็เห็นตรงกัน การเมืองเก่านั้นไปไม่ไหว การเมืองใหม่จึงเป็นวิธีเดียวที่จะนำพาประเทศก้าวไปสู่อนาคตที่ดี ประชาชนทุกคนต้องลุกขึ้นมาสู้

อย่างไรก็ตาม โจทย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายสมัคร แต่อยู่ที่พรรคพลังประชาชน และ พ.ต.ท.ทักษิณ มีจุดมุ่งหมายต้องการทำลายประเทศไทย พันธมิตรฯไม่มีทางเลือก ไม่ว่า นายสมัคร จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่หากพรรคพลังประชาชน ยังเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ การเมืองใหม่คลอดไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นทิศทางที่พันธมิตรฯพูดมาตลอด คือ พรรคพลังประชาชน ต้องไม่บริหารประเทศ มิฉะนั้น การเมืองจะน้ำเน่าอยู่อย่างนี้

“ประชาชนทุกภาคส่วนต้องร่วมแรงร่วมใจลุกขึ้นสู้ เป็นการต่อสู้ที่ยังไม่สามารถเลิกได้ เราสู้มาถึงจุดที่ทำให้เห็นว่า การเมืองน้ำเน่าแบบเก่านั้นไปไม่ได้ เราต้องแก้โจทย์ให้จบ ไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี เราก็ไม่รับเช่นเดียวกัน เหตุที่ไม่รับเพราะพรรคพลังประชาชนใช่หรือไม่ ที่สร้างการเมืองน้ำเน่า เต็มไปด้วยรัฐมนตรีที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งสนับสนุนคนที่กระทำความผิด มีผลประโยชน์ทับซ้อน พรรคพลังประชาชนอย่าได้ปัดความผิดชอบ กำลังคิดอะไรอยู่ การดึงนายสมัคร กลับมาอีก เอามันหรือคิดแต่เอาเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเดียวใช่หรือไม่” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

ขณะเดียวกัน นายพิภพ ยังชี้ให้เห็นถึงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ เพราะหากไม่สามารถจัดการกับพรรคพลังประชาชนได้ ก็เท่ากับว่า ประเทศไทยจะไม่สามารถหลุดจากการครอบงำของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะกลับมาครองบ้านครองเมืองอีก ตรรกะนี้ไม่ได้พูดอย่างเลื่อนลอย มีเหตุมีผลที่เชื่อถือได้ ฉะนั้น จำเป็นที่พันธมิตรฯ ที่ต้องเร่งผลักดันคลอดการเมืองใหม่ให้เร็วที่สุด และจะต้องเป็นการเมืองใหม่ที่ปลอดจากนักการเมืองน้ำเน่า เฉกเช่นที่ได้เห็นอย่างทุกวันนี้

นอกจากนี้ นายพิภพ ยังเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ควรแสดงจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจน ขณะเดียวกัน ยังทวงถามความรักชาติรักบ้านเมืองยังมีอยู่อีกหรือไม่ ทั้งๆ ที่รู้ว่า พรรคพลังประชาชนกำลังสร้างความแตกแยกขึ้นภายในประเทศ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่ทำผิดกฎหมาย โดยไม่สนใจกระแสสังคม พรรคร่วมรัฐบาลต้องถามตัวเองว่า พรุ่งนี้จะโหวตให้กับตัวแทนที่พรรคพลังประชาชนเสนอขึ้นมาหรือไม่ แต่ไม่ว่า นายกรัฐมนตรี เป็นคนใด หากมาจากการเสนอของพรรคพลังประชาชน ก็เท่ากับว่า พรรคร่วมรัฐบาลกำลังร่วมขายชาติในท้ายที่สุดนั่นเอง

นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า การต่อสู้ของพันธมิตรฯ ได้รับชัยชนะมาเป็นลำดับ ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของประชาชน ให้เห็นตรงกันว่า การเมืองเก่ามันไปไม่ได้ จำเป็นที่ต้องคลอดการเมืองใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หาก ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรยอมรับเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วนำมาโหวตให้พรรคพวกตัวเองขึ้นมาบริหารประเทศ การเมืองใหม่ก็จะไม่มีที่ยืน ถามว่า ส.ส.เหล่านั้นไม่อยากเปลี่ยนแปลงการเมืองใช่หรือไม่ อยากเป็นนักการเมืองน้ำเน่าไปอีกนานเท่าใด หากไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ประชาชนต้องร่วมแรงออกมาขับไล่นักการเมืองเหล่านั้นให้พ้นไปจากสังคมไทยให้เร็วที่สุด