“สนธิ” ย้ำ ปชช.สุดทนการเมืองฉ้อฉล “หมัก” ต้องลาออกเท่านั้น

“สนธิ” ชี้การเมืองไทยเป็นแค่การประมูลประเทศของบริษัทพรรคการเมือง แค่ทุ่มเงิน 9 พันล้านบาทก็ซื้ออำนาจรัฐได้แล้ว ย้ำพันธมิตรฯ ปฏิเสธการเมืองเก่า ย้ำนาทีนี้ “สมัคร” ต้องลาออกไปก่อนจากนั้นขั้นตอนต่อไปค่อยมาว่ากันว่าจะดำเนินการอย่างไร

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

วันนี้ (30 ส.ค.) เมื่อเวลา 22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เริ่มกล่าวว่า ได้เป็นตัวแทนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศหลายแห่งและต้องแปลกใจกับความโง่ความไร้เดียงสา และว่าได้อธิบายสภาพการเมืองไทยให้ทราบว่า พรรคการเมืองเปรียบเหมือนบริษัท ส.ส.ส่วนใหญ่ใช้เงินคนละ 15-20 ล้าน แล้วแต่พื้นที่ และคงไม่มีใครสติแตกที่นำเงินสะสมมา หรือกู้เงินมาลงสมัครเลือกตั้งเพื่อให้ได้มา 1 เสียงกับเงินเดือนๆ ละกว่า 1 แสนบาท ซึ่งคนที่ทำแบบนี้ก็คือคนบ้าเท่านั้น

นายสนธิ กล่าวว่า กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ของ ส.ส.ในเมืองไทยเป็นแบบนี้ ก็แปลว่าพรรคการเมืองเป็นบริษัทจำกัด และต้องดูว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถ้าเป็นพรรคไทยรักไทยก็มี พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วน ส.ส.ก็เข้ามารับจ้างยกมือ เพื่อแลกกับการทำมาหากินในโครงการงบประมาณ และมีแนวโน้มจะมีการซื้อเสียงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“นักการเมืองและผลประโยชน์ นี่ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตย อุปโลกการเลือกตั้งแบบนี้ว่าเป็นประชาธิปไตย ถ้าเลือกตั้งต้องใช้เงินคนละ 30 ล้านบาท ถ้าการเลือกตั้งเป็นแบบนี้ ไม่เอาดีกว่า” นายสนธิ ระบุ และย้ำว่าไม่ใช่ปฏิเสธให้พี่น้องประชาชนลงคะแนน แต่ปฏิเสธการไม่ให้ความรู้กับชาวบ้าน เพราะประชาชนต้องมีสิทธิเข้าสู่ข่าวสารอย่างเท่าเทียมกัน

นายสนธิ กล่าวว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ค่การเลือกตั้งอย่างเดียว เพราะจะต้องมีช่องทางในการเรียกร้องความยุติธรรมด้วยและว่า ถ้ารัฐบาลไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จัดการตามกฎหมายกับคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ทุจริตการเช่าซื้อรถเมล์ 7 พันคัน ไม่ทุจริตโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง และถ้ารักชาติ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องออกมาประท้วง ดังนั้นรัฐบาลแก้ปัญหาได้ง่ายนิดเดียวคือต้องแก้ที่ตัวเองเท่านั้น

นายสนธิ ย้ำว่า ไม่ขัดข้องกับการเลือกตั้ง แต่ต้องให้มีที่มาสะอาดบริสุทธิ์ และส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งต้องมีผลจากการทำความดี ไม่ใช่แค่ยกมือไว้ขอคะแนนเสียงเท่านั้น และว่า ถ้า ส.ส.หัวละ 30 ล้านบาทลงทุน 9 พันล้านบาทก้ได้เข้ามาบริหารประเทศ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็เป็นการประมูลประเทศใครลงทุนมากกว่าก็ได้ไป

“ดังนั้น ประเด็นหลักของการต่อสู้ในครั้งนี้ คือ กูจะไม่ยอมมึงอีกต่อไป นี่เป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ ต้องให้สมัครออกไปก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากันว่าในขั้นต่อไป จะเดินเมื่อไหร่อย่างไร อาจจะเดินต่อเนื่องไป แต่ตอนนี้สมัครต้องออกไป” นายสนธิ ระบุ อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย นายสนธิ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดคือช่วงเวลาตั้งแต่ตีสองไปจนถึงประมาณ 8-9 โมงเช้า เพราะเป็นช่วงของการอ่อนหล้า ดังนั้นขอให้พี่น้องต้องระมัดระวัง