“บิ๊กแน็ต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานจัดลูกหนังไทยลีกวอน 16 สโมสรในลีกสูงสุดไปจดทะเบียนเป็นบริษัท ก่อนส่งข้อมูลให้ “เอเอฟซี” ตรวจ หลังลีกไทยถูกมองไร้อนาคตส่อโดนหั่นโควตาเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก พร้อมย้ำยังเจ๋งกว่าลีกเพื่อนบ้าน
ภายหลังจากที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี มีนโยบายยกระดับการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2009 ด้วยการกำหนดคุณสมบัติของสโมสรฟุตบอลอาชีพ และมาตรฐานของฟุตบอลลีกในประเทศต่างๆ ซึ่งปรากฏว่า มีเพียง 14 ประเทศเท่านั้นที่ผ่านมาตรฐานดังกล่าว ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, ซาอุดีอาระเบีย, อิหร่าน, มาเลเซีย, อุซเบกิสถาน, เวียดนาม, อินเดีย, ซีเรีย, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, จีน และ กาตาร์ แต่ไม่มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
โดยเมื่อเวลา 10.00 น.ของวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2551 ณ ห้องประชุมของสนามราชมังคลากีฬาสถาน นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานจัดการแข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ได้เรียกประชุม 16 สโมสรสมาชิกของฟุตบอลรายการนี้ เพื่อแจ้งข้อกำหนดของเอเอฟซี สำหรับการยกระดับมารฐานไทยลีกสู่ระบบความเป็นมืออาชีพของจริง
ซึ่งเงื่อนไขของ เอเอฟซี ประกอบด้วย ต้องเพิ่มจำนวนผู้ชมรวมทั้งมีการจำหน่ายบัตร, สโมสรมีการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย, นำหลักการตลาดมาใช้เพื่อหารายได้เข้าสู่สโมสร และ ทุกสโมสรต้องมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในรูปแบบบริษัทจำกัด จากเงื่อนไขดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าสโมสรในไทยลีกจำนวนมากยังขาดคุณสมบัติ
“ผมเชื่อว่าสโมสรฟุตบอลในไทยลีกของเรามีดีกว่าทั้ง วีลีก ในเวียดนาม และ เอสลีก ของสิงคโปร์ ที่เขาบูมได้ก็เพราะมีเรื่องของการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนของเราไม่มี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว และผมเชื่อว่า เรามาถูกทางแล้ว เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าหลายสนามมีผู้ชมเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การพัฒนาและวางระบบของสโมสรเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องให้ความสนใจ อยากขอความร่วมมือจากทุกทีมในการทำงานอย่างจริงจังมากขึ้นเพื่อพัฒนาฟุตบอลในประเทศของเรา”
ทั้งนี้ “บิ๊กแน็ต” ได้มอบหมายให้สโมสรสมาชิกนำเงื่อนไขดังกล่าวกลับไปประชุมสโมสรเพื่อนำบัญชีงบดุลของทีมที่แสดงรายรับรายจ่ายของทีม รวมทั้งให้ทุกทีมกลับไปจดทะเบียนในรูปบริษัทเป็นนิติบุคคล แล้วส่งกลับสู่คณะกรรมการจัดการแข่งขันไทยลีก ภายในเวลา 15.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคมนี้ เพื่อนำเอกสารต่างๆ ส่งให้ทางคณะกรรมการฟุตบอลลีกอาชีพของเอเอฟซีที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยตรวจสอบในวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม เพื่อพิจารณาคุณสมบัติของฟุตบอลรายการนี้อีกครั้ง
