อดีตแกนนำ นปก.ชวนคนร่วมชุมนุมต่อต้าน “พันธมิตรฯ” ผ่าน พีทีวี อ้างเป็นการระดมปัญญาชน ออกมาแสดงพลังรักประชาธิปไตย ยัน จะชุมนุมด้วยความสงบ สันติ และไม่พกอาวุธ-แนะรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ไล่ออก แรงงานสหภาพฯ ที่ใช้อารยะขัดขืนกับ “หุ่นเชิด” เพี้ยนจัด เสนอขาย “การรถไฟฯ” ให้เอกชนดำเนินการ อ้าง ไม่ค่อยมีคนใช้บริการ เก็บไว้ก็มีแต่สร้างภาระให้รัฐบาล
วันนี้ (26 ส.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี
เนื้อหาในรายการช่วงต้น ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวเชิญชวนให้ผู้ชมทางบ้าน ไปร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ที่เริ่มชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วย โดยอ้างว่า การรวมตัวในครั้งนี้จะเป็นการรวมตัวของผู้คนที่รักประชาธิปไตย สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการต่างๆ ที่ขัดต่อหลักการทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หากไม่มีใครออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย กลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะคิดว่าตัวเองครองบ้านครองเมืองไว้ได้แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม การที่พวกตนเรียกร้องให้ ประชาชนที่รักประชาธิปไตยมารวมตัวกันครั้งนี้ พวกตนขอยืนยันว่า จะเป็นการรวมตัวกันของสุภาพชน เพื่อแสดงพลังอย่าง สงบ สันติ และปราศจากอาวุธ โดยจะไม่มีการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย หรือไปทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน
ผู้ดำเนินรายการกล่าวชี้แจงด้วยว่า การรวมกลุ่มของผู้คนที่สนามหลวงตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่ใช่การเคลื่อนไหวในนามของ นปก.แต่เป็นการเคลื่อนรวมตัวกันของกลุ่มคนที่รักประชาธิปไตยเท่านั้น ส่วนแกนนำของกุล่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) นั้น แม้จะมีแกนนำบางคนได้ไปร่วมพูดคุยบนเวทีดังกล่าวบ้างเป็นครั้งคราวแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเรียกว่า การเคลื่อนไหวในนามของ นปก.ได้ เพราะในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการพูดคุยกันอยู่ว่า จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป
ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงกรณีที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ เตรียมใช้อารยะขัดยืน ตัดน้ำ-ไฟฟ้า หรือหยุดการทำงานหากรัฐบาลใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่า หากคำขู่ดังกล่าวเป็นความจริง บ้านเมืองคงเดือดร้อนไปทั่ว พวกตนจึงอยากเตือนความจำไปยังแกนนำสหภาพฯด้วยว่า จุดมุ่งหมายของการตั้งสหภาพฯ ก็เพื่อดูแลผลประโยชน์ของแรงงานในรัฐวิสาหกิจของตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่ตั้งมาให้ดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างที่กำลังทำอยู่ในทุกวันนี้ ดังนั้น สหภาพแรงงานควรตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง และรับผิดชอบต่อประชาชนด้วย
ดังนั้น พวกตนจึงอยากเสนอว่า หากองค์กรรัฐวิสาหกิจใด ที่มีแกนนำสหภาพฯนัดกันหยุดทำงาน ควรดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับคนกลุ่มนั้น เช่น หากคนเหล่านั้นไม่มาทำงาน ก็ไม่ต้องให้เงินเดือน แล้วก็รับสมัครพนักงานใหม่เข้ามาแทน ซึ่งตนเชื่อว่า คงจะหาได้ไม่ยาก เพราะคนที่ไม่มีงานในประเทศก็มีอยู่มาก
นายจตุพร จึงกล่าวเสริมว่า ตนคิดว่า การขู่ตัดน้ำตัดไฟของแกนนำสหภาพฯ นั้น รัฐบาลไม่ควรจะห้าม หากคนเหล่านั้นคิดจะทำก็ให้ทำไป ประชาชนจะได้รู้กันไปเลย ว่า จริง ๆ แล้วรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ ทั้ง น้ำประปา ไฟฟ้า หรือรถไฟ เป็นสมบัติของชาติ หรือสมบัติของกลุ่มแรงงานรัฐวิสาหกิจกันแน่ อีกทั้งตนยังคิดว่า หากจะทำการตัดน้ำ ตัดไฟ จริง ประชาชนที่เดือดร้อนก็จะรวมตัวประณามการกระทำดังกล่าวเอง
นอกจากนี้ ตนยังอยากจะเรียกร้องไปยังสมาชิกของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่งที่แกนนำสหภาพฯ ออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องออกมาแสดงพลังความคิดของตัวเองให้สังคมได้เห็น ว่าแท้จริงแล้ว เห็นด้วยกับแกนนำสหภาพฯ ของตัวเองหรือไม่ ที่เอาความคิดส่วนตัวออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วอ้างว่าเป็นความเห็นของทุกคนในสหภาพฯ
ขณะที่ นายวีระ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเห็นว่า รัฐวิสาหกิจบางแห่งที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ อย่างการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ยุติการเดินรถไฟมาหลายวัน ควรจะยุติกิจการไปเสียเลย แล้วก็ปล่อยให้เอกชนประมูลไปดำเนินการเสียเอง เพราะหากปล่อยไว้จะเป็นภาระของรัฐบาลเสียเปล่าๆ เพราะกิจการรถไฟในทุกวันนี้ ก็ไม่ได้มีคนใช้บริการมากมายอยู่แล้ว ซึ่งการดำเนินกิจการที่ผ่านมาก็ขาดทุน จนรัฐบาลต้องเอาเงินงบประมาณไปสนับสนุนอยู่ตลอด
ผู้ดำเนินรายการยังให้ข้อมูลบิดเบือนต่อไปว่า รัฐบาลชุดนี้ยังไม่เคยใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม กลุ่มพันธมิตรฯ เลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าประชาชนได้รับบาดเจ็บนั้น แท้จริงเป็นเพียงการที่ตำรวจเข้าไปดูแล พนักงานบังคับคดีที่จะเข้าไปติดหมายศาลในกลุ่มพันธมิตรฯ เท่านั้น แต่กลุ่มพันธมิตรฯกลับขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงต้องจัดการกับกลุ่มคนดังกล่าวเสีย เลยเกิดการปะทะกันเล็กน้อย แล้วก็บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ พวกตนเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เคยใช้ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตรฯ เลย เพราะการดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ถือว่าเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกตนเจอสมัยเป็น นปก.แล้วไปชุมนุมที่บ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพราะในครั้งนั้น พวกตนยังไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในบ้าน พล.อ.เปรม เลยแม้แต่น้อย แต่ก็กลับถูกตำรวจใช้กำลังเข้าสลายอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมาก