แม้จะถูกเลขา กกต.“สุทธิพล ทวีชัยการ” ออกมาปรามให้เลิก กล่าวให้ร้ายองค์กรอิสระผ่านจอ แต่อดีตแกนนำ นปก.ยังไม่สำนึก ปากกล้าขาสั่น ท้า กกต.หากคิดจะฟ้องก็ให้ทำได้เลย ชี้ หาก เลขา กกต.จะขู่ สู้เอาเวลามาตอบคำถามสังคม เรื่องทุจริตบัตรเลือกตั้งดีกว่า
วันนี้ (7 ส.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี
เนื้อหาในรายการ ยังคงเน้นไปที่การโจมตีองค์กรอิสระ คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า มีที่มาอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดังนั้น จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะทำงานต่อไป รวมไปถึงไม่มีสิทธิ์รับเงินเดือน ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ยุติการทำงานในทันที และคืนเงินเดือนที่เคยรับไปทั้งหมดคืนมา
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกตนจะเคยเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ลาออกมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ ป.ป.ช.ก็ยังดื้อแพ่งไม่ยอมเก็บกระเป๋าออกไปเสียที ดังนั้น จึงขอเรียกร้องไปยังกรมบัญชีกลาง และกระทรวงการคลัง ให้ระงับการจ่ายเงินเดือนให้แก่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในทันที เพราะหากยังดึงดันให้เงินเดือนอยู่ ก็เท่ากับปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะในเมื่อ ป.ป.ช.มีที่มาอย่างไม่ถูกต้อง จึงไม่มีสิทธิ์รับเงินเดือนตาม พ.ร.บ.เงินเดือน
นอกจากนี้ ยังกล่าวตอบโต้กรณีที่ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเตรียมจะดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายกับ 3 ผู้ดำเนินรายการ คือ นายวีระ นายจตุพร และ นายณัฐวุฒิ กรณีที่ไปจัดรายการ “ความจริงวันนี้” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที แล้วกล่าวพาดพิงองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ กกต.ว่า พวกตนไม่ได้เกรงกลัว หาก กกต.คิดว่าพวกตนทำผิดแล้วจะฟ้องร้องดำเนินคดี ก็สามารถทำได้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่ต้องขอยืนยันว่า ข้อมูลต่างๆ ทั้งของ ป.ป.ช.และ กกต.ที่พวกตนนำมาเปิดเผยนั้น เป็นข้อมูลที่ตนได้รับมาจากประชาชนส่งมาให้ ซึ่งพอประมวลดูแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ จึงนำมาออกอากาศในรายการ ซึ่งทุกเรื่องที่กล่าวไปก็เป็นเรื่องที่มีเอกสาร และหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้
ดังนั้น การที่ นายสุทธิพล จะออกมาตอบโต้พวกตน หรือขูว่าเตรียมจะฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น จริงๆ แล้วน่าจะออกมาตอบคำถามที่พวกตนถามไว้ ทั้งเรื่องการฮั้วประมูลบัตรเลือกตั้ง การพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินเป็นจำนวนมาก และการทำหน้าที่โดยไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ของ กกต.น่าจะดีกว่า
ทั้งนี้ การจัดรายการทางพีทีวีของทั้ง 3 คน เริ่มมาประมาณ 1 เดือนแล้ว หลังจากรัฐบาลถูกองค์กรอิสระตรวจสอบอย่างหนัก โดยขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาเอาผิดคณะรัฐมนตรีทั้งคณะที่ลงมติรับรองการลงนามสนแถลงการณืร่วมไทย-กัมพูชาทำให้เสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าขัดมาตรา 190 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ครม.ชุดนี้จะถูกดำเนินคดีทั้งคณะและผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ กกต.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาทำสวนนวนคดียุบพรรคเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดอีกครั้ง หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองชี้ขาดออกมาแล้วว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนทุจริตเลือกตั้งและมีมติตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี หรือให้ใบแดง
นอจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มมีมติรับยพิจารณาคุณสมบัติการเป้นรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช กรณ๊การจัดรายการชิมไปบ่นไปด้วย