อดีตแกนนำ นปก.เลือดขึ้นหน้า รับไม่ได้ข้อเสนอรัฐบาลเฉพาะกาลของ “บิ๊กจิ๋ว” เชื่อจะทำให้คนมองว่า นักการเมืองมีแต่คนห่วย ถึงต้องเอาคนนอกมาเป็นรัฐบาล เชื่อ รบ.คนนอกถึงแม้จะมีความสามารถ แต่ก็ไม่มีความรู้ด้านการเมือง-ยังเดินหน้า โจมตีพันธมิตรฯ และ ป.ป.ช.เชลียร์นายเหมือนเคย ท้า ป.ป.ช.รีบหาหลักฐานมาแสดงว่ามีที่มาถูกต้อง ไม่อย่างนั้นก็รีบยุติการทำงาน
วันนี้ (6 ส.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี
เนื้อหาในรายการ ผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 ได้กล่าวโจมตีพันธมิตรฯ เช่นเคย โดยกล่าวถึงกรณีที่วันนี้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ ว่า เมื่อประเทศได้รัฐบาลแล้วก็ควรปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไปนั้น ถือเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ว่าถึงแม้ครั้งหนึ่ง พล.อ.สุจินดา จะเคยใช้อำนาจเผด็จการมาบริหารประเทศ แต่วันนี้ก็มีความคิดเป็นประชาธิปไตยแล้ว ซึ่งแตกต่างจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ โดยสิ้นเชิง เนื่องจากในอดีต พล.ต.จำลอง เคยเป็นแกนนำในการเรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่รัฐบาลเผด็จการ แต่มาวันนี้ พล.ต.จำลอง กลับทำตัวเป็นเผด็จการเสียเอง แล้วก็ทำการขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการบรรยายพิเศษในหัวข้อ เรื่อง “การเมืองกับการให้ความคุ้มครองพระพุทธศาสนา” โดยกล่าวในตอนหนึ่ง ว่า แนวทางในการแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเมือง รวมถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมนั้น ควรมีการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบพิเศษ หรือรัฐบาลเฉพาะกาล ขึ้นมา เพื่อเป็นทางออกแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อลดความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในสถานการณ์ขณะนี้ โดยสรรหาบุคคลที่เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานั้น พวกตนมองว่า ถึงแม้คนนอกจะมีคนมีความสามารถอยู่มาก แต่หากเอาคนนอกมาเป็นรัฐบาลจริง ก็เท่ากับยอมรับว่านักการเมืองมีแต่คนไม่ดี จึงจะต้องไปเอาคนนอกมาเป็นรัฐบาล ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยยุติธรรม เนื่องจากพอมีการเลือกตั้งคนนอกเหล่านั้นก็ไม่คิดจะลงมาเล่นการเมืองหรือขันอาสามาทำงานเพื่อประเทศชาติ แต่พอเลือกตั้งเรียบร้อย แล้วจึงค่อยมาขันอาสาเป็นรัฐบาลโดยไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งมา อย่างนี้มันเป็นการเอาเปรียบนักการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งเข้ามา นอกจากนี้พวกตนยังมองว่าการเชิญคนนอกมานั้น ถึงแม้บางคนจะมีฝีมือในการทำงานจริง แต่ด้วยความที่ไม่ใช่นักการเมืองก็อาจไม่เข้าใจระบบการเมือง และระบบการบริหารประเทศก็ได้
ดังนั้น พวกตนมองว่า สถานการณ์การเมืองในวันนี้ควรปล่อยให้เป็นไปตามวงล้อของมัน การบริหารประเทศก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายกสมัคร ส่วนการชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็ปล่อยให้ชุมนุมไป ซึ่งพวกตนเชื่อว่าอย่างไรเสียสถานการณ์ในทุกวันนี้ก็ยังไม่ร้ายแรง แล้วก็ไม่มีทางร้ายแรงถึงขนาดที่จะเกิดเป็นสงครามกลางเมืองได้
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึง กรณีที่ นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงต่อสภาในวันนี้ถึงที่มาของ ป.ป.ช.ว่า ถึงแม้จะไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่ก็สามารถปฏิบัติงานได้เนื่องจากได้รับหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการแล้วว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง แต่ไม่สามารถนำหนังสือดังกล่าวมาให้ดูได้ เนื่องจากเป็นหนังสือชั้นความลับนั้น พวกตนมองว่าเป็นการบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ป.ป.ช.โกหก เพราะครั้งหนึ่ง นายศราวุธ เอง เคยออกมาบอกว่า มีหนังสืออยู่ที่ ป.ป.ช.ถ้าอยากดูก็ให้มาดูได้ แต่วันนี้กลับมาบอกว่าเปิดเผยหนังสือดังกล่าวไม่ได้ ดังนั้น พวกตนจึงอยากให้ ป.ป.ช.ออกมาชี้แจงให้ได้ว่าเหตุใดหนังสือจึงไม่สามารถเผยแพร่ได้ หรือจริงๆ แล้วไม่มีหนังสือนั้นอยู่กันแน่
ทั้งนี้ เมื่อจบรายการดังกล่าวแล้ว ผู้ดำเนินรายการ ทั้ง 2 คือนายวีระ และนายณัฐวุฒิ ก็ได้ไปดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที โดยมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน เดินทางมาสมทบเพื่อจัดรายการร่วมกัน
ซึ่งเนื้อหาในรายการดังกล่าว ยังคงคล้ายคลึงกับการจัดรายการที่พีทีวี นั่นคือ กล่าวโจมตี ป.ป.ช.ในเรื่องของความไม่ชอบธรรมที่จะทำงานต่อไป เพราะไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ นอกจากนี้ยังกล่าวเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาชี้แจงข้อมูลการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่เข้าข่ายฮั้วประมูล ด้วยว่าขณะนี้คดีดังกล่าวคืบหน้าไปแล้วเพียงใด พร้อมเรียกร้องให้ กกต. ออกมาชี้แจงความไม่ชอบมาพากลงในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินเป็นจำนวนมากด้วย
อีกทั้งยังกล่าวโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า แม้วานนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะกราบทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในขณะนำรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณไปแล้วว่ารัฐบาลจะจัดงาน 116 วันจากวันแม่ถึงวันพ่อ เพื่อหวังรวมความสามัคคีของคนในชาติเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งนายสมัคร ก็นำมากล่าวด้วยความปลื้มปิติใจ แต่ พล.ต.จำลอง กลับกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับโครงการดังกล่าว แต่ก็ต้องรอดูว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่ เพราะรัฐบาลจะจัดงานใกล้กับบริเวณที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ
ดังนั้น พวกตนจึงอยากจะถามไปยัง พล.ต.จำลอง ว่า ใช้อะไรคิด จึงคิดได้แค่นี้ ทั้งที่โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีที่ทำเพื่อพระองค์ท่าน มีแต่คนเห็นด้วยทั้งประเทศ แต่ พล.ต.จำลอง กลับมามองในแง่ลบอย่างนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่บังควรเลย
อนึ่ง รายการทั้งสองนี้ จะมีการออกอาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ และวันอาทิตย์ โดยหยุดวันเดียวเท่านั้นคือ วันเสาร์ และถึงแม้รายการทั้งสองจะออกอากาศมากว่า 1 เดือนแล้ว แต่เนื้อหาหลักของรายการทั้งสองก็ยังมีเนื้อหาเดิมๆ นั่นคือสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลแต่มุ่งเน้นโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ และ องค์กรอิสระ ที่รัฐบาลและอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร กำลังถูกตรวจสอบอยู่ ซึ่งแม้รัฐบาลจะอ้างว่า รายการทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เป็นการจัดรายการโดยบริษัทเอกชน แต่เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฏ กลับสอดคล้องเป็นอย่างมากกับความต้องการของรัฐบาล นั่นคือ กล่าวสรรเสริญเยินยอ การทำงานของรัฐบาล และตอบโต้หรือทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล