อดีตแกนนำ นปก.ใช้ PTV เป็นกระบอกเสียง ป้ายสี “พันธมิตรฯ” ปลุกระดม นร.โยธินบูรณะ ออกมาร่วมชุมนุม อ้างทำไม่สำเร็จ เพราะ นร.มีปัญญาพอ จึงไม่หลงเชื่อ - ด่า ป.ป.ช.เลือกปฏิบัติอีก รีบทำคดีหวยบนดินเกินเหตุ ทั้งที่ไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับประเทศ
วันนี้ (20 ส.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี
เนื้อหาในรายการช่วงแรกผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงผลการประชุมระหว่าง นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของไทย และ นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีมติว่า ทางฝ่ายกัมพูชาจะถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากเขาพระวิหารนั้น พวกตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะนอกจากจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดนเขาพระวิหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ทั้งนี้ พวกตนมองว่า การดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ที่เลือกใช้วิธีเจรจาอย่างสันติ ดังนั้น จึงอยากฝากไปยังประชาชนด้วยว่า การดำเนินแบบนี้ถึงจะเรียกว่าถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ส่วนการแก้ปัญหาแบบปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงอย่างที่กลุ่มพันธมิตรฯ พยายามอยู่นั้นต่างหาก เป็นวิธีการที่ผิด และมีแต่จะยิ่งทำให้ประเทศเสียหาก
ผู้ดำเนินรายการยังได้กล่าวถึงกรณีนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ เตรียมออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืน ว่า ทางโรงเรียนมีจุดมุ่งหมายในการเรียกร้องให้รัฐบาลออกมารับประกันว่า สถานที่ก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่จะดีจริง และไม่ส่งผลกระทบต่อนักเรียน ร.ร.โยธินบูรณะ เพียงเท่านั้น และยืนยันว่าไม่ต้องการจะฝักใฝ่กับการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ หรือรัฐบาล
ผู้ดำเนินรายการกล่าวอ้างว่า ปัญหานี้ได้มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว เนื่องจากนักเรียนโยธินบูรณะมีสติปัญญามากพอ ที่จะไม่ไปหลงเชื่อตามการชักชวนของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเท่าที่พวกตนทราบนั้น พบว่ากลุ่มพันธมิตรฯ พยายามชักนำให้กลุ่มนักเรียน ร.ร.โยธินบูรณะเข้ามาร่วมชุมนุมที่สะพานมัฆวานด้วยกัน ซึ่งเป้นการพูดที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เพราะนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะเป็นฝ่ายไปหาพันธมิตรฯ เพื่อเรียกร้องให้พันธมิตรฯ ออกมาช่วยเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ต่างหาก
นอกจากนี้ อดีตแกนนำ นปก.ยังกล่าวหาว่า พันธมิตรฯ พยายามตอกลิ่มให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อรัฐบาล โดยปล่อยข่าวว่า ครู ร.ร.โยธินบูรณะ ซึ่งอาจได้รับคำสั่งมาว่า ให้ทำการลงโทษเรียนที่ไปร่วมชุมนุมต่อต้านการสร้างอาคารรัฐสภา ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเลย เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว ครู ร.ร.โยธินบูรณะลงโทษนักเรียนที่หนีเรียนเท่านั้น ไม่ได้ทำการลงโทษนักเรียนที่ไปร่วมชุมนุมแต่อย่างใด
อดีตแกนนำ นปก.อ้างว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการกุข่าวสร้างสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ เท่านั้น และตีฝีปากว่า พวกตนก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีกในเรื่องนี้ นอกจากจะขอร้องไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า อย่าได้ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกเลย
ทั้งนี้ คำพูดของอดีตแกนนำ นปก.ในรายการดังกล่าวได้บิดเบือนข้อเท็จจริงอีกเช่นเคย เพราะเด็กที่ถูกตีให้สัมภาษณ์ว่า มีการทำโทษเด็กด้วยการตี 8 คน ถูกตีคนละ 18 ที ซึ่ง 7 คน คือเด็กที่ไปชุมนุมคัดค้านการก่อสร้างรัฐสภา มีเพียง 1 คนที่ไม่ได้ไปและถูกตีด้วยข้อหาหนีเรียน แต่นักเรียนทั้ง 8 คน ก็เป็นเพื่อนกัน เหตุการณ์นี้ มีการไปแจ้งความที่ สน.เตาปูน จนอาจารย์ของโรงเรียนต้องตามไปไกล่เกลี่ยไม่ให้แจ้งความ
ในช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการก็ยังคงกล่าวโจมตี การทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เช่นเคย โดยกล่าวหาว่า ป.ป.ช.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในคดีการขายสินทรัพย์ของ ปรส.ในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคดีดังกล่าวได้สร้างความเสียหายกว่า 5-6 แสนล้านบาท ซึ่งนับเป็นความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ ป.ป.ช.กลับไม่รีบดำเนินการ ต่างจากกรณีของคดีหวยบนดินที่เกิดขึ้นในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างสิ้นเชิง เพราะถึงแม้หวยบนดินจะเป็นคดีที่เกิดขึ้นหลังคดี ปรส.นานหลายปี แต่ ป.ป.ช.ก็กลับเร่งดำเนินการก่อน ซึ่งพวกตนมองว่าสาเหตุที่ ป.ป.ช.ต้องรีบเร่งทำคดีหวยบนดินนั้น ก็เพราะ ป.ป.ช.ต้องการที่จะเอาผิดกับคณะรัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณให้ได้นั่นเอง
อกีตแกนนำ นปก.ให้ความจริงเพียงด้านเดียวว่า คดีหวยบนดินนั้น พวกตนมองไม่เห็นเลยว่าสร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างไร เพราะโดยภาพรวมแล้ว มีแต่ได้ประโยชน์ จะมีกลุ่มที่เสียประโยชน์ไปบ้างก็แค่ พวกเจ้ามือหวยใต้ดินเท่านั้น ส่วนคนกลุ่มอื่นก็ได้ประโยชน์กันแทบทั้งสิ้น ทั้งเงินรายได้ที่นำไปสนับสนุนการศึกษา รวมไปถึงการกำจัดธุรกิจหวยใต้ดินที่ผิดกฎหมายให้หมดไป ซึ่งถือเป็นคำพูดที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เนื่องจากเมื่อมีหวยบนดินแล้ว หวยใต้ดินก็ยังคงอยู่ และเจ้ามือหวยบนดินส่วนใหญ่ก็จำหน่ายหวยใต้ดินไปด้วย นอกจากนี้ เจ้ามือหวยใต้ดินรายใหญ่ในต่างจังหวัดนั้นหลายคนเป็นผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทยนั่นเอง
นอกจากนี้ การออกหวยบนดินยังผิด พ.ร.บ.กองสลา เนื่องจากไม่มีการกำหนดสัดส่วนของเงินรายได้ ว่าจะแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายกี่เปอรฺเซ็นต์ นำไปเป็นเงินรางวัลกี่เปอร์เซ็นต์ ส่งเป็นรายได้เข้ารัฐกี่เปอร์เซ็นต์ เงินที่ได้จากการขายหวยบนดินจึงถูกนำไปใช้โดยไม่มีการตรวจสอบ เพราะไม่ได้นำเข้าสู่ระบบงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในการหาเสียงของพรรคไทยรักไทยมากกว่า