รองโฆษกสำนักงานตำรวจฯ “สุรพล ทวนทอง” แจงผ่าน “เนชั่น” เตรียมขอหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหา “กบฎ” ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ แน่นอน เชื่อหลักฐานมีครบสามารถดำเนินคดีได้ ด้าน “สุริยะใส กตะศิลา” ชี้ NBT บิดเบือนไม่เลิก ประโคมข่าวตัดสิน พันธมิตรฯ คือผู้ออกคำสั่งให้บุกทำลายสถานี โดยไม่เคยเปิดโอกาสให้ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง – นักวิชาการริบบินขาว “ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” จวก “หมัก” สั่งสื่อเลือกเข้าข้างรัฐบาล เป็นการกระทำสุดแย่
วันนี้ (26 ส.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชลแนล ดำเนินรายการโดยนายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ถึงกรณีเหตุการณ์ กลุ่มชายฉกรรจ์บุกยึดสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ในช่วงเช้าของวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าจนถึงขณะนี้ตนยังไม่อาจสรุปได้ว่า กลุ่มคนที่บุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้น เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ตนก็อยากให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริง ให้ออกมาก่อน ไม่ควรที่จะเร่งสรุปว่าเรื่องดังกล่าว ว่าเป็นหนึ่งในแผนการที่พันธมิตรฯ วางเอาไว้
ทั้งนี้ตนยอมรับว่า กลุ่มคนที่ไปสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในช่วงเช้ามืดนั้น ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ จริง ซึ่งการไปก็เพื่อดูแลความเรียบร้อยก่อนที่ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนไป แต่คนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่พกพาอาวุธ แล้วบุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีก่อนนั้น ยังไม่มีความแน่ชัดว่าเป็นคนของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ ตนจึงอยากให้เรื่องนี้ควรมีการสืบหาข้อเท็จจริงในเชิงลึกก่อน ซึ่งหากท้ายที่สุดแล้วผลการสืบสวนออกมาว่า กลุ่มคนดังกล่าวเป็นคนของกลุ่มพันธมิตรฯ จริง ตนก็พร้อมยอมรับและปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
ดังนั้น ในตอนนี้ ตนจึงอยากให้สังคมให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วย เพราะเรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อเท็จจริงออกมาว่าเป็นเช่นไร แต่กลุ่มพันธมิตรฯ กลับต้องตกเป็นจำเลยต่อสังคมว่าเป็นผู้สั่งการให้มีการบุกเข้าไปกระทำความผิด รวมไปถึงถูกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที นำไปเสนอข่าวในลักษณะที่ ตัดสินออกมาเลยว่าการกระทำดังกล่าว เป็นเรื่องที่แกนนำพันธมิตรฯ เป็นผู้สั่งการอย่างแน่นอน โดยไม่รอการสืบสวนตามกระบวนการยุติธรรม รวมถึงไม่เปิดโอกาสให้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงใด ๆ เลย
ขณะที่ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการอนุมัติออกหมายจับแกนนำ กลุ่มพันธมิตรฯ โดยแจ้ง 2 ตาม ป.วิอาญา 215-216 โดยมีฐานความผิดในเรื่องของการก่อการกบฎ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. จนถึงวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า จากหลักฐานที่รวบรวมไว้นั้นเพียงพอแล้ว ที่จะเอาผิดในฐานการกระทำความผิดดังกล่าวได้
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังยืนยันว่า อย่างไรเสียก็ต้องมีการดำเนินคดีในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นตำรวจก็จะไม่สามารถตอบคำถามประชาชน และชาวโลกได้ ว่าเหตุใดจึงไม่ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดส่วนกรณีที่ นายสุริยะใส ออกมาแถลงว่า กลุ่มบุคคลที่บุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้น ไม่ใช่คนของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ไม่เป็นความจริงเพราะจากข้อมูลทางด้านการข่าว และหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมไว้ได้ สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า กลุ่มคนดังกล่าวเป็นคนของกลุ่มพันธมิตรฯ แน่นอน
ขณะที่ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วตนอยากขอไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าอย่าบุกเข้าไปในตึกไทยคู่ฟ้าเป็นอันขาด และหากจะให้ดีที่สุดควรออกมาจากสนามหญ้าบริเวณทำเนียบรัฐบาลเสีย เพราะตนคิดว่าการกระทำดังกล่าว ไม่อาจทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ชนะได้เลย เพราะตนเชื่อว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้นผู้ชนะ ก็คือผู้ที่ชนะใจประชาชน ดังนั้นจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้พันธมิตรฯ คงต้องทบทวนแล้วว่า การกระทำดังกล่าว สามารถเอาชนะใจของประชาชนได้หรือไม่
สำหรับฝ่ายรัฐบาลนั้น ตนมองว่าควรใช้ความอดทนให้มาก และไม่ควรใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากรัฐบาลสามารถผ่านเหตุการณ์ในตอนนี้ไปได้ ตนเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยของประเทศเราอาจจะมีการพัฒนาขึ้น โดยจะเกิดบรรทัดฐานที่ว่า รัฐบาลที่ถึงแม้จะมาจากการเลือกตั้ง แต่เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้วก็ยังคงต้องฟังเสียงของการเมืองภาคประชาชนอยู่
ส่วนในกรณีที่ตำรวจจะตั้งข้อหากับแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหากบฎนั้น ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะตนมองว่า ความผิดของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันนี้ไม่ถึงขั้นกบฎ เพราะความผิดถึงขันกบฎต้องมีการนำปืน นำรถถังออกมายึดอำนาจการปกครอง แต่การกระทำของพันธมิตรฯ นั้นแค่บุกเข้าไปในสถานที่ราชการ หรือพกพาอาวุธ ฯลฯ ซึ่งคดีดังกล่าวก็ควรดำเนินการไปตามความผิดแต่ละเรื่อง ไม่ใช่ว่าเอาข้อกล่าวหามารวม ๆ กันแล้วตั้งข้อกล่าวหากกบฎเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
นายปริญญา ยังได้กล่าวถึงการเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในวันที่ผ่านมาด้วยว่า การดำเนินการของสื่ออย่างเอ็นบีที ที่นำเสนอข่าวเพียงด้านเดียวนั้น แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ประชาชนก็ต้องใช้วิจารณาญานในการตัดสินว่าเลือกที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อสื่อใด แต่อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการที่นายกรัฐมนตรี กล่าวในวันนี้ว่าสื่อมวลชนต้องเลือกเข้าข้างรัฐบาลนั้น ถือว่าเป็นคำพูดและการแสดงออกที่แย่มาก เพราะหน้าที่ของสื่อคือการเสนอความจริง แล้วให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเองว่าจะเลือกอยู่ข้างใด หรือจะเชื่อสื่อใด