“สุธาชัย” อ.จุฬาฯ ป้อง “เพ็ญ” สุดตัว เชื่อทัศนคติไม่เป็นอันตรายอย่างที่ถูกกล่าวหา ปชป.ต่างหากที่นำเรื่องไร้สาระมาโจมตี ชี้โจมตี “ป๋า” และองคมนตรีได้ไม่ใช่เรื่องแปลก “ศิริโชค” โต้สิ่งที่ทำไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เพราะต้องปกป้องสถาบันเบื้องสูงตามหน้าที่ของประชาชนที่จงรักภักดีเท่านั้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ คมชัดลึก
วานนี้ (27 พ.ค.) นายศิริโชค โสภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้แปลปาฐกถาของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการคมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชลแนล ถึงกรณีที่นายจักรภพออกมาแถลงข่าวคำแปลปาฐกถาของตนเองวานนี้ว่า นายจักรภพกำลังโกหกต่อสังคม จากคำแปลที่นายจักรภพแปลนั้นมีการเบี่ยงเบนประเด็นอยู่มากมาย และยืนยันคำแปลของพรรคประชาธิปัตย์ถูกต้องทั้งฉบับ โดยต่างจากนายจักรภพ ชัดเจน เช่น คำว่า “ไม่ เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์เฮงซวยของท่านอีกต่อไป” แต่นายจักรภพแปลว่า “เราไม่ต้องการความสุขลมๆ แล้งๆ แบบนั้นอีกต่อไป” และคำแปลที่ระบุว่า “กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้เราจึงต้องปะทะกัน” แต่นายจักรภพกลับแปลว่า “เวลานี้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และทำให้เกิดความขัดแย้งกัน”
นายศิริโชค กล่าวต่อไปว่า การที่ตนและพรรคประชาธิปัตย์หยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาตีแผ่ ไม่ได้เป็นการโจมตีทางการเมือง แต่ทำในฐานะที่เป็นคนไทยและต้องการจะปกป้องสถาบันเบื้องสูงที่เรานับถือเท่านั้น ต่างจากนายจักรภพที่มีคำสั่งเห็นชอบให้นำสารคดีเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจมานำเสนอทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เพื่อหวังสยบกระแสข่าวที่ตนถูกโจมตีเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สิ่งนั้นต่างหากเป็นการแสดงให้เห็นว่า นายจักรภพต่างหากที่คิดจะนำเรื่องการเมืองมาโยงกับสถาบันกษัตริย์ “การดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ เราก็ทำไปตามกระบวนการที่เราจะปกป้องสถาบันกษัตริย์ตามที่เราให้คำสัตย์ปฏิญาณไว้ แต่พอทำแล้วก็มาถูกอาจารย์ นักวิชาการด่าว่าดึงฟ้าลงมาต่ำ อย่างนี้ถูกแล้วหรือ”
ต่อคำถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในเรื่องนี้ นายศิริโชค กล่าวว่า กระบวนการที่จะทำหลังจากนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าเราทำอย่างเต็มที่ทุกทางแล้ว ได้ยื่นถอดถอนและยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งก็คงต้องรอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของมันต่อไปเพราะเราก็ทำดีที่สุดแล้ว คงทำอะไรต่อไปไม่ได้
“ในเมื่อเราเป็นนักการเมือง เราไม่ใช่ศาล เราก็ต้องนำเรื่องที่เราเห็นว่ามีทัศนคติที่ไม่ดี เสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้รู้ เพื่อเป็นการปกป้องสถาบันกษัตริย์ในรูปแบบที่เราทำได้ ดังนั้น หากเราทำแล้วจะมองว่าเรานำเรื่อง สถาบันมาโยงกับการเมืองนั้น เราก็คงต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ว่าให้ประชาชนทุกคนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ทิ้ง เพื่อที่เราจะได้นั่งอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไร” นายศิริโชค กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ ผศ.ยุทธพร อิสระชัย ผู้อำนวยการวิทยาลัยการเมือง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า เรื่องนี้หลีกไม่พ้นว่าเป็นประเด็นทางการเมือง ที่ทั้งสองฝ่ายต่างนำมาโจมตีกัน ซึ่งตนมองว่าทางออกที่ดีที่สุดก็น่าจะให้กระบวนการศาลเป็นผู้ตัดสินอยู่ดี แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่า หากศาลทำการตัดสินออกมา ซึ่งก็คงทำโดยการหาผู้เชี่ยวชาญมาแปล ก็ยังอาจมีคนมองได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะแปลความคิดของนายจักรภพ ตรงตามที่นายจักรภพคิดหรือไม่ และการตัดสินออกมาจะเป็นเรื่องที่ทุกคนยอมรับได้หรือไม่
ด้าน ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตนในฐานะที่รู้จักกับนายจักรภพและมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ นพ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปก. จึงพอที่จะรู้และเข้าใจความคิดของนายจักรภพได้ว่า ในห้วงเวลาที่นายจักรภพพูดเรื่องดังกล่าวอยู่นั้นเป็นตอนที่นายจักรภพยังไม่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี แต่เป็นหนึ่งในแกนนำ นปก. ซึ่งต้องการพูดต่อต้านอำนาจเผด็จการ ดังนั้น การพูดเรื่องที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับระบบอุปถัมภ์ก็ไม่เห็นน่าแปลก
นอกจากนี้ นายสุธาชัยยังกล่าวด้วยว่า ตนยังแปลกใจว่าเพราะเหตุใดถึงหยิบยกเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น ตนเห็นว่าไม่เหมาะเลยหรือมีสาระอะไรเลยหากจะโจมตี น่าจะมองไปถึงการทำงานมากกว่า เช่น หากนายจักรภพทำงานไม่ดีหรือบกพร่องเรื่องงานค่อยเอามาโจมตี น่าจะเหมาะกว่า ไม่ใช่นำเรื่องของความแตกต่างทางความคิดมาโจมตีกัน เพราะมันดูไม่มีเหตุผล ยกตัวอย่าง เช่นโจมตีว่าเหตุใดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีที่นายจักรภพดูแลอยู่จึงนำเสนอสารคดีการโค่นล้มกษัตริย์ในเนปาลนั้นก็ไม่ถูกต้อง เพราะหากเรื่องนี้นำเสนอไม่ได้ อีกหน่อยเราก็ต้องห้ามไม่ให้มีการสอนวิชาประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ด้วยเลยหรือไม่
ส่วนการจะตีความว่านายจักรภพคิดอย่างไร คำว่าระบบอุปถัมภ์นายจักรภพหมายถึงใครนั้น นายสุธาชัย กล่าวว่า ตนก็บอกไม่ได้ว่าหมายถึงใคร เพราะแต่ละฝ่ายก็มีความหมายไม่เหมือนกัน ซึ่งตนคิดว่าทางที่ดีที่สุดก็คือให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายจะดีที่สุด แต่อย่างไรก็ยังยืนยันว่าในความคิดส่วนตัวแล้ว เรื่องที่นายจักรภพพูดไม่ได้เป็นทัศนคติที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาแต่อย่างใด และตนคิดว่าทัศนคติของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หรือ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ที่คิดและทำรัฐประหารนั้นต่างหากที่เป็นทัศนคติที่อันตราย และกรณีการที่นายจักรภพพูดแสดงความคิดเห็นถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีนั้นก็ไม่ได้แปลก เพราะนายจักรภพก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้
“ผมคิดว่าการพูดถึงตัวองคมนตรีเป็นตัวบุคคลก็ไม่เห็นเสียหายอะไร ในกรณีที่องคมนตรีผู้นั้นไปถือหุ้นในบริษัทธุรกิจเป็นต้น หรือการที่องคมนตรีไปแสดงท่าทีอย่างชัดเจนในการสนับสนุนการรัฐประหาร ผมคิดว่าในกรณีเหล่านั้นก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ โดยที่ไม่ได้เป็นเรื่องหมิ่นประมาทอะไรเลย มันเป็นเรื่องของความจริงที่เกิดขึ้น” นายสุธาชัยกล่าว
อนึ่ง สำหรับนายสุธาชัย แม้จะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ และอ้างว่าตนเองไม่ใช่พวกทักษิณ แต่แนวความคิดหลายอย่างจะสอดคล้องกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยกิจกรรมต่างๆ ของ นปก.ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี คมช. โจมตี พล.อ.เปรม การรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นต้น ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่นายสุธาชัยเห็นด้วยทั้งสิ้น