xs
xsm
sm
md
lg

"อภิสิทธิ์" แถลงตอบโต้ "จักรภพ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผมต้องขอขอบคุณนะครับที่มีโทรทัศน์สาธารณะที่ให้โอกาสผมได้มีโอกาสสื่อกับพี่น้องประชาชนโดยตรง แต่ว่าก็ขอความเป็นธรรมจากสื่อสารมวลชนทุกแขนงในการให้พื้นที่เพื่อที่จะให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์ รอบด้าน ผมขอเรียนสั้นๆ สรุปว่า ผมและพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันจุดยืนและความเห็นของพรรค ยืนยันคำแปลการบรรยายที่เป็นปัญหาของนายจักรภพ เพ็ญแข และยังยืนยันความเห็นว่า นายจักรภพ เพ็ญแข มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
การยืนยันจุดยืนความเห็นของพรรคในเรื่องนี้ มีขึ้นหลังจากที่ได้ฟังคำชี้แจงของนายจักรภพแล้ว และคำชี้แจงของนายจักรภพยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของพวกเรา ว่า สิ่งที่เราได้นำเสนอไปนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนเลย
ผมจะขอใช้เวลาในวันนี้ ประการแรก ให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนได้รับทราบถึงที่มาที่ไปของปัญหาในเรื่องนี้ ประการที่ 2 แสดงให้เห็นว่า คำแถลงของคุณจักรภพ เมื่อวานนี้ มีจุดประสงค์อะไร และประการที่ 3 ก็คงจะต้องขยายความว่า ทัศนคติที่สะท้อนผ่านคำบรรยายของนายจักรภพนั้น มันคือเรื่องอะไร
เรื่องแรก การดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ ผมขอเรียนว่า พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งแต่ปี พ.ศ.2489 ประกาศอุดมการณ์ชัดเจนในการที่จะยืนหยัดต่อสู้พิทักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นอุดมการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้สืบทอดสืบสานมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าการสืบสานอุดมการณ์นี้ รวมถึงความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นความคิดที่นายจักรภพเห็นว่าเป็นความคิดที่เก่าสุดกู่ กระผมก็ยอมรับ และก็พร้อมที่จะรักษาความคิดที่เก่าสุดกู่และอุดมการณ์นี้ตลอดไป
ผมอยากจะเรียนว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านในขณะนี้ เรามีหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบพฤติกรรมต่างๆ ของผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคุณจักรภพนั้น ไม่ได้เริ่มต้นจากพรรคประชาธิปัตย์ เกิดขึ้นจากการที่มีนายตำรวจท่านหนึ่งไปแจ้งความดำเนินคดีกับคุณจักรภพ ประมาณเกือบ 2 เดือนที่แล้ว ในข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างที่เราเข้าใจกัน เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าว ผมเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ผมเห็นข่าวในเรื่องนี้ ผมก็มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบ เพราะเป็นหน้าที่ของผม เมื่อได้รับทราบข่ในเรื่องนี้ สิ่งที่ผมทำก็คือว่า ได้ไปขอดีวีดีที่บันทึกภาพและเสียงการบรรยายของคุณจักรภพที่เป็นปัญหา และได้นำเอาเทป หรือดีวีดี ที่บันทึกเสียงและภาพนั้นมาถอดเป็นคำพูด
จริงครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่นายจักรภพ เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่แนวความคิดที่สะท้อนผ่านคำบรรยายนี้ คือสาระสำคัญ ผมได้นำเอาการถอดคำบรรยายทั้งหมดมาอ่าน เป็นภาษาอังกฤษ ผมไม่เคยเห็นคำแปลที่นายตำรวจที่ไปแจ้งความว่าแปลว่าอย่างไร มีการบิดเบือนหรือไม่ แต่บังเอิญผมใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษกว่า 10 ปี ผมก็อ่านภาษาอังกฤษ ผมอ่านแล้วผมต้องบอกตรงๆ ว่าผมตกใจ ผมคาดไม่ถึงว่าจะมีบุคคลที่กล้าแสดงความคิดเห็นท้าทายเช่นนี้ ผมก็ลองเอาคำบรรยายที่เป็นภาษาอังกฤษนี้ ให้กับบุคคลที่ผมรู้จัก คุ้นเคย และผมรู้ว่ามีพื้นฐานทางภาษาอังกฤษ ได้อ่าน ผมก็พบว่าทุกคนที่ได้เห็น ได้อ่าน ก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างจากผม ผมก็จึงต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ผมเห็นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมก็จึงใช้วิธีการทำหนังสือเป็นการภายในถึงท่านนายกฯ แจ้งถึงคำบรรยายของคุณจักรภพ ต้นฉบับ จัดแจงให้มีการแปลอย่างเป็นกลางที่สุด แล้วก็ขณะเดียวกันได้สังเกตถึงปัญหาที่เป็นปัจจัยแวดล้อม ที่เป็นปัญหาที่คุกคามต่อสถาบันหลักของชาติ จากพฤติกรรมของคุณจักรภพเอง ในหลายวาระ หลายโอกาส ซึ่งผมก็ได้มีการส่งไปให้ท่านนายกฯ ด้วย
ทั้งในปัญหาที่มีคนตั้งข้อสงสัยขึ้นว่า หลังจากที่คุณจักรภพมาเป็นรัฐมนตรีแล้ว มีการเผยแพร่สารคดี ข่าวสาร หรือภาพ ที่น่าจะส่งผลลบต่อสถาบันหลักของชาติ ทั้งปัญหาอื่นในสังคมที่เป็นที่ทราบกันดีว่ามีปัญหาในเรื่องของเว็บไซต์ ไม่ใช่ที่มาวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของสถาบันอย่างเดียว แต่เป็นเว็บไซต์ที่ตั้งขึ้นมา ประหนึ่งเพื่อที่จะให้มีการล้มล้างสถาบัน ผมถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผมก็จึงได้นำเสนอข้อมูลทั้งหมดให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณา โดยเรื่องทั้งหมดเป็นการภายใน ผมไม่ได้ไปเผยแพร่ เพราะผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ท่านนายกฯ น่าจะได้ตัดสินใจ เพื่อตัดชนวนความขัดแย้งที่ผมมองว่าจะต้องเกิดขึ้นในสังคม เพราะขณะนั้นเริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์และเผยแพร่คำบรรยายและการแปล ซึ่งมีการแปลกัน ผมไม่ทราบว่ากี่ครั้งกี่หน สู่วงกว้างในสังคม ผมระมัดระวังที่จะไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นที่มาใช้เข้ามาสู่เวทีทางการเมือง ดังจะเห็นได้ว่า เรื่องที่คุณจักรภพไปทำผิดกฎหมาย หรือส่อว่าจงใจขัดรัฐธรรมนูญ เราก็ดำเนินการถอดถอนไป โดยไม่เอาเรื่องนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้นนี่คือการทำหน้าที่ของพวกเราในฐานะฝ่ายค้าน ผมยืนยันเลยครับ ที่คุณจักรภพพยายามกล่าวอ้างว่าเราจะทำเรื่องนี้เพื่อทำลายล้างกันทางการเมือง ผมและพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องทำลายล้างคุณจักรภพในฐานะนักการเมืองคนหนึ่ง เพราะคุณจักรภพก็ไม่ได้มีความสลักสำคัญในทางการเมืองมากขนาดนั้น และฐานะทางการเมือง เมื่อวานคุณจักรภพก็ยอมรับเองว่าตัวเองก็ไม่ได้มีกำลังอะไรมากมายในพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งของพรรคประชาธิปัตย์ และผมก็ยืนยันเช่นเดียวกันครับว่า ไม่เป็นจริงหรอกครับที่บอกว่า เรื่องนี้ ถ้าคุณจักรภพลาออก หรือถ้าท่านนายกฯ ปลดคุณจักรภพออก ก็แปลว่าวันรุ่งขึ้นพรรคประชาธิปัตย์ก็จะไปมุ่งทำลายล้างบุคคลอื่นๆ ในรัฐบาล
ผมยืนยันเจตนาของพรรคประชาธิปัตย์เลยครับว่า เราจะตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ตามหน้าที่ วันนี้ถ้าคุณจักรภพลาออก หรือท่านนายกฯ ตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี เอาคุณจักรภพออก ผมยังนึกไม่ออกเลยครับว่าวันพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ จะมีรัฐมนตรีคนไหนที่จะเป็นปัญหาในลักษณะนี้อีก เพราะทุกอย่างอยู่ที่พฤติกรรมของแต่ละบุคคล
ผมเรียนด้วยความสัตย์จริงว่าผมมีความพยายามที่จะให้มีการประสานภายในไปถึงท่านนายกฯ เพื่อยืนยันเจตนาตรงนี้ด้วย แต่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จที่จะสร้างความมั่นใจให้กับท่านนายกฯ ก็เป็นได้ แต่เรื่องนี้เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบด้วยความระมัดระวังที่จะไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นของการเล่นเกมการเมือง ถามว่าการที่พวกกระผมทำเช่นนี้ เป็นการไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมหรือไม่
เมื่อวานคุณจักรภพ ใช้ถ้อยคำรุนแรงนะครับว่า เราทำเช่นนี้สิ้นคิด ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ผมไม่เชื่อเลยว่าคุณจักรภพเรียนรัฐศาสตร์มา ความรับผิดชอบทางกฎหมาย กับความรับผิดชอบทางการเมืองต่างกัน และที่สำคัญก็คือว่า ผมอยากจะบอกว่าเรื่องนี้การดำเนินการตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระมัดระวัง ต้องรอบคอบ ต้องมีความละเอียดอ่อน และในหลายกรณีซึ่งผมเคยติดตามตรวจสอบปัญหาการละเมิดสถาบันที่ผ่านมา บางครั้งการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ก็เพื่อที่จะให้เรื่องมันคลี่คลายไปในลักษณะเงียบๆ มากกว่า
ตรงนี้จึงทำให้ผมมีความเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมก็เดินไป แต่การเมืองต้องแก้ปัญหาทางการเมือง ต้องแก้ปัญหาด้วยการบริหาร ต้องปลดชนวนความขัดแย้งในบ้านเมือง ต้องไม่เปิดช่องให้เกิดความเหิมเกริมในหมู่คนที่มีความคิดที่จะทำลาย หรือลบล้างสถาบันหลักของชาติ ตรงนี้คือประเด็นแรกที่ผมอยากจะเรียนกับทุกๆ ท่านในแง่ของการดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา
ประเด็นที่ 2 ที่ผมบอกแล้วว่าจะเรียนกับท่านก็คือว่า การแถลงข่าวของคุณจักรภพเมื่อวานนี้ เป็นการแถลงข่าวที่ต้องการที่จะเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญว่า คุณจักรภพได้คิด ได้พูด ได้ทำอะไรเอาไว้ แต่พยายามที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างคุณจักรภพ กับผม ซึ่งไม่ใช่ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงกว่า สำคัญกว่าความขัดแย้งระหว่างนักการเมือง ระหว่างพรรค ระหว่างบุคคลแน่นอน และผมก็จะไม่ปล่อยให้สังคมได้ไขว้เขวไปตามที่คุณจักรภพต้องการชักนำด้วยการที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับคุณจักรภพ
แต่ว่าผมขอตั้งข้อสังเกตสัก 3-4 ข้อครับ ว่าความเบี่ยงเบนของคุณจักรภพในเรื่องนี้ และความพยายามที่จะให้มันเป็นความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรค ระหว่างคน มันเป็นอย่างไร ข้อแรก คุณจักรภพใช้เวลานานนับสัปดาห์เพื่อไปเตรียมการแถลงข่าว ผมว่าพี่น้องประชาชน หรือสื่อมวลชน ใช้สามัญสำนึกเถอะครับ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์แปลเอกสารของคุณจักรภพผิด แปลด้วยอคติ แปลแล้วบิดเบือน ผมว่าป่านนี้คุณจักรภพต้องออกมาชี้แล้วครับว่า ตรงไหนที่พรรคประชาธิปัตย์แปลผิด แปลบิดเบือน แต่คำแถลงของคุณจักรภพเมื่อวานนี้ พูดว่าประชาธิปัตย์แปลบิดเบือน แต่ไม่สามารถยกตัวอย่างได้แม้แต่ตัวอย่างเดียวว่าตรงไหนที่แปลบิดเบือน
ที่สำคัญเมื่อถูกสอบถามเรื่องนี้จากผู้สื่อข่าว คำถามนี้เลยครับ ตรงไหนที่พรรคประชาธิปัตย์แปลผิด คุณจักรภพ ซึ่งไปเตรียมตัวมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตอบไม่ได้ ปัญหาของคุณจักรภพก็คือ พรรคประชาธิปัตย์แปลตามความเป็นจริง จึงไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาได้แม้แต่ประเด็นเดียวว่าตรงไหนที่แปลบิดเบือน
ประการที่ 2 น่าสังเกตไหมครับว่า ในส่วนที่คุณจักรภพกล่าวหาว่ามีการแปลบิดเบือน เป็นการแปลที่คุณจักรภพบอกว่าบิดเบือนโดยผู้ที่ไปแจ้งความท่าน ในประโยคเดียวกัน คุณจักรภพก็ยืนยันว่า แต่พรรคประชาธิปัตย์แปลตรงกับที่คุณจักรภพแปล ที่มหัศจรรย์ก็คือ เมื่อเสร็จแล้วคุณจักรภพจึงประกาศฟ้องพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ประกาศฟ้องผู้ที่คุณจักรภพกล่าวหาว่าแปลบิดเบือน นี่เป็นการบ่งบอกถึงเจตนาของคุณจักรภพว่า ต้องการทำเรื่องนี้ให้เป็นการเมืองระหว่างพรรค ระหว่างคน แล้วเบี่ยงเบนประเด็น
ประการที่ 3 มีคำอธิบายที่เกี่ยวข้องกับการแปลผิดๆ ถูกๆ สับสนเยอะเลยครับ ซึ่งคุณศิริโชคมีรายละเอียดที่จะแจกให้ และก็อาจจะขยายความกันในช่วงท้าย ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือว่า จับเท็จกันได้ ชี้ให้เห็นได้ว่าพูดไม่จริงอย่างไร
ส่วนประเด็นเล็กๆ ทางภาษา ผมยกแค่ประเด็นเดียวครับ เพราะมันเป็นอะไรที่ง่ายต่อความเข้าใจ ผมอยากจะบอกว่า เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า คุณจักรภพไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังเลยครับในเรื่องมาตรฐานทางภาษา ทางวิชาการ หรือทางคุณธรรมของท่าน เป็นไปอย่างที่ผมคิดทุกประการ
คุณจักรภพบอกว่า ที่มีคนถามว่าคุณจักรภพบอกว่าคุณทักษิณ มี some royalty แล้วไปแปลกันว่า "จงรักภักดีบางเสี้ยวบางส่วน" เป็นการแปลที่ผิด ที่จริงแล้วท่านบอกว่า some ใช้เป็นสำนวนบอกว่า "สุดยอด ใช่เลย" ที่จริงสำนวนนั้นมีใช้บ้างครับ แต่ไม่ใช่กรณีนี้ เพราะกรณีนี้คุณจักรภพตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่า "คุณจักรภพพูดว่าคุณทักษิณจงรักภักดี 100 เปอร์เซ็นต์ ใช่หรือไม่" ซึ่งบังเอิญภาษาอังกฤษตรงนี้คุณจักรภพไม่ได้แจกด้วยนะครับ แต่คุณจักรภพตอบคำถามว่า "ไม่ใช่ ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น He has some royalty" ซึ่งใครที่รู้ภาษา แม้แต่เล็กน้อยก็ทราบครับว่า ถ้าเทียบกับ 100 เปอร์เซ็นต์ คำว่า some ย่อมหมายความว่า "บางส่วน"

(วีทีอาร์)

เห็นไหมครับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ได้มีความจงรักภักดี 100 เปอร์เซ็นต์
ผมยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ ผมก็อยากถามคุณจักรภพครับว่า เอาเฉพาะประโยคนี้ ที่คุณจักรภพพยายามเบี่ยงเบนเมื่อวานนี้ ไปเปิดให้คนที่รู้ภาษาอังกฤษสัก 10 คน ไหมครับ แล้วถ้าเขาเข้าใจอย่างที่คุณจักรภพพูด ผมก็จะยอมล่ะ แต่ถ้าเขาไม่เข้าใจคุณจักรภพจะรับผิดชอบอย่างไร ไม่เข้าใจอย่างที่คุณจักรภพพยายามจะเบี่ยงเบน ชี้นำให้เขาเข้าใจไปในทางที่ผิด เพราะฉะนั้นผมจึงบอกว่า ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปดีเบตอะไรกับคุณจักรภพ เฉพาะที่คุณจักรภพยกตัวอย่างมาเมื่อวาน 2-3 เรื่อง ก็ผิดหมดอยู่แล้ว แล้วคุณศิริโชคก็พร้อมไปแล้วนะครับ ที่จะไปดีเบตทุกเวทีถ้าคุณจักรภพต้องการ
ประเด็นสำคัญที่ผมอยากจะเรียนก็คือว่า คุณจักรภพ นอกเหนือจากจะเบี่ยงเบนเรื่องนี้แล้ว และมากล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ถึงขั้นว่าดึงสถาบันลงมาเพื่อการเมือง ผมขอยืนยันเลยครับว่า พวกเราไม่มีความประสงค์ที่จะทำเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว แต่ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าเอกสารที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ ที่ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีฯ จักรภพ เสนอว่า เมื่อคุณจักรภพถูกพาดพิงในทางเสียหายเกี่ยวข้องกับความจงรักภักดี ที่ปรึกษาเสนอว่า ให้ใช้วิธีเผยแพร่สารคดีเฉลิมพระเกียรติในช่วงวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมฯ และสารคดีเฉลิมพระเกียรติ ในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ นายจักรภพ ก็ลงนามว่าเห็นชอบและให้ไปดำเนินการ ผมไม่คิดนะครับว่าคนที่จะเป็นรัฐมนตรี เห็นเอกสารเสนอมาอย่างนี้ แล้วไม่คิดอะไร ถ้าท่านอยากจะเผยแพร่สารคดีเฉลิมพระเกียรติเป็นนโยบาย มอบไปเถอะครับ แต่ถ้าบอกว่าทำไปเพื่อสยบกระแสข่าวดังกล่าว ผมถามว่าพฤติกรรมอย่างนี้ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่
เพราะฉะนั้นผมก็เรียกร้องว่าสังคมอย่าได้ไปสับสน สังคมอย่าได้ไปถูกเบี่ยงเบนไปจากข้อเท็จจริง
ผมมาถึงประเด็นสุดท้ายครับว่า ปัญหาคำบรรยายของคุณจักรภพมันคือเรื่องอะไร ผมย้ำมาหลายครั้งแล้วครับว่า ที่จริงไม่ต้องไปหลงประเด็นว่าใครจะแปลผิด แปลถูก แม้ว่าการแปลของคุณจักรภพ และคณะ มีความเบี่ยงเบนอย่างชัดเจน ซึ่งเราก็มีรายละเอียดให้ด้วย แต่ว่าวันนี้ผมก็เห็นทัศนะของนักวิชาการ ขอประทานโทษอ้างอิงท่านนะครับ ผมเห็นบทความท่านวันนี้ อ.อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เป็นวิชาการว่า คำบรรยายของคุณจักรภพหมายความว่าอย่างไร ผมว่าไม่ได้ต่างจากที่ผมและเพื่อนๆ ที่ได้อ่านคำบรรยายของคุณจักรภพนะครับ เข้าใจตรงกัน ผมขออธิบายสั้นๆ อย่างนี้ครับ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด
คุณจักรภพไปบรรยายในหัวข้อ "ระบบอุปถัมภ์กับระบอบประชาธิปไตย" สาระหลักของคุณจักรภพคือต้องการจะบอกว่า ประชาธิปไตยไทยไม่ก้าวหน้า ประเทศไทยไม่ก้าวหน้า เพราะระบบอุปถัมภ์ ประเด็นปัญหามันมีอยู่ว่า ระบบอุปถัมภ์ในความหมายของคุณจักรภพคืออะไร และคุณจักรภพสื่อว่าอย่างไร
ผมเรียนตามตรงว่าผมเห็นครั้งแรก ผมก็ไม่เชื่อล่ะครับว่าคุณจักรภพจะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการต่อสู้กับระบบอุปถัมภ์อย่างที่เรารู้จักกัน ก็คือการพึ่งพิงกันในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง ถ้าจะพูดถึงด้านไม่ดีของระบบอุปถัมภ์ ผมไม่เชื่อเพราะว่าผมเห็นคุณจักรภพเอง จะด้วยคำพูด หรือจะด้วยพฤติกรรม ไม่เคยต่อต้าน กลับมีความสุขกับระบบอุปถัมภ์ ที่ทำให้คุณจักรภพนั่งอยู่ ที่เขานั่งอยู่ในวันนี้ ถ้าจะใช้ศัพท์แบบคุณจักรภพก็ต้องบอกว่า บังเอิญระบบอุปถัมภ์ที่ว่า มันเป็นระบบไพร่อุปถัมภ์ คุณจักรภพไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับระบบอุปถัมภ์แบบนี้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าระบบอุปถัมภ์สามานย์ที่สุดที่ผมเคยเห็นมาในประเทศไทยก็คือวันที่ บางคนสามารถประกาศได้ว่า "ถ้าไม่เลือกผม ไม่ต้องเอางบประมาณไป" สิ่งเหล่านี้คุณจักรภพไม่ต่อต้านครับ คุณจักรภพอ้างว่าต่อต้านระบบอุปถัมภ์แบบขุนนาง แล้วก็ยังยืนยันทัศนคติที่มีต่อตัวท่านประธานองคมนตรี คือท่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ด้วย
ผมอยากจะเรียนอย่างนี้ครับว่า คำบรรยายของคุณจักรภพ ซึ่งจากคำแปลของคุณจักรภพเอง สาระไม่ได้เปลี่ยนหรอกครับ เพียงแต่พยายามแปลเลี่ยงถ้อยคำที่เป็นจุดละเอียดอ่อน ซึ่งเรามีรายละเอียดให้ แต่สาระเป็นอย่างนี้ครับ คุณจักรภพเริ่มต้นอธิบายว่าระบบอุปถัมภ์คืออะไร แล้วก็บอกด้วยซ้ำว่าประเทศไทยตั้งขึ้นมาด้วยระบบอุปถัมภ์ ใช้เวลาบรรยายตรงนี้หลายหน้านะครับ เวลาถอดคำบรรยายออกมา ไม่มีคำว่าอำมาตยาธิปไตย ไม่มีคำว่าขุนนาง แต่บรรยายระบบอุปถัมภ์โดยการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือองค์พระมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ต่อเนื่องมาจนถึงอยุธยา มาจนถึงรัตนโกสินทร์ จนถึงรัชกาลปัจจุบันครับ ไม่ได้พูดถึงขุนนาง
แล้วการปลุกเร้าในคำบรรยายของคุณจักรภพ ว่าจะต้องมาต่อสู้ จะต้องมาเปลี่ยนแปลง ผมก็หยิบยกมา 3-4 ตัวอย่างเท่านั้นเองครับ ให้เห็นว่าตกลงคุณจักรภพหมายถึงขุนนางอย่างนั้นหรือไม่ เช่น คุณจักรภพยกกรณีของการลงประชามติรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญ แล้วก็อ้างว่า เอาล่ะ ฝ่ายหนึ่งเป็นระบบอุปถัมภ์ ฝ่ายหนึ่งเป็นประชาธิปไตย แต่ที่สำคัญคุณจักรภพบอกว่าฝ่ายที่หนุนให้รับรัฐธรรมนูญ คือกลุ่มที่คุณจักรภพใช้คำว่า "yellow shirt people" คนใส่เสื้อเหลือง ผมถามคุณจักรภพว่า เสื้อเหลืองคือสัญลักษณ์ของขุนนางเหรอครับ เสื้อเหลืองคือสัญลักษณ์ของศักดินาเหรอครับ
นี่เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า เวลาคุณจักรภพพูด ถ้าจงใจจะพูดถึงเฉพาะขุนนาง ไม่น่าจะหยิบยกอย่างนี้ขึ้นมา
กำลังโหลดความคิดเห็น