คตส.ลั่นเดินหน้าทำงานต่อ-ย้อนถามหากเสียหายแล้วใครรับผิดชอบ?

“สัก กอแสงเรือ” โฆษก คตส. ย้ำชัด จะเดินหน้าเอาผิดคนโกงต่อ รอศาลสั่งให้หยุดถึงจะหยุด ย้อนถาม ถ้าหยุดทำงานตอนนี้ แล้วเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ใครจะรับผิดชอบ เผยไม่น้อยใจ แค่อยากให้ลองฟังนิทาน “หมา หนู แมว ในบ้านสยามประเทศ” – สสร.50 “เสรี สุวรรณภานนท์” เชื่อ คตส.ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ขอก้าวล่วงอำนาจศาล

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ คมชัดลึก

ต่อกรณีที่ คตส. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพวกรวม 47 คน ซึ่งมีรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันมีเกี่ยวข้องอยู่ 3 คน คือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว. นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน และนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม ในกรณีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษ(หวยบนดิน) แต่ทางศาลฎีกายังไม่ประทับรับฟ้อง โดยให้ส่งประเด็นที่ผู้ถูกกล่าวหาคัดค้านว่าการแต่งตั้ง และการต่ออายุของ คตส. ขัดต่อ รธน. ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก่อน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น และหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า คตส.ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วจะส่งผลอย่างไร

วันนี้ (16 พ.ค.) นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. ให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์ เนชั่นแชลแนล เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ในเรื่องที่ก่อนศาลฎีกาจะประทับรับคำฟ้อง ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องรับฟังคำคัดค้านของผู้ถูกกล่าวหาด้วย เพื่อเป็นการให้ความยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งในประเด็นนี้ผู้ถูกกล่าวหาก็เคยยกเป็นข้อโต้แย้งมาแล้วในชั้นการสอบสวนของ คตส. แต่ครั้งนั้น คตส.พิจารณาแล้วว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญข้อคัดค้านจึงฟังไม่ขึ้น แต่เมื่อถึงตอนนี้มาคัดค้านในชั้นศาลฎีกาอีกก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ซึ่งก็จะเป็นกระบวนการของศาลที่ต้องพิจารณาต่อไป

ต่อคำถามที่ว่า คตส.จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่รองอัยการสูงสุดให้ความเห็นหรือไม่นั้น นายสัก กล่าวว่า “ คตส.ยืนยันว่า เรายังทำงานต่อ เพราะถึงแม้ตอนนี้จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้ว แต่ผลยังไม่ออกมา และกฎหมายต่ออายุ คตส.และ คตส. กฎหมายเหล่านี้ยังมีผลบังคับใช้อยู่ไหม ถ้าเมื่อกฎหมายยังมีผลบังคับอยู่ คตส. จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไรนี่เป็นคำถาม ถ้าบอกว่าให้ผมหยุดแล้วเกิดเข้าข่ายของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ใครรับผิดชอบ ผมคงหยุดไม่ได้เพราะผมไม่อยากรับผิดชอบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แล้วก่อให้เกิดความเสียหาย ก็ต้องทำงานจนกว่า 30 มิถุนายน หรือรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าออกมาอย่างไรจึงจะปฏิบัติตามนั้น ดังนั้นตอนนี้เราจะยังทำหน้าที่ต่อไปตามปกติ”

ผู้ดำเนินการถามว่า คิดว่าการทำงานของ คตส.จะเหนื่อยฟรีหรือไม่ เนื่องจากคดีที่ส่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอาจไม่สัมฤทธิ์ผลหรือถูกยกฟ้อง นายสัก กล่าวว่า คงไม่ถือว่าเหนื่อยฟรี เพราะ คตส.ก็ทำงานไปตามหน้าที่ไม่ได้มีการตั้งธงใด ๆ เอาไว้ว่าจะต้องเอาผิดใครหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ได้ ส่วนกรณีที่ว่าหากคดีที่ทำเอาไว้ยังไม่เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ คตส.หมดอายุ จะดำเนินการอย่างไรนั้น ทาง คตส.ได้เตรียมการเอาไว้แล้ว ว่าจะส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ให้ทำงานต่อไปแทน ส่วนของคดีหวยบนดิน หรือคดีอื่น ๆ ที่จะพิจาณากันต่อไป หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาว่า คตส.ไม่มีอำนาจฟ้อง คตส.ก็ยังสามารถส่งเรื่องให้หน่วยงานอื่นฟ้องแทนได้ เพราะสิ่งที่ คตส.ทำไว้นั้นมีการรวบรวมพยานหลักฐานเอาไว้แล้ว

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า มีหลายคนมองว่า คตส.ทำงานอย่างโดดเดี่ยวนั้น รู้สึกน้อยใจหรือไม่นายสัก นายสัก กล่าวว่าก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่อยากเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง โดยนิทานดังกล่าวมีเนื้อหาว่ากาลครั้งหนึ่งในสยามประเทศ มีบ้านไทยหลังใหญ่ ในบ้านมีหมา มีแมว และมีหนู วันหนึ่ง โจรเข้าปล้นบ้าน หมาเห็น หมาเฉย แมวเห็นแมว เฉย ปล่อยให้โจรปล้นบ้านตามสะดวก หนู ทนไม่ได้ เอากระดิ่งไปผูกคอแมว แต่หมาหลายตัวได้ยินก็หนีหมด โจรเลยปล้นบ้านตามสะดวก ทั้งนี้ เมื่อนายสักเล่านิทานจบ ผู้ดำเนินรายการถามว่านิทานเรื่องนี้มีความหมายหรือข้อคิดอย่างไร นายสัก กล่าวว่า ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเพียงแต่เล่าให้ฟังเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศเท่านั้น ซึ่งนิทานเรื่องนี้เพิ่งคิดวันนี้และเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน แต่คงไม่บอกว่าหมายถึงอะไร อยากให้คิดกันเอง

ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีต สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) กล่าวว่า นิทานเรื่องดังกล่าวของนายสัก น่าจะหมายถึงว่า เมื่อมีภัยเข้าในบ้านเมืองเรา บางคนก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นปล่อยให้ความเสียหายเกิดขึ้นต่อไป แต่เมื่อมีคนบางกลุ่มที่ต้องการจะปกป้องบ้านเมืองก็พยายามปกป้องโดยการส่งสัญญาณให้คนอื่น ๆ รู้ แต่แทนที่คนอื่นที่มีอำนาจหรือมีศักยภาพมากกว่ารู้แล้วจะช่วยกันแก้ไข กลับหนีไปเสียอีก ซึ่งเมื่อนายเสรีกล่าวจบ นายสัก จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า ก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน

ส่วนกรณีที่ ศาลฎีกายังไม่ประทับรับฟ้อง แต่ให้ส่งเรื่องให้ศาล รธน. พิจารณาที่มาของ คตส. ก่อนนั้น นายเสรีกล่าวว่า หากพิจารณาตามแง่ของกฎหมาย ในความคิดของตนนั้น ตนคิดว่า คตส. เป็นองค์กรที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตาม มาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งระบุไว้แล้วว่า คตส. ตั้งขึ้นมาและมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของตนเท่านั้น หากศาลจะตัดสินออกมาอย่างไรก็เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งตนคงไม่อาจก้าวล่วงอำนาจของศาลได้

แต่อย่างไรก็ตามตนคิดว่าเรื่องนี้ น่าจะทำความเข้าใจแก่ประชาชนก่อน ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น การที่ศาลฎีกายังไม่ประทับรับฟ้องแต่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อน นี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ อย่าไปมองศาลในทางไม่ดี เพราะศาลต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย การโต้แย้งจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วย ซึ่งคนที่จะถูกดำเนินคดีนั้นต้องหาทางสู้ในทุกเรื่อง ก็จะพยายามหยิบยกประเด็นขึ้นมาเป็นข้อโต้แย้งให้มากที่สุดอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดา