“ภูวดล” แฉสายสัมพันธ์ “แม้ว” โยงใย “ไพโรจน์-ราเกซ” ปูทางเสวยสุขในอังกฤษ ชี้ชัด “อดีตนายกฯ” ไร้สิทธิขอลี้ภัยทางการเมือง แต่เป็นบุคคลที่สุดบัดซบ-ลวงโลกมากที่สุดในเวลานี้ ตอกยับ “รัฐบาล” ทำประเทศตกต่ำถึงขีดสุด เหตุเพราะโกงกินชาติ-ลบหลู่สถาบัน จนทำให้นานาประเทศดูถูกเหยียดหยาม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ปราศรัย
วันนี้ (19 ส.ค.) ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางไปเรียกร้องสถานทูตอังกฤษ เพื่อให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า สถานทูตอังกฤษในประเทศไทย มีวิวัฒนาการอันยาวนาน โดยมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับประเทศไทย แต่ค่อนข้างละลุ่มๆ ดอนๆ ตลอดมา ขณะเดียวกันทางอังกฤษเอง เมื่อสมัยต้นอยุธยาก็รู้จักประเทศไทยมาตั้งนานแล้ว โดยในอดีตอังกฤษเข้ามาขยายอิทธิพลในประเทศไทย ก็มาแย่งชิงพื้นที่ของประเทศไทยที่เมืองทวาย ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่าไปแล้ว
“เราเคยฆ่าทหารอังกฤษที่เคยคิดจะปล้นเมืองนี้ไปหลายสิบศพในสมัยอยุธยาตอนต้น โดยอังกฤษพยายามที่จะเขามามีบทบาทตลอดมา แต่ไม่ค่อยจะมีบทบาทมากนักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มักจะถูกอิทธิพลของชาวเนเธอร์แลนด์ขัดขวาง จนกระทั่งอังกฤษมาประสบความสำเร็จเมื่อสามารถยึดครองอินเดียได้ แล้วขยายอิทธิพลเข้าไปครอบครองปีนัง ซึ่งในขณะนั้นเป็นประเทศราชของไทย สรุปคือ กว่าอังกฤษจะแผ่อิทธิพลเข้ามาในคาบสมุทรมาเลย์ หรือในประเทศมาเลเซีย สิงค์โปร และบรูไน ในปัจจุบัน โดยอังกฤษได้เล่นเอาเอาเถิดโดยยุยงส่งเสริมให้ชาวมาเลย์เป็นกบฏต่อรัฐไทยตลอดเวลา”
ศ.ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน อังกฤษก็ยอมรับในสิทธิของไทยในดินแดนหัวเมืองลาวฝั่งขวาของแม่น้ำโขงแทบทั้งหมด สรุปคือ ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ต้องใช้สารพัดวิธี เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกปะเทศมหาอำนาจครอบครอง และเมื่อประเทศไทยเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเป็นพันธมิตรฯ กับอังกฤษ จากนั้นข้อตกลงที่เคยเป็นปัญหาที่คาราคาซัง ได้ถูกสะสางไปจนหมดสิ้นในต้นรัชกาลที่ 6 ที่สำคัญอังกฤษไม่ใช่ผู้ดีอย่างที่กล่าวอ้าง แต่เป็นปีศาจ เพราะทำการกดขี่ประชาติที่อ่อนแอกว่าไปทั่วโลก
อังกฤษเข้าไปปล้นประเทศจีนด้วยการทำสงครามฝิ่น โดยเอาฝิ่นไปมอมเมา เสร็จแล้วก็เอาฝิ่นจากอินเดียไปมอมเมาประเทศจีนโพ้นทะเล ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกทอดหนึ่ง จากนั้นอังกฤษเข้ามาบีบบังคับประเทศไทยให้เสียภาษี 100 ชัก 3 ตั้งแต่การทำสนธิสนธิสัญญาเบาว์ลิ่ง โดยเขาเหยียดหยามประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะปากหนึ่งก็บอกว่าดีกับไทย เพื่อที่จะช่วงชิงผลประโยชน์แข่งกับฝรั่งเศส แต่อังกฤษกลับทำตัวเป็นหมางับเนื้อจากประเทศไทยตลอดเวลา
คนที่รู้เรื่องราวของอังกฤษดีก็คือ นายเตช บุนนาค เพราะวิทยานิพนธ์ของนายเตช เรื่องการปรับปรุง และการจัดการมณฑลเทศาภิบาลในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ที่สำคัญ คือ อังกฤษบีบให้ไทยถูกพันธนาการจากนโยบายการเก็บภาษีขาเข้า และขาออก ไม่เกิน 100 ชัก 3 ตลอดเวลา ขณะเดียวกันอังกฤษยังเก็บภาษีในอัตราสูงกว่าให้กับประเทศจีนในอัตรา 100 ชัก 5 แค่นั้นยังไม่พอ อังกฤษยังปล้นประเทศไทยตลอดมา โดยธนาคารเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยก็คือ ธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้แบงก์ หรือเฮช เอส บี ซี ที่โฆษณาตามป้ายรถเมล์
โดยธนาคารดังกล่าวใช้เวลา 100 กว่าปี ก็สามารถทำธุรกรรม และธุรกิจแข่งขันกับธนาคารของไทยได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นเพราะรัฐบาลขายชาติของไอ้หน้าเหลี่ยมที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และต่อเนื่องมาจนถึงธนาคารสแตนดาร์ตชาร์เตอร์ด ซึ่งกลายเป็นธนาคารที่ค้ำประกันการทำธุรกิจของประเทศไทย โดยกินผลประโยชน์จากประเทศไทยจนพุงปลิ้นตลอดมา โดยจะเห็นได้จากธนบัตรใบแรกของประเทศไทยซึ่งพิมพ์เป็นแบงก์บาทนั้น มาจากธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้แบงก์เป็นผู้พิมพ์ และถ้ามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ เราจะเห็นว่า บรรพบุรุษของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวของเรา ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะทุกด้าน เพื่อรักษาเอกราชของประเทศไทย และรู้หรือไม่ว่าพันธนาการที่อังกฤษทำกับประเทศไทยจนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ยังดึงดันที่จะเอาประเทศไทยเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม
“เบื้องหลังที่แท้จริงซึ่งทำให้อังกฤษยินยอม เพราะเซอร์วินสตัน เชอร์ชิล พ่ายแพ้การเลือกตั้งที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งถ้าเขาไม่แพ้การเลือกตั้ง ผมกล้ารับรองว่าประเทศไทยวันนี้ คงตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษไปแล้ว และถ้าศึกษาให้ดี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษปรับประเทศไทยอย่างสาสมที่สุด คือ นอกจากจะเอาข้าวฟรีจำนวน 3 ล้านตันไปใช้แล้ว ยังบีบบังคับให้ประเทศไทยจ่ายสินไหมทดแทนเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งโถส้วมชักโครก เขายังเรียกร้องค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยเสียด้วยซ้ำ ฉะนั้นเอกราชของความเป็นไทยกรณีดังกล่าว ในสายตาของนักวิชาการถือว่า อังกฤษคือมหาโจรผู้ปล้นประเทศชาติเอเชียตลอดมา
ที่สำคัญ วันนี้อดีตผู้นำไทยได้หลบหนีหมายจับไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษทั้งครอบครัว โดยไปอยู่ที่กรุงลอนดอน ทั้งๆ ที่นักการเมืองไม่ได้มีความสำคัญต่อประเทศอังกฤษเลยแม้แต่น้อย ส่วนนักการเมืองที่ให้ความสำคัญกับอังกฤษก็คือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่อังกฤษ และไปเสียชีวิตอยู่ที่นั่น จริงๆ แล้วท่านไม่อยากจะไป แต่เพราะเหตุผลทางการเมืองคือ ถูก รสช.บีบบังคับให้ไป ส่วนเหตุผลที่นักการเมืองหลบหนีไปอยู่อังกฤษได้อย่างง่ายดายนั้น ไม่ใช่ว่ารัฐบาลอังกฤษไม่ใส่ใจ แต่เขาอ้างกฎหมายเพื่อคุ้มครองคนเหล่านั้น แต่เป็นเพราะกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยที่มีตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ศาลสถิตยุติธรรม โดยเฉพาะกองบังคับการตำรวจเศรษฐกิจ ปล่อยปละละเลย และเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยส่วนใหญ่ในอดีตได้รับสินบนจากนักฉ้อโกง และนักต้มตุ๋น จนคดีหมดอายุความ คนเหล่านี้จึงสามารถเสวยสุขได้ในอังกฤษได้อย่างสบาย
ปรากฏการณ์เหล่านี้ คนอย่างไอ้หน้าเหลี่ยมนั้นรู้ดีว่าสามารถทำได้ เพราะคนอย่างไอ้หน้าเหลี่ยมมีสายสัมพันธ์อันดีกับนายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์ศาล เจ้าของบ้าฉางกรุ๊ปที่เจ๊งไปแล้ว แต่ยังร่ำรวยอยู่ ซึ่งคนเหล่านี้มีความสัมพันธ์อันดีกับนายราเกซ สักเสนา และรู้หรือไม่ว่าก่อนที่นายราเกส จะหลบหนีไปประเทศแคนนาดานั้น ได้มีตำรวจยศนายพล ไปส่งถึงออสตาวา แล้วก็ได้เงิน และเมียเก็บกลับมา นี่คือความบัดซบของกระบวนการยุติธรรมของบ้านเรา เพราะถ้าเราใช้หลักกฎหมายอย่างเข้มแข็งเหมือนประเทศสิงค์โปร ซึ่งเขาไปตามจับคนอย่างตังคุณ ซวน ซึ่งหนีไปอยู่ที่ลอนดอน เนื่องจากทำให้บริษัทหุ้นเจ๊ง โดยบริษัทดังกล่าวมีผู้จัดการคือ ดาโต๊ะสุรินทร์ หรือเจ้าของบริษัทกุหลาบแก้ว แต่รัฐบาลสิงคโปร์ไปลากคอมาได้จากประเทศอังกฤษ
แต่ประเทศไทยวันนี้ถึงจุดต่ำสุด จนไม่รู้ว่าชาติไหนดูถูกเหยียดหยาม เพราะโกงกันอย่างบัดซบ โดยมีรัฐบาลขายชาติ ขายอธิปไตย และลบหลู่สถาบันเสียด้วยซ้ำ และถ้าหากการเมืองไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยพี่น้องประชาชน เราจะเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนรายนี้ กลับมาชดใช้เวรกรรมในประเทศไทย และอังกฤษไม่มีสิทธิปฏิเสธ เพราะคนอย่างไอ้หน้าเหลี่ยมไม่ได้ลี้ภัยทางการเมือง แต่เป็นคนที่บัดซบ และลวงโลกที่สุดในเวลานี้” ศ.ดร.ภูวดล กล่าว