“ภูวดล” แฉแผนงาบรถเมล์ 6 พันคัน มี “น้องสาวแม้ว-เพ้ง-เยียนปิน” ร่วมผลักดันกันอย่างสุดตัว ตั้งข้อสังเกต ราคารถแบบซื้อขาดทั้งหมดเพียง 2.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น แต่ “ลูกกรอก” กลับเลือกเสนอเช่าด้วยราคาแพงหูฉี่ที่มีส่วนต่างมากถึง 5 หมื่นกว่าล้านบาท โกหกคำโตจะให้นั่งฟรี 6 เดือน ทั้งที่เตรียมขึ้นค่ารถอีกถึง 8 บาท แนะผู้ใช้บริการ-ขสมก. จับตา หากมติ ครม.ผ่านฉลุย เตรียมฟ้องศาลปกครอง-ป.ป.ช.-สตง.สอบเอาผิดได้เลย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ปราศรัย
วันนี้ (19 ก.ค.) เมื่อเวลา 19.45 น. ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า การเจรจาเรื่องปัญหาเขตแดนไทยกัมพูชานั้น เริ่มเจรจาครั้งแรกเมื่อปี 1994 หลังจากฮุนเซนปกครองกัมพูชา มีการตั้งคณะกรรมการเทคนิคร่วมขึ้นมา ตั้งแต่ต้นรัฐบาลไทยในอดีต ต้องการทำความตกลงพื้นทีทับซ้อนกันในอ่าวไทย ตั้งแต่เขตแดนทางบกที่ 73 ที่หาดสารพัดพิษ จ.ตราด จนบรรจบเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่กัมพูชาไม่เห็นด้วยอ้างว่าจะใช้เวลาเจรจากันนานมาก กัมพูชาต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติและปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อน กัมพูชาไม่ต้องการอะไรเพราะว่าผู้นำกัมพูชา ต้องการเอาสิทธิสัมปทานตรงนั้นมาหาเงินใส่กระเป่า บังเอิญผู้นำไทยในอดีตค่อนข้างจะรักชาติ ไม่เหมือนรัฐบาลขายชาติชุดปัจจุบัน การเจรจาจึงค่อนข้างยืดเยื้อ พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา มากที่สุดกว่าพื้นที่ทับซ้อนใดๆที่ไทยมีกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ 26,000 ตร.กม.
ดร.ภูวดล กล่าวว่า ประเด็นต่อมา คือ เจรจากันไปใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีก็เจรจาไม่ได้ กัมพูชามีจุดแข็งอย่างหนึ่งที่ดีกว่ารัฐบาลบางสมัย ดีกว่ารัฐบาลนี้ คือมีความเป็นกัมพูชา ไม่เหมือนรัฐบาลไทย หรือ ครม.ไทยชื่อว่าเป็นรัฐบาลไทย แต่มีจิตวิญญาณกัมพูชาเหมือนวันนี้
ดร.ภูวดล กล่าวว่า ในปี 2002 ทั้งสองฝ่ายตกลงพบกันครึ่งทางเจรจาเขตแดนทางทะเลประมาณ 1ใน3ของพื้นที่ทับซ้อน ตั้งแต่เส้นแวงที่ 11องศาเหนือขึ้นไปจนจรดเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาที่หลักเขต 73 ส่วนนี้ 8,650 ตร.กม. ส่วนที่เหลืออีกสองในสาม บริเวณใกล้ชายแดนไทย-เวียดนาม ประมาณ 17,350 ตร.กม. ตรงนี้จะมีการเจรจาแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีการจัดตั้งองค์กรร่วมกันทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การเจรจาในพื้นที่ เส้นแวงที่ 11 องศาเหนือขึ้นไปจนจรดเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งสองประเทศมีความเห็นแตกต่างกันมาก แม้จะเจรจาหลายครั้งก็ไม่สมมารถหาข้อสรุปได้จนถึงทุกวันนี้
ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า แต่สำหรับการเจรจาพื้นทีทับซ้อนใต้เส้นแวงที่ 11 องศาเหนือ ซึ่งทั้งสองประเทศแสดงเจตจำนงว่จะแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันตรงนี้ล่ะเป็นที่มาของนักการเมือง และครอบครัวไอ้หนน้าเหลี่ยมผู้คิดจะรวยจนไม่รู้จะรวยยังไง ที่จะขายชาติขายจิตวิญญาณ แล้วก็เชิดครม.เส็งเคร็งที่สุดเท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย ในที่สุดฝ่ายกัมพูชาก็ยังยึกยัก เพราะเขารู้ดีว่าเขามีแต้มต่อ เขายังคงดื้อไม่ยอมรับ 50:50 เพราะรู้ดีว่าการเมืองในไทยวันนี้ ระบอบทักษิณมันสั่นคลอนเต็มที่ ขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้ก็เป็นรัฐบาลรับใช้ระบอบทักษิณ ฉะนั้นฮุนเซ็นจึงคิดว่าตัวเองมีแต้มต่อมากกว่า
นอกจากนั้น ดร.ภูวดล ยังกล่าวถึงโครงการเช่ารถเมล์ 6 พันคันว่า จริงๆ โครงการนี้เคยเสนอสมัยทักษิณก่อนถูกรัฐประหาร แต่วันนี้ถูกชงขึ้นมาอีกโดยน้องสาวหน้าเหลี่ยม และเพ้งตัวที่สร้างกระเป๋าให้กับครอบครัวนี้ แล้วก็เหยียนปิน คนเหล่านี้คือมนุษย์ที่หากินกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ โครงการนี้จะเช่ามาจากบริษัท จินหลง จำกัด ประเทศจีน เป็นธุรกิจรวมทุนร่วมกับรัฐบาลจีนและนักธุรกิจจีนโพ้นทะเล มีโรงงานอยู่ที่เซียะเหมิน มลฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน
ดร.ภูวดล กล่าวว่า รถบัสแต่ละคันที่บริษัทนี้ส่งขายทั่วโลก ตัวถังแบบญี่ปุ่น แต่เครื่องเป็นของเก่าที่จีนเคยได้จากรัสเซียมาผสมกับเยอรมันในปัจจุบัน ส่วนรถของโครงการนี้ ราคาขายจริงๆ คันละประมาณ 3.8 ล้านบาท ถ้าซื้อมา 6 พันคัน ก็ใช้เงินไม่เกิน 24,000 ล้านบาท ถ้าจะซื้อขายพันธบัตรเอาเงินไปซื้อก็ได้แต่กินไม่ถนัด แต่เขาไม่ซื้อใช้วิธีเช่า 5 ปีใช้เงิน 111,000 ล้านบาท
“ถ้าซื้อแค่ 24,000ล้านบาท ครบ 5 ปี สามารถเอารถนี้ไปบริจาค สร้างปะการังเทียมได้ทั่วอ่าวไทย หรือเอาไปบริจาคอบต.ทั้วประเทศ ปลูกพืชผักสวนครัวปลูกสะระแหน่อย่างเดียวก็ทำได้ แต่ไม่ทำ และถ้าหากซื้อใหม่อีกก็ไม่เกิน 24,000 ล้านบาท ได้อีก 6 พันคัน สรุปในเวลา 10ปี ซื้อครั้งละ6พันคัน ซื้อสองรอบใช้เงินแค่ 48,000ล้านบาท ถามว่าโครงการนี้ทำไมมันไม่ซื้อ มันใช้วิธีเช่า ต้องใช้เงินถึง 110,000 ล้านบาท มันกินบัดซบตั้ง 50,000 กว่าล้านบาท ไม่ใช่กินแค่ 6 พันล้านบาท” ดร.ภูวดล กล่าว
ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า มันโม้วันนี้ ว่าจะเลิกเก็บค่ารถเมล์ แต่ขณะเดียวกันมันจะผลักโครงการนี้ วันอังคารนี้ จากราคารถเมล์เดิมเก็บ 7บาทรถร้อน มันจะเก็บ 15 บาท แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปให้พี่น้องขี่รถเมล์ฟรีกัน มันบัดซบไหมพี่น้อง มันตอแหลทั้งเพ ถามว่าเงินค่ารถเมล์ที่เพิมขึ้นจากเดิมอีก 8 บาทใครเป็นคนจ่ายในอนาคต จ่าย 10 ปีนะ ชาวบ้านทั้งสิ้น สมมติพี่น้องชาวบ้านไปเช้าเย็นกลับวันละรอบ จะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นวันละ 16 ปี ตลอด 10 ปี เท่ากับต้องจ่ายเงินเพิ่มคนละ 58,400 บาท
“บริษัท จินหลง อย่าดูถูกคนไทย อย่าไปร่วมมือกับนักการเมืองพันธุ์เส็งเคร็ง กับนักธุนกิจพันธุ์ชั่วจากหูเป่ยที่มาหลอกหากินหาทองกับหน้าเหลี่ยมมทุกวันนี้ ขอบอกรัฐบาลจีนและรัฐบาลมลฑลฟูเจี้ยนทราบด้วย ว่าถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นมาทันทีทันใด โครงการนี้จะต้องถูกระงับทันที แค่นั้นยังไม่พอจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอีกมหาศาล ขอให้พี่น้อง ขสมก. และพี่น้องผู้ใช้บริการเตรียมเลย ถ้าอังคารนี้เข้าครม. ไปยื่นร้องศาลปกครองสอบโครงการนี้โดยด่วนได้เลย พร้อมกับขอให้ สตง. ป.ป.ช.เข้ามตรวจสอบโครงการโกงบรรลือโลกโครงการนี้ด้วย”
ดร.ภูวดล กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องว่าเราจงลุกขึ้นมาเถิด เหมือนพี่น้องบางกระทรวงทบวงกรม ขณะนี้ ตอนนี้รัฐมนตรีบางกระทรวงทบวงกรมไม่กล้ากินน้ำที่ข้าราชการเสิร์ฟให้แล้วเพราะทำแรงเกินไป บางแห่งเริ่มฉี่ใส่กาแฟให้รัฐมนตรีกินแล้วด้วย ส้วมห้องน้ำบางกระทรวงที่รัฐมนตรีใช้ถูกเอาทรายใส่เพื่อให้ชักโครกไม่ลงแล้ว แค่นั้นยังไม่พอไม่กล้าจอดรถไว้ในที่ไม่ปลอดภัย ต้องมียามตรวจ เพราะถูกขีดข่วนโดยข้าราชการผู้รักชาติรักแผ่นดินและและหมั่นไส้ ครม.ชุดนี้แทบทุกคน นอกจากนั้นยังขอเรียกร้องพี่น้องที่มีบ้าน อยู่ใกล้บ้านจันทร์ส่องหล้าในซอยเสริมสุขก็ดี ใกล้กับบางบอนก็ดี ย่านหมู่บ้านโอฬารก็ดี จงเก็บรวบรวมข้อมูล ถ้ามันขยับตรงไหน ขอให้แจ้งพี่น้องตรงเวลานี้ทันที จะได้ลากตัวมันมาได้ทันท่วงที