“ถาวร” เหน็บ อสส.ส่ง จม.ขอตัว “แม้ว” คงต้องรอถึงชาติหน้า

“ถาวร” จี้ อสส.เร่งนำตัว “แม้ว” มาดำเนินคดี เหน็บ แค่ทำหนังสือส่งทางไปรษณีย์แล้วนั่งคอย คงต้องรอถึงชาติหน้า ยันพฤติกรรมอดีตนายกฯ เข้าข่ายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ วิเคราะห์คำพูด “ไม่ใช่วันของผม” สะท้อนความคิด “ทักษิณ” หวังกลับมาแก้แค้นไม่สนใจถูกผิด เตือนนึกถึงคำสอนหลวงตาบัว-พุทธทาส เผื่อดวงตาจะเห็นธรรม

วันนี้ (15 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม ประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อ้างว่า รัฐบาลไม่มีอะไรต้องชี้แจงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์โจมตีศาลยุติธรรม โดยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ว่า การพูดของ นายชูศักดิ์ เป็นการพูดแบบไม่รับผิดชอบและเป็นการปกป้องนายที่เคยอยู่พรรคไทยรักไทยมาด้วยกัน ไม่ใช่การพูดในฐานะเป็นผู้ใช้อำนาจบริหารแทนประชาชน จึงขอให้นายชูศักดิ์กลับไปคิดใหม่และเร่งดำเนินการชี้แจง ไม่เช่นนั้นแล้วประเทศชาติก็จะไม่ได้รับความเชื่อถือ

นายถาวร กล่าวต่อว่า นอกจากรัฐบาลต้องชี้แจงแล้วยังมีหน้าที่ต้องนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างกับคดีอื่นๆ ไม่ใช่ยกเว้นแต่เฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าตนเป็นอัยการสูงสุดตนจะรีบประสานงานกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศอังกฤษ เพราะพิจารณาดูแล้วเข้าลักษณะที่สามารถจะส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ และต้องเร่งดำเนินการให้เห็นว่ารัฐบาลของไทยเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ อย่าเอาเยี่ยงอย่างเหมือน นายปิ่น จักกะพาก นายราเกซ สักเสนา และ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร มาเป็นตัวอย่างและอย่าปล่อยให้คดีดังกล่าวหมดอายุความไปเสียก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่รัฐบาลอ้างตัวว่ามาจากการเลือกตั้งแต่กลับไม่ปกป้องประเทศทั้งที่ถูกกล่าวหาอย่างรุนแรง นายถาวร กล่าวว่า รัฐบาลไม่คำนึงถึงอำนาจที่ตัวเองมีอยู่ว่าเป็นอำนาจของประชาชนคนไทย ไม่ใช่อำนาจของตัวเอง ตัวเองเป็นหนึ่งใน 63 ล้านคนเท่านั้น แต่คนไทยอีก 60 กว่าล้านคน ได้มอบอำนาจให้รัฐบาลไว้ใช้ ดังนั้น จะมาอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ เพราะถ้ารัฐบาลสำนึกว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้งยิ่งต้องทำหน้าที่แทนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงที่เลือกรัฐบาลเข้ามาให้มากกว่านี้

ต่อข้อถามว่า คิดว่า กระบวนนำตัวกลับมายากจริงอย่างที่ฝ่ายรัฐบาลบอกไว้หรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า ไม่ยาก อยู่ที่การเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ชกมวยแบบล้มมวยต้มคนดู ขอให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและเอาจริงเอาจัง เพราะการเอาจริงเอาจังเกิดขึ้นได้จากการกระทำ แค่ทำหนังสือส่งไปทางไปรษณีย์แล้วนั่งคอย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะตอบมา อย่างนี้คงต้องรอชาติหน้า

“อำนาจของอัยการสูงสุดเป็นการใช้อำนาจแทนรัฐ ไม่ใช่อำนาจที่คุณสอบได้มา การเอาบุคคลที่กระทำความผิดมาอยู่ในเงื้อมมือของรัฐ เป็นอำนาจของรัฐที่เขามอบให้คุณในฐานะสอบเป็นข้าราชการอัยการและต้องทำหน้าที่นี้ให้สมกับอำนาจหน้าที่ เพราะรับเงินเดือนสูงกว่าข้าราชการธรรมดา เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่สำคัญ เพราะฉะนั้นเมื่ออำนาจของอัยการสูงสุดมีมากก็ต้องทำหน้าที่ให้เข้มข้น” นายถาวร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุในคำแถลงการณ์ว่าวันนี้ไม่ใช่วันของผม นายถาวร กล่าวว่า คำพูดนี้วิเคราะห์ได้ว่า 1.พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องกลับมาแก้แค้นแน่นอน เพราะยังคิดว่าผิดถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่วันนี้ถูกกระทำเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองผิดหรือถูก และการกลับมาแก้แค้นของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นก็รู้ว่าตัวเองผิดแต่ก็ต้องทำ เช่น มาในรูปแบบการสร้างความปั่นป่วนทางด้านเศรษฐกิจในตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ และผ่านกองทุนเฮดจ์ฟันด์ 2.อาจจะจ้างคนมาปั่นป่วนยุยง อย่างเช่น ที่เกิดขึ้นในหลายๆ แห่ง อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ 3.ถ้าหากประชาชนลืมสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กระทำเอาไว้หรือคดีขาดอายุความก็คงจะเดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐหรือรูปแบบการปกครองหรือก่อกวนให้เกิดความวุ่นวาย เป็นต้น

นายถาวร กล่าวว่า ตนอยากฝากไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณและเมื่อผลเกิดกับ พ.ต.อ.ทักษิณ เองก็ขอให้กลับไปตั้งสติและทบทวนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของคนอื่นหรือตัวเอง และส่งผลให้ตัวเองต้องรับกรรม ณ วันนี้ ถ้าคิดได้ตามกฎแห่งกรรมก็ขอให้นึกถึงคำสอนของหลวงตามหาบัว ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยให้ความเคารพนับถือ และยังเคยนำคำสอนของท่านพุทธทาสมาสั่งสอนคนอื่นอยู่เสมอ ลองกลับไปทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเหตุก็ต้องค้นหาสาเหตุดู ว่าเกิดจากอะไร อย่าเข้าข้างตัวเอง อย่าหลง อย่าโมหะ อย่าโทสะ ต้องทำจิตใจให้ว่าง แล้วคิดดู ดวงตาก็จะเห็นธรรม ถึงวันนั้นแค่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่กลับมาติดคุกก็ถือว่าบุญแล้ว ถ้ายังอาฆาตมาดร้ายอย่างนี้ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะประชาชนและสื่อมวลชนได้ติดตามการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอดก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร