“วีระ”ขาสั่น ป.ป.ช.ตั้ง กก.สอบ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ หลังมีผู้ร้องเรียนปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปล่อย“ความเท็จวันนี้”ออกอากาศ อ้าง ป.ป.ช.จงใจกลั่นแกล้งเพราะแค้นที่ถูก“แก๊งสามเกลอ” เปิดโปงความจริง - ยุส่งไม่ต้องไปให้ปากคำ ป.ป.ช. อ้างยังไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ
วันนี้ (14 ส.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี
เนื้อหาในรายการช่วงแรก นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวว่า ตนอยากจะกล่าวถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ตนได้พบเจอมา ซึ่งทำให้ตนประทับใจเป็นอย่างมาก นั่นคือ วันนี้ตนได้มีโอกาสติดตาม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไปทำภารกิจ ปรากฏว่า มีช่างภาพคนหนึ่งตามถ่ายภาพนายสมัครอยู่ เมื่อนายสมัครเห็น จึงได้ถามอย่างอารมณ์ดีว่า มาจากหนังสือพิมพ์ฉบับไหน ช่างภาพคนดังกล่าวจึงตอบว่า มาจากหนังสือพิมพ์มติชน นายสมัครจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “มติชนเหรอ ดีๆ ผมเคยทำหนังสือไปชมเค้าแล้วว่าเลือกรูปผมลงข่าวได้ดี”
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตัวนายสมัครนั้น แท้จริงแล้วเป็นคนที่มีความละเอียดอ่อน แล้วก็น่ารักอยู่ในตัว สิ่งใดที่สื่อทำดีก็มีการกล่าวชมเชย ไม่ได้มีแต่มุมที่ต่อว่าหรือทะเลาะเบาะแว้งกับสื่อเท่านั้น ดังนั้น ตนจึงอยากเรียกร้องให้สื่อต่างๆ ช่วยมองถึงจุดนี้ด้วย และก็ควรมีการนำเสนอข่าวด้านดีๆ แบบนี้ของนายสมัครบ้าง อย่าจ้องเสนอแต่แง่ลบอย่างเดียวเท่านั้น
ช่วงต่อมาผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องเรียนให้เอาผิดต่อ นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะผู้บริหารสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในกรณีอนุญาตให้มีการออกอากาศเผยแพร่ “รายการความจริงวันนี้” ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นรายการที่สร้างความแตกแยกให้กับสังคม เสนอรายการโดยให้เนื้อหาที่บิดเบือน และกล่าวให้ร้ายบุคคลอื่น
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นเรื่องที่พวกตนค่อนข้างแปลกใจว่า เหตุใด ป.ป.ช.จึงขยันทำคดีนี้เสียเหลือเกิน ทั้งที่เพิ่งมีคนมาแจ้งเมื่อไม่นาน ก็จัดแจงตั้งคณะอนุกรรมการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต่างกับคดีของ ปรส.ที่มีผู้ร้องเรียนให้เอาผิดกับนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งคดีนั้น เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเลย
นายวีระ ได้กล่าวเสริมว่า ตนในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ จึงอยากชี้แจงว่ารายการดังกล่าว ไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด รายการเพียงแต่เสนอข้อมูลไปตามข้อเท็จจริง ถึงแม้จะพาดพิงองค์กรใดไป ก็เป็นการพาดพิงแบบมีหลักฐานและข้อเท็จจริงรองรับเสมอ ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นจึงน่าจะเป็นเรื่องของการกลั่นแกล้งกันมากกว่า ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่า ป.ป.ช.คงเจ็บแค้นที่ถูกตนนำข้อมูลความไม่ชอบมาพากลขององค์กรมาเปิดเผยให้ประชาชนทราบ
ดังนั้น จึงหาทางเล่นงานรายการของตน แต่เมื่อไม่สามารถสอบสวนตนได้ เพราะตนเป็นแค่ประชาชนธรรมดาไม่ใช่ข้าราชการ เมื่อไม่รู้จะเอาผิดได้อย่างไร ก็เลยไปดำเนินการกับอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แทน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ตนอยากแนะนำให้อธิบดี ขัดขืนโดยไม่ต้องไปชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่ ป.ป.ช.เรียก โดยให้เหตุผลว่า ป.ป.ช.มีที่มาไม่ชอบ เพราะไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จึงไม่มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนเชื่อว่า หากกล่าวอ้างเช่นนี้ก็ไม่มีใครที่จะเอาผิดได้ เพราะเป็นการทำไปตามกฎหมาย
ทั้งนี้ รายการ “ความจริงวันนี้” เป็นรายการที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที เวลา 22.15 น.ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ และมีผู้ร่วมรายการประจำ คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยแย่งเวลามาจากรายการ"ข่าวหน้าสี่" อย่างกระทันหัน ทั้งนี้เพื่อตอบโต้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อปผระชาธิปไตยโดยเฉพาะ โดยทีแรกนั้นนายสมัครประกาศจะมาจัดรายการเอง แต่ติดขัดที่ข้อกฎหมาย จึงให้นายวีระมาจัดแทน
นับตั้งแต่ออกอากาศ เมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เนื้อหาในรายการดังกล่าว ส่วนใหญ่จะมุ่งปกป้องรัฐบาล และโจมตีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล และโจมตีองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ที่กำลังพิจารณาความผิดของ ครม.ชุดนี้อยู่หลายคดี รวมทั้งได้รับช่วงทำคดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาจาก คตส.อีก 10 กว่าคดี
การจัดรายการที่ผ่านมา พบว่า มีบ่อยครั้งที่ผู้ดำเนินรายการ กล่าวพาดพิงบุคคลที่ 3 ที่ไม่มีโอกาสมาชี้แจง ซึ่งนอกจากจะหมิ่นเหม่ต่อความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว ยังเสี่ยงต่อการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมอีกด้วย เนื่องจากมีบ่อยครั้งที่ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่ากลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลด้วยคำพูดที่รุนแรง จึงมีเสียงเรียกร้องให้ยุติการจัดรายการดังกล่าว ทั้งจากฝ่ายค้านและประชาชนทั่วไป เพราะนอกจากสร้างความแตกแยกและให้ข้อมูลที่บิดเบือนแล้ว ยังเป็นการใช้สื่อของรัฐเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองและพวกพ้อง
ล่าสุดนอกจากมีการยื่นร้อง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบรายการนี้แล้ว ประชาชนในภาคตะวันออกได้เตรียมเข้าชื่อ 2 หมื่นชื่อ เพื่อเสนอให้ถอดถอนรายการดังกล่าว (อ่านข่าวผู้ประสานงานเครือข่าย ตอ.เตรียมล่า 2 หมื่นรายชื่อถอดถอนรายการ “ความจริงวันนี้”)
