อดีตแกนนำ นปก. พลิ้กลิ้น เลื่อนการชุมนุมใหญ่หนุนแก้ รธน. จากวันที่ 2 ส.ค.ออกไปอย่างไม่มีกำหนด อ้างไม่อยากเพิ่มปัญหาให้กับรัฐบาล ยันไม่เคยกลัวพันธมิตรฯ แค่อยากสู้แบบมีสติ ยกเหตุผลสุดเพี้ยน"คนถ่อยอุดร"ตีพันธมิตรได้ ถือเป็นการตอบโต้ผู้รุกรานก่อน และปราบโจรก๊กนี้ เชิดชู “เหวง” รักสันติ แต่ถูกใส่ร้ายจากพันธมิตรฯ
วานนี้ (30 ก.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี
ในช่วงแรกของรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึง การนัดชุมนุมใหญ่สนับสนุนให้มีการแก้ไข รธน. ที่เดิมทีจะจัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง ในวันเสาร์ที่ 2 ส.ค.นี้ว่า คงต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้ไม่ปกตินัก เพราะรัฐบาลยังมีเรื่องของการปรับ ครม. และการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ต้องดูแลอยู่ และจุดมุ่งหมายหลักของพวกตนก็เพื่อรักษาประชาธิปไตย ดังนั้นหากการชุมนุมอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล เราก็ต้องระงับเอาไว้ก่อน แต่ถึงแม้การชุมนุมครั้งนี้จะเลื่อนออกไป แต่ก็ขอยืนยันกับแนวร่วมทุกคนว่า จุดมุ่งหมาย และอุดมการณ์ของพวกเรายังไม่เปลี่ยนแปลง และเราก็ไม่เคยกลัวต่ออำนาจเถื่อนของใครทั้งนั้น เพียงแต่การต่อสู้ของเราต้องสู้อย่างมีสติ เพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ต่อมาผู้ดำเนินรายการได้กล่าวว่า พวกตนได้รับข้อมูลจากนายก อบต.คนหนึ่งในอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งข้อมูลมาแจ้งความจริงให้พวกตนช่วยเผยแพร่ว่า แท้จริงแล้วการเดินทางไปชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณเขาพระวิหารนั้น ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวไม่เคยต้องการและไม่เคยพอใจกับการกระทำเหล่านั้นเลย เพราะยิ่งเป็นการทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ด้วย ชาวบ้านเห็นว่าพวกตนก็อยู่อย่างสงบมานาน แต่เมื่อพันธมิตรฯ เข้าไปในพื้นที่ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายทันที
ส่วนกรณีที่มีการปะทะกัน กับกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ นั้น แท้จริงแล้วกลุ่มที่ต้านก็คือชาวบ้านในอำเภอกันทรลักษ์ที่ไม่พอใจการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ นั่นเอง อีกทั้ง การปะทะกันในครั้งนั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้เอาไปออกข่าวเสียใหญ่โต ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ แต่กลับไม่ค่อยมีสื่อใดรายงานเลย ว่าชาวบ้านอำเภอกันทรลักษ์ ก็ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ดังนั้นพวกตนจึงอยากจะเป็นกระบอกเสียงฝากผ่านไปยังสื่อกระแสหลักทั้งหลายด้วยว่า อย่าอับปัญญา ไปรับใช้พันธมิตรฯ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ต้องกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วว่าสื่อกระแสหลัก เสียรู้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการปะทะกันที่ จ.อุดรธานี โดยนำเสนอว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ถูกรุมทำร้ายทั้ง ๆ ที่เป็นการชุมนุมโดยสงบ โดยไม่ได้กล่าวถึงเหตุแลผลที่แท้จริงว่า แท้จริงแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ จ.อุดรธานีนั้น เป็นเพราะชาวอุดรธานี ทนไม่ได้ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ บุกไปรุกราน ด่าว่ารัฐบาลอันเป็นที่รักของเขาถึงที่ ดังนั้นจึงเป็นสิทธิของเขาที่จะตอบโต้ผู้ที่รุกรานได้ แต่อย่างไรก็ตามพวกตน ไม่ได้สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง เพียงแต่ต้องพูดไปตามหลักความจริงเท่านั้น ว่าแท้จริงแล้วชาวอุดรธานีเขาสามารถปราบโจรก๊กนี้ให้หมดไปด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงอยากวอนสื่อกระแสหลักว่า อย่าประจาน หรือโจมตี ผู้ที่ลุกขึ้นมารักษาสิทธิ์ของตัวเองหลังจากที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ มารุกราน
เป็นที่สังเกตว่า ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จังหวัดศรีสะเกษและอุดรธานีอย่างมีอารมณ์และด้วยน้ำเสียงที่เค้นออกมา โดยเฉพาะนายจตุพร พรหมพันธุ์นั้น ดวงตาแทบจะถลนออกมา นั่นเพราะสิ่งที่พูดตรงข้ามกับข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง ทั้งกรณีที่ จ.ศรีสะเกษและ จ.อุดรธานี โดยที่ จ.ศรีเกษนั้น แนวร่วมพันธมิตรจากหลายจังหวัดในภาคอีสานรวมทั้งจังหวัดศรีสะเกษเองได้เคลื่อนขบวนเพื่อขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเพื่อที่จะอ่านแถลงการณ์ทวงคืนดินแดนพระเขาวิหารพร้อมกับนำสิ่งของไปมอบให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนนั้น แต่แล้วก็ถูกกลุ่มชาวบ้านที่จัดตั้งมาโดยนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาขัดขวางพร้อมกับขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ ก่อนที่จะใช้ไม้ไล่ตี จนฝ่ายพันธมิตรฯ ต้องตอบโต้ ทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายหลายราย
ส่วนกรณีที่ จ.อุดรธานี ฝ่ายพันธมิตรฯ ได้ไปตั้งเวทีปราศรัยตามสิทธิที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยเริ่มแรกตั้งที่ทุ่งศรีเมือง แต่ถูกกลุ่มคนรักอุดร นำโดยนายขวัญชัย ไรพพนา ที่มีฉายาว่าดีเจปากพร่อย เข้าไปก่อกวสน จนพันธมิตรอุดรฯ ต้องยกเวทีให้ และหันไปจัดเวทีของตัวเองที่ หนองประจักษ์ศิลปาคม ต่อมาวันที่ 24 ก.ค. ขณะที่พันธมิตรฯ กำลังจัดเตรียมเวทีปรากฏว่ากลุ่มคนรักอุดรได้ยกพวกประมาณ 1,000 คน พร้อมอาวุธเช่น ไม้หน้าสาม เหล็กแป๊ป ขวาน เคียว บุกฝ่าด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ที่ตั้งไว้พอเป้นพิธี เข้าไปไล่รุมทำร้ายพันธมิตรฯ จนมีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายราย และมีบางกระแสข่าวระบุว่ามีผู้เสียชีวิต โยเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นมีวีดีโอบันทึกภาพวไอย่างชัดเจนว่ากลุ่มคนรักอุดร ซึ่งเป็นแก๊งอันธพาลที่คนของรัฐบาลจัดตั้งขึ้น ได้แสดงพฤติกรรมป่าเถื่อน ไล่ทำร้ายร่างกายพันธมิตรฯ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อไปว่า เมื่อพูดถึงเรื่องเขาพระวิหารแล้ว พวกตนก็อยากจะแจ้งข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบด้วยว่า แท้จริงแล้วการกระทำของนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่ได้ไปทำแถลงการณ์ร่วมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเฉพาะตัวปราสาทนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำให้ไทยไม่สูญเสียดินแดน เพราะเป็นการจำกัดเขตไว้ว่ากัมพูชามีสิทธิ์แค่ตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้น ส่วนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น ทางกัมพูชาไม่มีสิทธิ์นำไปเป็นของตัวเอง ดังนั้นนายนพดล จึงสมควรที่จะได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ ที่ทำการรักษาดินแดนเอาไว้ ไม่ได้เป็นการขายชาติอย่างที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาเลย
ทั้งนี้หากจะทวงถามว่าแท้จริงแล้ว ใครเป็นคนทำให้เสียดินแดน ก็คงต้องไปถามต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเหตุใดเมื่อปี 2543 ที่ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศขณะนั้น จึงไปทำอนุสัญญายินยอมให้กัมพูชาใช้แผนที่ฝรั่งเศสในการปักปันเขตแดนในพื้นที่ทับซ้อน เพราะเมื่อทำไปแล้วย่อมส่งผลให้ไทยจะต้องเสียดินแดนในพื้นที่ทับซ้อนไปแน่ เพราะแผนที่ของฝรั่งเศส ระบุว่าพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้นเป็นของกัมพูชา เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ก็คงจะทำให้ทราบได้แล้ว ว่าใครกันแน่ที่จะทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดนไป
นอกจากนี้ในรายการ ยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ นพ.แวมาฮะดี แวดาโอะ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ออกมาให้ข่าวว่า ไม่พอใจผลงานการแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาล และอาจจะออกจากพรรคร่วมรัฐบาลไปตาม นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคว่า แท้จริงแล้วเรื่องดังกล่าวเป็นแค่ข้ออ้างทางการเมืองที่ นพ.แวมาฮะดี ยกขึ้นมาอ้างเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วก็เป็นที่ทราบดีว่า ปัญหาภาคใต้ในขณะนี้ความรุนแรงลดลงไปมาก ถ้าเทียบสถิติกับปีที่แล้วก็เห็นได้เลยว่าสถิติการก่อความรุนแรงลดลงไปมาก ดังนั้นข้ออ้างดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับนายสุวิทย์ ที่อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่แท้จริงแล้วก็คือ การชิงลาออกเพื่อไม่ให้เสียศักดิ์ศรี เพราะรู้ว่าตัวเอง ไม่มีรายชื่อเป็นรัฐมนตรีในโผ ครม. ที่ปรับใหม่เท่านั้น
ในช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นพวกเศษเดนโจรกบฏ ที่เคยขโมยประชาธิปไตยไปจากคนไทย โดยในวันนี้ได้เน้นไปที่ ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในนักวิชาการที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า เป็นอาจารย์เสียเปล่าแต่กลับทำตัวไม่เหมาะสม ไปเป็นแนวร่วมขึ้นเวทีกับพันธมิตรฯ แล้วเอาแต่กล่าวแต่คำหยาบคายไร้สาระ ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีกับนักศึกษาได้เลย ทั้งที่เป็นคนมีเกียรติมีคนนับหน้าถือตา ซึ่งต่างกับ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตสมาชิก กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ซึ่งก็เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เป็นแพทย์และมีคนนับตาถือตาเหมือนกัน แต่ นพ.เหวง ถือเป็นคนดีที่รักสันติมาก
แต่กระนั้นก็ยังถูกป้ายสีจากกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นผู้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกลับ แกนนำที่พาคนไปทำร้ายพันธมิตรฯ อุดรธานี ทั้งที่ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย เพราะคนอย่าง นพ.เหวง เป็นคนที่มีสันติภาพที่สุดในโลก ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวก็เคลื่อนไหวแบบประชาธิปไตย โดยยึดหลักการของสันติ คือ ไม่โกรธ ไม่รุนแรง ไม่ตอบโต้ แต่สุดท้ายก็ยังถูกพันธมิตรฯ ใส่ร้ายป้ายสีจนได้
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ว่า นพ.เหวงโทรฯ ไปแสดงความยินดีกับกลุ่มม็อบที่ทำร้ายพันธมิตรฯ นั้น ออกมาจากปากนายขวัญชัย ไพรพนาเอง หากจะถือว่ากรณีเป็นการใส่ร้ายป้ายสีแล้ว คนที่เป็นตัวการคือนายขวัญชัยเอง นอจากนี้ข้ออ้างวว่าที่ว่า นพ.เหวงยึดแนวทางสันติมาตลอดนั้น ก็มีคำถามว่า ในระหว่างบที่ นปก.ชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเมื่อวันที่ 22 ก.ค.50 ซึ่ง นพ.เหวงร่วมชุมนุมอยู่ด้วยนั้น ทำไมจึงปล่อยให้เกิดความรุนแรง และ นพ.เหวงก็ไม่ได้ตำหนิเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย
อนึ่งหลังรายการเพื่อนพ้องน้องพี่หมดเวลาลง ต่อมาในเวลา 22.00 น. ผู้ดำเนินรายการ 3 คนคือ นายจตุพร พรมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวีระ มุสิกพงษ์ ก็ได้ไปดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้” ทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ต่ออีก โดยเนื้อหาก็ยังคงเป็นเรื่องเดียวกับที่ได้กล่าวไปแล้วในรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ คือกล่าวโจมตีพันธมิตรฯ ว่าเป็นกลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมือง จึงไม่ควรจะเชื่อถืออย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังกล่าวโน้มน้าว ให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ รธน.ว่า โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายที่ไม่มีความชอบธรรม เป็นกฎหมายโจร ที่วางกับดักไว้โค่นล้มคนที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงจะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ในช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวย้ำว่า ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 31 ก.ค. นี้ ทางรายการจะนำเรื่องราวลับ ๆ ของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาเปิดเผยในรายการ ซึ่งข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นข้อมูลที่ได้มาจากคนในของ สตง. เอง และเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เรียกได้ว่าบางเรื่องหากเล่าแล้ว ผู้ชมจะต้องขนลุกแน่
คลิกชมคลิปวิดีโอลิ่วล้อ"สัตว์นรก"สุดเถื่อน ไล่ขย้ำทำร้ายพันธมิตรอุดรฯ