xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” โจมตี “หญิงเป็ด” หวังกลบกระแส “หญิงอ้อ” ติดคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีต นปก.จัดรายการเชลียร์นายใหญ่เต็มสูบ ขุดเรื่องเก่าป้ายสี “คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา” เรียกร้องให้ออกมาแก้ข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องบ้าน 50 ล้าน และงบประมาณพาข้าราชการไปดูงานต่างประเทศ-อ้างจัดรายการบอกความจริงประชาชนทุกอย่าง แต่ปิดปากเงียบเรื่อง “หญิงอ้อ”

วานนี้ (31 ก.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี

เมื่อเริ่มในรายการผู้ดำเนินรายการได้นำสุนทรพจน์ของ นายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส ที่กล่าวถึงจุดมุ่งหมายที่คณะราษฎรได้กระทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ว่า ต้องการให้บ้านเมืองดำเนินไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่ต้องการให้เกิดระบอบเผด็จการ หรือระบอบอนาธิปไตยอีก ซึ่งผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ที่ต้องยกสุนทรพจน์นี้ขึ้นมากล่าว ก็เพื่อจะบอกให้คนบางกลุ่มที่กำลังทำตัวเป็นพวก อนาธิปไตย คือ ยึดเอาแต่ความคิดของตัวเองโดยไม่ยอมรับกติกาสังคม และหวังจะดึงบ้านเมืองเข้าสู่ยุคเผด็จการ ด้วยว่าให้ยุติการกระทำเหล่านั้นเสีย

จึงอยากฝากไปถึงทหารที่ดีๆ และมีความรักชาติบ้านเมืองด้วยว่า อย่าไปหลงเชื่อการปลุกระดมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะถ้าพันธมิตรฯ ยุยงอะไร แล้วทหารไปเต้น ประสานกับคนกลุ่มหนึ่งที่คอยหนุนหลังพันธมิตรฯ อยู่ แล้วเดินไปตามหมากที่พันธมิตรฯ วางไว้ รับรองว่า สงครามการเมืองจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ การพูดเช่นนี้ของผู้ดำเนินรายการทั้ง 4 เป็นการจงใจกล่าวหาพันธมิตรฯ ว่า มีเป้าหมายต้องการให้เกิดความรุนแรง และหวังให้ทหารออกมายึดอำนาจ ซึ่งถ้าใครได้ติดตามการชุมนุมของพันธมิตรฯ มาตลอดก็จะทราบว่า แนวทางของพันธมิตรฯ ไม่ต้องการให้เกิดการรัฐประหาร แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ทหารแสดงตัว แต่ก็เป็นการแสดงตัวในลักษณะการออกมาปกปองประชาชน ไม่ใช่ให้ออกมายึดอำนาจ นอกจากนั้น แนวทางของพันธมิตรฯ ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง มีแต่ฝ่ายรัฐบาลต่างหากที่จัดอันธพาลมาก่อกวนยั่วยุพันธมิตรฯ อยู่เนื่องๆ โดยเฉพาะในต่างจังวหวัดที่ฝ่ายพันธมิตรฯ บาดเจ็บสาหัสหลายคน จากากรถุกทำร้ายที่อุดรธานี และมหาสารคาม

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงกรณีที่ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนถึงกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่า เราไม่ควรไปแย่งปราสาทเขาพระวิหารอีก เนื่องจากคนเราไม่ควรยึดติด เพราะเมื่อตอนนี้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกไปแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้เป็นสมบัติของคนทั้งโลก ให้คนทั้งโลกได้มาศึกษา มาดูความงดงาม หากไม่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกป่านนี้ปราสาทเขาพระวิหารคงกลายเป็นเศษหิน ดิน ปูน ไปหมดแล้ว ยังนั้นคนไทยควรจะดีใจมากกว่าที่ปราสาทเขาพระวิหารกลายเป็นมรดกโลก ไม่ใช่มายึดติดว่าเป็นของกูอีก

ผู้ดำเนินรายการทั้งสี่ กล่าวว่า รู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งกับพระพยอม เพราะพวกตนเป็นผู้รักสันติและเข้าใจกติกาต่างๆ เหล่านี้ดีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นห่วงพระพยอมเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อออกมากล่าวเช่นนี้แล้ว จะเป็นการแสดงความเห็นที่แตกต่างกับกลุ่มพันธมิตรฯ จนอาจถูกกลุ่มพันธมิตรฯ นำไปปราศรัยโจมตีบนเวทีอีกก็เป็นได้

อนึ่ง หลังรายการเพื่อนพ้องน้องพี่จบลง กระทั่งเวลา 22.00 น.ผู้ดำเนินรายการ 3 คน คือ นายวีระ นายณัฐวุฒิ และ นายจตุพร ได้ไปดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที อีกเช่นเคย โดยเนื้อหาในรายการในวันนี้ ได้เน้นไปที่การโจมตี คุณหญิงจารุวรรณ เมฑกา ผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในหลายประเด็น

ซึ่งเมื่อเริ่มรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวว่า เรื่องจริงที่จะนำมาเปิดเผยในวันนี้เป็นเรื่องที่พวกตน รู้สึกลำบากใจมาก ที่จะต้องเปิดเผยเรื่องของคนที่มีต้นทุนทางสังคมสูง และเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกตนมีหน้าที่ สื่อความจริงให้ประชาชนได้รับรู้ก็ต้องพูด เพราะพวกตนได้รับข้อมูลมาจากข้าราชการของ สตง. เองที่ส่งข้อมูลมาบอกพวกตนว่า รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานกับ ผู้ว่าการ สตง.ที่เป็นเผด็จการ

อย่างไรก็ตาม เมื่อลงถึงรายละเอียดของประเด็นที่นำมาโจมตีคุณหญองจารุวรรณ กลับเป็นเรื่องวเดิมๆ ที่เคยกล่าวหาและไม่มีน้ำหนักพอ เริ่มจากอ้างว่าการดำรงตำแหน่งผู้ว่า สตง.ของคุณหญิงจารุวรรณ เป็นไปโดยไม่ชอบธรรม เนื่องจากในการสรรหาผู้ว่า สตง.นั้น คุณหญิงจารุวรรณเคยสมัครเข้ารับการสรรหา และระเบียบการสรรหา ได้ระบุไว้ว่า ผู้ที่จะได้เสนอชื่อให้เป็นผู้ว่า สตง. จะต้องได้รับคะแนนสูงสุดจากคณะกรรมการสรรหา เพื่อส่งต่อให้รัฐสภาพิจารณา

แต่มีข้อมูลที่ระบุได้ว่า ในการสรรหาผู้ว่าการ สตง.ในครั้งนั้น คุณหญิงจารุวรรณ คะแนนเป็นอันดับ 2 แต่กลับได้เสนอชื่อไปพร้อมกับผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดให้รัฐสภาเป็นผู้พิจารณา และสุดท้ายไม่รู้ว่าคุณหญิงจารุวรรณ ไปล็อบบี้ด้วยวิธีใด จึงได้เป็นผู้ว่า สตง. แต่เรื่องก็ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากนั้น คุณหญิงจารุวรรณก็ถูกครหาในเรื่องการดำรงตำแหน่งโดยมิชอบ จนต้องยุติการทำหน้าที่ผู้ว่าการ สตง.ไประยะหนึ่ง จนกระทั่งคณะปฏิรูปการปกครองฯ มาทำรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.จึงมีคำสั่งให้คุณหญิงจารุวรรณ เป็นผู้ว่า สตง. ต่อไป แต่จนถึงทุกวันนี้การดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ สตง.ของคุณหญิงจารุวรรณ ก็ยังเป็นที่เคลือบแคลงใจของข้าราชการของ สตง.อยู่ดี

ทั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 ให้ข้อมูลเพียงบางส่วนเพื่อหวังจะให้ผู้ชมเข้าใจไว้เขว เพราะกรณีนี้เคยปรากฏเป็นข่าวใหญ่ตลอดช่วงปี 2548-2549 ว่า การเข้าชื่อถอดถอนคุณหญิงจารุวรรณออกจากตำแหน่งผู้ว่า สตง.ในช่วงนั้น มาจากการเคลื่อนไหวของ ส.ว.กลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาล หลังจากที่ตลอดช่วงเวลา 19 เดือนของการเป็นผู้ว่า สตง.ของคุณหญิงจารุวรรณได้ตรวจสอบการทุจริตของคนในรัฐบาลอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการคัดเลือกผู้ว่าการ สตง.คนใหม่แทนคุณหญิงจารุวรรณ โดยได้ชื่อ นายวิสุทธิ์ มนตริวัต แล้วนั้น เมื่อมีการเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงมีพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้ว่าการ สตง.คนใหม่ ปรากฏว่า ไม่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา ขณะที่คุณหญิงจารุวรรณยังยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ว่าการ สตง.ตัวจริง ตราบใดที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง จนกระทั่งเวลาผ่านไปนาน ในที่สุดรัฐบาลต้องขอถอนชื่อนายวิสุทธิ์ มนตริวัตรออกมา และยอมรับว่า คุณหญิงจารุวรรณเป้นผู้ว่า สตง.ตามเดิม จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจ 19 ก.ย.2549 คปค.ได้มีประกาศขยายอายุการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ สตง.ของคุณหญิงจารุวรรณออกไป

นอกจากนี้ หัวโจก นปก.ทั้ง 3 ยังกล่าวดิสเครดิต ของคุณหญิงจารุวรรณ ต่ออีกว่า มีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตัวเอง ในเรื่องที่นำน้องสาว และ ลูกสาว ของตัวเองติดตามไปศึกษาดูงานยังต่างประเทศในนามของข้าราชการ สตง.รวมไปถึงการจัดจ้างบริษัทที่ทำหน้าที่ฝึกอบรมพนักงานโดยไม่มีการจัดจ้างตามระเบียบราชการ แต่กลับไปจ้างบริษัทที่เป็นเพื่อนของคุณหญิงจารุวรรณเอง

อีกทั้ง ยังกล่าวถึงกรณี สตง.เคยทำการยังขออนุเคราะห์บัตรโดยสารราคาพิเศษเพื่อให้ข้าราชการ สตง.ไปดูงานยังต่างประเทศ ซึ่งแม้ภายหลังการบินไทยจะให้ตั๋วเครื่องบินมาฟรีมา 10 ใบ แต่คุณหญิงจารุวรรณ กลับทำเรื่องเบิกจาก สตง.เอาไปเป็นค่าตั๋วเครื่องบินฟรีนั้นด้วย จึงตั้งข้อสังเกตว่า คุณหญิงจารุวรรณ มีเจตนาซ่อนเร้นงบประมาณส่วนต่าง เพื่อนำไปเป็นของตัวเองใช่หรือไม่

และประเด็นสุดท้ายได้โจมตีเรื่อง การก่อสร้างบ้านของ คุณหญิงจารุวรรณ ว่า ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินราคาก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าวไว้ว่าประมาณ 50 ล้าน แต่คุณหญิงจารุวรรณ กลับบอกว่าสร้างด้วยเงินเพียง 4.4 ล้านเท่านั้น จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทที่รับเหมาสร้างได้อย่างไร ในราคาต่ำขนาดนั้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่าลูกชาย และน้องสาวของคุณหญิงจารุวรรณไปซื้อที่ดินในย่านดังกล่าวอีก 3 ไร่ ด้วยเงินสด ซึ่งมีราคาประมาณ 43 ล้านบาท (ตามราคาประเมินของกรมที่ดิน) เพื่อเตรียมขยับขยายพื้นที่ให้บ้านหลังดังกล่าวอีกด้วย

ดังนั้น พวกตนจึงอยากเรียกร้องให้คุณหญิงจารุวรรณ รีบออกมาชี้แจงเรื่องทั้งหมดโดยด่วน และขอกล่าวให้ประชาชนที่รับชมรายการได้ทราบว่า แท้จริงแล้วพวกตนไม่ได้มีเจตนาจะดิสเครดิต หรือทำลายชื่อเสียงของคุณหญิงจารุวรรณ แม้แต่น้อย แต่เมื่อมีข้อมูลมาก็จำต้องเสนอความจริง ซึ่งหากคุณหญิงจารุวรรณ พร้อมก็ให้ออกมาตอบโต้แก้ข้อกล่าวหาได้เลย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นการปลูกบ้านของคุณหญิงจารุวรรณนี้ คุณหญิงจารุวรณเคยชี้แจงว่า ที่ดินที่ปลูกบ้านนั้น เป็นที่ดินที่สามีซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน หรือกว่า 30 ปีก่อน แต่เพิ่งจะได้มีโอกาสปลูกบ้าน ซึ่งราคาค่าก่อสร้างที่แท้จริงคือ 4.3 ล้านบาทเท่านั้น

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ประเด็นต่างๆ ที่ผู้ดำเนินรายการนำมากล่าวหาคุณหญิงจารุวรรณนั้น ตัวของคุณหญิงจารุวรรณเอง เคยออกมาชี้แจงแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ผู้ดำเนินรายการก็ไม่ได้นำมากล่าวถึง อีกทั้งนับตั้งแต่เริ่มจัดรายการความจริงวันนี้มาเกือบ 2 สัปดาห์ แม้ผู้ดำเนินรายการจะกล่าวว่าไม่ได้มาทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในการตอบโต้ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล แต่มาทำรายการเพื่อบอกความจริงกับประชาชน

แต่จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึง ล้วนเป็นการโจมตีกลุ่ม หรือองค์กรที่อยู่ตรงข้ามหรือกำลังตรวจสอบรัฐบาลอยู่ทั้งสิ้น โดยไม่มีการกล่าวถึงข้อเสียหรือเรื่องที่พาดพิงกับรัฐบาลหรือกลุ่มอำนาจเก่าเลย อย่างกรณีวันนี้ที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีต นายก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกตัดสินจำคุก จนเป็นข่าวครึกโครมที่ทุกสื่อนำเสนอไปทั่วประเทศ แต่รายการดังกล่าวกลับไม่นำมากล่าวถึงแม้แต่น้อย
นายวีระ มุสิกพงษ์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
นายจตุพร พรหมพันธุ์
นายก่อแก้ว พิกุลทอง
กำลังโหลดความคิดเห็น